มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/

[ คัดลอก จากหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2541 ]

กินแหลก…แล้วล้วงคอ : บูลีเมีย เนอร์โวซ่า

น.พ.ไพฑูรย์ บุญมา


กินแหลก…แล้วล้วงคอ อาการทางจิตระบาดยุคคลั่งผอม นักศึกษาหญิงระวัง
ใครที่พอจะจำเรื่องเจ้าหญิงไดอาน่า แห่งเวลส์ได้ เมื่อครั้งเจ้าหญิงไดอาน่าทรงมี ปัญหาครอบครัวกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ตอนท้ายของชีวิตสมรส ก่อนทรงหย่า ซึ่งมีข่าวว่า เจ้าหญิงไดอาน่าเป็นโรคบูลีเมีย เนื่องจากความตรอมใจที่พระองค์ได้รับ เพราะทรงทราบว่า พระสวามีไปมีใจรัก คามิลล่า ปาร์กเกอร์ โบลว์ส

ถามว่าบูลีเมียเป็นโรคอะไร ? ตอนแรกผู้คนก็คงไม่เข้าใจภาวะโรคนี้ แต่ตอนนี้ เจ้าโรคบูลีเมีย หรือชื่อเต็ม ๆ ว่า บูลีเมีย เนอร์โวซ่า (Bulemia Nervosa) กลายมาเป็น โรคฮิตติดอันดับของวัยรุ่นไทย คล้ายเลียนแบบวัยรุ่นทางยุโรปและอเมริกา ซึ่งเป็นโรคนี้กันมาก

เรื่องนี้มีการศึกษาและสังเกตโดยคณะแพทย์ไทย นำโดย น.พ.ไพฑูรย์ บุญมา, เกศรา พฤกษประมูล และ อุบลรัตน์ สุวรรณเมฆาดำรงค์ พูดถึงการปฏิบัติตัวเพื่อเลี่ยงโรคท็อปฮิต ซึ่งเจ้าโรคบูลีเมียก็ติดอันดับเข้ามาด้วย ถือเป็นกลุ่มอาการผิดปกติของพฤติกรรม การบริโภคอาหารที่เกิดจากภาวะทางจิตใจทำให้มีพฤติกรรมการบริโภคอาหารครั้งละมาก ๆ

ภาวะนี้พบมากในกลุ่มวัยรุ่นและผู้ใหญ่ตอนต้น โดยผู้หญิงเป็นมากกว่าเพศชายถึง 10 เท่า และมักจะพบ 1-3% ของกลุ่มประชากรทั้งหมดที่ตกอยู่ในภาวะบูลีเมียนี้ เห็นได้ว่า เป็นจำนวนไม่น้อยเลย แต่ที่เข้ารับรักษากลับมีไม่มาก

บูลีเมีย แบ่งได้ 2 กลุ่ม
กลุ่มที่มีพฤติกรรมลดความอ้วนโดยการล้วงคอ การใช้ยาถ่าย ยาขับปัสสาวะ หรือสวนอุจจาระอย่างไม่เหมาะสมในการลดความ้อวน

กลุ่มที่อดอาหารหลายมื้อหรือ 2-3 วัน หลังจากรับประทานอาหารมื้อใหญ่ไป หรือออกกำลังกายอย่างหักโหมผิดปกติ หลังรับประทานอาหารทุกมื้อ อาการและพฤติกรรมดังกล่าวอาจทำอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ ติดต่อกัน หรือเป็น ๆ หาย ๆ ขึ้นกับภาวะจิตใจว่า ผู้ป่วยคิดว่าตนเองอ้วนหรือกำลังจะอ้วนอยู่หรือเปล่า


โดยอาการของคนเป็นโรคนี้มีทั้งรู้และไม่รู้ตนเองและมีความรู้สึกผิด เพราะกลัวจะอ้วน ถือเป็นพฤติกรรมที่หลบซ่อน ไม่ให้ผู้ใกล้ชิดเห็น จึงหาวิธีชดเชยอย่างไม่เหมาะสม อย่างลดความอ้วน ล้วงคอ รับประทานอาหาร ใช้ยาถ่าย ใช้ยาขับปัสสาวะ ออกกำลังกายอย่างหนัก หรืออดอาหารหลายมื้อหลังจากรับประทานอาหารมื้อใหญ่ไป พฤติกรรมดังกล่าวจะต้องเป็นอย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง และเป็นติดต่อกันนาน 3 เดือน จึงจะถือว่าเป็นภาวะบูลีเมีย

คนที่ตกอยู่ในภาวะนี้ส่วนใหญ่ที่มาพบหมอต่อเมื่อมีปัญหาในร่างกายอย่างเห็นได้ชัด จากภาวะขาดอาหาร น้ำ เกลือแร่มาเป็นเวลานาน ๆ คือจะมีอาการอ่อนเพลีย หมดแรง เป็นลม ซูบผอม ทำให้พ่อแม่ ญาติสนิทมิตรสหายทนไม่ได้จึงนำส่งโรงพยาบาล

ด้วยความที่โรคนี้มีพฤติกรรมที่ซ่อนเร้นเพราะวัยรุ่นที่เป็นไม่กล้าเปิดเผยตัว ดังนั้น บางครั้งเพื่อนที่ใกล้ชิดก็ต้องสังเกตเพื่อน ๆ ในกลุ่มเช่นกันว่า มีพฤติกรรมผิดแปลก แตกต่างจากที่เคยเป็นหรือไม่ เพราะคนที่เป็นแล้วไม่รับการรักษามีสิทธิถึงตายได้ อย่างนักร้องหญิงวงคาร์เพนเตอร์ชื่อดังในอดีต ก็ป่วยและเสียชีวิตจากโรคนี้มาแล้ว

ข้อสังเกตว่าเพื่อนใกล้ชิดอาจเป็นบูลีเมีย
  1. กินอาหารครั้งละมากๆ แล้ววิ่งไปห้องน้ำเพื่อล้วงคออาเจียน
  2. สะสมยาถ่ายหรือยาขับปัสสาวะ
  3. ออกกำลังกายอย่างหักโหมหลังกินอาหาร

เรื่องนี้ต้องช่วยตนเองโดยพยายามศึกษารายละเอียดของโรค เพื่อให้เข้าใจว่า การลดความอ้วนด้วยวิธีที่ทำอยู่เป็นโทษกับร่างกาย มากกว่าเป็นประโยชน์ทางจิตใจ หมกหมุ่นกับรูปร่าง จนเกิดความวิตกกังวล และขาดสมาธิ จิตใจหดหู่ มองโลกในแง่ร้าย

ข้อแนะนำ ถ้าสงสัยว่าตัวเองเป็นบูลีเมียควรพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษา ซึ่งจะได้ผลดีต้องให้คำปรึกษาทั้งครอบครัว เพราะต้องปรับพฤติกรรมเข้าหากัน บางรายอาจต้องกินยา บางรายที่ซึมเศร้าก็ต้องรักษาความซึมเศร้าไปด้วย ประมาณ 2 สัปดาห์ อาการจะดีขึ้น แต่ส่วนใหญ่ในรายที่มีอาการทางร่างกายจากการขาดสารอาหาร น้ำ และเกลือแร่ จะได้รับการบำบัด ชดเชยอาหารทางหลอดเลือด
อยากผอมต้องระวังโรคบูลีเมีย อันตรายถึงตาย

น.พ.ไพฑูรย์ บุญมา
เกศรา พฤกษประมูล
อุบลรัตน์ สุวรรณเมฆาดำรงค์


[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21]resolution 800x600