ปีที่ 2 ฉบับที่ 747 ประจำวันเสาร์ที่ 31 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2542

จับกระแสโลก

"ฟาลุนกง" กับ "ธรรมกาย" ทำความผิดมหันต์อยู่อย่างหนึ่ง

ในที่สุด มารศาสนาก็ดำเนินการรุดหน้าได้อีกขั้นหนึ่ง ที่สามารถจูงจมูกผู้มีอำนาจในไทย และในจีนให้ขุดรากถอนโคน พระพุทธศาสนา ในทั้งสองชาติได้

ในประเทศไทย จอมมารต่างชาติจี้จุดไปที่พระพุทธศาสนาที่คนไทยนับถือ โดยชี้ว่า วัดพระธรรมกาย จะเป็นผู้ทำลายพระพุทธศาสนา

ด้วยการทุ่มทุนปลุกกระแสอย่างหนัก สามารถโน้มน้าวความรู้สึกของมวลชนบางส่วนได้บ้าง จนเชื่อหัวปักหัวปำว่า วัดที่มุ่งหน้า จะจรรโลง พระศาสนา ชักพาพุทธศาสนิกชนให้เข้าถึงแก่นธรรมอยู่ตลอดเวลา จนมีผู้เลื่อมใสศรัทธาอย่างจริงจัง หลายแสนคนและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

จะเป็นผู้ทำลายพระพุทธศาสนา

และรัฐบาลโดยกรมการศาสนาเจ้าของเรื่องออกมาเต้นตามกระแส หวังสร้างความโดดเด่นให้แก่ตน เข้าห้ำหั่น

ในส่วนของจีนนั้น จุดเปราะบางที่เจาะง่ายที่สุดก็คือ ความอยู่รอดของพรรคคอมมิวนิสต์

สิ่งที่รัฐบาลจีนและพรรคคอมมิสนิสต์หวาดผวาที่สุดในปัจจุบันก็คือ การที่ประชาชนหันไปยึดมั่นสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ลัทธิคอมมิวนิสต์ กลัวการ รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน กลัวการจูนกระแสความคิดไปในทิศทางเดียวกัน ทิศทางที่ไม่ใช่คอมมิวนิสต์ จนเป็นกระแสความคิดที่ทรงพลัง

จีนกลัวว่า เมื่อใดที่กระแสความคิดอันทรงพลังนั้น ถูกปรับทิศทางให้เข้าชนพรรคคอมมิวนิสต์จีน เมื่อนั้น คอมมิวนิสต์ก็จะถึงกาลแตกสลาย

องค์การอุบาทว์ มารพระศาสนาสากลจับจุดอ่อนนี้ได้ เมื่อต้องการทำลายพระพุทธศาสนาในจีน ซึ่งกำลังไปเบ่งบานอยู่ทั่วสหรัฐจึงจี้จุดนี้

เมื่อถูกจี้ใจดำ และมีเหตุผลที่น่าเชื่อว่าเป็นไปได้ รัฐบาลจีนก็อ่อนยวบเป็นขี้ผึ้งลนไฟ หันกระบอกปลายปืน เข้ากวาดล้าง ชาวพุทธนิกาย ฟาลุนกงทันที

มีการประกาศจับตัวหลี่ หงฉี ประมุขนิกายทั่วประเทศตามข้อมูล ที่องค์การอุบาทว์สากล ป้อนข้อมูลให้ว่าเข้ามาอยู่ในจีนแล้ว กำลังรวม พลัง ชาวพุทธนิกายนี้ 70 ล้านคน เข้าก่อกวน ล้มล้างพรรคคอมมิวนิสต์

รัฐบาลจีนเชื่อสนิท นอกจากสั่งปิดนิกาย สั่งจับประมุข แล้วยังสั่งเก็บหนังสือธรรมะด้วย

รัฐบาลจีนหลับหูหลับตาเชื่อทั่งๆ ที่ประมุขหลี่ แห่งนิกายวิปัสสนาธรรมฟาลุนกงออกมาแถลงต่อสำนักข่าว ซี.เอ็น.เอ็น. ที่สำนักนิกาย ในนิวยอร์คว่า ไม่เคยไปไหน อยู่ในนิวยอร์ค ตลอดเวลา

และว่าการประชุมประท้วงของชาวพุทธในจีน ก็ไม่ได้สั่งหรือเกี่ยวข้องด้วยแม้แต่น้อย และการไปชุมนุมประท้วง ของชาวพุทธ ก็กระทำ อย่างสงบที่สุด

ลองวิเคราะห์ดูให้ละเอียดแล้ว จะเห็นว่า เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจรัฐบาลจีน ที่ยอมให้องค์การอุบาทว์สากล จูงจมูกได้ง่าย โดยไม่คิดหน้า คิดหลังนั้น เพราะถึงชาวพุทธในจีน จะไม่ตั้งจิตคิดร้ายอะไร จีนก็ไม่สบายใจ ที่ชาวจีนกำลังปลีกตัวออกไปจากลัทธิคอมมิวนิสต์ สมาชิกพรรค คอมมิวนิสต์ ที่มีจำนวนน้อยกว่าฟาลุนกงถึง 10 ล้าน กำลังลดน้อยลงไปอีก ตามกระแสข่าว มีสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ หันมาปฏิบัติธรรม ของ พระพุทธองค์มากขึ้น ทุกที จนทางพรรค ต้องออกคำสั่งให้ถอนตัวออกมา ไม่เช่นนั้น จะถูกขับออกจากพรรค

จึงเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจรัฐบาลจีนเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลม

แต่สำหรับรัฐบาลไทยนั้น มีเหตุผลอะไรบ้างไหม ที่ต้องเห็นใจในการที่วางเฉย ปล่อยให้องค์การอุบาทว์ต่างชาติ รุมกระหน่ำรากแก้ว ของ พระพุทธศาสนา จนยับเยินต่อหน้าต่อตา

จะให้ชมกรมศาสนาว่าโง่หรือฉลาดที่ให้เขาสนตะพายไปทำลายสถาบันที่ศาสนาซึ่งตนจะต้องปกป้อง

วัดพระธรรมกายกับนิกายฟาลุนกง ไม่เคยทำอะไรผิด

จะมีผิดเหมือนๆ กันอยู่บ้างก็คือ เป็นองค์กรทางพุทธศาสนาที่บริสุทธิ์ สะอาดและเข้มแข็งเกินไป จนหาจุดโจมตีพระพุทธศาสนาได้ยาก และชูหลักธรรมของ พระพุทธองค์ ให้เวไนยสัตว์ทั้งหลาย ได้เห็นโดดเด่นเกินไป จนคนเลื่อมใส และเห็นแก่ธรรม เพิ่มขึ้นไม่ขาดสาย

ที่ผิดที่สุดก็คือ

บังอาจคิดจะไปปลูกฝังพระพุทธศาสนาในถิ่นของมัน

"ชองพ์ เอลิเซ่"