น.พ.ศิรชัย จินดารักษ์
อย่าว่าแต่ก็อดซิลล่าเลย ถ้าถามชายทั้งหลาย หรือต่อให้คุณผู้หญิงทั้งหลายด้วยเอ๊า ใคร ๆ ก็ว่า  ขนาดนั้น สำคัญฉะนี้ ด้วยกันทั้งนั้นล่ะ  ด้วยเหตุนี้เมื่อไม่กี่วันก่อน ชมรมแพทย์ศาสตร์ศึกษา ศูนย์วิจัย และพัฒนา เพศศาสตร์ศึกษา  จุฬาฯ จึงปลุกความสนใจของหนุ่ม ๆ ชาวไทย ด้วยการจัดเสวนา เรื่อง "การฝังมุก การเสริมขนาดอวัยวะเพศชายทำกันอย่างไร คุ้มที่จะลองหรือไม่"  ที่ห้องประชุม อาคารสถาบัน วิทยาศาสตร์ และการแพทย์
	น.พ.ศิรชัย จินดารักษ์ ศัลยแพทย์ตกแต่งภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เล่าให้ฟังตอนหนึ่งว่า 
 
	"ปัจจุบันการแพทย์สามารถผ่าตัดเสริมขนาดอวัยวะเพศให้มีขนาดใหญ่หรือยาวได้  แต่ประชาชน ส่วนใหญ่ ไม่ทราบ  เพราะนิยมใช้วิธีเสริมขนาดอวัยวะเพศด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น  การฉีดสารเคมี เข้าไปใต้ ผิวหนัง อวัยวะเพศ,  ผ่าตัดส่วนปลายอวัยวะเพศ ให้มีรูปร่างแปลก หรือใช้วิธีการฝังมุกที่อวัยวะเพศ เพื่อให้มี ขนาดใหญ่ขึ้น ทั้งนี้ผู้ชายส่วยใหญ่ ยังยึดติดว่า ความสุขทางเพศ ที่เกิดขึ้น ในการมีเพศสัมพันธ์ ขึ้นอยู่กับ รูปร่าง  ขนาดของอวัยวะเพศเป็นสำคัญ"
	สารเคมีส่วนใหญ่ที่นิยมฉีดเข้าไปในอวัยวะเพศมี 2 ชนิดคือ ซิลิโคนและพาราฟิน สารเคมี ทั้งสองชนิด นี้ทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ โดยเฉพาะ การฉีดซิลิโคนเข้าไปใต้ผิวหนัง อวัยวะเพศ  ซิลิโคน มักจะกระจายไป ไม่ทั่วบริเวณอวัยวะเพศ  แต่จะไปกระจุกตัว รวมกันเป็นกระเปาะ ทำให้อวัยวะเพศ มีลักษณะเปลี่ยนแปลง ผิดรูปไป นอกจากนี้ ยังทำให้เกิดการติดเชื้อ ในภายหลังได้  และถ้ามีการติดเชื้อ ที่รุนแรง คนไข้ต้องรักษา ด้วยการผ่าตัด  ด้วยการเลาะผิวหนัง หุ้มอวัยวะเพศทิ้ง และนำผิวหนังและเนื้อเยื่อบริเวณอื่น ของร่างกาย มาปลูกถ่ายแทน
	"ปกติถ้าติดเชื้อบริเวณองคชาติ ก็สามารถนำผิวหนังบริเวณอัณฑะมาใช้แทนผิวหนังที่ทิ้งไปได้ แต่กรณี ติดเชื้อรุนแรง ลุกลาม ไปถึงอันฑะ ก็ต้องนำผิวหนัง บริเวณอื่น ของร่างกายมาใช้แทน  ซึ่งมีผล ทำให้รูปร่าง ของอวัยวะเพศเปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งความรู้สึก และความสามารถ ในการใช้งาน ก็จะไม่เหมือนเดิมด้วย"
	นอกจากนี้แพทย์ยังสามารถฉีดไขมันเข้าไปเสริมขนาดอวัยวะเพศได้อีกด้วย ซึ่งเป็นไขมัน ที่ดูดมาจาก หน้าท้อง ต้นขา  วิธีนี้ไม่มีผลข้างเคียง ไม่เป็นอันตรายใด ๆ เพราะเป็นสารธรรมชาติ ที่มาจากร่างกาย แต่ก็ไม่คงทนถาวรนัก เพราะร่างการจะดูดไขมันนี้ ไปใช้ถึง 60%  ถ้าจะทำจริง ๆ  ก็ต้องฉีดบ่อย ๆ " น.พ.ศิรชัยกล่าวต่ออีกว่า
	ผู้ชายไทยยังนิยมการฝังมุกที่อวัยวะเพศเพื่อให้มีพื้นผิวขรุขระ โดยเข้าใจว่า จะช่วยเพิ่ม ความสุข ในขณะรวมเพศ  โดยการฝังมุกเทียม  หรือเม็ดแก้วขนาดเล็กไว้ตื้น ๆ  ใต้ผิวหนัง  สำหรับวิธีนี้ หากฝังเพียงตื้น ๆ  ใต้ผิวหนัง ไม่นานก็จะหลุดออกมา แต่ถ้าฝังลึก ก็มีโอกาสติดเชื้อ และเป็นแผลได้  แต่แผลที่เกิดจากการฝังมุก สามารถรักษาให้หายได้เร็วกว่าการฉีดสารเคมีเข้าไป
	สำหรับการผ่าตัดเสริมอวัยวะเพศนั้น สามารถทำได้ทั้ง 2 แบบ คือ เสริมขนาดให้ใหญ่ขึ้น และเสริมขนาดให้ยาวขึ้น
	วิธีการเสริมให้ยาวขึ้น ทำได้โดยการนำผิวหนังมาต่อบริเวณปลายอวัยวะเพศให้ยาวขึ้น อาจใส่แกนซิลิโคน เข้าไปด้วย ส่วน การเสริมขนาดให้ใหญ่ขึ้น ก็ทำได้โดยนำเนื้อเยื่อบริเวณขาหนีบทั้ง 2 ข้าง หรือเนื้อเยื่อ บริเวณต้นแขน ที่บางมากที่สุด ไปพันใต้บริเวณของอวัยวะเพศ ก็สามารถทำให้ ขนาดใหญ่ขึ้นได้ตามต้องการ  แต่ก็ไม่ช่วยทำให้ความรู้สึกทางเพศเพิ่มขึ้น  ตรงกันข้าม ถ้าพันเนื้อเยื่อหนามากเกินไป อาจทำให้ ความรู้สึกทางเพศ ลดลงด้วยซ้ำ 
	"ผมคิดว่า การเพิ่มขนาดอวัยวะด้วยวิธีการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัด หรือจะด้วยวิธีอื่นๆ ไม่คุ้มเลย แต่โดยทั่วไปกว่าแพทย์จะผ่าตัดต้องมีจุดประสงค์ 2 ประการคือ เพื่อความสวยงาม และเพื่อประสิทธิภาพ แต่คนไข้ส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการผ่าตัดเพื่อให้สวยงาม มักมาพบแพทย์เพื่อเพิ่มขนาดให้ใหญ่ขึ้น
	เพื่อจะมีความรู้สึกทางเพศมากขึ้น ซึ่งแท้จริงแล้วขนาดของอวัยวะเพศไม่มีผลต่อความสัมพันธ์ทางเพศเลย  นอกจากว่ากรณีขนาดของอวัยวะเพสชายเล็กผิดปกติ จึงควรได้รับการผ่าตัด"  น.พ.ศิรชัยกล่าว  และว่าที่ผ่านมาตนรักษาผู้ป่วย ที่ติดเชื้อจากการฉีดซิลิโคน  ฝังมุก ประมาณ 50  รายต่อปี  ไม่มีใครมีอวัยวะเพศผิดปกติเลย  ตรงกันข้าม ชายเหล่านี้ มีขนาดค่อนไปทางใหญ่ทั้งนั้น  เพียงแต่เขาไม่มีความมั่นใจในตนเองมากกว่า  ซึ่งบางคนมีปัญหา ในการมีเพศสัมพันธ์กับภรรยา แล้วเข้าใจผิดว่ามาจากขนาดของอวัยวะเพศตนเล็กเกินไป 
	แท้จริงแล้วความสุขทางเพศมาจากสมอง! และเทคนิควิธีการมากกว่า
	"ดังนั้นผมว่าอย่าไปหาทางให้มันใหญ่ขึ้นเลย บางทีมันจะทำให้เกิดอันตรายภายหลังเปล่า ๆ" น.พ.ศิรชัยทิ้งท้าย
| main | ![]()  | 
               ![]()  | 
                  | 
                   | 
               ![]()  | 
                    |