วัดพญาวัด
ตั้งอยู่ที่บ้านพญาวัด ตำบลดู่ใต้ ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 101 ก่อนถึงตัวเมืองน่าน
มีทางแยกซ้ายมือเข้าทางหลวงหมายเลข 1025 เข้าไปประมาณ 300 เมตร วัดพญาวัดนับเป็นปูชนียสถานที่เก่าแก่และสำคัญของจังหวัดน่านแห่งหนึ่ง
มีเจดีย์จามเทวี หรือ พระธาตุวัดพญาวัด ซึ่งเป็นศิลปะผสมระหว่างล้านนา ล้านช้าง
และศิลปะน่าน และพระพุทธรูปพระเจ้าสายฝน พระดิษฐานอยู่ภายในพระวิหาร ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านและมาขอฝนเมื่อเกิดความแห้งแล้วฝนไม่ตกตามฤดูกาล
วัดพระธาตุเขาน้อย
ตั้งอยู่ที่ตำบลไชยสถาน เส้นทางเดียวกันกับวัดพญาวัด ตรงหลักกิโลเมตรที่ 2 สันนิษฐานว่ามีอายุใกล้เคียงกับพระธาตุแช่แห้ง
จากบนยอดเขาจะมองเห็นทิวทัศน์ด้านล่างและวัดพระธาตุแช่แห้งได้อย่างชัดเจน
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน
| ตั้งอยู่ภายในบริเวณคุ้มของอดีตเจ้าผู้ครองนครน่าน
ที่เรียกว่า "หอคำ" โดยเจ้าสุริยพงศ์ผริตเดช เจ้าเมืองน่าน สร้างขึ้นเป็นที่ประทับ
เมื่อ พ.ศ. 2446 ลักษณะตัวอาคารโอ่โถงงดงามก่ออิฐถือปูนแข็งแรง แต่ตกแต่งให้อ่อนช้อยสวยงามด้วยลายลูกไม้
นับเป็นสถาปัตยกรรมก่อสร้างที่ดีเด่นแห่งหนึ่งของเมืองไทย
นอกจากนั้นบริเวณด้านหน้าพิพิธภัณฑ์เป็นที่ตั้งอนุสาวรีย์เจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช
ผู้เป็นเจ้าของหอคำแห่งนี้ด้วย กรมศิลปากรได้รับมอบอาคารหอคำเพื่อใช้เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจังหวัดน่าน
เมื่อปี พ.ศ. 2517 แล้วจึงนำโบราณวัตถุ ตลอดจนสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์
ศิลปะ โบราณคดี และชาติพันธุ์วิทยาประจำท้องถิ่น มาจัดแสดงให้ชมอย่างมีระบบและระเบียบสวยงาม
คือ ส่วนที่เป็นห้องจัดแสดงชั้นล่าง จัดแสดงชาติพันธุ์วิทยาเกี่ยวกับล้านนา
เช่นลักษณะอาคารบ้านเรือนและเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน การทอผ้าและผ้าพื้นเมืองน่านแบบต่างๆ
ที่สวยงามมาก การสาธิตงานประเพณีและความเชื่อต่างๆ เช่น การแข่งเรือ จุดบ้องไฟสงกรานต์
และพิธีสืบชะตา เป็นต้น ที่น่าสนใจในการจัดแสดงห้องโถงข้างล่างนี้ ยังมีการจัดแสดงเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่และเครื่องใช้ของชนกลุ่มน้อยในเมืองน่าน
รวม 5 เผ่าด้วยกัน คือ ไทยลื้อ แม้ว เย้า ถิ่น และผีตองเหลือง ส่วนบริเวณห้องจัดแสดงชั้นบน
เป็นการจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเมืองน่าน การสร้างเมือง
และ โบราณสถานที่สำคัญ รูปถ่ายโบราณ งานประณีตศิลป์ เครื่องใช้เงินตรา อาวุธ
ศิลาจารึก และเครื่องถ้วยชามที่ค้นพบในเมืองน่านที่สำคัญที่สุดได้แก่ ห้องเก็บ
"งาช้างดำ" ซึ่งเป็นปูชนียวัตถุคู่เมืองน่าน ตามประวัติกล่าวไว้ว่า
ได้มาจากเมืองเชียงตุง ตั้งแต่ครั้งโบราณ เมื่อเจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้าผู้ครองนครน่านองค์สุดท้ายถึงแก่พิราลัย
เจ้านายบุตรหลานจึงมอบให้เป็นสมบัติของแผ่นดินพร้อมหอคอย ลักษณะของงาช้างดำนี้เป็นงาปลีเปลือกสีน้ำตาลเข้า
ขนาดความยาว 97 เซนติเมตร วัดโดยรอบ 47 เซนติเมตร มีน้ำหนักประมาณ 18 กิโลกรัม
ส่วนปลายมนมีจารึกอักษรธรรมล้านนา ภาษาไทยกำกับไว้ว่า "กิ่งนี้หนักหนึ่งหมื่นห้าพัน"
หรือประมาณ 18 กิโลกรัม
|
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจังหวัดน่าน เปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าชมตั้งแต่เวลา
09.00 - 16.00 น. ทุกวัน เว้นวันจันทร์ อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์ โดยเสียค่าธรรมเนียมเข้าชม
ชาวไทยคนละ 5 บาท ชาวต่างประเทศ 10 บาท รายละเอียดติดต่อ โทร. 054-710561
วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร
| อยู่ตรงข้ามพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน เดิมชื่อ วัดหลวงกลางเวียง
หลักฐานตามศิลาจารึกหลักที่ 74 ที่ค้นพบภายในวัดกล่าวว่า พญาพลเทพ
ฤๅชัย เจ้าเมืองน่านได้ปฏิสังขรณ์บูรณะ วิหารหลวงเมื่อ พ.ศ. 2091 วัดนี้มีเจดีย์ช้างค้ำ
ซึ่งเป็นศิลปะสมัยสุโขทัย อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 20 รอบเจดีย์มีรูปช้างโผล่ออกมาครึ่งตัว
นอกจากนั้นวัดช้างค้ำยังมีพระพุทธรูปทองคำปางลีลาชื่อ พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี
ซึ่งเป็นทองคำ 65% สูง 145 เซนติเมตร ยอดพระโมฬี ทำเสริมเมื่อ พ.ศ.
2524 หนัก 69 บาท เจ้างั่วฬารผาสุม เจ้าผู้ครองนครน่านองค์ที่
14 แห่งราชวงศ์ภูคา เป็นผู้สร้างเมื่อวันพุธ เดือน 6 เหนือ พ.ศ. 1969 ประดิษฐานอยู่ที่กุฏิเจ้าอาวาส
|
วัดภูมินทร์
อยู่ใกล้กับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจังหวัดน่าน เป็นวัดที่มีลักษณะแปลกกว่าวัดอื่นๆ
คือ โบสถ์และวิหารสร้างเป็นอาคารหลังเดียวกัน ประตูไม้ทั้งสี่ทิศแกะสลักลวดลายงดงามโดยฝีมือช่างล้านนาไทย
นอกจากนี้ฝาผนังภายในวิหารยังมีจิตรกรรมฝาผนัง แสดงถึงชีวิตและวัฒนธรรมของยุคสมัยที่ผ่านมา
ตามพงศาวดารของเมืองน่านวัดภูมินทร์สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2139 โดยพระเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์เจ้าผู้ครองนครน่าน
ได้สร้างขึ้นหลังจากที่ครองนครน่านได้ 6 ปี มีปรากฎในคัมภีร์เมืองเหนือว่า
เดิมชื่อ "วัดพรหมมินทร์" ซึ่งเป็นชื่อของเจ้าเจตบุตร พรหมมินทร์ ผู้สร้างวัด
แต่ตอนหลังชื่อวัดได้เพี้ยนไปจากเดิมเป็นวัดภูมินทร์ดังกล่าว |
|
| ความสวยแปลกของวัดภูมินทร์ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน
เป็นหนึ่งเดียวในประเทศไทยก็คือ เป็นพระอุโบสถทรงจตุรมุข พระประธานจตุรพักตร์นาคสะดุ้งขนาดใหญ่แห่แหนพระอุโบสถเทินไว้กลางลำตัวนาค
พระอุโบสถจตุรมุขนี้ กรมศิลปากรได้สันนิษฐานว่า เป็นอุโบสถจตุรมุข หลังแรกของประเทศไทย
ตรงใจกลางพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ 4 องค์ หันพระพักตร์ออกด้านประตูทั้ง
4 ทิศ หันเบื้องพระปฤษฎางค์ชนกัน ประทับนั่งฐานชุกชี เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย
ผู้ที่ไปชมความงามของพระอุโบสถนี้ไม่ว่าจะเดินขึ้นบันได ทิศไหน ก็จะพบพระพักตร์พระพุทธรูปทุกด้านไป
วัดภูมินทร์ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่เมื่อปี พ.ศ. 2410 หลังจากที่สร้างมาได้
271 ปี โดยพระเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าผู้ครองนครน่าน โปรดให้ซ่อมแซมเป็นครั้งใหญ่
แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2418 ใช้เวลาซ่อมแซมนามถึง 9 ปี กรมศิลปากรสันนิษฐานว่า
ภาพจิตรกรรมฝาผนังคงจะวาดในสมัยที่ซ่อมแซมครั้งใหญ่นี้ สำหรับช่างผู้วาดนั้นไม่ปรากฏประวัติ
ทราบแต่ว่าเป็นศิลปกรรมแบบชาวไทยลื้อ
|
งานจิตรกรรมฝาผนัง แบ่งเป็น 3 ลักษณะ คือ แสดงเรื่องชาดกวิถี ชีวิตตำนานพื้นบ้าน
และความเป็นอยู่ของชาวน่านในอดีต ได้แก่ การแต่งกาย คล้ายผ้าซิ่นลายน้ำไหล การทอผ้าด้วยกี่ทอมือ
การติดต่อซื้อขายกับชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังอันเลื่องชื่อไปทั่วประเทศ
นอกจากนี้สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ บานประตูแกะสลักทั้งสี่ทิศแกะสลักลึกเป็น
3 ชั้น บนไม้สักทองแผ่นเดียวขนาดใหญ่ ความหนาของไม้ประมาณ 4 นิ้ว สลักเป็นลวดลายเครือเถาที่มีทั้งดอกและผลระย้าย้อย
รวมทั้งสัตว์นานาชนิดน่าชมอย่างยิ่ง
นอกจากนั้น วัดภูมินทร์ยังมีความสำคัญที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งก็คือ วัดภูมินทร์แห่งนี้
เคยได้รับการพิมพ์ลงในธนบัตรใบละ 1 บาท ในรัชสมัยรัชกาลที่ 8 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ด้วย
วัดสวนตาล
ตั้งอยู่ที่ตำบลในเวียง สร้างขึ้นโดยพระนางปทุมมาวดี เมื่อ พ.ศ. 1770 เจดีย์มีสัญฐานงดงาม
ชั้นล่างมีซุ้มประตูทั้งสี่ทิศ ภายในวัดมีพระพุทธรูปที่สำคัญคือ พระเจ้าทองทิพย์
ซึ่งพระเจ้าติโลกราชแห่งนครเชียงใหม่ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1993 ลักษณะเป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่
ปางมารวิชัยประดิษฐานในวิหารสวนตาล หน้าตักกว้าง 10 ฟุต สูง 14 ฟุต 4 นิ้ว มีงานนมัสการและสรงน้ำเป็นประจำทุกปี
ระหว่างเทศกาลสงกรานต์ซึ่งจะมีการเฉลิมฉลองทั้งกลางวันและกลางคืน
พระบรมธาตุแช่แห้ง
ตั้งอยู่ที่ตำบลม่วงตึ๊ด จากตัวเมืองข้ามสะพานแม่น้ำน่าน ไปตามเส้นทางสายน่าน-แม่จริม
หรือทางหลวงหมายเลข 1168 ประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นปูชนียสถานที่สำคัญ และเก่าแก่ของจังหวัดน่าน
มีอายุราว 600 ปี ประดิษฐานอยู่ที่วัดแช่แห้ง ตามพงศาวดารเมืองน่านกล่าวว่า พญาการเมืองโปรดให้สร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระธาตุที่ได้มาจาก
เมืองสุโขทัย ระหว่างปี พ.ศ. 1897-1901 ปัจจุบันองค์เจดีย์ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส
ยาวด้านละ 22.5 เมตร สูง 55.5 เมตร บุด้วยทองเหลืองหรือทองจังโก ลงรักปิดทองตลอดทั้งองค์
|
|
พระบรมธาตุแช่แห้งเป็นศาสนสถานคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดน่าน ที่มีผู้เลื่อมใสศรัทธาเป็นอันมาก
ทั้งประชาชนในตัวเมือง และจังหวัดใกล้เคียง และได้จัดให้มีงานนมัสการพระบรมธาตุเป็นประจำทุกปี
ระหว่างวันขึ้น 11 ค่ำถึง 15 ค่ำ เดือน 6 ทางเหนือ โดยนับทางจันทรคติ ซึ่งจะอยู่ในราวปลายเดือนกุมภาพันธ์หรือประมาณเดือนมีนาคมทุกปี
วนอุทยานถ้ำผาตูบ
อยู่ที่ตำบลผาสิงห์ ห่างจากตัวจังหวัด 12 กิโลเมตร บนเส้นทางหลวงหมายเลข
1080 น่าน-ปัว-ทุ่งช้าง ตรงหลัก กม.ที่ 9-10 การเดินทางมีความสะดวกทุกฤดูกาล ถ้ำผาตูบนี้ประกอบด้วยถ้ำหลายถ้ำในภูเขาหินหลายลูก
แต่ถ้ำนี้มีความสำคัญที่ควรชมอยู่ 2 ถ้ำ คือ ถ้ำพระ และ ถ้ำบ่อน้ำทิพย์ นอกจากนี้ยังมีหินงอก
หินย้อย พันธุ์ไม้ต่างๆ และชะง่อนผา เหมาะเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ ได้รับการประกาศเป็นวนอุทยานถ้ำผาตูบเมื่อวันที่
1 ตุลาคม 2521 มีเนื้อที่ทั้งสิ้น 528 ไร่
กำแพงเมืองน่าน
แนวกำแพงเมืองที่ปรากฎอยู่ในปัจจุบัน ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2398 สมัยพระเจ้าอนันตวรฤทธิเดช
เจ้าผู้ครองนครน่าน สร้างขึ้นแทนกำแพงเก่าซึ่งสร้างด้วยท่อนซุงที่ถูกน้ำพัดพังทลาย
สมัยพญาสุมนเทวราชในคราวน้ำท่วมใหญ่ พ.ศ. 2360 ปัจจุบันยังคงเหลือหลักฐานแนวกำแพงด้านเหนือและด้านทิศตะวันตกของเมืองบางส่วน
ความยาวรวมทั้งสิ้น 415 เมตร ใน พ.ศ. 2487 กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนกำแพงเมืองน่านแห่งนี้เป็นโบราณสถานของชาติ