[TIME Asia | Thailand: Nirvana Unplugged--Page 1 | 6/28/99]
" ปัญหาเกี่ยวกับพระนิพพาน"
จาก:นิตยสารไทม์
โดย: เดวิด ลีบโฮลด์......เขียน
โรเบิร์ต ฮอร์น.....รายงาน
พระหนุ่มรูปหนึ่งนั่งอยู่บนอาสนะไม้ ในเครื่องแต่งกายพระที่รัดกุม มีสตรีคนหนึ่งถามขึ้นว่า "ทำไมวันนี้หลวงพี่ จึงแต่งตัวเป็นทางการยิ่งนัก" คำตอบที่ได้รับคือ "อาตมากำลังรอ บุคคลสำคัญ ที่จะมาบริจาค ร่วมสร้างโบสถ์ในวันนี้" น่าสงสัยเป็นยิ่งนัก สตรีผู้นั้นคิด เธอจึงนั่งอยู่ดู... ประมาณครึ่งชั่วโมงถัดมา มีสตรีที่แต่งตัวราวกับคนเก็บขยะ หรือขอทาน เดินเข้ามา พร้อมกับกราบนมัสการ สามครั้ง แล้วถวาย เงินหนึ่งบาทแก่หลวงพี่ จากนั้น พระก็ได้ให้พรเสียใหญ่โต ราวกับว่า มันมีค่าใหญ่หลวง คนเก็บขยะ กราบอีกสามครั้ง แล้วจึงลากลับ สตรีคนแรก ที่เฝ้าดูอยู่จึงถามไปว่า "นี่หรือคือคนที่ท่านเฝ้ารอ และด้วยเงินเพียงหนึ่งบาทนี่นะ" พร้อมกับจ้องมอง พระจึงตอบว่า "ปริมาณเงินนั้นไม่ถือเป็นสิ่งสำคัญเลย และสำหรับ หญิงผู้นั้น เงินหนึ่งบาท เป็นสิ่งที่มีค่ามหาศาล ตลอดชีวิต ของเธอ เพราะมันเป็นสิ่งที่เธอ หามาได้ในวันนี้ จำนวนเงินนั้น ไม่สำคัญเท่ากับคุณค่า ของความเป็นคน "
23 ปีต่อมา พระรูปนี้ได้เป็นผู้นำทางศาสนาคนหนึ่ง ที่มีผู้เคารพและมีลูกศิษย์ลูกหามากกว่าหนึ่งล้านคน วัดพระธรรมกายเป็นสถานที่ สอนวิชาวิปัสสนาแบบธรรมกาย ทุกวัน อาทิตย์ เหล่าพระภิกษุสงฆ์ จำนวน 610 รูป ที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ก็ให้การต้อนรับแก่สาธุชน จำนวนเรือนแสน ที่เดินทางมาแสวงหา ความสุขจากภายใน พระรูปนี้ จัดตั้งสถานที่ปฏิบัติธรรม 15 สาขาทั่วโลก รวมถึง 5 แห่งในสหรัฐอเมริกา ธรรมกายเริ่มจาก การสะสมเงิน ทีละเล็กทีละน้อย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันนี้ ศาสนจักรแห่งนี้ ได้ถือครองที่ดินประมาณ 1,740 ไร่ ในนามของพระรูปนี้ และเนื่องจากการที่ทางรัฐบาล ได้ประเมินว่า วัดและมูลนิธิได้มีทรัพย์สิน สะสมอยู่ประมาณ 70,000 ล้านบาท ณ สำนักงานใหญ่หรือที่ทำการของวัด ซึ่งตั้งอยู่ทาง ทิศเหนือของกรุงเทพฯ การทำการก่อสร้างถาวรวัตถุ ที่ใหญ่โตเป็น เจดีย์รูปครึ่งวงกลม ซึ่งประดิษฐาน พระพุทธรูป ทำจากซิลิกอนบรอนส์ จำนวนสามแสนองค์นั้น ดูยิ่งใหญ่นัก สถาปนิก หรือวิศวกรผู้ออกแบบชื่อ คุณสมศักดิ์ จงวัดผล ได้กล่าวว่า "เนื่องจาก เราไม่เคยมีการก่อสร้าง หรือมีโครงการที่ใหญ่เช่นนี้มาก่อน การก่อสร้างนี้เราได้คำนึงถึงว่า โครงสร้าง จะต้องมีอายุ ยืนยาว กว่า 1,000 ปี ซึ่งไม่มีใครเคยคิดถึงมาก่อนนี้"
พระธัมมชโย ในปัจจุบันนี้ได้ประสบกับปัญหา ที่มีบุคคลวิพากษ์วิจารณ์ และถูกกล่าวหาว่า "มีการสั่งสอนเบี่ยงเบนไปจาก คำสอนของพระพุทธเจ้า" ซึ่งมีผู้กล่าวหา "พระรูปนี้สมควร จะถูกขับไล่ออกจากความเป็นสงฆ์" และในวันที่ 11 มิถุนายน ศกนี้ ทางคณะรัฐบาลได้กล่าวหาว่า "พระรูปนี้ได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ของท่าน ในทางที่ผิด และได้มีการสั่งสอนในสิ่งที่ผิด บิดเบือนไปจาก ที่พระพุทธเจ้าได้ทรงสอนไว้ ?"
การโต้เถียงเกี่ยวกับความมั่งคั่งของ พระธัมมชโย และการบิดเบือนคำสอนนั้น มีอยู่ทั่วไป เนื่องจากบุคคลที่มีความเชื่อ หรือเคารพศรัทธา ได้ถูกสั่นคลอน จากการพัฒนาสังคมไ ปสู่สมัยนิยมและ การเกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจ "เราในฐานะคนรุ่นใหม่ของไทย ที่กำลังเสาะหาความสุข ซึ่งคนไทยสมัยก่อนเคยมี" คุณวิรงรอง จันวินิจ ผู้บริหารคนสำคัญ ของบริษัทแห่งหนึ่ง เป็นสานุศิษย์ วัดพระธรรมกาย ตั้งแต่ปี 2513 ได้กล่าวไว้ องค์กรสงฆ์ดูเหมือนไม่ยินดีจะช่วยเหลือ คนไทยส่วนใหญ่คุ้นเคยกับความเชื่อ เรื่องจิต วิญญาณ และการปฏิบัติตาม วิถีทาง ที่ปฏิบัติกันมาของ พระรุ่นเก่า เกี่ยวกับการสร้างเ ครื่องลางของขลัง การดูหมอ ทำเสน่ห์และ เชื่อสิ่งงมงายต่าง ๆ ซึ่งการรับรู้เกี่ยวกับ เรื่องเหล่านี้ สามารถ อธิบายได้ว่า ทำไม พระธัมมชโย จึงประสบความสำเร็จ แต่ทว่า.. ท่านเป็นผู้เยียวยา ให้กับสังคมจริง หรือเป็นเพียงส่วนหนึ่งของโรคที่เกิดขึ้น ?? สังคมต้องติดตาม ความเปลี่ยนแปลง ที่จะ เกิดขึ้นต่อไป
เป็นที่รับรู้กันว่า ท่านไม่ได้ขบถต่อพระศาสนา ถึงแม้ว่าจะมีการกล่าวหาว่าร้ายอย่างไร ท่านยังคงดำรงสมณศักดิ์ ซึ่งท่านได้รับพระราชทาน จากพระมหากษัตริย์. ท่านเป็นบุตร ของ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ผู้มีอันจะกินคนหนึ่ง ต่อมาได้รับปริญญาตรี ทางด้านเศรษฐศาสตร์จาก มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ เมื่อปี พ.ศ. 2512 ท่านและเพื่อนที่จบมาด้วยกัน ได้ร่วมกัน สร้าง สถานที่ปฏิบัติธรรม ปัจจุบันนี้ก็คือ วัดพระธรรมกาย ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 196 ไร่ ซึ่งได้รับบริจาคจาก เศรษฐีนีม่ายผู้หนึ่ง กลุ่มคนเหล่านี้ได้เริ่มปฏิบัติ และสอนเกี่ยวกับ การวิปัสสนาตาม แนว วิชชาธรรมกาย ซึ่งผู้ค้นพบคือ หลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ ท่านเป็นพระสงฆ์ ที่มีบุคคลเคารพเลื่อมใสทั่วไป ตลอดชีวิตของการสอน จะใช้ลูกแก้วเป็นนิมิต ที่ศูนย์กลางกาย เพื่อช่วยให้ จิตใจผ่อนคลายและสงบลง อย่างค่อยเป็นค่อยไป ถึงแม้พระธัมมชโยจะสอนเกี่ยวกับปรัชญา ของพระพุทธศาสนา และจริยธรรม ความสำคัญอยู่ที่มีการปฏิบัติธรรม อย่างสม่ำเสมอทุกวัน เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์ แต่ละคน เกิดความสงบ และความสุข ซึ่งจะทำให้โลกนี้เกิดสันติสุขได้ ด้วยความสุขจากภายใน ที่ได้จากการนั่งสมาธิ เป็นประสบการณ์ของตนเอง เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ที่เราสามารถทำได้ ที่วัดแห่งนี้ เพื่อทำให้การสอนวิธีการนั่งสมาธิ เผยแพร่ไปสู่คนทั่วไป
กับพระธัมมชโย ผู้ประสบการต่อต้าน อย่างลึกลับรุนแรงในขณะนี้ ท่านกลับกล่าวกับนิตยสารไทม์ว่า "เราไม่ได้ทำอะไรที่ผิดแปลกไปจากปกติ เราเพียงแต่สอนสิ่งที่ง่าย ๆ เกี่ยวแก่ จริยธรรม ซึ่งชาวพุทธได้ศึกษาพระธรรม และปฏิบัติธรรมกันมา นานถึง 30 ปี จู่ ๆ กลับเกิดเรื่องความขัดแย้งขึ้นมา" ท่านพูดด้วยถ้อยคำอันอ่อนโยน และนุ่มนวลน่าฟัง ทำให้เกิดการ จับตา มองว่า บางทีการกล่าวหา อาจเกิดจากความเข้าใจผิด หรือบางทีรัฐบาล อาจกระหายใคร่รู้ เกี่ยวกับจำนวนสาธุชน ที่เข้ามาปฏิบัติธรรม ครั้งละมาก ๆ ในวัดนี้ก็เป็นได้ ท่านกล่าวว่า เนื่องจาก ความกังวลในความปลอดภัย ต่อประชาชน ซึ่งเคยมีลัทธิ โอมชินริเกียวในญี่ปุ่น และลัทธิดาวิเดียนในสหรัฐอเมริกา (สมาชิกได้กระทำ อัตวินิบาตกรรม จำนวนมาก ในความเชื่อเรื่อง การ เกิดใหม่ที่ดีกว่า..ผู้แปล) หนังสือพิมพ์ไทยหลายฉบับ ได้รุมกระหน่ำโจมตี การโฆษณาเหตุการณ์ อัศจรรย์ตะวันแก้ว เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งสาธุชนผู้อยู่ใน เหตุการณ์กล่าวว่า ได้เห็นดวงแก้ว ขนาดใหญ่ ซ้อนทับ ดวงอาทิตย์ อยู่เป็นเวลานาน
ทำให้ดูเป็นเรื่องน่าลึกลับซับซ้อน เกี่ยวกับข้อกล่าวหา หรือข้อสงสัยว่า เป็นอาชญากรรมหรือไม่ ในเรื่องเกี่ยวกับที่ดิน ที่มีคนบริจาคให้กับ ท่านมากมาย โดยที่เขาเป็นศิษย์ วัดพระธรรมกาย ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดา การที่คนไทยบริจาคที่ดิน ให้แก่สงฆ์นั้น เป็นหนทางการส่งเสริมสนับสนุน สืบอายุพระพุทธศาสนา เพื่อใช้ในการ สร้างวัด โรงเรียนหรือสถานที่ อำนวยความสะดวกอื่น ๆ (เช่นศูนย์กัลยาณมิตร..ผู้แปล) เรื่องนี้ไม่มีกฎหมายหรือ พ.ร.บ. คณะสงฆ์ฉบับใด กล่าวห้ามไว้ ในกรณีของพระธัมมชโย ข้อกล่าวหา ที่ว่า การสร้างภาพพจน์ทาง พระพุทธศาสนา ให้ผิดไปจาก ที่ควรจะเป็น ซึ่งท่านปฏิเสธข้อกล่าวหาว่า เห็นแก่ตัวและ ทะเยอทะยาน "หลวงพ่อมีความต้องการ เพียง 2 อย่างเมื่อเป็นพระ คือ การปฏิบัติขัดเกลาตนเอง และสั่งสอนผู้อื่น เท่านั้น ไม่มีความคิดอย่างอื่น ที่จะทำนอกเหนือความคิด 2 อย่างนี้ ซึ่งอยู่ในใจตลอดเวลา"
เกี่ยวกับข้อวิพากษ์วิจารณ์ต่อ พระธัมมชโย กับการโฆษณาชวนเชื่อ ในศาสนาพุทธ ในคำสอนของพระพุทธศาสดา ซึ่งกล่าวไว้ว่า บุญกุศลควรจะได้รับ จากการทำความดี (รวมไปถึง การบริจาคทรัพย์ให้แก่สงฆ์) ฝ่ายตรงข้ามกล่าวว่า ที่เจ้าอาวาสทำ คือใช้เทคนิค การหาเงินเข้าวัด ทั้งการทำเอกสารอันงดงาม และใช้วิธีการทางการตลาด ซึ่งก้าวหน้าจนเกินที่กล่าวว่า เป็นเพียงแค่ การหาเงินเข้าวัดเท่านั้น ในกรณีที่ร้ายแรง บางทีการสอนของธรรมกาย ได้เบี่ยงเบนไปจาก ที่ศาสนาพุทธ นิกายเถรวาทนิยมอยู่นั้น มีผลอย่างยิ่งต่อเสถียรภาพ ของพระพุทธ ศาสนาในประเทศไทย เนื่องจากทางวัดได้สอน พระนิพพานเป็นอย่างหนึ่ง ซึ่งมีความแน่นอน มีตัวตนอยู่ในสวรรค์ (นิพพานเป็นอัตตา..ผู้แปล) ซึ่งเรื่องนี้ขัดแย้งกับคำสอน ของพระพุทธเจ้า กล่าวพระนิพพานไว้ว่า พระนิพพานไม่มีตัวตน เป็นสถานที่ซึ่งไม่มีความโลภ โกรธ หลง ดูเหมือนว่า เป็นจุดหมายที่ดีมาก แม้ว่าคนไทยทั้งหลาย พยายามครุ่นคิด " นี่เป็นวิกฤติการณ์ รุนแรง ที่สุด ที่เคยเกิดขึ้น ในศาสนาพุทธ" ร.ม.ช. อาคม เอ๋งฉ้วน กล่าวกับไทม์ " ถ้าหากการเบี่ยงเบนจากคำสอนนี้ ไม่มีการตรวจสอบ ไตร่ตรองให้ดี และมีการบิดเบือน ยิ่งขึ้นไปแล้ว ศาสนาพุทธ จะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง"
ความพยายามที่จะบิดเบือนสิ่งต่าง ๆ นี้ พระธัมมชโย กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่เกิดขึ้น จากข้อบัญญัติในคัมภีร์โบราณ ซึ่งขาดความสมบูรณ์ หรืออาจมีช่องว่างในคำสอนนั้น จริง ๆ แล้วการที่เราได้เรียนรู้จาก การปฏิบัติธรรม หรือการนั่งสมาธิ แลเห็นความเป็นจริง จากภายใน รู้เห็นด้วยตนเอง จึงจะสามารถทำให้เรารู้สิ่งที่แท้จริงได้ ซึ่งเป็นการยาก ที่จะเสนอหรือ แสดง ออกด้วยคำพูดใด ๆ ให้เข้าใจ ท่านกล่าวว่า โดยประเพณีปฏิบัติแล้วพระสงฆ์ ซึ่งอาจจะมีการเพิ่มเติมคำสอน หรือรับรู้สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น โดยอาศัยดุลยพินิจ ของตนเอง หลาย ๆ วัด ทำแม้ กระทั่ง การพยากรณ์ ดูดวง ให้หวย การทำเสน่ห์ (ทั้งหมดนี้ไม่ใช่วิถีของเถรวาทเช่นกัน) ตลอดจนการบริจาคโดยหวังสิ่งตอบแทน "ความนิยมของ ผู้ที่เข้ามาปฏิบัติ ในวัดพระธรรมกายนี้ เกิดมาจาก ความอ่อนแอของพระสงฆ์" คุณสนิทสุดา เอกชัย ผู้ช่วยบรรณาธิการ บางกอกโพสต์ กล่าวเอาไว้ "นักบวชไทยส่วนใหญ่ มักปลีกตัวออกไปจากสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับสังคม คนชั้นกลาง"
แม้ว่าทางธรรมกายจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่าวัดหรือพระรูปนี้ จะสั่งสอนไม่ถูกต้องกับคำสอน ของ พระศาสดา นัก ท่านไม่ควรเรียกตนเองว่า เป็นพระในพุทธศาสนา แบบเถรวาท " ท่านสามารถขายผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ได้ที่ท่านชอบ แต่ต้องไม่ทำยี่ห้อของ พระพุทธเจ้า เอามาใช้แข่งขัน อันไม่ยุติธรรมนี้ด้วย จริง ๆ แล้วประเพณีทาง พุทธศาสนานั้น มีความยุ่งยาก พออยู่แล้ว ในการอยู่รอด ในขณะที่ประเทศไทย มีการขยายตัวของเมืองหลวง และคำโต้แย้งของ ธรรมกาย ไปไกลเกินกว่า ที่จะตั้งคำถามขึ้นมา ว่า เป็นศาสนาเกี่ยวกับอนาคต หรือมันจะเป็นจริงในอนาคต ในขณะที่ประเทศกำลังเจริญเติบโต อย่างต่อเนื่อง ทางอุตสาหกรรม มีความทันสมัย และมีค่านิยม ทางการบริโภคมากขึ้น"
ถึงแม้ว่าพระรูปนี้จะถูกโจมตีโดยข้อกล่าวหาต่าง ๆ และยังถูกป้ายความผิด โดยทางราชการเอง เป็นผู้กล่าวหา พระธัมมชโย ก็ยังคงประสบความสำเร็จ ในการแนะนำและ นำเสนอ การปฏิบัติวิปัสสนา ในบางเรื่องเกี่ยวกับจิตวิญญาณ ให้แก่คนที่ปรารถนา หรือต้องการรู้ซึ้ง เกี่ยวกับมัน เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้วมา ทางวัดได้เปิดตัวหรือโต้ตอบรัฐบาล ที่กล่าวหาวัดว่า ทำความผิดอย่างร้ายแรง ซึ่งเป็นการละเมิด ทั้งทางตัวบทกฎหมาย กฎหมายรัฐธรรมนูญ และต่อสิทธิมนุษยชน ศาลไทยเองมีแนวโน้ม ในการดำเนินการล่าช้า และฝ่ายตรงข้าม ดูเหมือน จะมาแรง เป็นเวลาหลายเดือนแล้ว ถ้าไม่ใช้เวลาเป็นปี หรือหลายปี ไฟในการต่อสู้หรือโต้แย้ง ยังฝังอยู่ในจิตวิญญาณ "สังคมส่วนรวม ก็จะต้องตัดสินใจเอง" ดร.คริส เบเกอร์ นักประวัติศาสตร์ ผู้เขียนเกี่ยวกับ ประเทศไทย กล่าวว่า "ผู้คนกำลังวิ่งเข้าชนปัญหา เกี่ยวกับการพัฒนาเปลี่ยนแปลง สังคมเมือง ของศาสนาพุทธ และถ้าใช่จริง ๆ เขากำลังจะนำอะไร บางอย่างที่จะมาแทน? หรือจะปล่อยให้ศาสนาพุทธตายไป?" ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับ พระธัมมชโยก็ตาม คนไทยกำลังเผชิญหน้ากับคำถามที่ดี ในการต่อสู้ ที่จะต้องมีไปจนกว่า จะถึง ศตวรรษ หน้า
สายฝน ชัยรุ่งเรือง.......แปล
ตะวัน โฉมปรางค์...เรียบเรียง