ปีที่ 2 ฉบับพิเศษ ประจำวันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2542

หลวงพ่อเปิดใจ ขอยอมตายในผ้าเหลือง

พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ธมฺมชโย)

ตั้งแต่เราได้ช่วยกันสร้างวัดพระธรรมกายขึ้นมา เป็นท้องไร่ท้องนา มีหนองน้ำ มีบัวขึ้น เป็นที่ลุ่ม มีดอกโสนเต็ม รังนกกระจาบ ไปอาศัยอยู่ที่นั่น

ถนนหนทางยังเป็นดินเหนียวอยู่ หน้าวัดไม่มีลูกรังลง เวลาจะขับรถขับรามานี่ ถ้าฝนไม่ตกก็แล้วไป ถ้าฝนตกรถก็จะ slide ลงคลองกันไป ทุกที ในที่นี้ คงมีบางท่าน เคยปลูกต้นไม้มากับมือ บางคนยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ ด้วยซ้ำไปได้ ปลูกต้นไม้ เพื่อให้ร่มเงา หวังว่า สักวันหนึ่ง จะได้อาศัยร่มเงานี้ เป็นที่ปฏิบัติธรรม แล้วก็แบ่งปันร่มเงานี้ ให้กับผู้มีบุญ ที่มาภายหลัง ได้อาศัยโคนไม้ ปฏิบัติธรรม ให้นกให้กา ได้อาศัย รุกขเทวดา ได้มีวิมาน อาศัยอยู่กับต้นไม้

เมื่อมีการอบรมธรรมทายาท ก็ได้อาศัยร่มเงาของต้นไม้นั่นแหละ ปฏิบัติธรรม ชำระกาย วาจา ใจให้สะอาดบริสุทธิ์ ทำใจหยุดใจนิ่ง ให้เข้าถึง พระธรรมกายกัน มีความสุข มีปีติ มีความเบิกบาน มีกำลังใจ ที่จะทำความดี เป็นคนดีของชาติ คนดีที่โลกต้องการ แล้วก็ช่วยกัน สร้าง อาคารต่างๆ   ขึ้นมา เป็นที่พักสงฆ์ มีโบสถ์ มีศาลา ที่ประพฤติธรรม ทำทุกอย่างเรื่อยมา จนกระทั่ง มีมหาชนผู้มีบุญทั้งหลาย ได้อาศัยสิ่งที่เรา ช่วยกันสร้างมา ด้วยความยากลำบาก ประพฤติ ปฏิบัติธรรม สร้างบารมี ฝึกฝนตนเองให้เป็นคนดี มากมายก่ายกอง จนกระทั่ง เต็มวัดล้นวัด จึงค่อยๆ ขยายออกมานอกวัด ได้สร้างสภาธรรมกายสากล หลังคาจาก ขยายกว้างกว่าเดิม จุได้หมื่นกว่าคน ได้อาศัยประพฤติ ปฏิบัติธรรม ฟังธรรม บูชาข้าวพระกัน อย่างต่อเนื่องเรื่อยมา วันธรรมดา ก็มีมาปฏิบัติธรรม วันอาทิตย์ ก็มาฟังธรรม อยู่ธุดงค์กัน อาทิตย์ต้นเดือน ก็บูชาข้าวพระ

ชีวิตเกิดมาเพื่อสร้างบารมี

เดี๋ยวนี้คำว่า อายตนนิพพาน เขาห้ามพูดคือ ตอนนี้เขาตั้งคณะกรรมการ มีทั้งพระ ทั้งฆราวาส จะมาดูแลการสอนของ หลวงพ่อในสภาฯ ทุกวันอาทิตย์ สิ่งที่เขาไม่ค่อยอยากให้หลวงพ่อพูด ก็มีเรื่องนิพพาน ตรงนี้หลวงพ่อกลัวเผลอ เพราะใจมันคุ้น คุ้นมาตั้งแต่ก่อนบวช แสวงหา ครูบาอาจารย์ หาความรู้ตามตำรับตำรา ศึกษาทุกศาสนา แต่มาชอบพระพุทธศาสนา และศึกษาเรื่อยๆ มา คุ้นกับคำว่า นิพพาน อยากไปน่ะ อยากไปนิพพานจังเลย

พอมาเจอยาย เจอวิชชาธรรมกาย ก็มีแต่เรื่องนิพพานทั้งนั้น ก็ชอบก็คุ้น กับคำนี้ และก็มุ่งจะไปทางนี้ พอบวชแล้วเข้าโบสถ์ มีปีติทีเดียว เวลาที่ถือไตรจีวร เข้าไปหาพระอุปัชฌาย์ พอเปล่งคำว่า จะทำพระนิพพานให้แจ้ง มีปีติ ขนลุกซู่ชูชันทีเดียว ชอบคำนี้ บวชแล้วก็แสวงหาสิ่งนี้ เจอใครก็พูดกันอย่างนี้เรื่อยมา

โดยเฉพาะวันอาทิตย์ ทุกๆ อาทิตย์ที่มีคน มาร่วมปฏิบัติธรรมด้วย ก็จะพูดเรื่องนิพพานมาตลอด เพราะฉะนั้น ถ้ามีเผลอๆ ไป ท่านที่ได้รับ ภาระมาดูแล จะมาด้วยตัวเอง หรือส่งใครมาก็แล้วแต่ อย่าถือว่า เป็นเรื่องใหญ่โตเลย ในกรณีที่หลวงพ่อเผลอไผล ที่จะชวนใครไปนิพพาน แล้วพูดคำว่า นิพพาน หรืออายตนนิพพาน อะไรต่างๆ ใจไปตรงนั้น คำก็ไปตรงนั้น ก็ไม่รู้จะทำยังไง ถ้าจะให้ดี หลวงพ่อว่า มาพิสูจน์กันดีกว่า พิสูจน์ยังไง ลงมือนั่งปฏิบัติกันสิ

เหมือนทอง แม้อยู่ในดิน อยู่ในหิน มันต้องถลุง ถึงจะเอาทองมาได้ ทรัพย์ในตัว ธรรมะในตัว นิพพานในตัว จะได้มาก็ต้องถลุงด้วยตัวเอง ฝึกใจให้หยุดให้นิ่ง ปฏิบัติธรรมไป ทำให้ถูกวิธี ไปพิสูจน์เอาก็แล้วกัน ว่าเป็นอย่างไร ถ้ามีไม่จริงเราก็เลิกกัน มีจริงเราก็เลิกกันอีก คือเลิกทะเลาะ กัน เลิกว่าร้ายกัน เลิกห้าม

ตอนนี้กังวลตรงนี้นิดนึง เกิดมาไม่ค่อยจะกังวลเรื่องอะไร กังวล กลัวเผลอ ชวนคนไปนิพพาน แต่ถ้าพระไม่พูดเรื่องนิพพาน ก็ไม่รู้จะพูด เรื่องอะไร จะให้พูดเรื่องไปค้าขายโน่นขายนี่ หรือไปว่าร้าย คนโน้นคนนี้ ก็พูดไม่เป็น ทำไม่เป็น ต้องขออภัยด้วย สำหรับผู้ที่กำลังมาจ้องจับ คำนี้ โดยหน้าที่ โดยจิตสำนึก หรือโดยอะไรก็แล้วแต่ ให้อภัยคนเฒ่าคนแก่ สักคนหนึ่งนะ

ในสภาธรรมกายสากล ได้นำพวกเราบูชาข้าวพระ ก็ทำกันเรื่อยมา จนกระทั่ง ล้นสภาธรรมกายสากล กลายมาเป็น สภาธรรมกายสากลใหม่ ที่เรากำลังนั่งอยู่นี่แหละ เราทุกคนช่วยกัน สร้างด้วยความลำบาก แต่ละคนไม่ใช่เศรษฐีมีเงินมีทอง ก็เก็บหอมรอมริบ เอามาช่วยกันสร้าง สร้างเพื่อ จะได้อาศัยสถานที่นี้ ประพฤติปฏิบัติธรรม แล้วก็แบ่งปัน ให้กับผู้มีบุญ ที่มาภายหลัง มาอาศัยสถานที่นี้ ปฏิบัติธรรมกันไป หวังจะจูงมือกัน ไปทำ ความดี ไปสู่สิ่งที่ดีๆ สร้างคนดีที่โลกต้องการให้เกิดขึ้น สร้างคนดีในสังคมให้เกิดขึ้น เพราะเราดีคนเดียวไม่ได้ ถ้าเราดีคนเดียว เดี๋ยวคนไม่ดี ก็เบียดเบียนเรา

ทั้งหมดนี้เป็นบุญเป็นกุศลของลูกๆ ทุกๆ คน เราก็นึกถึงบุญอันนี้เอาไว้ ให้จิตใจมันชุ่มชื่น เบิกบาน ผ่องใส

หลวงพ่อเชื่อว่า มวลมนุษยชาติ ล้วนปรารถนาความสุข แต่ส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่า ความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ไหน จะเข้าถึงได้อย่างไร จึงพลาดพลั้ง ไปทำบาปกรรม ซึ่งเป็นทางมาแห่งความทุกข์

เพราะฉะนั้น อย่าประมาทในชีวิตกันนะ จงเร่งสร้างบุญ สร้างกุศลกันให้เต็มที่ เพราะการเกิดมาเป็นมนุษย์ เป็นของยาก ชีวิตมนุษย์ ประเสริฐ ที่สุด เราทุกคนเป็นผู้โชคดี ที่รู้ว่าชีวิตเกิดมาสร้างบารมี เมื่อโอกาสแห่งการสร้างบารมี มาถึง เราก็ต้องรีบสร้างบารมี ให้สุดกำลัง ความสามารถ ให้ทุ่มเทชีวิตจิตใจกัน ให้เต็มที่ อย่ามัวหลงใหล สนุกสนานเพลิดเพลิน กับสิ่งที่ไม่เป็นสาระ

แต่ให้ทำทุกวินาทีให้มีคุณค่าด้วยการสร้างบารมี ด้วยการประพฤติปฏิบัติธรรม เรื่องนรกสวรรค์นี้ เราสามารถพิสูจน์ได้ ด้วยตัวของเราเอง เมื่อเราเข้าถึง พระธรรมกาย ธรรมจักขุคือดวงตาธรรม ที่เห็นได้รอบตัวทุกทิศทุกทาง จะเกิดขึ้น ญาณทัสสนะก็จะเกิดขึ้น สิ่งนี้เป็นปัจจัตตัง เข้าถึงแล้ว เราก็จะรู้ได้ด้วยตัวของเราเอง และเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ เราจะได้หายสงสัยกัน

นี่คือเป้าหมายที่หลวงพ่อ อยากให้ทุกคนได้เข้าถึงพระธรรมกาย เพราะพระธรรมกายเท่านั้น จะพิสูจน์สิ่งเหล่านี้ได้ แล้วความดีงาม ก็จะบังเกิดขึ้น กับโลก หิริโอตตัปปะ ก็จะบังเกิดขึ้น ความกลัวต่อบาป ความละอายต่อการทำบาป ทั้งที่ลับที่แจ้ง กลัวผลแห่งบาปกรรมนั้นน่ะ จะบังเกิดขึ้นในจิตในใจ เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นมา ก็จะคุ้มครองโลกนี้ ให้อยู่เย็นเป็นสุข ดียิ่งกว่ากฎหมายบ้านเมืองเสียอีก นี่คือ ความตั้งใจของหลวงพ่อ นะลูกนะ

เพราะฉะนั้น เมื่อเราเข้าใจอย่างนี้แล้ว ให้ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเครื่องกังวลใจ ที่ทำใจให้ไม่เป็นสุข ให้ทิ้งให้หมดจากใจ แล้วทำใจให้ใสๆ บริสุทธิ์ พอใจใสดีแล้ว ก็ให้นึกเอาใจมาตั้งไว้ในศูนย์กลางกายนะ

สิ่งที่เราควรเป็นห่วงและปกป้อง

อย่าห่วง อย่ากังวลกับหลวงพ่อมากเกินไป อย่างมาก เขาก็ปลดหลวงพ่อ ออกจากเจ้าอาวาส ก็ยังมีคนอื่นแทนได้ เยอะแยะไป หรือจะจับสึก ก็คงไม่สึก หลวงพ่อยอมตาย ก็ตายคนเดียว ก็แค่นั้นเอง ยังมีคนอื่นแทนกันอีก ได้ตั้งเยอะแยะ ไม่ต้องห่วงนะลูกนะ

ถ้าสมมุติว่า หลวงพ่อเป็นอะไรไป อย่าทิ้งการปฏิบัติธรรม ฝากวัดพระธรรมกาย คุณยาย และวิชชาธรรมกาย ให้อยู่คู่โลกกันต่อไป เพราะ เขามุ่งมาที่หลวงพ่อ เท่านั้นเอง กลัวว่า หลวงพ่อจะเป็นศาสดา หรือเจ้าลัทธิใหม่ ซึ่งนั่นเขาคิดกันเอง หลวงพ่อไม่ได้คิด สิ่งที่หลวงพ่อคิดคือ อยากให้ ทุกคนในโลก ได้เข้าถึงพระธรรมกาย เพราะว่า พระธรรมกายมีอยู่ในตัวของทุกคน ทุกชาติ ทุกภาษา ทุกศาสนา

นี่คือความตั้งใจของหลวงพ่อ อยากให้ทุกคนในโลกเข้าถึงธรรม เพราะฉะนั้น ไม่ว่าหลวงพ่อจะอยู่ในสถานะไหนก็แล้วแต่ ก็จะต้องทำ อย่างนี้ต่อไป จนกว่าจะหมดลมหายใจ ไม่ได้คิดเป็นใหญ่เป็นโต เป็นศูนย์กลางของอำนาจ เป็นเจ้าลัทธิ ตั้งลัทธิใหม่อะไรเลย ไม่เคยมีความคิด อย่างนี้ คิดกันเอง ว่าเองเออเองกันไปหมด

เพราะฉะนั้น ถ้าหากถูกบีบบังคับ ให้เป็นไปตามสิ่งที่เขาอยากจะให้เป็นไป ก็ฝากวัดพระธรรมกาย ยาย และวิชชาธรรมกาย ด้วยนะลูกนะ งานสร้าง มหาธรรมกายเจดีย์ สภาธรรมกายสากล และมหาวิหาร พระมงคลเทพมุนี ก็ทำกันต่อไป

การปฏิบัติธรรมในวันนี้ พิเศษกว่าวันที่ผ่านๆ มา พวกเราตั้งอกตั้งใจทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนากันมาเป็นเวลานาน หากนับเท่าอายุ วัดพระธรรมกายก็ 29 ถึง 30 ปี วันนี้เวลานี้ที่ว่าพิเศษ เพราะไม่เพียงความรู้สึกเคารพ ในพระรัตนตรัย ความเลื่อมใสศรัทธา ในพระธรรมคำสอน ที่ส่งผลให้หมู่คณะเรา รักในการประพฤติ ปฏิบัติธรรมเท่านั้น ความรู้สึกพิเศษของพวกเรา ในเส้นทางการสร้างบารมี ณ ขณะนี้ เวลานี้ สิ่งที่เพิ่มเข้ามา นอกเหนือจากวันเก่าๆ ที่ผ่านพ้นก็คือ ความปรารถนา ที่แสดงออก ถึงความลึกซึ้งในจิตใจที่มั่นคง ในบวรพระพุทธศาสนา

เวลานี้เกิดปัญหามากมาย ปัญหานั้นไม่เพียงกระทบกระเทือนหมู่คณะเรา แต่ได้ลุกลามกระเทือนถึง จิตใจชาวพุทธส่วนใหญ่ เป็นความ ขัดแย้ง ในวงการพระพุทธศาสนา จนถึงขั้นมีความพยายาม ที่จะบีบคั้น ผลักดันหมู่คณะเรา ให้เป็นความต่าง เป็นความแตกแยก ดังที่เราได้รับรู้ รับทราบกันดีอยู่แล้ว

ด้วยจิตอันบริสุทธิ์ ด้วยกาย วาจา ใจ ที่หลวงพ่อและหมู่คณะเพียร พยายามรักษาให้มั่นอยู่ในศีล สมาธิ ปัญญา ตลอดมา หลวงพ่อ ก็ขอยืนยัน ไว้ ณ ที่นี้ว่า พวกเราทุกคน รักพระพุทธศาสนา มั่นคงในพระรัตนตรัย

ประการสำคัญ เราทุกคนจงรักภักดีต่อ พระมหากษัตริย์ รักชาติ และเคารพบูชาในองค์ สมเด็จพระสังฆราช เป็นที่ยิ่ง จะด้วย ปมปัญหาใดๆ แม้วินาทีนี้ หลวงพ่อ ก็ขอยืนยันมั่นคง ในปณิธาน บุญกุศลใดๆ ที่เกิดจากกาย วาจา ใจ ที่ เราได้เพียร หล่อหลอม ให้สะอาดบริสุทธิ์ ด้วยการ ปฏิบัติธรรม อย่างตั้งใจในวันนี้

หลวงพ่อและหมู่คณะ พุทธศาสนิกชน ตลอดจน เพื่อนสหธรรมิก อีกมากมาย ไม่ว่าจะอยู่ที่นี้ หรือที่ไหนของโลก ที่มีเส้นทางธรรม อันมั่นคง ร่วมกันนี้ พวกเราทั้งหมด ขอนอบน้อม ถวายความดี และบุญกุศลในวันนี้ ถวายพระพรชัยแด่ องค์สมเด็จ พระสังฆราช ให้ทรงหายจาก อาการ ประชวร หายจากเรื่อง เดือดเนื้อร้อนใจ ขอพระองค์ ประสบแต่สิริสวัสดิ์ พิพัฒน์พรชัย ให้ทรงมีพระพลานามัย ที่สมบูรณ์ เพื่อพิทักษ์รักษา ความถูกต้อง ชอบธรรมแก่ ผองเราชาวพุทธ ทุกหมู่เหล่า ให้พระพุทธศาสนา มีความมั่นคง สถิตสถาพร เป็นปึกแผ่น โดยแท้จริงตลอดไป

จากนั้นทำใจให้ใสๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องหลวงพ่อ สิ่งที่เราควรจะเป็นห่วงและปกป้องก็คือ องค์สมเด็จพระสังฆราช เราควรจะปกป้องท่าน อย่าให้ใครมาว่าร้าย จ้วงจาบท่าน ออกทางสื่อต่างๆ อย่างนั้น หรือในทางไหนก็แล้วแต่ ช่วยไปแนะนำ ไปตักเตือนเขาว่า อย่าไปทำอย่างนั้น นอกจากเป็นบาปเป็นอกุศลแล้ว ยังไม่เหมาะไม่ควร แล้วก็ปกป้องมหาเถรสมาคม ซึ่งเป็นองค์กรสูงสุดของพระพุทธศาสนา ในประเทศของเรา

พระมหาเถระเหล่านั้น ท่านมีอายุพรรษามากแล้ว ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ตั้งแต่เป็นสามเณร ท่านทำงานเพื่อพระพุทธศาสนา อย่างยากลำบาก เรื่อยมา เพื่อที่จะให้ พระพุทธศาสนา ดำรงอยู่เป็นประโยชน์สุข แก่มวลมนุษยชาติ เพราะ ฉะนั้น ใครไปว่าร้าย ไปจ้วงจาบท่าน ก็ช่วยกันปกป้อง สื่อไหนที่โจมตี ก็ไปตักเตือนเขาว่า อย่าไปทำอย่างนั้น ช่วยกันปกป้อง พระพุทธศาสนา ให้ดีทีเดียว

การโจมตีว่าร้าย โดยเริ่มต้นที่หลวงพ่อก่อน ตั้งแต่วันอัศจรรย์ตะวันแก้ว 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา เรื่อยมาเลย ทั้งๆ ที่มันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น แต่ก็โจมตีบิดเบือนกันไป ว่าร้ายวัดพระธรรมกาย ยังไม่มีปัญหา แต่ไปกระทบ สังฆมณฑล ทำให้ศรัทธาของ พุทธศาสนิกชน คลอนแคลน มีหลายวัด ได้มาเล่าให้หลวงพ่อฟัง เดี๋ยวนี้ พระเณรจะอดตายกันแล้ว ญาติโยมไม่ค่อยจะตักบาตรกัน เพราะว่า สับสนกับสื่อที่ออกไปอย่างนี้

เพราะฉะนั้น ใครไปตักเตือนสื่อได้ก็ให้ตักเตือนกัน จะด้วยวิธีการใด ก็ไปบอกเขาว่า อย่าไปทำ เป็นบาปกรรม และเป็นสิ่งที่ไม่ดี พลอยทำให ้คนอื่น เดือดร้อนด้วย หลวงพ่อธัมมชโย เดือดร้อนองค์เดียว ก็พอแล้ว อย่าไปทำให้ คนอื่นเดือดร้อน เพราะฉะนั้น ปกป้อง พระพุทธศาสนา แล้วก็วิชชาธรรมกาย ซึ่งเป็นวิชชา หรือเป็นวิธีการที่จะทำให้เข้าถึง ธรรมกายในตัว

นี่ล่ะเป็นเป้าหลักทีเดียว เป้าหมายที่จะสอนให้คน เข้าถึงวิชชาธรรมกาย ถึงพระธรรมกายในตัว เพราะถ้าเข้าถึงได้แล้วล่ะก็ จะมีความสุข มาก มีความเบิกบาน มีกำลังใจ ในการสร้างความดี เกิดขึ้นมากมายก่ายกอง ทีเดียว จะเป็นคนดีในสังคม คนดีที่โลกต้องการ จะทำให้สังคม อยู่เย็น เป็นสุข ความตั้งใจหลวงพ่อ มีเพียงประการเดียว คือมุ่งที่จะแนะนำ สั่งสอน ให้ชาวโลก ได้เข้าถึงพระธรรมกาย ถ้าเขาเข้าถึงแล้ว เราก็มีความสุข มีปีติ ตัวเขาก็มีความสุข มีเพียงแค่นี้เอง ที่สร้างอะไรขึ้นมาใหญ่โต ก็เพื่อรองรับมหาชน ที่เขามากันมากมาย มาศึกษาวิชชาธรรมกาย มาปฏิบัติธรรม ไม่ได้มาทำความชั่วกันเลย ทำเพื่อการนี้เท่านั้น ไม่ใช่เพื่ออยากเด่นอยากดัง อยากเป็นใหญ่เป็นโต เป็นศูนย์อำนาจอะไร ไม่เคยคิด

ถ้าสนใจสิ่งเหล่านี้ก็ไม่มาบวช บวชมาก็มุ่งเผยแผ่ธรรมะอย่างเดียว เพราะฉะนั้น ไปบอกกันนะ ใครเข้าใจไม่ถูกต้อง ก็ให้เขาเข้าใจ ให้ถูกต้อง ปัจจุบันนี้ หลวงพ่อ ไม่ได้อดทนอะไรเลย ไม่ได้มีความรู้สึกอะไร เพราะเข้าใจ ในสิ่งที่เขาต้องการ ให้เป็นไป เราเข้าใจเขาเสียแล้ว ใจเราก็สบาย มีปีติเบิกบาน ในคุณงามความดี ที่ทำกันผ่านมา และที่กำลังจะทำกันต่อไป

ไม่ว่าจะบีบหลวงพ่อไปอยู่ตรงไหน หลวงพ่อก็ยังต้องทำความดีต่อไป เป็น เรื่องเฉพาะตัว ที่จะต้องช่วยตัวเอง ให้พ้นจากบ่าวจากทาส ของพญามาร คู่ต่อสู้ของหลวงพ่อก็คือ เวลากับพญามาร เท่านั้น เพราะหลวงพ่อ ต้องแข่งกับเวลา ต้องเอาชนะพญามารในตัว คือกิเลสในใจ มันยังมีอยู่ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ต่อสู้กันอยู่ทุกวันเลย ไม่ได้คิดไปสู้ใคร

จะไปว่าร้ายใคร จะไปจ้วงจาบใคร หลวงพ่อก็ทำไม่เป็น พระพุทธเจ้าท่านก็สอนให้ อนูปวาโท ไม่ว่าร้ายใคร ก็ทำมาตลอด

เพราะฉะนั้น ไม่ต้องห่วงหลวงพ่อ หลวงพ่อถือว่า วันนี้ได้ฝากฝังลูกทุกคนแล้ว ต่อจากนี้ไป ทำใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส ให้เบิกบาน ให้แช่มชื่น จะได้เหมาะสม ที่จะเป็นภาชนะ รองรับบุญกุศล และพระรัตนตรัย จะได้เข้าถึง พระรัตนตรัยในตัวของเรา

พิสูจน์ได้เมื่อเข้าถึงธรรมกาย

ถ้าหากเราได้เข้าถึงพระธรรมกาย เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับ ธรรมกาย และ ถ้าได้ศึกษา วิชชาธรรมกาย ทำให้คล่องให้ชำนาญ จนกระทั่ง ภพทั้งหลาย อยู่ในคลองแห่ง ธรรมจักษุ คืออยู่ในสายตา ของธรรมกาย เมื่อนั้นแหละ เราก็จะนำบุญที่เราได้ทำ และเราได้มองเห็นว่า บุญอยู่ที่ ตรงไหน ไปให้หมู่ญาติเหล่านั้น เหมือนครูบาอาจารย์ ของเรา หรือผู้รู้ในกาลก่อนได้ทำมา

ยกตัวอย่าง คุณยายอาจารย์ของเรา สมัยที่ท่านได้เข้าวัดมาใหม่ๆ ตอนตามหาพ่อที่ละโลกไปแล้ว ท่านได้อุทิศตน ยอมตน ไปเป็น คนรับใช้เขา เพื่อจะได้เข้าใกล้ชิด อุปัฏฐาก ของวัดปากนํ้า ใกล้ชิดครูบาอาจารย์ และได้มีโอกาสศึกษา วิชชาธรรมกาย จนในที่สุด ได้บรรลุ ธรรมกาย ได้บรรลุ วิชชาธรรมกาย แล้วก็ไปพบพ่อ ที่ละโลกไปแล้ว ไปตกทุกข์ได้ยาก อยู่ในทุคติ คืออยู่ในอบาย อยู่ในนรก

ท่านพูดด้วยความปีติเบิกบาน ไม่อายใครเลยว่า พ่อของท่านตายไปแล้ว ไปอยู่ในนรก ตอนเป็นมนุษย์อยู่ ก็ดื่มเหล้า ตอนใกล้จะละโลก ภาพนั้นมาปรากฏ ใจก็ขุ่นมัวเศร้าหมอง พอเศร้าหมองเข้า ก็พอเหมาะพอดีกับ ภพของอบาย มันก็ดึงดูดเข้าหากัน เหมือนเครื่องส่ง เครื่องรับวิทยุ อย่างนั้นแหละ   มันดูดเข้าหากัน แล้วก็ไปตกนรก มีความทุกข์ อยู่ในทุคติ ทุกข์ทรมาน มากมายทีเดียว

ท่านบอกว่า ท่านเห็นพ่อของท่าน ไม่ได้นุ่งเสื้อผ้าเลย อยู่ในความทุกข์ทรมาน แล้วก็ดื่มน้ำทองแดง ที่เราเคยได้ยินได้ฟังกัน มันเป็น โลหะทองแดง ที่ เขาหลอมเหลวให้ร้อน แล้วก็กรอกใส่ จริงๆ ในสมัยโบราณ เขาเชื่อเรื่องนี้ ต่อมา ก็พูดล้อเล่นกันเรื่อยมา จากล้อเล่น ก็กลายเป็น เรื่องที่ไม่มีใครเชื่อถือ หาว่างมงายกันไป แต่จริงๆ แล้วมันมีจริงๆ

ผู้ที่เขารู้เขาเห็น ไปเข้าถึงมีอยู่ คุณยายท่าน ก็ไปช่วยให้พ่อ พ้นทุกข์จากนรก ด้วยธรรมกายของท่าน โดยนำบุญ ที่ได้เข้าถึงธรรมกาย ไปให้พ่อ อนุโมทนา ช่วยจนกระทั่ง พ้นทุกข์นั้น ขึ้นมา อยู่ในภพของสุคติภูมิ เห็นวิมานของพ่อ ซึ่งในสมัยเป็นมนุษย์ พ่อก็มีโอกาสได้สร้างบุญด้วย วัดก็เข้าเหล้าก็กิน แต่บาปให้ผลก่อน และบุญก็ทำไม่มาก ทำแบบทั่วๆ ไปอย่างนั้น ทำแบบเสียไม่ได้ เพราะฉะนั้น วิมานก็ไม่ใหญ่โตโอฬาร ไม่วิจิตรพิสดาร และในที่สุด ท่านก็ค่อยๆ สั่งสมบุญ เอาบุญนี้ ไปให้พ่อท่าน ทุกวันทุกคืน จนกระทั่ง มีความสุขยิ่งๆ ขึ้นไป สิ่งนี้เป็นสิ่งที่มีจริง และพิสูจน์ได ้ด้วยขบวนการ ทางพุทธศาสตร์ ถ้ารู้วิธีการแล้วล่ะก็ สามารถทำได้ทุกคน ยกเว้น คนเป็นใบ้เป็นบ้า ประสาท ปัญญาอ่อน ระบบการรับรู้ มันสูญเสีย นั่นแหละทำไม่ได้

นอกนั้นสามารถทำได้ เพราะธรรมกายอยู่ ในตัวของมนุษย์ ทุกๆ คน ตัวเราก็มี ของคนอื่นก็มี ทุกชาติทุกภาษา   ขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์ มีหมด ในประเทศไทยก็มี ต่างประเทศก็มี ทั่วโลก มีหมดทุกคนแหละ มีทั้งนั้น แต่ไม่รู้ว่ามี และไม่รู้วิธีที่จะเข้าถึง เพราะฉะนั้น ถ้าใครมาศึกษา วิชชา ธรรมกาย เข้าถึงตรงนี้ได้   ก็ไปมาหาสู่กันได้

หลวงพ่อวัดปากนํ้าท่านใช้คำว่า ไปจับมือถือแขน สัตว์นรกก็ได้ พูดจาโต้ ตอบกันก็ได้ ไปช่วยก็ได้ ช่วยหมู่ญาติ ที่ตกนรกไปแล้วได้ อยู่บนสวรรค์ ก็ไปช่วยได้ จับมือถือแขน ชาวสวรรค์ ที่เป็นญาติของเรา ได้ทั้งนั้นแหละ นำบุญไปให้ได้ แล้วก็มีผู้ที่เป็นพยาน ในการเข้าถึงธรรม ของท่าน มากมาย ก่ายกองเลยทีเดียว ไม่ใช่เป็นสิบ ไม่ใช่เป็นร้อย ไม่ใช่เป็นพัน ไม่ใช่เป็นหมื่นเป็นแสน แต่มากกว่านั้น

เรื่องนรก เรื่องสวรรค์ เรื่องนิพพาน เรื่องกฎแห่งกรรม ชาตินี้ชาติไหน อะไรต่างๆ สิ่งนี้มีอยู่ใน พระไตรปิฎก เรากำลังจะทำสิ่งนั้น ให้ปรากฏเป็นจริง ในยุคของเรานี้ นั่นคือความตั้งใจ เพราะฉะนั้น ถ้าหากมนุษย์ ได้เข้าถึง ธรรมภายใน หรือพระธรรมกาย ก็จะมีความสุข ที่แท้จริง มีความบริสุทธิ์ ของดวงจิต มีความรู้แจ้งในชีวิต รู้ว่า เกิดมาทำไม อะไรคือ เป้าหมายของชีวิต จะรู้จักแบ่งปันกัน ทรัพยากร ที่มีอยู่อย่างจำกัด ในโลกนี้ ก็จะแบ่งปันฉันญาติ ฉันพี่น้องกัน การทะเลาะเบาะแว้ง ก็จะหมดไป ให้ลงมือทำจริง ให้ถูกวิธีและต่อเนื่อง เราก็จะได้พบ ของจริงของจัง ชีวิตนี้จะได้มีความหมาย ดีกว่าเดิม นี่คือความตั้งใจจริง ของหลวงพ่อ เพราะฉะนั้น ใครที่เขาเข้าใจไม่ถูกต้อง มีโอกาส ก็ไปอธิบายให้เขาฟัง ช่วยอธิบายต่อๆ กันไป จากปากคนหนึ่ง ก็ไปถึงอีกคนหนึ่ง

ตอนนี้ลูกเป็นผู้นำบุญ เป็นยอดกัลยาณมิตรกันแล้ว ให้ทำหน้าที่ตรงนี้ แต่ก่อนอื่น เราต้องปฏิบัติธรรม ให้มีประสบการณ์ภายใน ให้ได้ก่อน พอได้แล้ว เวลาจะพูด ถ้อยคำของเรา จะมีพลัง เพราะเราพูดด้วยความมั่นใจ ในสิ่งที่เราได้เข้าถึง อย่างจริงจัง


[ยังมีต่อ]