กนกวลี
	 
 
  เมื่อชีวิตของคนสองคนตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกันนั้น 
ไม่มีใครคิดฝันว่าเมื่ออยู่กันไปนานๆ แล้ว จะเกิดปัญหาตามมา ทุกคู่แทบไม่มีใครคิดถึงปัญหาล่วงหน้าต่างคิดถึงการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข แต่ในความเป็นจริงของชีวิต มักจะไม่เหมือนกับความคิดของเราเสมอไป 
 บางครั้งก็อาจจะมีความสุขมากกว่าที่คิด แต่ส่วนมากมักจะทุกข์
มากกว่าที่คิดซะมากกว่า ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร 
เพราะช่วงเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน เรามักจะฝันจะคิดถึง
แต่เรื่องที่ประเทืองความสุข ไม่ค่อยคิดถึงเรื่องความทุกข์
เมื่อมาใช้ชีวิตจริง ปกติธรรมดาแล้วพบเรื่องทุกข์บ้าง 
ก็ต้องถือเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตอย่าไปคิด อะไรมาก... 
 ความยากลำบากของชีวิตคู่ที่อยู่ด้วยกัน 
จนผันเป็นความทุกข์อีกรูปแบบหนึ่งของชีวิต คือ 
ความขัดแย้งกันระหว่างสามีภรรยา" 
ความขัดแย้งของสามีภรรยา ที่พบได้บ่อยๆ มากที่สุด จนอาจกล่าวได้ว่าแทบไม่มีคู่ไหนหลีกหนีปัญหาข้อนี้ไปได้พ้นคือ... 
"ความขัดแย้งของการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในชีวิตประจำวัน"  
 ที่เป็นเช่นนี้เพราะคนสองคนที่มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน 
ล้วนมีที่มาต่างกันไปแทบทั้งสิ้น ตั้งแต่การอบรมเลี้ยงดู การศึกษา 
การคบหาสมาคมกับเพื่อน แต่ละคนต่างมีที่มาต่างกัน 
เพราะฉะนั้นเมื่อมาอยู่ด้วยกัน ย่อมมีความแตกต่างกัน
ในการใช้ชีวิตประจำวันอย่างแน่นอน เช่นเรื่อง
 "อุปนิสัยส่วนตัว"  บางคนมีอุปนิสัยใจคอเป็นคนใจร้อนใจเร็ว อยากได้อะไรต้องเอาให้ได้ดังใจทันที ถ้าช้านิดหน่อย
จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ อุปนิสัยแบบนี้ ตอนที่จีบกันอยู่ อาจไม่เคยหลุดออกมาให้ดูให้เห็นเพราะไม่มีโอกาสที่จะพบเหตุการณ์
ที่แสดงความใจร้อนออกมา แต่พอมาอยู่เป็นคู่ชีวิตกันจริงๆ ทุกวันทุกคืน จะฝืนตัวเองยังไงไม่ให้ความใจร้อนหลุดออกมาบ้างเลยก็คงยาก 
 คนที่เป็นคู่ชีวิตอยู่ด้วย ก็คงช่วยทำให้เขาใจเย็นลงไม่ได้ เพราะมันเป็นอุปนิสัยใจคอที่เปลี่ยนแปลงยาก ความลำบากใจ
จึงตกมาอยู่กับคนที่อยู่ด้วย ถ้าทนความลำบากใจจากอุปนิสัยที่แตกต่างกันไม่ได้ 
ก็จะอยู่ไปอย่างไม่มีความสุข ผลสุดท้ายอาจถึงขั้นแยกย้ายทางใครทางมันก็ได้ 
 เรื่องนี้มีทางเดียว คือ ต้องปรับจิตปรับใจของตัวเรา
ให้ยอมรับเขาให้ได้ เมื่อพบเหตุการณ์ที่ทำให้เขาใจร้อน
เมื่อไหร่เราก็ควรใจเย็น และใช้คำพูดคำจาที่เปรียบเสมือนน้ำเย็นเข้าลูบ คำพูดคำจาที่จะให้ออกมาต้องระมัดระวังให้ดี อย่าเป็นคำพูดที่เป็นเชื้อไฟ ให้ความใจร้อนใจเร็วและความโกรธเป็นฟืนเป็นไฟโหมแรงขึ้นไปอีก 
ไม่ควรเป็นคำพูดที่ตรงข้ามกับสิ่งที่เขาคิดเขาเชื่ออยู่ในขณะนั้น 
ควรจะพูดเออออห่อหมกกับเขาไปก่อน พูดง่ายๆ คือ 
พูดอะไรก็ได้ที่จะทำให้ถูกใจเขา ความใจร้อนโมโหโกรธาของเขาจะได้ลดลง ช่วงนี้อย่าเพิ่งไปคำนึงถึงข้อเท็จจริง หรือเรื่องของเหตุเรื่องของผล หาทางทำให้คู่ของเราเย็นลงให้ได้ก่อนเป็นความจำเป็นเฉพาะหน้า 
 พอใจร้อนใจเร็วซาลงแล้ว ค่อยมาพูดกันด้วยเหตุด้วยผล
ก็จะช่วยทำให้เกิดความเข้าใจกันได้มากขึ้น ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง 
คือ อย่าใช้การพูดเล่นเป็นน้ำเย็นเข้าลูบ เวลาที่อีกฝ่ายใจร้อน
โมโหโกรธานั้น เขาไม่มีอารมณ์มาพูดเล่นพูดหัวกับใคร หรือไม่มีกะจิตกะใจมาสนุกไปกับคำพูดเล่นของใครได้ 
ถ้าเราขืนพูดเล่นเพื่อหวังให้เขาเย็นลง จงจำไว้เถิดว่า
เป็นการเข้าใจผิดอย่างมหันต์ ถ้าขืนทำกันจริง 
จะเท่ากับยิ่งเหมือนกับเอาน้ำมันราดใส่กองไฟ ยังไงยังงั้น
  ถ้ายังไม่รู้ว่าจะเอาน้ำเย็นเข้าลูบยังไงให้คู่ของเราเย็นลง 
ก็คงมีอีกวิถีทางหนึ่ง คือ "การเฟดตัวเองออกไปให้ไกลๆ สักระยะหนึ่ง" แต่ก็ไม่ต้องถึงกับออกนอกบ้านไปไหน อยู่ในบ้านนั่นแหละ และคอยชำเลืองดูให้เขาอยู่ในสายตาตลอดเวลาก็พอ  
 เมื่อคนๆ หนึ่งใจร้อนใจเร็วโมโหโกรธา เขาอาจจะระเบิดอารมณ์ออกมาเต็มที่ ปล่อยให้เขาระเบิดออกมาให้เต็มที่ เพราะอีกไม่กี่สิบนาทีต่อมา 
มันจะค่อยๆ ซาลง เย็นลงเรื่อยๆ เมื่อเห็นเขาเย็นลงเมื่อไหร่ 
เราค่อยเข้าไปเอาน้ำเย็นเข้าลูบ จะสัมผัสด้วยการจูบ การโอบกันบ้างเพื่อสร้างความอบอุ่นก็ไม่ผิดกติกาอันใด 
ชีวิตคู่ก็จะอยู่กันได้ต่อไป ถึงแม้อุปนิสัยใจคอจะแตกต่างกันราวฟ้ากับดินก็ตาม  
 อย่าปล่อยให้ความแตกต่างกันเล็กๆ น้อยๆ 
มาคอยทำให้ชีวิตคู่หดหู่ ถ้าเราปรับจิตปรับใจซะหน่อย 
ก็จะมีชีวิตคู่อยู่กันอย่างอร่อยเหาะแน่นอน 
  |