ปีที่ 2 ฉบับที่ 706 ประจำวันศุกร์ที่ 18 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2542

สหัสวรรษที่ 3

สังคมวันนี้... จะเลือกพวกเข้าวัดนั่งสมาธิ

หรือจะเลือก พวกโกนหัวกรีดเลือด?

ใช่ครับ สังคมวันนี้กำลังจะถูกบังคับให้เลือกว่า จะเลือกคนเข้าวัดแต่งชุดขาว นั่งสมาธิ ถือศีล หรือจะเลือก พวกนักปลุกระดม ก่อความ ไม่สงบ โกนหัว กรีดเลือด ถือป้ายประท้วง

กว่าสองร้อยวันอันตราย ที่ชาววัดพระธรรมกาย ตกอยู่ใต้การโจมตีให้ร้ายป้ายสี ดูหมิ่นเหยียดหยาม เยาะเย้ย ถากถาง ทุกวันไม่มีเว้น กลายเป็น บุคคลที่สังคมไทย ไม่อยากคบหา ไม่อยากคุยด้วย

และบรรดาอาญาอาชญาตัวร้าย กลายเป็น พระเอกทุกวงการ ถ้าใครกล้าหมิ่นประมาท เหยียดหยาม วัดพระธรรมกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้ากล้าด่า ท่านเจ้าอาวาส กลายเป็นบุคคล ที่ได้รับยกย่อง จากสื่อมวลชน พาดหัวข่าว ให้เกียรติเป็น วีรบุรุษ รายการโทรทัศน์ จะให้เชิญมา สัมภาษณ์ ออกอากาศ   ตลอดเวลา ให้คำยกย่องว่า เป็นนักปราชญ์ เป็นผู้รู้จริง เป็นหลักชัยของ พุทธศาสนา

ครับ สื่อมวลชน ที่ในทาง รัฐศาสตร์ ถือว่าเป็นฐานันดรที่ 4 ที่นานาชาติ ให้ความสำคัญว่า   เป็นหนึ่งใน ฐานันดร ที่ทำให้เกิด การตัดสินใจ ระดับชาติได้ เริ่มเข้าสู่จุด ที่เปราะบางที่สุด

วันนี้ประชาชนเริ่มตั้งข้อสงสัย จุดยืนของสื่อ ที่ป้อนข้อมูลทุกเช้า ก่อนกินข้าว ข่าวข้อมูล ที่เขาบริโภค ทุกวัน นั้น มีความน่าเชื่อถือ ได้แค่ไหน

กว่า 7 เดือน แห่งสงครามโคโซโวทางสื่อ ในเมืองไทย ที่กระทำต่อ วัดเล็ก ที่ไม่มีอาวุธ ไม่มีทางตอบโต้ ที่นิ่งสงบ ต่อข้อหา เลวร้าย ทุกชนิด มานานกว่า 200 วัน ไม่น่าเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อ

ไม่น่าเชื่อว่า จะมีข่าวใดในโลก ที่ขึ้นหน้าหนึ่ง หนังสือพิมพ์ ชั้นนำบางฉบับ ได้ยาวนาน ถึงขนาดนี้ นับเป็น กรณีประวัติศาสตร์ ทางสื่อมวลชน

มีใครบอกท่านสื่อมวลชนเหล่านั้น บ้างไหมว่า ชาวบ้านเขาเบื่อ จนไม่อยากจะเหลือบ สายตาอ่านแล้ว ด่าอะไรกัน นานเป็นปี ไม่มีหยุด โกรธแค้น อะไรกัน นักหนา จองเวรอะไรกัน มาแต่ชาติไหน

และวันนี้ ท่าทีของรัฐบาล ที่คุยว่า ยืนอยู่บนหลักการ แข็งขันมาตลอด รัฐมนตรีช่วย อาคม เอ่งฉ้วน ที่ออกโทรทัศน์ ตอบโต้กับ บรรดาสื่อร้าย อย่างห้าวหาญ หลอกให้ชาววัด หลงชื่นชมว่า เป็นที่พึ่งของคนดีได้ บ้านเมือง ยังมีขื่อมีแป

วันนี้ ก็กลายเป็น รัฐบาล มะเขือเผา นิสัยเดิมของ พรรคประชาธิปัตย์ ทิ้งหลักการ ทิ้งกฎหมาย อาศัยความ ข้างๆ คูๆ ตะแบง ยัดข้อหา ท่านเจ้าอาวาส   มิหนำซ้ำ ยังกลัวบาปหนักไม่พอ แถมลามปามพ่วง รองเจ้าอาวาส ให้ตกเป็น ผู้ต้องหาด้วย ทั้งๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง ในกรณีนี้เลย แม้แต่น้อย ก็ยังถูกยัดข้อหา เข้าไปด้วย

ครับ อาญาเถื่อน จากบุคคลร ะดับรัฐมนตรี ที่ถือน้ำพิพัฒย์สัตยา โดยหารู้ไม่ว่า กำลังเข้าข้อหา กระทำผิด กฎหมาย ซึ่งเป็นอันตราย ต่อตัวเองอย่างยิ่ง นี่ไม่ต้องนับเรื่องบาป   มหาบาป ที่จะบันทึก ในประวัติชีวิต ไป ตลอดชาติ บันทึก แห่ง การสร้างกรรม

การตั้งข้อกล่าวหา พระภิกษุสงฆ์บริสุทธิ์ ที่บำเพ็ญบารมี และทำความดี มากว่าครึ่งชีวิต อุทิศตัวบวช ตลอดชีวิต เพื่อพระพุทธศาสนา ถ้าเกิด อุบัติเหตุ พลาดพลั้งขึ้นมา ในกระบวนการ ดำเนินคดี ต้องข่มเหงพระ บังคับ เปลื้องจีวร จับสึก เอาท่านเข้าคุก โดยไม่มีความผิด บาปชาตินี้นับว่า มหันต์นัก ไม่รู้ว่า จะต้องชดใช้กรรม อีกกี่โกฏิชาติ และผมก็อยากจะเตือน บรรดาทนายหัวหมอ ประจำกระทรวง ที่ให้คำแนะนำ ทางกฎหมาย ครั้งนี้

ถ้าหากเป็น นักศึกษากฎหมาย ที่นับถือ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระบิดาแห่งวงการ กฎหมายไทย ณ บัดนี้ ท่านกำลังก่อ อาชญากรรม ทางสังคม การเอา กระแสสื่อ มาเป็นหลักกฎหมาย ไม่ยึดหลักพิธีกรรม ใช้หลักอคติ และทิฏฐิ ตั้งข้อกล่าวหา ผู้บริสุทธิ์ ซึ่งเป็นบาปมหันต์ และผิดเจตนารมณ์ ของพระบิดาท่านว่า มิให้ใช้กฎหมาย รังแกใคร เป็นอันขาด

การตั้งสมมติฐานเองว่า ยักยอกที่ดินวัด เอาไว้ก่อน ทั้งที่ทางหลวงพ่อ ธัมมชโย จะเอาเอกสาร มายืนยันว่า มีผู้ถวายให้ เป็นส่วนตัว และก็ไม่มี กฎหมายข้อไหน ที่ห้ามว่า พระห้ามถือครองที่ดิน ท่านก็ทำเหมือนพระอื่นๆ เจ้าอาวาสอื่นๆ ที่ตอนนี้ ก็ถือครองที่ดิน มีชื่อบนโฉนด ทั่วประเทศ เพราะมีผู้ถวาย ให้เป็นส่วนตัว บ้างได้มรดกบ้าง

แต่กลับหลงเชื่อ กระแสข่าว เรื่องพระลิขิตว่า ห้ามพระถือครองที่ดิน และสมบัติที่ได้มา ในระหว่างเป็นพระ จะต้องยกให้กับวัดหมด แม้ท่านนายกชวนเอง ให้สัมภาษณ์เอง ก็ยังเข้าใจว่า อย่างนั้น คิดว่า มีกฎหมายออกมาแล้ว มหาเถรฯ มีมติออกมาแล้ว

กระแสสื่อมวลชน ที่กลบทั่วประเทศไทย ครับ ทำให้คนไทยเข้าใจผิดทั้งประเทศ วันนี้

การตั้งข้อสมมุติฐานว่า พระรูปใดในประเทศไทย ถ้ามีชื่อบนโฉนดที่ดินวันนี้ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ยักยอก ฉ้อโกง ที่ดินวัด ผมคิดว่า ถ้ากรมศาสนา ตั้งหลักแบบนี้ ผมคิดว่า พรุ่งนี้ กรมศาสนา จะต้องฟ้อง พระเป็นพัน เป็นหมื่นรูป เพราะนับวันนี้ ผมว่า มีที่ดินเป็นหมื่นไร่ ที่อยู่ภายใต้ ชื่อพระทั่วประเทศไทย พระทั่วประเทศไทย จะต้องโดนแจ้งข้อหา ยักยอก เอาไว้ก่อน ถ้าเป็นเจ้าอาวาส ก็โดนคดีใช้อำนาจ โดยมิชอบ อีกกระทง หนึ่ง

ถ้าพรุ่งนี้กรมการศาสนาไม่ทำ มะรืนนี้อาจมีคนไปแจ้งข้อหาว่า กรมศาสนาละเว้นหน้าที่โดยมิชอบ เลือกปฏิบัติ ที่จ้องจับผิด ว ัดพระธรรมกาย และหลวงพ่อ ธัมมชโย คนเดียวทั้งประเทศ

ทีหลวงพ่อ อีกหลายองค์ ที่สอนนิพพานเป็นอัตตา ก็ละเว้น ไม่แจ้งข้อหา ทั้งที่ท่าน ก็ออกมายืนยัน เป็นลาย ลักษณ์อักษร ก็ไม่เห็นมีใคร ไปว่าท่าน เพี้ยน พระไตรปิฎก บ่อนทำลาย พระพุทธศาสนา

สรุปว่า จะเอาเรื่องวัดพระธรรกาย วัดเดียว หลวงพ่อธัมมชโย รูปเดียว ในประเทศไทย ตามกระแสสื่อ ว่างั้นเถอะ

ครับ รัฐบาลที่ใช้อาญาเถื่อน เลือกปฏิบัติ เลือกทำผิดกฎหมาย ใช้อำนาจมืด อยากรู้ไหมครับว่า อาจถูก ฟ้องร้อง คดีอาญา ข้อหหฉกรรจ์ ที่ไม่เคยมีใคร ฟ้องกันมาก่อน ลองเปิด กฎหมาย อาญา มาตรา 148 ดู

"ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ใช้อำนาจในตำแหน่ง โดยมิชอบ ข่มขืนใจ หรือจูงใจ เพื่อให้บุคคลใด มอบให้ หรือหามาให้ ซึ่งทรัพย์สินหรือ ประโยชน์ใด แก่ตนเอง หรือผู้อื่น"

ครับ ชัดเจนดีไหมครับ ขู่ว่า เจ็ดวันไม่โอนที่ให้วัด ทั้งที่ตัวเอง ก็ไม่มีอำนาจขู่ และก็ไม่ใช่วัด ไม่ใช่ผู้เสียหาย แต่ถ้าไม่เชื่อ ก็จะแจ้งความ ให้ตำรวจจับ พอครบเจ็ดวัน ก็แจ้งจริง ทั้งที่วันที่เจ็ด หลวงพ่อท่าน ก็ไม่อยากเอาเรื่อง ก็จะมายกให้ส่วนหนึ่ง ก็ไม่เอาหาว่า ท่านเบี้ยว แล้วก็สั่ง ลูกน้อง วิ่งหน้าแป้น ไปแจ้งความกล่าวหา

ครบองค์ประกอบ กฎหมายอาญา ครบถ้วนทุกประการ โทษสูงสุดถึง ประหารชีวิต นะครับ ฝากให้ นักกฎหมายของท่าน ไปตีความเอาบุญ ส่วนวัดจะฟ้องหรือไม่ ก็แล้วแต่ท่านจะเมตตาหรือไม่

สิงห์ขาว