ปีที่ 2 ฉบับที่ 709 ประจำวันจันทร์ที่ 21 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2542
สหัสวรรษที่ 3
คำวิงวอนเพื่อสิทธิมนุษยชนจากกรุงเฮก
เสียงสะท้อนของชาวธรรมกายสู่ชาวโลก
วันนี้ผมจะพาท่านผู้อ่านไปเที่ยวเมืองเล็กๆ ในประเทศฮอลแลด์ หรือที่คนไทยรู้จักอีกชื่อหนึ่งว่า ชาวดัชท์ หรือฮอลันดา ประเทศเล็กๆ ที่มีบทบาทในสังคมโลกมานับ 100 ปี เมืองนี้ชื่อ กรุงเฮก ที่บางคนนึกว่า เป็นชื่อเมืองหลวงของฮอลแลนด์ ความจริงแล้วเมืองหลวงของเขาคือ เมืองอัมสเตอร์ดัม เมืองที่มีคลองเต็มเมือง แบบในกรุงเทพฯ ในอดีตนี่แหละ แต่คลองของเขาสวยสะอาด มีเรือท่องเที่ยวพาชม ทัศนียภาพ เมืองที่สวยเหมือนตุ๊กตา
แต่วันนี้ผมจะพาท่านไปเที่ยวกรุงเฮก แล้วไปเข้าร่วมประชุม "คำวิงวอนเพื่อสันติภาพของโลกและเพื่อสิทธิมนุษยชนของโลก" ฉลองครบ รอบ 100 ปีแห่งขบวนการสันติสภาพ ที่กรุงเฮก ไปกระทบไหล่คนดังระดับโนเบลไพรซ์ บรรดาผู้นำ BGO ชั้นนำของโลกบรรดานักสู้ เพื่อ สันติภาพของโลกคนดังอย่างโคฟี่อันนันเลขาธิการสหประชาชาติควีนนูร์ สมเด็จ พระราชินีแห่งจอร์แดน อาร์ชิบิชอบ เดสมอน ตูตู เจ้าของรางวัล โนเบล ด้านสันติภาพ และบรรดาโนเบลไพร์ซอีกมากมาย
ประเด็นสำคัญคือ การไปเข้าร่วมสังเกตการณ์ การต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน ของชาวโลก ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เพื่อรู้ว่า มีองค์กรอิสระ ที่ไม่ใช่ ของรัฐบาล เป็นองค์กรที่ออกมา ต่อสู้ เรียกร้อง ความยุติธรรมของโลก เรียกร้องมนุษยธรรมต่อชาวโลก แทนผู้ถูกกดขี่ ผู้ถูกทารุณกรรม ผู้ถูก ทำร้ายทางจิตใจ ผู้ถูกรังเกียจเดียจฉันท์ จากความแตกต่าง ทางเชื้อชาติวัฒนธรรม ทางการเมือง ทางสังคม และทางความเชื่อทางศาสนา
ไม่น่าเชื่อว่า จะมีองค์กรเหล่านี้ เป็นร้อยเป็นพันทั่วโลก ที่พร้อมจะรวมกันเป็นหนึ่ง เพื่อช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม ต่อเพื่อนร่วมโลก
องค์กรเหล่านี้ไม่ธรรมดา บางองค์กรเป็นองค์กรใหญ่ เป็นส่วนหนึ่งที่ได้รับการยอมรับจากสหประชาชาติ ทำงานร่วมมืออย่างใกล้ชิด กับคนดังระดับโลก มีสื่อของตัวเอง ทั้งทาง โทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์ และขณะนี้สื่อที่ทรงอิทธิพลที่สุดคือ สื่อทางอินเตอร์เนต ที่มีเครือข่าย การติดต่ออย่างฉับพลันทั่วโลก
ผมกับคณะจากเมืองไทยได้ร่วมกับผู้เข้าประชุมไม่น้อยกว่า 5 พันคน เข้าร่วมสัมมนา ฟังการอภิปรายเข้าร่วมประชุมกลุ่มย่อย และเข้าเป็น สมาชิกขององค์กร สันติภาพหลายกลุ่ม ที่เราสนใจ
คณะคนไทยของเราทั้งหมด 18 คน บินมารวมกันจากหลายทิศทาง บางคนบินมาจากอังกฤษ บางคนบินมาจากอินเดีย บางคนบินมาจาก อเมริกา แต่ส่วนใหญ่ รวมทีมกันไปจาก เมืองไทย
ผม "กาขาว" ได้รับมอบหมายจาก "สิงห์ขาว" แห่งพิมพ์ไทย ให้ไปติดตามความเคลื่อนไหว ขององค์การและขบวนการ เพื่อสันติภาพและ มนุษยชนของโลก จะมิให้เสียแรง ที่พิมพ์ไทย ได้ยืนหยัดต่อสู้เพื่อความยุติธรรมมายาวนานกว่า 200 วันแล้ว
แล้วนี่ก็ไม่รู้ว่าการไล่ล่าทำลายล้างนี้จะไปหยุดที่ตรงไหน
ครับ ระหว่างที่กระบวนการตามล่าตามล้างหาแก่นธรรม ก็ตามไล่ล่าด้วยปืนผาหน้าไม้ ด้วยขวาน ด้วยมีด ด้วยไมโครโฟน ด้วยสื่อทุกชนิด ด้วยขบวนการประท้วง ขบวนการโกนหัว กรีดเลือด ใช้นักวิชาการทุกวงการ ใช้นักกฎหมาย ใช้พระเถระ ใช้นักการเมือง และตอนนี้ กำลังทำท่าว่า จะยืมมือตำรวจ และอำนาจรัฐไล่ล่า ยืมสถาบันวิชาการมหาวิทยาลัยเป็นเครื่องมือ พอมีงานวิจัยออกมาว่า คนเบื่อกรณีธรรมกายเต็มที
ก็มีคนออกมากระเด้งรับทันทีว่า ควรใช้งานวิจัยนี้เป็นประชามติ จัดการกับวัดธรรมกายได้เลย คนที่ไม่เคยรู้เรื่องกฎหมาย หรือรู้แต่แกล้งโง่ หารู้เรื่องหลักของประชามติหรือ Referendum ที่จะมีผลทางกฎหมายตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นี่ชาววัดเขายังเมตตาสงสารหรอก เพราะถ้าชาววัด เซ็นชื่อกันครบ 50,000 คน ยื่นไปที่สภาเมื่อไร ก็สามารถขับตัวเอง หลุดจาก สภาได้ทันที ยังไม่รู้ตัวอีก
ผมสังเวชนักการเมืองอยากดังแก่ๆ คนหนึ่ง ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่หมดสภาพทางการเมืองแล้ว ที่อยู่ในกระบวนการไล่ล่ามาตั้งแต่ต้น อาศัยกรรมาธิการเป็นบันไดอำนาจรัฐ ใช้อำนาจเจ้ากี้เจ้าการไปหมด เพียงเพื่อหวังผลเล็กๆ น้อยๆ ทางการเมือง แม้ชื่อ ผมก็ไม่อยากเขียนให้ เป็นเสนียดต่อคอลัมน์นี่
ผมเพียงแต่อยากเตือนให้สำนึกผลแห่งกรรม ที่จะมาช้าหรือเร็ว เดี๋ยวก็รู้เองและผลนั้น จะบานปลายไปถึงครอบครัว พี่น้องลูกหลานที่เขา ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย
ฝากคุณชวนช่วยดูหางแถวหน่อยนะครับ พรรคประชาธิปัตย์ตอนนี้กำลังตกต่ำสุด ทางด้านศรัทธาของประชาชน เป็นเพราะบรรดา ลูกพรรคของท่าน บุญไม่ทำแล้ว ยังหากรรม ใส่พรรคอีก กฎแห่งกรรมไม่เคยเข้าใครออกใครนะครับ
กลับมาคุยเรื่องการประชุมที่กรุงเฮกกันดีกว่า ไปดูโลกภายนอกแล้วจะได้หูตาสว่างไสว ทำอะไรให้ประเทศเจริญหูเจริญตาทันโลก เพราะ เราจะไปคบหาสมาคมกับชาวโลก ถ้าเขารู้ว่า เมืองไทยยังมีการทำลายสิทธิมนุษยชน ยังมีอำนาจเถื่อนอาญาเถื่อนอยู่ในประเทศ และรัฐบาลก็เอา หูไปนาเอาตาไปไร่ ปล่อยให้มีการกลั่นแกล้งข่มขู่ราษฎรผู้ไร้อาวุธ พลเมืองดี กลายเป็นพลเมืองร้าย คนเข้าวัดถือศีล กลายเป็นอาชญากรแทน คนประท้วงกรีดเลือดด่าทอ กลายเป็นคนดีได้รับการยกย่องจากสื่อมวลชน
บรรดาขบวนการข่มขู่ ปล่อยข่าวลือ ได้รับการยกย่องให้ขึ้นหัวข่าว การกล้าดูหมิ่น หมิ่นประมาท ทำผิดกฎหมายทุกวัน กลายเป็นวีรบุรุษ การปล่อยข่าวว่าจะมีระเบิดตรงนั้นตรงนี้ ทำให้ตำรวจหัวหมุนและพยายามอ้างว่าเป็นคนวัด ทั้งที่คนวัดนั่งสมาธิเงียบๆ เป็นแสน ยอมให้ถูกด่าทอ มานานเกือบปีด้วยความอดทน กลับถูกใส่ร้ายป้ายสีให้เป็นอาชญากรให้ได้
ใครออกมาตอบโต้แทนชาวธรรมกายกลายเป็นคนเลวในสังคม จะต้องหาเรื่องใส่ร้ายขุดคุ้ยป้ายสีให้ดำสนิท
ครับ กรณีวัดพระธรรมกาย จะกลายเป็นเรื่องการทำลายสิทธิมนุษยชนระดับโลกไปแล้ว ณ วันนี้สื่อมวลชนระดับโลกทุกฉบับ ได้เข้ามา ขุดคุ้ยหาความจริงแล้ว และเมื่อนักข่าว ระดับโลก ได้รับทราบความจริงอีกข้างหนึ่งที่ถูกปกปิดมานานา โดยสื่อมวลชนไทย ถึงกับนิ่งอึ้งและตะลึง และไม่เชื่อว่า สื่อมวลชนไทยส่วนหนึ่ง จะกล้าเสนอข่าวข้างเดียวถึงขนาดนี้ ซึ่งถือว่า ผิดจรรยาบรรณของ สื่อมวลชนระดับโลก อย่างร้ายแรง
ผมได้พบนักข่าวต่างประเทศของนิตยสารระดับยักษ์ของโลกท่านหนึ่ง เล่าเรื่องกรณีที่ดังมากในโลก ในเยอรมันที่นักข่าวเขียนเอง สร้าง ข่าวเอง จนกลายเป็นข่าวระดับโลก ตอนหลัง ทุกคนมารู้ความจริงซึ่งถือว่าเป็นเรื่องเสียหน้ามากของนิตยสารดังที่สุดในเยอรมันคือ สเตอร์น
และอีกไม่นานนี้ นักข่าวต่างประเทศนับร้อยจากทุกมุมโลก จะทะยอยเข้ามาเป็นระยะ ทุกคนจะมาพิสูจน์ความจริงว่า มีสงครามทำลายล้าง ประชาชนผู้บริสุทธิ์แบบโคโซโว ทางสื่อ และอำนาจรัฐที่เกิดขึ้นในเมืองไทย การทำลายสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน คือความเชื่อทางศาสนา ที่ปรากฏ ในรัฐธรรมนูญใหม่ของเมืองไทย กำลังท้าทาย โดยอำนาจรัฐบาล และสื่อมวลชน ในประเทศเอง
ดีไหมครับ เมืองไทยกำลังจะดังระดับโลกในไม่ช้านี้ ชาวธรรมกายให้อยู่นิ่งๆ และใจเย็นๆ นะครับ
"กาขาว (แทน)"