A PILGRIMS JOURNEY Written by : Rhea Gibbs and Elona Markman Chi_rg@excite.com |
มุ่งแสวงหาสัจธรรม
โดย รีอา กิบบส์ และ อโลนา มาร์คแมน
วัชรวีร์ : แปล
24 มิถุนายน 2542
มนุษย์เราไม่ว่าจะอยู่แห่งหนตำบลใด ในบางครั้งบางคราวมักจะเคยถามตัวเองว่า เราเกิดมาทำไม สำหรับบางคน ความคิดทำนองนี้ หมายถึงจุดหมายของชีวิต หรือบ้างก็เป็นเพียงความคิด ธรรมดาๆ ว่าอะไรทำให้คนเราเลือกวิถีชีวิตอย่างใดอย่างหนึ่งสำหรับตนเอง ส่วนเรา (สองคน) คำถามนี้ย่อมหมายถึงสัจธรรมอันสูงสุด ในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงสองสัปดาห์ครึ่งในประเทศไทย สิ่งที่เราได้ค้นพบมีดังต่อไปนี้
ท่ามกลางองคาพยพที่ประกอบกันเป็นสถานที่ ที่เรียกว่าเมือง เราพบว่า เราเหมือนถูกโยนไปอยู่ในโลกที่แม้แต่ความฝันไม่อาจเปรียบได้ ภาพถนนที่เนืองแน่นไปด้วยรถตุ๊กตุ๊ก กลิ่นควันจากท่อไอเสีย สภาพที่หลากหลายคล้ายชีวิตยามราตรี.. อาหารรสเผ็ดจัดที่เข้ากันได้ดีกับอากาศที่ร้อนอย่างฉกาจฉกรรจ์ ความชื้นที่เป็นเสมือนผ้าบางๆ ที่คลี่คลุมคุณไว้ ในท่ามกลาง ความวุ่นวายกลับมีความเงียบสงบปรากฏอยู่ ณ สถานที่แห่งหนึ่งซึ่งต้องอาศัยคนขับแท็กซี่ที่ชำนาญมากๆ เท่านั้น จึงจะพาเราไปถึงสถานที่ ซึ่งเราได้พบกุญแจ ไขไปสู่ประตู ชีวิต พระธรรมกาย
สถานที่นี้เองที่เราหญิงสาวชาวนครนิวยอร์คสองคน ซึ่งเพิ่งใช้เวลาสองชั่วโมงเดินทางจากที่แห่งหนึ่งในเมืองไทย มาสู่ดินแดนที่ดูเหมือนร้าง และชื้นแฉะ และกำลังอยู่ในระหว่าง ก่อสร้าง สาธารณูปโภคพื้นฐานอยู่ สภาพถนนลูกรังที่ขรุขระ แน่ละนี่ย่อมไม่ใช่สถานที่ที่เรากำลังแสวงหา คือสถานที่ที่อบอุ่น และปลอดภัยสักแห่ง เพื่อจะซุกหัวนอน มีที่ฝึกสมาธิ เพื่อผ่อน คลายจิตใจที่อ่อนล้าของเรา และถ้าจะให้สมบูรณ์ ก็น่าจะมีภิกษุผู้เป็นกันเองสักรูป เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์
ราวหนึ่งชั่วโมงต่อมา เราประหลาดใจมาก กับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่เคยคาดคิด ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนที่ใด
สถานที่แห่งนี้ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นที่ว่าราวทะเลทราย บัดนี้มีผู้คนมากมาย เดินทางมาจากทั้งที่ใกล้และไกล ในมือของท่านเหล่านั้น ต่างถืออาสนะมาด้วย
ถึงขณะนี้เราเริ่มสับสน แต่ก็รู้สึกว่า บางอย่างที่จริงจัง กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า และแล้วเหล่าพระภิกษุ ในจีวรสีเหลือง ดุจแสงอาทิตย์ ก็ย่างกรายอย่างมีสติ ด้วยลักษณาการ อันสงบน่า เลื่อมใส เสียงเดินที่แผ่วเบาราวกับระวังไม่ให้ทารกที่กำลังหลับตกใจตื่น ภิกษุเหล่านี้เดินขึ้นไป นั่งบนอัฒจรรย์รูปครึ่งวงกลม ทุก ๆ คนที่อยู่รายรอบตัวเรา ต่างก็รีบไปจับจองที่นั่ง ในกลุ่มคน ที่เริ่มมากขึ้น ประมาณเก้าพันคนเป็นอย่างน้อย วัสดุสีเข้มที่ปูอยู่บนพื้นคอนกรีตนั้น ช่วยจัดระเบียบแก่สาธุชน ซึ่งเป็นภาพที่เราไม่เคยเห็นที่สหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ตามคนเหล่านี้ดูไม่มีพิษภัยอะไร มีผู้หญิงคนหนึ่งที่พูดภาษาอังกฤษได้ดี เชื้อเชิญเราไปพักที่บ้านของเธอ เมื่อทราบว่า เราไม่มีที่พักในวัด เนื่องจากการก่อสร้างอาคารที่พัก ยังไม่เรียบร้อย ผู้หญิงคนนี้ได้ช่วยแนะนำสิ่งต่างๆ และนำเรามาสู่ธรรมกาย เอโลน่าและข้าพเจ้าไม่เคยรู้จัก วิธีการทำสมาธิที่แท้จริงมาก่อน เหตุนี้เราจึงเลือกที่นี่เป็นจุดเริ่มต้น ของการ เดินธุดงค์ เพื่อค้นหาจิตวิญญาณของเรา ก่อนจะเดินทางไปยัง อินเดียและเนปาล
เรากำลังศึกษาพุทธศาสนาในวัฒนธรรมไทย แต่สิ่งที่ควบคู่ไปกับความรู้สึกที่กำลังได้รับคือ ความสงบอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ซึ่งดูเหมือนว่า ได้กลิ่นเราทั้งคู่ไปแล้ว นี่คือเวลา ที่เราได้ลิ้มรสความสุข จากการนั่งสมาธิ ที่วัดพระธรรมกายเป็นครั้งแรก
วันแรกที่วัดเราไม่ได้ทำอะไรนัก นอกจากสังเกตการณ์ แล้วเราก็ได้พบความเจริญทางจิตวิญญาณ ที่เผยออกมาต่อหน้าของเรา แต่ละคนที่เราได้พบ บ่งบอกถึงความสงบ ที่อยู่ภายใน อย่างแท้จริง รวมทั้งความสงบสุข ที่เปล่งประกายออกมาจากทุกอณูเนื้อของเขาเหล่านั้น ไม่นานเราก็พบว่า วิสัยทัศน์ของคนเหล่านั้น เป็นของแท้ สิ่งที่เขาต้องการคือ วินัยแห่งการหยุดนิ่ง ด้วยความสงบ เพื่อขยายใจไปสู่ปัญญาเบื้องสูงขึ้นไป กระทั่ง สามารถบรรลุธรรมด้วยตนเอง และจะแผ่ขยายความสุข ที่ได้ไปสู่มวลมนุษยชาติ ช่างลึกซึ้งอะไรเช่นนี้
ห้าวันก่อนหน้านี้ ถ้าใครสักคนเอ่ยกับเราถึงคำว่า ธรรมกาย ความรู้สึกของเราก็คงแปลก เหมือนนกเพนกวิน มาเดินอยู่กลางประเทศไทย คำสอนของธรรมกาย ทำให้เรารู้สึกกล้าหาญ และเกิดพลังในจิตวิญญาณ เพราะไม่เพียงแต่ทำให้เราเห็นถึง ศักยภาพของตัวเองเท่านั้น แต่ยังเน้นให้เห็นว่า เราทั้งหมดสามารถ เดินบนทางสายนี้ได้อย่างไร ขอเพียงแต่ เรารับฟังความจริง ที่อยู่ภายในใจของเราเอง
สิ่งที่ประทับใจที่สุดของเราสองคน เกี่ยวกับธรรมกายก็คือ แม้ว่าธรรมกายจะตั้งอยู่บน พื้นฐานของคำสอน และการปฏิบัติในพุทธศาสนา แต่ชาวธรรมกาย ก็เชื้อเชิญทุกคน ให้มาค้นหา สัจธรรม โดยไม่มีการรบเร้า ด้วยเทคนิคการขายใดๆ นอกจาก ความสุขความเบิกบานเท่านั้น พวกเขาต้องการให้ทุกๆ คนค้นพบแสงสว่าง อันเป็นเครื่องนำทางชีวิต ด้วยตัวเอง สิ่งที่คุณจำเป็น ต้องทำคือ การเปิดความคิด และจิตใจของตัวเองเท่านั้น สมาธิเป็นสิ่งสำคัญ สิ่งอื่นนั้นเป็นรอง เราเชื่อเพราะการฝึกสมาธิที่นี่ปลุกเราให้ตื่นขึ้น วิธีการที่ง่ายๆ อย่างที่คนไทยเรียกว่า "สบายๆ" ยิ่งทำให้การปฏิบัติธรรมนี้ น่าสนใจมากขึ้นไปอีก และในที่สุดเราก็ได้สัมผัสถึง ศูนย์กลางกายของเรา ด้วยตัวเอง ซึ่งน่าตื่นเต้นอัศจรรย์กับ ความปลอดโปร่ง จากความทุกข์ จากทุกข์ทั้งปวง ในชีวิต เรารู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ วัดพระธรรมกาย เป็นอย่างยิ่ง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ ที่ทำงานอย่างหนัก เพื่อบริการผู้คนทุกชนชั้น ผู้ที่แบ่งปันหัวใจ และความรักแก่ทุกๆ คน ที่ได้มาถึงผืนแผ่นดิน วัดพระธรรมกายแห่งนี้
ห้าวันก่อนเรายังเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ แต่มาวันนี้ เราได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวธรรมกาย เรามาที่นีแล้ว ได้ค้นพบตัวเอง เราเชื่อว่า เป็นเช่นนั้น เราขอเชิญให้คุณ ได้ทำสิ่งเดียว กันนี้ คือการได้สัมผัสความสุข จากธรรมกายด้วยตัวของคุณเอง
ขอสันติสุข จงบังเกิดขึ้นในใจของคุณ
รีอา กิบบส์ อายุ 20 ปีเศษ ทำงานด้านการเงินที่วอลสตรีท ความสามารถพิเศษ คือ เป็นนักร้องโอเปร่า อโลนา มาร์คแมน นักขาย อายุไล่เลี่ยกัน มีพรสวรรค์ในการเต้นโมเดิร์นดานซ์ ทั้งสองโคจรมาพบกันเมื่อสี่ปีก่อน หลังจากถูกพายุแห่งชีวิต โหมกระหน่ำ เธอทั้งสองหยิบจับพุทธศาสนาขึ้นมาเป็นเครื่องเยียวยา และเริ่มแสวงหาคำตอบให้กับชีวิต รีอาบอกว่า กว่า 90 เปอร์เซนต์ ของคำถาม ได้รับคำตอบที่นี่ หนังสือพุทธศาสนากว่าร้อยเล่มที่เคยอ่าน การฝึกตัวเอง ในการใช้พลังพิเศษ ที่เรียกว่า ริกกี้ จนถึงขึ้นสามารถใช้รักษาคนป่วยได้
ที่สุด .. ทั้งสองสารภาพว่า ที่ผ่านมาเป็นเพียงประสบการณ์ เพื่อก้าวไปสู่สิ่งที่พวกเขาเรียกว่า กุญแจไขไปสู่ประตูชีวิต การปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง เพียง 5 วัน ที่วัดพระธรรมกาย ทั้งสองพบความอัศจรรย์ของชีวิตด้วยวิธีที่ ตรงและง่าย อย่างไม่น่าเชื่อ เพื่อตอบแทนบุญคุณ ทั้งสองต้องการจะบอกกล่าวขุมทรัพย์นี้ให้กับคนไทย