ปีที่ 2 ฉบับพิเศษ ประจำวันอาทิตย์ที่ 18 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2542

เจ้าคุณกิตติวุฑโฒ เฆี่ยนสื่อให้ทำตัวเป็นกลาง

สัมภาษณ์พิเศษพระเทพกิตติปัญญาคุณ (กิตติวุฑโฒ)

โดยทีมข่าวพิมพ์ไทย

พิมพ์ไทย : กราบนมัสการหลวงพ่อครับ ทราบข่าวว่า ศาลฎีกาตัดสินยกฟ้องหลวงพ่อแล้ว เลยขอโอกาสมาสัมภาษณ์ ช่วงนี้สื่อเมืองไทยของเรา มักจะวิจารณ์พระ บ่อยๆ เท่าที่หลวงพ่อประสบด้วยตนเอง เป็นอย่างไรครับ

พระกิตติวุฑโฒ :     ไม่ได้รับความเป็นธรรมมาตลอด และก็โดยเฉพาะสื่อกับที่นักวิชาการบางคน ปากพล่อย ทำหน้าที่เป็นศาลเสียเองพิพากษา ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ สมควรเป็นอย่างยิ่ง สื่อจะต้องให้ความเคารพ ศาล สื่อต้องเคารพกติกาของสังคม อย่าทำหน้าที่เป็นผู้พิพากษาเสียเอง มิฉะนั้นแล้ว สังคมจะวุ่นวาย ถ้าทุกคนไม่เคารพกติกา จะวุ่นวาย ต้องเคารพพระ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องศาลสงฆ์ ศาลฆราวาส ต้องเคารพในกติกาของสังคม

พิมพ์ไทย : แล้วสื่อมวลชนที่เป็นชาวพุทธอย่างแท้จริง ควรเสนอข่าวอย่างไรครับ

พระกิตติวุฑโฒ :     คือให้ความจริงแก่ประชาชนครบทุกๆ ด้าน และต้องปราศจากอคติเข้าครองงำใจ ไม่อยู่ใต้อำนาจของฉันทาคติ โทสาคติ โมหาคติ และภยาคติ ควรเสนอข่าวให้ถูกต้อง พระพุทธศาสนานั้น ทนต่อการพิสูจน์ และถึงแม้เกี่ยวกับพระสงฆ์เรา พระสงฆ์ก็พร้อมที่จะให้พิสูจน์ เพราะพระสงฆ์เป็น สาวกของพระพุทธเจ้า แต่ขอให้เสนอข่าวให้เป็นธรรม และก็ขอให้อยู่ในกรอบ ของศีลธรรมอันดีงาม ไม่ควรที่จะออกข่าว ในลักษณะก้าวร้าว หยาบคาย ขาดคารวธรรม ซึ่งเป็นวัฒนธรรมอันดี ของคนไทยและของชาวพุทธ ถ้าเป็นชาวพุทธ ชาวพุทธต้องมีความเคารพ พระรัตนตรัย การจะพูดการจะเขียน ก็ควรทำด้วยความ เคารพ แต่เราไม่กลัวความจริง แต่ทุก วันนี้ข่าวที่ออกไป ส่วนมากแล้ว ขาดคารวธรรม และเสนอด้วยอคติ ด้วยความหยาบคาย เรียกพระก็จิกหัวด่าทุกวัน อย่างนี้ใช้ไม่ได้

มันเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีของเยาวชนรุ่นหลัง ต่อไป ทำให้เกิดความรู้สึก กระด้างกระเดื่อง ต่อสิ่งที่ควร เคารพบูชา และต่อไปคารวธรรม มันจะหมดไป ขนาด นักบวช ผู้ทรงศีลยังทำกันขนาดนี้ แล้วคนสามัญธรรมดา จะให้มีความเคารพกันได้อย่างไร เด็กก็ไม่เคารพผู้ใหญ่ ต่อไปก็คงจะขาดความเคารพพ่อแม่ ศิษย์ก็คงขาดความเคารพครู เพราะแบบอย่างจากสื่อมวลชน ออกมาอย่างนี้ มันไม่ถูกตามวัฒนธรรมไทย และก็ปล่อยให้ออกมาได้อย่างไรก็ไม่รู้ มันทำลายวัฒนธรรมอันดีงามของไทย

พิมพ์ไทย : หลวงพ่อครับ คือตอนนี้เท่าที่ผมทราบ ในฐานะสื่อเอง เขาให้เสรีภาพเยอะเหลือเกิน เขาปิดโรงพิมพ์ไม่ได้นะครับ กฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เขาปิดโรงพิมพ์ไม่ได้ นอกเสียจากเป็นทำนองว่า ทำลาย ความมั่นคง อย่างนี้ถึงจะสั่งปิดได้ครับ

พระกิตติวุฑโฒ : คือกฎหมายให้เสรีภาพน่ะดีแล้ว แต่ควรจะใช้เสรีภาพให้ถูกต้อง ไม่ใช้เสรีภาพ ไปล่วงล้ำสิทธิเสรีภาพของคนอื่น ซึ่งเมื่อใช้เสรีภาพไปล่วงล้ำ สิทธิเสรีภาพของคนอื่น ทำให้เสียหาย และถ้าผู้เสียหาย จะตอบโต้สื่อบ้างหล่ะ ผู้นั้นก็ไม่มีสิทธิ์ ที่จะมาเขียนข่าวแก้ได้ แต่การที่เราไปทำอะไร ในสิ่งที่ไม่เป็นธรรม มันไป เร่งเร้าให้เกิด ความรุนแรง ตอบโต้ได้ และมันก็จะเกิดความรุนแรงขึ้น ในสังคมไทย ซึ่งในสังคมเรา ยังไม่เคยเกิดขึ้น แต่อาตมาว่า ถ้าปล่อยไปอย่างนี้ มันจะต้องเกิดขึ้น สักวันหนึ่ง อย่างแน่นอน

พิมพ์ไทย : แต่เคยเห็นคนที่เขาไปกรีดเลือดประท้วง เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย

พระกิตติวุฑโฒ : นั่นแหละเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ถ้าเป็นชาวพุทธจริงจะไม่ทำอย่างนั้น

พิมพ์ไทย : ไม่แน่เหมือนกันนะครับ คนที่ทำอาจจะไม่ใช่ชาวพุทธก็ได้นะครับ

พระกิตติวุฑโฒ : ใช่ อาจจะรับจ้างมา เดี๋ยวนี้มักจะอ้างว่า ทำเพื่อพระพุทธศาสนา ปกป้องศาสนา แต่ที่แท้มันคือการทำลาย

พิมพ์ไทย : หลวงพ่อครับ แล้วกรณีของสื่อมวลชน ผมเคยเห็นในอดีต การรับผิดชอบของสื่อมวลชนอย่าง ในอดีต ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล ท่านเคยไปละเมิดสิทธิ ของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ที่หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ท่านไม่สบาย อยู่ในโรงพยาบาล แล้วดร.สมเกียรติก็ให้นักข่าวไปถ่ายว่า หม่อมคึกฤทธิ์ทานอะไรเหลืออย่างนี้ หม่อมคึกฤทธิ์ท่าน รู้สึกว่า ไปละเมิดท่าน จนกระทั่ง ดร. สมเกียรติ อ่อนวิมล ยอมไปขอขมาโทษ แต่สื่อปัจจุบัน ที่ลงข่าวไม่ดีกับตัวหลวงพ่อเอง กับทางเจ้าอาวาส วัดพระธรรมกาย ทำไมเขาไม่ขอขมา จะสามารถ เอาหลักธรรมอะไร มาอธิบายให้สื่อเข้าใจได้ไหมครับ

พระกิตติวุฑโฒ : (หัวเราะ) การไปขอขมาเนี่ย เป็นการชี้ให้เห็นพื้นฐานจิตใจของคน ถ้าเขาถูกอบรมมาดี ถ้ารู้ตัวว่าผิด ก็ต้องไปขอขมา นี่คือชาวพุทธที่ดี อย่าง ที่เขาเขียนล่วงเกินอาตมา มาตลอด เรื่องตั้งศาลเตี้ยวินิจฉัยว่า ผิดอย่างนั้นผิดอย่างนี้ การทำอย่างนี้ไม่ถูกต้อง ทั้งๆ ที่คดีอยู่ในชั้นศาล อาตมาจะโต้ตอบก็ไม่ได้ เพราะว่า อยู่ใน การพิจารณาของศาล แต่เมื่อศาลพิจารณา ยกฟ้องอาตมา ออกมาอย่างนี้แล้ว แทนที่สื่อจะเขียนขอโทษ หรือว่าลงข่าวให้ดีๆ ตามที่ศาลท่านพิจารณา ศาลท่านพูดมา อย่างไร ก็ลงให้ครบถ้วน กระบวนความ แต่เขาก็ไม่ลงให้ครบถ้วน ตามคำพิพากษา (หัวเราะ) แต่ก่อนนี้ เขาลงข่าว วิพากษ์วิจารณ์อาตมาทางร้าย มาตลอด ตั้งตัวเป็น ศาลเตี้ยเอง ตัดสินอะไรเอง หาว่า เราเป็นพระ ไปทำผิดอย่างนั้นอย่างนี้ เหมือนเป็นอาชญากรสงคราม

พิมพ์ไทย : พูดถึงตอนนี้นะครับ เกี่ยวกับเรื่องฆราวาสไปละเมิดพระภิกษุ มีกระแสที่จะเปลี่ยนจะมีการปรับปรุง พรบ.สงฆ์ ที่จะให้ฆราวาส มาปกครองพระภิกษุ แต่เขาใช้นามสวยหรูว่า คณะกรรมการอุปถัมภ์ และคุ้มครอง พระพุทธศาสนา

พระกิตติวุฑโฒ : ชาวพุทธไม่โง่ อาตมาว่า พรบ. ฉบับนี้คือ พรบ.ทำลายศาสนา ย่ำยีศาสนา คิดว่า หากชาวพุทธรู้ ก็คงไม่ยอม

พิมพ์ไทย : กลัวว่าเขาจะไปหมกเม็ด

พระกิตติวุฑโฒ :     หมกเม็ดก็ไม่ได้ กฎหมายออกมาขัดรัฐธรรมนูญ ผิดพระธรรมวินัย รัฐธรรมนูญ ยังต้องมีการแก้เลย อย่าว่าแต่กฎหมายลูก ถ้าผิดหรือขัด รัฐธรรมนูญ กฎหมายลูก ก็ต้องไม่มีผลบังคับใช้

พิมพ์ไทย : ครับหลวงพ่อ อยากขอเรียนถามหลวงพ่อว่า หน้าที่ของอุบาสก อุบาสิกา ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ไว้นั้น คืออะไร เพราะตอนนี้ พูดกันมากเหลือเกินว่า ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ยังเป็นพุทธบริษัท 4 ต้องดูแลพระพุทธศาสนา ต้องมาแก้ไข อยากจะให้ทราบถึงว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านให้หน้าที่ของแต่ละส่วนว่า ต้อง ทำอะไรบ้าง

พระกิตติวุฑโฒ :     เวลานี้ อุบาสก อุบาสิกา ไม่รู้หน้าที่ และก็ทำเกินหน้าที่ ซึ่งต้องพูดกันยาว อุบาสก อุบาสิกา ไม่ได้ทำหน้าที่ของความเป็น อุบาสก อุบาสิกา ให้ สมบูรณ์

พิมพ์ไทย : ในคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ของผมน่ะครับ มีบทความนึงส่งมา เขาให้เรียกตัวเองว่า มหาชาย เขาเขียนมาว่า ภิกษุณีเนี่ยะถือศีล 311 ข้อ พระพุทธเจ้า ยังกำหนดให้ภิกษุณี ต้องไหว้พระ ต้องเคารพพระ ไม่ให้มาว่าพระด่าพระเลย

พระกิตติวุฑโฒ :     เออ ยังต้องเคารพพระ

พิมพ์ไทย : พระบวชใหม่วันเดียว ภิกษุณีแม้จะมีพรรษามากกว่า ยังต้องกราบเลย อันนี้เป็นความจริงใช่ไหมครับ

พระกิตติวุฑโฒ :     เป็นความจริง ยังต้องให้ความเคารพ พระแม้จะเพิ่งบวชใหม่เพียงวันเดียว ไม่ว่าภิกษุณีนั้น จะกี่พรรษาแล้วก็ตาม อยู่ในครุธรรม 8 ประการ ที่พระพุทธเจ้า ทรงประทานให้กับ พระนางปชาบดีโคตมี เมื่อจะทรงขอบวชเป็นภิกษุณี

พิมพ์ไทย : อ๋อ แล้วถ้าอย่างนั้น ฆราวาสที่ถือศีลแค่ 5 ข้อ ครบบ้างไม่ครบบ้างนี่ แล้วไปกล่าวจาบจ้วงพระนี่ก็

พระกิตติวุฑโฒ :     ใช่ ยิ่งหนักเข้าไปอีกเลย

พิมพ์ไทย : แล้วนี่จะทำอย่างไร ให้คนทั่วไป ได้รู้ตรงจุดนี้กันน่ะครับ

พระกิตติวุฑโฒ :     ก็ต้องช่วยกันเผยแผ่ล่ะนะ โบราณเขาเผยแผ่ สอนลูกสอนหลานกันตลอด ขนาดเดินสวนกับพระ ยังไม่ให้เหยียบเงาพระเลย แม้แต่เงาพระ ยังไม่เหยียบเลย เหยียบหัวพระ จิกหัวด่าพระ ทุกวัน

พิมพ์ไทย : แสดงว่าปู่ย่าตายายของเรานี่ เคารพพระมากเลยนะครับ หลวงพ่อครับ จะขอความคิดเห็น ของหลวงพ่อนะครับ ที่ว่าปัจจุบันนี้ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ไม่ได้กำหนดว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนา ประจำชาติ หลวงพ่อว่า เป็นเพราะตรงนี้หรือเปล่า ที่ทำให้สื่อมวลชน เกิดพฤติกรรมแปลกๆ ในช่วงนี้นะครับ

พระกิตติวุฑโฒ :     ก็อาจจะมีส่วนหนึ่งล่ะนะ แต่ว่าคน ไทยเรา ก็ต้องให้ความเคารพ พระรัตนตรัย ถึงจะไม่มี รัฐธรรมนูญเขียนก็ตามเถอะ แต่โดยสามัญสำนึก ของตัวเอง ก็ต้องรู้หน้าที่ของความเป็น อุบาสก อุบาสิกา รู้ หน้าที่ ของความเป็น พุทธศาสนิกชน แต่เดี๋ยวนี้ เขาไม่รู้หน้าที่ของเขา เขาถือว่า พวกหัวดำดีกว่าหัวโล้น ทำให้ ตัวเองทุศีล ศีล 5 ยังไม่มีเลย แต่มานั่งวิจารณ์พระ

พิมพ์ไทย : ตอนเย็นอาจจะมานั่งดื่มเหล้า เข้าบาร์ พอเช้ามาก็ด่าพระต่อ

พระกิตติวุฑโฒ :     ใช่

พิมพ์ไทย : ตามรายการวิทยุต่างๆ

พระกิตติวุฑโฒ :     เพราะไม่ดูตัวเอง ไม่พิจารณาตัวเอง

พิมพ์ไทย : หลวงพ่อครับ แล้วตอนนี้บทบาทของรัฐบาล ที่ให้ความคุ้มครองคณะสงฆ์ สมเด็จพระสังฆราชและมหาเถรสมาคม ควรต้องเพิ่มเติมอย่างไรดี

พระกิตติวุฑโฒ :     คิดว่ารัฐบาลต้องมีมาตรการเข้มงวด เพราะถ้ารัฐบาลปล่อยไปอย่างนี้ มันจะเป็นผลระยะยาว รัฐบาลเองจะลำบาก ขนาดสถาบันศาสนาเอง มันยังย่ำยีขนาดนี้ ต่อไปก็คงไม่เหลือ

พิมพ์ไทย : หลวงพ่อครับ ตามความรู้สึกส่วนตัวของหลวงพ่อที่ถูกสื่อมวลชนใส่ร้ายป้ายสี ก่อนที่จะมีคำตัดสิน หลวงพ่อรู้สึกอย่างไรครับ

พระกิตติวุฑโฒ : ต้องใช้ความอดทนมาตลอด เพราะ เราอยู่ในฐานะที่พูดทำอะไรไม่ได้ ต้องปล่อยให้เขาใส่ร้ายมาตลอด ต้องใช้ความอดทนอย่างมาก

พิมพ์ไทย : เหมือนขันติธรรมใช่ไหมครับ

พระกิตติวุฑโฒ :     ใช่ ต้องใช้ขันติธรรมอย่างมากมาโดยตลอด

พิมพ์ไทย : หลวงพ่อครับ ในแนวคิดของหลวงพ่อกับหลวงพ่อวัดพระธรรมกาย ก็ให้แนวคิดที่ค่อนข้างจะคล้ายกัน

พระกิตติวุฑโฒ :     มันสูตรเดิม สูตรเดียวกัน อาตมา ผ่านเหตุการณ์นี้มา ก็เข้าใจและเห็นใจ เพราะอาตมาเคยเจอมาก่อน เจอมาสารพัด ชนิดสารพัดรูปแบบ แต่ อาตมาก็รอดมาได้ ด้วยความสุจริต และด้วยความอดทน

พิมพ์ไทย : ครับ

พระกิตติวุฑโฒ :     ในปัจจุบันนี้ ความจำเป็นก็มีไม่เท่ากัน อย่างพระภิกษุสามเณรนี่ เคยมีถึง 1,000 รูป เวลาใช้โบสถ์ก็ต้องใช้ถึง 3-4 โบสถ์ อย่างทำสังฆกรรม ต้องใช้วัด 3-4 วัด เพราะโบสถ์มีโบสถ์เดียว ซึ่งมันก็ถูกต้องตามพระธรรมวินัย แต่ผิดพุทธประสงค์ ฟังให้ดีนะ ถูกต้องตามพระธรรมวินัย แต่ผิดวัตถุประสงค์ เพราะอะไร ก็เพราะว่าพุทธประสงค์ พระอยู่วัดไหน ก็ต้องใช้โบสถ์วัดนั้นร่วมกัน เพื่อความสามัคคีของหมู่คณะสงฆ์ อย่างวัดพระธรรมกายมีหมู่คณะมาก มีพระเณร อุบาสกอุบาสิกามาก ก็ต้องใช้สถานที่ใหญ่ ซึ่งต้องดูที่การใช้งาน

พิมพ์ไทย : อย่างนี้พอจะเข้าใจ แต่ผมคิดว่า สถานที่ ที่เป็นคาเฟ่ต่างๆ ทั่วประเทศ เมื่อเทียบกับวัดทั่วประเทศเนื้อที่ยังน้อยกว่า

พระกิตติวุฑโฒ :     ใช่

พิมพ์ไทย : อีกนิดหนึ่งครับ แนวทางการเผยแผ่ปัจจุบัน หลวงพ่อคิดว่าควรจะเป็นรูปแบบใด

พระกิตติวุฑโฒ :     ในปัจจุบันควรใช้เครื่องไม้เครื่องมือ ให้เกิดประโยชน์ ไม่เหมือนสมัยพุทธกาล ที่ยังไม่มี ปัจจุบัน มีคอมพิวเตอร์ เราก็ต้องใช้เพื่อปรับปรุง วิธีการ ตามสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป

พิมพ์ไทย : ท้ายที่สุดนี้ กราบเรียนหลวงพ่อช่วย ให้โอวาทในช่วงท้ายเพื่อให้หลักแก่ชาวพุทธด้วยครับ

พระกิตติวุฑโฒ :     ต้องมีสติ ยึดในหลักธรรม นอกจากมีปัญญาแล้ว ต้องประกอบด้วยสติควบคู่กันไปด้วย หลายคนมีปัญญา ใช้ปัญญาอย่างเดียวโดยขาดสติ ทำให้ใช้ปัญญาของตน ในการทำความเสียหายก็มี พบได้บ่อยๆ ถามว่า พวกโจรเดี๋ยวนี้โง่ไหม ไม่โง่นะ เป็นโจรปัญญาชนทีเดียว ยิ่งเรียนสูง ฉลาดมาก ปัญญามาก ยิ่งโกง แล้วจับยาก เพราะเขาขาดสติ ทำให้หิริโอตตัปปะหดหายไป ทำให้เมืองไทยวุ่นวาย เหมือนปัจจุบัน ขอเจริญพร