คำสาบเงือก
เสำหรับเรื่องของเราถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็คอมเมนต์ได้นะคะ...ตอนนี้โดยส่วนตัวเราว่าโหดนิดหนึ่ง....แต่ก็รับได้นะสบายๆ
ตอนหน้าเป็นเนื้อเรื่องธรรมดาแล้ว.....M.I.
คำสาปเงือก
ตอนที่ 3 อีกด้านหนึ่งของนาฟ
นาฟต้องรักษาพักตัวที่ห้องออกไปไหนไม่ได้
แผลที่หน้าอกลึกจนมองเห็นกระดูก รอยขีดข่วนอีกทั่วตัว เนื้อหัวไหล่ถูกกัดแหว่งหายไป
ขาซ้ายหัก ไม่น่าเชื่อเลยว่าเขายังจะเดินแบกซากฉลามนั่นขึ้นมาจากทะเลได้อีก
ชลทิศได้แต่นั่งเฝ้าอาการด้วยความเป็นห่วง เขาเข้าป่าไปหาสมุนไพรมาบดพอกบาดแผล
ตกดึกก็เฝ้าเช็ดตัว ป้อนน้ำป้อนอาหาร เขาแทบร้องไห้ทุกครั้งเมื่อเห็นอาการนาฟ
"อัล.." เสียงหวานใสของผู้หญิงในหมู่บ้านเรียกเขาขณะที่ออกมาตักน้ำ
ตอนนี้คนในหมู่บ้านเริ่มคุยกับเขามากขึ้น แต่ก็ยังไม่สนิทอยู่ดี
หญิงสาวคนนี้ชื่อ เลียม่า เขารู้แต่ว่าเป็นภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้าน
เธอยื่นของสิ่งหนึ่งมาให้เขา ชลทิศยื่นมือไปรับก็พบว่าเป็นสร้อย
ที่ตรงปลายร้อยเขี้ยวของสัตว์ชนิดหนึ่งเอาไว้สองอัน
"อะไรครับเนี่ย.." เขาถามอย่างประหลาดใจ จู่ๆทำไมเธอถึงเอาของแบบนี้มาให้
เลียม่าจ้องตาชลทิศ เธอยิ้มให้เขาเล็กน้อย ยกมือตัวเองขึ้นมากุมมือเขาให้กำสร้อยแน่นขึ้น
"สร้อยเขี้ยวฉลามน่ะ นายเอาคล้องคอไว้นะ"
ตอนนั้นเองเขารู้ได้ว่าเขี้ยวฉลามที่อยู่ในมือเขาคือฉลามตัวที่นาฟลากขึ้นมา
เขาทำท่าแปลกๆเมื่อนึกถึงยามที่ทุกคนกัดกินเนื้อมันสดๆ รวมทั้งเลียม่าด้วย
"เอ่อ...ผมอยากรู้จริงๆว่ากฏของหมู่บ้านมันคืออะไร...ทำไมนาฟถึงต้องทำอย่างนั้นด้วย.."
ชลทิศถาม เลียม่าหน้าเปลี่ยนไปแวบหนึ่ง ก่อนที่เธอจะถอนหายใจออกมา
"อัลถามนาฟเองก็แล้วกัน แต่ขอให้นายจำไว้ ที่นาฟทำทุกอย่างก็เพื่อนาย
ถือว่าของชิ้นนี้เป็นของขวัญจากนาฟก็แล้วกัน" คำพูดปฏิเสธถูกกลืนลงคอไป
เขาหยิบมันขึ้นมาสวม รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองใกล้คนในหมู่บ้านอีกก้าวหนึ่ง
เลียม่ายิ้ม เธอยกมือลูบผมสีเข้มของเขาที่ตอนนี้ยาวถึงกลางหลังแล้ว
ก่อนจะเลื่อนไปจับสร้อย ชลทิศรู้สึกแปลกๆ เพราะเขาไม่ได้ใส่เสื้ออยู่ตอนนี้เธอมองไปที่ปานที่แขนเขา
"เท่าที่ชั้นเห็น นายน่ะนับเป็นคนที่โชคดีที่สุดในจำนวนคนที่ถูกคำสาปเงือก"
เธอพูดเบาๆ ก่อนจะหันกายเดินจากไป เขายังรู้สึกเหมือนเมฆหมอกคลุมเครือติดอยู่ในใจ
โชคดี!! เขาเนี่ยนะ...ถูกพ่อตัวเองจะฆ่า กลับบ้านไม่ได้ ต้องมาติดเกาะที่มีแต่คนประหลาด
พิธีกรรมประหลาด กฏเกณฑ์ประหลาด เขาจะต้องแก้ปริศนาคำสาปเงือกของตระกูลเขาให้ได้!!
หลังจากวันที่คุยกับเลียม่า ชลทิศเริ่มรู้ตัวว่าเขาแทบไม่ได้สานต่องานที่แอบทำไว้เลยเพราะมัวแต่เป็นห่วงนาฟ
ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะจากนาฟไป เขาชอบนาฟ แต่จิตใจในส่วนลึกก็รู้สึกเหมือนว่าเขาไม่รู้จักนาฟดีเท่าที่นาฟรู้จักเขา
นาฟที่เขาเห็นเป็นเพียงชายหนุ่มหน้าตาดี ที่มีแต่รอยยิ้มอ่อนหวาน
สอนทุกเรื่องให้อย่างไม่มีรังเกียจ นาฟแทบจะไม่เคยโกรธเขา หรือแม้แต่ร้องไห้ให้เห็น
นาฟฟื้นตัวเร็วกว่าที่เขาคาด ในเวลาไม่กี่อาทิตย์ก็ลุกขึ้นมาล่าสัตว์จับปลาได้ตามปกติ
แผลที่เห็นก็สมานกันกลายเป็นรอยแผลเป็นไม่กี่รอยตามหน้าอก เขาพยายามจะถามนาฟเรื่องกฎของหมู่บ้าน
แต่นาฟก็เลี่ยงไปพูดเรื่องอื่นทุกที...
เขากับนาฟมีความสัมพันธ์กันอีกหลายครั้ง เขาชื่นชอบสิ่งที่นาฟทำให้เขาอยู่หรอกแต่ตัวเขาเองก็ไม่อยากให้สิ่งที่เรียกว่าเซ็กซ์มาทำให้เขาเขวไปจากความตั้งใจเดิม
เขาเคยคิดว่าถ้าเขาแก้ปัญหาอะไรเรียบร้อยก็จะกลับมาหานาฟอีก..นาฟผู้ใจดีคงไม่โกรธเขาที่หนีไปแน่
อาจจะวิ่งเข้ามากอดต้อนรับถ้าเขากลับมาหา แต่ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรง่ายไปหรือเปล่า
ตอนนี้แพที่เขาสร้างเกือบเสร็จแล้ว ที่เขาต้องใช้เวลานานกว่าสองปีในการสร้างก็เพราะว่าเขามีเวลาแค่เพียงช่วงบ่ายไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
เขาต้องคำนวณการณ์ไว้ให้รัดกุม เมื่อเขาโตและเรียนรู้อะไรมากกว่าเดิมเขาก็ยิ่งพบว่าแพที่เขาแอบสร้างเมื่อตอนเด็กมันใช้กับท้องทะเลที่แปรปรวนไม่ได้
ไม้แต่ละท่อนเล็กจนเกินไป แถมเชือกที่มัดก็ไม่แน่น ถ้าเกิดลอยน้ำนานเข้าก็อาจจะขาดได้
เขาไม่รู้ว่าเกาะนี้ตั้งอยู่ที่ไหน...ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะถึงฝั่ง
เขาเริ่มสร้างแพใหม่อีกหลายครั้ง เขาเลือกตัดไม้ที่จะใช้ ลากมันไปที่ถ้ำลับ
ทิ้งไว้ให้แห้งก่อนที่จะมัดรวมกับท่อนอื่น แพที่เขาสร้างกว้างประมาณสามเมตรยาวเกือบห้าเมตร
มีเสาตั้งขึ้นมาเพื่อติดใบเรือตรงกลาง มีหีบเล็กๆมัดติดไว้ด้านหนึ่งเพื่อบรรจุเสบียง
ชลทิศตอนนี้อายุสิบแปด เขาอยู่ที่เกาะนี้มาหกปีกว่าแล้วถ้านับไม่ผิด
เขาสูงขึ้น ผมหนามัดไว้กลางหลัง ผมเขาสีเข้มขึ้น มองเผินๆจะดูเหมือนสีดำตามเชื้อสายของผู้เป็นแม่
แต่พอถูกแดดมันจะสะท้อนแสงสีน้ำตาลแดงออกมา เขาแทบไม่เคยตัดผมเลย
เพียงแต่โกนหนวดโกนเครานิดหน่อย สีผิวเขาคล้ำขึ้นกว่าตอนเป็นเด็ก
แต่ก็ไม่ใช่ดำ จะออกสีน้ำตาลทอง นาฟชอบชมว่าเขาสวยบ่อยๆ ซึ่งเห็นว่าน่าจะเป็นคำปลอบใจมากกว่าเพราะว่าเขาเป็นผู้ชายแท้
ๆทำไมถึงมีคนมาชมว่าสวยล่ะ คงเพราะร่างกายเขาไม่กำยำสมส่วนเหมือนผู้ชายคนอื่นๆในหมู่บ้าน
ทั้งๆที่ก็พยายามออกกำลังตลอด แน่นอนมันก็มีกล้ามเนื้อแข็งอยู่หรอก
แต่เทียบกับนาฟแล้วก็เหมือนลูกมะนาวกับลูกมะพร้าว นาฟจึงใช้คำว่าสวยมาเปรียบเทียบให้ฟังแทนเพื่อไม่ให้เขาเสียใจแน่ๆ
เขาก้มหน้าลงมองเงาสะท้อนของตัวเองในน้ำ หน้าเรียวรูปไข่ คิ้วสีน้ำตาลเข้มเกือบดำไม่หนาไม่บางโค้งรับกับตาเรียวยาวสีเขียวน้ำทะเล
ขนตาหนา จมูกโด่ง ส่วนผิวก็เนียนอยู่หรอกแต่ค่อนข้างแห้งเพราะเอาแต่ตากแดด
แถมแก้มก็ค่อนข้างแดงเพราะเอาแต่วิ่ง ปากเขายื่นอย่างไม่พอใจภาพที่เห็น
..ก็ดูดีอยู่หรอกแต่ว่าเขาไม่ชอบเท่าไหร่ ไม่อยากจะมีขนตายาวๆแบบนี้เลย
อยากมีหน้ากว้างๆเหลี่ยมๆ คิ้วหนาๆ กล้ามใหญ่ๆ มากกว่า ที่เขาพอใจที่สุดในตัวเองก็คงจะเป็นเสียงทุ้มๆนี่ละมั้ง
เขาเลื่อนมือตัวเองลงไปตามหน้าอก ขนตามตัวก็แทบไม่มียกเว้นแต่ตรงนั้น
นี่ถ้าเป็นนาฟละก็....มือเขาเลื่อนต่ำลงไป
"ชิบ..." เขาอุทานออกมาเมื่อรู้สึกตัวว่าเกิดอารมณ์ รีบสั่นหัวลบภาพร่างเปลือยของนาฟออกไป
ก่อนจะลุกขึ้นไปจัดการเรื่องอื่นต่อ
เดือนหน้าจะเป็นเดือนที่ลมพัดออกทะเลแรงที่สุด
วันที่น้ำทะเลลงมากที่สุดก็คือคืนที่พระจันทร์มืด ถ้าเขาจะไปก็ต้องเตรียมตัวเสียตั้งแต่ตอนนี้
ถ้าเขาตัดใจไม่ได้เขาก็ต้องรอปีหน้า....
อาจจะเพราะเลือดวัยหนุ่มในตัวเขาทำให้เขาไม่รีรอที่จะแอบออกไป นาฟคงจะเสียใจแต่ว่าเขาจะกลับมาหานาฟอีก
เขามีเวลาเหลือสามอาทิตย์ สัตว์ในป่าที่เขาล่ามาได้ก็แอบแล่เนื้อตากแดดไว้เป็นเสบียง
"ทำอะไรน่ะอัล" นาฟถามขึ้นมา ชลทิศรีบลุกขึ้น ยืนบังสิ่งที่ทำอยู่
"เอ่อ..." เขาพูดไม่ออก นาฟชะโงกข้ามไหล่ไปดู
"เนื้อสัตว์นี่..." เขาพูดอย่างสงสัย หรี่ตามองร่างเล็กที่ก้มหน้างุดๆ
"คะ...คือช่วงนี้หิวบ่อยก็เลยจะเก็บไว้กินตอนดึก" คำแก้ตัวที่ฟังแทบไม่ขึ้น
เพราะธรรมดาในบ้านก็มีผลไม้วางไว้ตลอดแถมเขาไม่เคยตื่นมาตอนดึกเพื่อหาอะไรกินด้วย
นาฟไม่ได้ถามต่อ เขายักไหล่เดินออกไป ร่างเล็กถอนหายใจออกมา
วันถัดมาชลทิศพยายามหลบสายตาคนอื่นแอบออกไปที่ถ้ำลับอีกในตอนบ่าย
เขาเอาเนื้อเข้าไปซ่อน ช่วงนี้เขาต้องระวังมากเพราะรู้สึกว่านาฟเริ่มจะจับผิดเขา
ขณะจะหันหลังวิ่งออกจากถ้ำ เขาก็พบนาฟยืนขวางอยู่ ร่างนั้นดำทะมึนย้อนแสงอยู่หน้าถ้ำ
เขาไม่สามารถเห็นใบหน้าของนาฟได้ชัดเจนว่ารู้สึกอย่างไร นาฟสะกดรอยตามเขามา!
นาฟเดินก้าวเข้ามาในถ้ำ ชลทิศขนลุกซู่เมื่อสบตานาฟ เป็นสายตาที่เหมือนกับก่อนที่นาฟจะกระโจนลงจากหน้าผา
ดูน่ากลัว ดูไม่ใช่นาฟคนเดิม
ผัวะ นาฟสะบัดมือตบหน้าเขาอย่างแรง ชลทิศล้มไปตามแรงมืออย่างตกใจ
"ชั้นเคยบอกนายแล้ว...ว่าที่นี่เข้าแล้วห้ามออก" นาฟเดินตามไปคว้าผมร่างเล็กดึงขึ้นมาให้ยืนขึ้น
ชลทิศร้องอย่างเจ็บปวด ยกมือจับผมตัวเอง
"นายเตรียมตัวจะไปมานานเท่าไหร่แล้ว!! ของพวกนี้ไม่ได้ทำได้ในวันเดียวหรอก
ทำไม.." นาฟมองด้วยสายตาเจ็บปวดก่อนที่มันจะเลือนหายไปเป็นสายตาเย็นชาเหมือนเดิม
"ชั้นจะกลับบ้าน" เสียงตอบปนหอบดังขึ้นมาก่อนจะถูกตบกลิ้งไปอีกรอบ
เลือดไหลออกมาตามมุมปาก กระเซ็นไปบนพื้นทราย นาฟเริ่มหันมองไปที่ผนังถ้ำที่มีร่องรอยการจดบันทึกเวลา
"ที่นี่ไม่ใช่บ้านนายหรือไง..แล้วนี่...นายใช้สิ่งที่ชั้นสอนเพื่อที่จะหลบหนีชั้น.."
เขาเริ่มหรี่ตามองลายเส้นสัญลักษณ์ต่างๆ อย่างน้อยบันทึกพวกนี้ก็กว่าสามปี
เขากำมือแน่นเกร็งจนเส้นเลือดปูดขึ้นมา
กลัว......ชลทิศยกมือเช็ดเลือดที่ไหลออกจากปาก
ตัวเขาสั่นแบบเอาไม่อยู่ เขาไม่เคยเห็นนาฟเป็นแบบนี้มาก่อน นาฟตบเขา!!
"นายวางแผนพวกนี้มากว่าสามปี" เสียงพูดเย็นชาดังขึ้นมาจากร่างที่หันหลังยืนจ้องผนัง
"นายทำลายความไว้วางใจของชั้น...นายทรยศชั้น"
"เปล่า!! ชั้นจะกลับมาหานาย...ชะ...ชั้นแค่จะกลับไปเพื่อไขปัญหาที่ติดอยู่ในใจชั้น!!
ปริศนาคำสาปเงือก" ชลทิศตอบเสียงสั่น น้ำตาไหล
"ลืมมันซะอัล...เกาะนี้เข้าแล้วออกไม่ได้...หรือถ้าออกไปแล้วก็เข้ามาไม่ได้อีกเช่นเดียวกัน"
นาฟหันกลับมา หยิบมีดที่เหน็บที่เอวขึ้น เดินไปที่แพ
"อย่านะ!!" ชลทิศตะโกนเสียงสูง ลุกขึ้นอย่างตกใจ เขารู้ว่านาฟคิดจะทำลายแพของเขาที่ทำกว่าสองปี
เขาวิ่งไปยื้อมีดในมือนาฟอย่างลืมกลัว คราวนี้หมัดลุ่นๆสวนเข้าที่ท้องน้อย
เขาทรุดลงไปกับพื้น จุก..แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ ชลทิศพุ่งตัวไปจับขานาฟดึงสุดแรง
ร่างสูงล้มลงแบบไม่ตั้งตัวมีดหล่นกระเด็นไปอีกทาง แต่เขาพลิกตัวลุกขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว
ชลทิศเองก็ลุกยืนได้แล้วเช่นเดียวกัน
"นายคิดจะสู้กับชั้นงั้นเรอะ..." นาฟพูดด้วยความโกรธ กระโจนเข้าใส่
ทั้งสองคนกลิ้งไปตามพื้นทรายในถ้ำ ทรายฟุ้งขึ้นมา ในไม่ช้านาฟก็บังคับตัวเองให้คร่อมทับร่างเล็กจนได้
มือของเขาพยายามจับข้อมือร่างเล็กรวบเข้าหากัน ชลทิศดึงมือออกได้ข้างหนึ่ง
เขาทั้งข่วนทั้งกัด ขาก็พยายามเตะร่างที่คร่อมให้ออกพ้นตัว ในที่สุดนาฟใช้ท่อนขาขวากดทาบขาของร่างเล็กไว้ไม่ให้ขยับ
แต่ร่างเล็กก็พยายามบิดตัวออกอย่างไม่ยอมแพ้ ดวงตาวาววับไปด้วยความโกรธ
นาฟใช้มือข้างหนึ่งกดที่ลำคอชลทิศ บีบอย่างแรง ชลทิศอ้าปากกว้างอย่างตกใจ
นาฟกำลังจะฆ่าเขา!! เสียงไม่สามารถเล็ดลอดออกจากลำคอได้ เขาอ้าปากค้าง
แรงกดที่คอยังมากขึ้นไปอีก มือข้างที่เป็นอิสระของร่างเล็กกว่าพยายามจะแกะมือที่จับคอเขาออก
เล็บข่วนหลังมือนาฟ แต่ก็ไม่สามารถขยับได้ อากาศเริ่มเหือดหายไป
หน้าแดงเพราะแรงบีบ ตาเริ่มเหลือกขึ้นด้านบน แขนที่จับมือนาฟตกไปที่ข้างตัว
ขณะที่สติเขาจะหายไปนั้นนาฟก็ยกมือขึ้น รวบแขนที่ไร้เรี่ยวแรงทั้งสองข้างของเขาขึ้นไว้ด้วยกัน
ชลทิศหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอด แต่ยังไม่ทันจะเรียกกำลังกลับคืนมา
นาฟก็จับข้อมือลากร่างเล็กไถลไปตามพื้น เขาหยิบเศษเชือกที่หล่นอยู่ขึ้นมาพันข้อมือชลทิศอย่างแน่นหนาไม่ให้ขยับ
ก่อนจะปล่อยลงไปที่พื้นทรายอีกรอบ ชลทิศหอบอย่างเหนื่อยอ่อน หลับตาแน่น
โดยความเป็นจริงเขาก็สู้นาฟไม่ได้อยู่แล้ว นาฟเดินอ้อมมาที่เท้าของร่างเล็ก
ก้มลงมัดข้อเท้าเช่นเดียวกัน แต่เว้นความยาวของเชือกระหว่างข้อเท้าแต่ละข้างประมาณครึ่งเมตรเผื่อให้เขาเดินได้
หลังจากจัดการอะไรเรียบร้อยนาฟก็ก้าวถอยหลังออก หยิบมีดที่ตกขึ้นมา
ร่างเล็กนอนไร้เรี่ยวแรง ถูกพันธนาการไว้ทั้งมือและขา
"โลกภายนอกมันมีแต่ความโสมม...หลอกลวง มนุษย์พวกนั้นสกปรกสิ้นดี"
นาฟพึมพำออกมา ก่อนเก็บมีดเข้าฝักที่เอว
"แต่ชั้น....ชั้นลืมไม่ได้..." ร่างเล็กยังพูดออกมาอย่างดื้อดึง
แม้จะหอบจนแทบไม่มีเสียง นาฟดึงเชือกที่ปลายข้อมือขึ้น แรงฉุดทำให้ร่างเล็กต้องลุกขึ้นแต่ขาแทบไม่มีแรง
เขาทรุงลงคุกเข่าอยู่ที่พื้นทรายอีกรอบ นาฟตบหน้าเขาอีกสองที ผมยาวสะบัดไปตามแรงมือ
แต่ไม่ได้ล้มลงเพราะถูกนาฟดึงข้อมือไว้อยู่ เชือกบาดจนเลือดซึมออกมา
แก้มสองข้างบวมแดง มีรอยนิ้วมือปรากฏเห็นเด่นชัด
นาฟลากชลทิศเดินออกจากถ้ำอย่างรวดเร็ว เขามุ่งหน้าเข้าไปในป่า ไม่ได้สนใจร่างเล็กว่าจะตามเขาทันหรือไม่
ชลทิศล้มลุกคลุกคลานถูกดึงไปด้านหน้า พื้นทางเดินในป่าไม่ใช่พื้นทราย
ขาเขากระแทกหินพร้อมกับถูกข่วนหลายรอย จู่ๆนาฟก็หยุดที่หลังพุ่มไม้แห่งหนึ่ง
เขาดันหัวชลทิศให้มองลอดผ่านไป
พื้นดินเล็กๆหลังพุ่มไม้ไม่ไกลสะอาดสะอ้านราวกับถูกใครปัดกวาดไว้อย่างดี
เขาไม่เข้าใจนาฟพาเขามาดูอะไรที่นี่ นาฟหมอบนิ่งอยู่ข้างๆ ไม่ได้ส่งเสียงอะไร
มือเขาหักกิ่งไม้ด้านข้างหยิบมีดออกมาเหลาให้เป็นแผ่นบางๆ ผ่านไปสักพักชลทิศก็ได้ยินเสียงนกร้อง
นกคอยาวสีสันสวยงามตัวหนึ่งบินลงไปที่ลานเล็กๆนั้น เขาจำได้ทันทีว่าเป็นนกพันธุ์ที่เขาเคยบอกให้นาฟจับไปให้เขาเลี้ยง
นกตัวนั้นสำรวจพื้นที่ของมัน ก้มๆเงยๆคาบใบไม้ที่ตกอยู่ออกไปแถมเอาหางที่ยาวของมันปัดที่พื้นอีก
เมื่อมันสำรวจจนพอใจก็กระโดดไปมาคล้ายเต้นรำ สีหางของมันส่องประกายล้อแสงแดดเป็นมันเลื่อม
"นายเองก็เหมือนนกตัวนั้น...." นาฟกระซิบข้างหู เสียงเขาเย็นเยียบจนทำให้ชลทิศขนลุก
"สวยงาม บริสุทธิ์ ไร้เดียงสา" เขาหยุดไปสักพัก ก่อนจะบอกต่อ
"นายรู้ไหมว่ามันกำลังทำอะไร...."
ชลทิศไม่ตอบเขาหมอบตัวแข็ง มีลางสังหรณ์ประหลาด นาฟก็ไม่ได้ใส่ใจว่าเขาจะตอบว่าอะไร
"มันกำลังหาคู่...นกพันธุ์นี้ตัวผู้มักจะมีสีสันสวยงามเพื่อล่อตัวเมียให้มาหามัน...มันปัดกวาดลานเพื่อเตรียมพื้นที่เต้นรำ...."
ชลทิศไม่เข้าใจว่านาฟมาอธิบายเรื่องนี้ให้เขาฟังทำไม..นี่ไม่ใช่เวลาเรียนสารคดีสักหน่อย
"นิสัยของนกตัวผู้ก็คือรักสะอาด..." นาฟยกแขนสะบัดมือปาเศษไม้ที่เขาเหลาเมื่อสักครู่ไปปักบนลานของนกตัวนั้น
มันหยุดกระโดดหันไปมองสิ่งที่จู่ๆก็เข้ามาตกล้ำอาณาเขตของมัน เดินเข้าไปพยายามใช้ปากดึงเศษไม้ออก
"นั่นก็คือความชั่วช้าของมนุษย์...นายรู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป"
ชลทิศมองตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ ความพยายามที่จะใช้ปากดึงเศษไม้ของมันออกไม่เป็นผลสำเร็จ
มันร้องออกมาด้วยความขุ่นเคือง
"เมื่อมันใช้ปากดึงไม่สำเร็จ...มันก็จะใช้คอ.." นาฟไม่ต้องอธิบายต่อชลทิศก็รู้ถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไป...เขาอ้าปากจะร้องแต่ก็ถูกนาฟเอามืออุดปากไว้
เศษไม้นั้นถูกเหลาจนคมกริบ ถ้ามันใช้คอดึงละก็... เขากัดมือนาฟเต็มแรงเมื่อเห็นเหตุการณ์ต่อเนื่อง
สิ่งมีชีวิตสวยงามที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา เลือดฉีดพุ่งออกมาจากลำคอของมันแดงฉานไปทั่วลาน...เขาเห็นหัวของมันห้อยร่องแร่งติดอยู่กับคอ..ชลทิศหลับตาปี๋น้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม
นาฟดึงมือออก เลือดอาบมือเขาเช่นเดียวกัน
"นะ....นายมันโหดร้ายที่สุด.." ชลทิศกัดฟันพูดออกมา ตาบวมแดงปากสั่น
"หึ...โลกภายนอกน่ะมันโหดร้ายกว่านี้อีก"
หลังจากนั้นนาฟก็ลากชลทิศไปที่ถ้ำที่เขาเคยพาร่างเล็กไปครั้งหนึ่ง
ชลทิศเดินตามแบบไม่ขัดขืน ร่างเล็กนิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไรตลอดทาง
นาฟอ่านอักขระเปิดประตูถ้ำออกก่อนจะผลักร่างเล็กล้มไป ชลทิศล้มนอนไม่ได้ใส่ใจจะลุกขึ้น
เขาสะอื้นตัวสั่นอยู่กับพื้น นาฟจ้องเขาอยู่สักพักสายตาเริ่มกลับเป็นปกติ
"อัล นายเข้าใจสิ่งที่ชั้นพูดไหม...ถ้านายออกไปโลกภายนอกจริงนายจะเป็นแบบนกตัวนั้น...ถูกเล่ห์กลของมนุษย์หลอกลวง"
นาฟพูดเสียงเบาขึ้น เขามองไปที่ร่างเล็กที่สะอื้นฮักๆอยู่ ร่างเล็กยังไม่ตอบคำ
ตอนนี้เขาเลิกร้องไห้แล้ว สายตาจ้องไปเบื้องหน้าก่อนจะพูดออกมาเสียงเบา
"ถ้าชั้นเป็นนกตัวนั้นจริง.....นายจับชั้นขังไว้ที่นี่ทำไม....ปล่อยชั้นไปสู่โลกของชั้นสิ..."
ชลทิศนอนหันหลังให้นาฟ เขาจึงไม่ได้เห็นสายตาเจ็บปวดที่นาฟมองมาที่เขา
ความเงียบเข้าครอบงำพื้นที่ ผ่านไปสักพักชลทิศเริ่มขยับตัว เขารู้ว่านาฟยืนอยู่ด้านหลังเขาแต่ไม่ได้ขยับ
เขาเอี้ยวศีรษะเหลือบสายตาไปมอง แต่แล้วเขาก็ชะงักค้างเมื่อสบสายตากับนาฟ
เขาแทบลืมหายใจ นั่นไม่ใช่นาฟ!!
นาฟที่เขารู้จักมีดวงตาสีน้ำเงินเข้มราวกับท้องทะเลลึก..แต่นี่ดวงตาที่เขาเห็นเป็นสีแดงราวกับสัตว์ป่ากระหายเลือดที่พร้อมจะล่าเหยื่อ
ร่างเล็กดันตัวเองไปด้านหลังตามสัญชาติญาณ
"ตลอดเวลาหกปีมานี่....ชั้นเป็นอะไรของนายกันแน่" เสียงลอดออกมาจากปากร่างใหญ่
ฟังดูเย็นชา เขาสืบเท้าตามไปก้าวหนึ่ง ชลทิศถอยกายไปด้านหลังเพิ่มขึ้น
ราวกับถูกสะกด เขาไม่กล้าละสายตาไปจากนาฟ ในที่สุดหลังเขาก็ไปชนกับเสาหินไม่สามารถถอยไปได้อีก
"ตอบ!!" เสียงตะโกนราวกับเสียงคำรามดังสะท้อนไปทั่วผนังถ้ำ
ชลทิศตัวสั่น
"นะ....นายเป็นทั้งพ่อ...แม่....แล้วก็...เพื่อน...."
เขาตอบไม่ประติดประต่อกัน ยกแขนขึ้นมากันเพราะกลัวนาฟจะทำร้ายเขาอีก
"แค่นั้น!?" นาฟยิ้มมุมปากขึ้นนิดหนึ่งคล้ายเยาะ
'แค่นั้น' ร่างเล็กคิดในใจ นาฟจะเอาอะไรมากกว่านี้อีกเล่า "อะ...เอ่อ
นายยังเป็นครู" เขาพูดเสียงสั่น
"ครู..." นาฟทวนคำ พร้อมพ่นลมหายใจ เขาหรี่ตามองร่างที่นั่งคู้อยู่
"ใช่สิ....ชั้นมันเป็นแค่ครู...ชั้นสู้สอนนายทุกเรื่อง..."
เขาดึงแขนร่างเล็กขึ้นมา จับกดไว้กับเสาหิน ชลทิศตัวสั่น
แควก! เสื้อที่ใส่ถูกกระชากด้านหน้าขาดลงเป็นแถบ เหลือแต่เศษผ้าติดไว้ที่แขน
"แม้แต่เซ็กซ์.." นาฟต่อคำ ก่อนจะก้มศีรษะลงไปที่คอร่างเล็ก
"โอ้ย!!" ชลทิศร้องสุดเสียงเมื่อนาฟกัดที่ไหล่เขาเต็มแรง
เลือดไหลย้อยลงมาตามแผงอก แต่นาฟไม่ได้สนใจเขาก้มไปที่ติ่งเนื้อสีชมพูด้านขวาและซ้ายก่อนที่จะดูดและขบมันจนเลือดไหลซึมเช่นเดียวกัน
ร่างเล็กเจ็บจนน้ำตาเล็ด นาฟเริ่มเลียเลือดของเขาที่ไหลออกมาอย่างกระหาย
ชลทิศพยายามยกขาตัวเองขึ้นดันคนที่เบียดอยู่ออกเต็มแรง เขาทั้งเจ็บทั้งกลัว
นาฟเงยหน้าขึ้นสบตาร่างเล็ก เขาแลบลิ้นเลียเลือดที่ติดริมฝีปาก ยกมือจับคางบางดันขึ้นเพื่อรับจูบ
นาฟเบียดร่างตัวเองให้แนบชิดร่างเล็กมากขึ้นไปอีก โดยไม่สนใจว่าจะเจ็บหรือไม่
เขาบดขยี้ริมฝีปากตัวเองกับร่างเล็กอย่างแรงจนได้ยินเสียงฟันกระทบกัน
มือบีบคางให้ปากอ้าออกและไม่ให้หันหน้าหนีไปไหน ชลทิศรับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวเลือด
ทั้งสองคนปากแตกเลือดไหลย้อยลงมาจนถึงคาง แต่นาฟก็ยังไม่ยอมหยุด
มือที่จับแขนเริ่มเลื่อนลงมาลูบไล้ที่เนื้อเนียน ร่างเล็กตกใจมากขึ้นไปอีกเมื่อสัมผัสถึงอวัยวะส่วนล่างของนาฟแข็งชูชันขึ้นมาบดเบียดกับของเขา
เขากระแทกแขนที่ถูกปล่อยลงสุดแรงหลายครั้ง พยายามบิดข้อมือที่ถูกมัดอยู่หวังให้เป็นอิสระ
นาฟถอนปากออกมา จับร่างเล็กกระแทกเสาหินก่อนจะสะบัดหลังมือตบกลิ้งไปที่พื้นอีกรอบ
ชลทิศใช้ข้อศอกดันตัวเองขึ้น
"ชั้นปล่อยนายไปก็ได้...แต่ก่อนจะไปชั้นขอสอนบทเรียนเรื่องเซ็กส์บทสุดท้ายให้ซะก่อน"
เขาย่างสามขุมเข้าหาร่างเล็กที่ล้มอยู่ที่พื้น ชลทิศพยายามกระเสือกกระสนถอยหนีอย่างสุดแรง
นาฟจับเชือกที่ผูกขาลากเข้ามาหา ร่างเล็กครูดไปกับพื้น เสียงร้องดังออกมา
มือข้างที่ว่างของเขาดึงกางเกงร่างเล็กลงไปติดอยู่ที่ขา
"ไม่นะ...!!" ชลทิศตะโกนก้อง เขาไม่ได้มีอารมณ์ไปกับนาฟ..ความกลัวเข้ามาเกาะกุมจิตใจมากกว่า...เขาไม่อยากมีเซ็กซ์กับนาฟที่น่ากลัวคนนี้
นาฟพลิกตัวร่างเล็กคว่ำหน้าลงพร้อมกับจับสะโพกยกขึ้น โน้นตัวลงไปกระซิบข้างหูพร้อมส่งเสียงหอบ
"ทำไม...นายเคยชอบไม่ใช่เรอะ.." นาฟเลื่อนมือลงไปกอบกุมอวัยวะของร่างเล็ก
เริ่มรูดไปมาเพื่อกระตุ้นอารมณ์ ชลทิศบิดตัวพยายามไถตัวหนีแต่ก็ติดมือที่จับที่สะโพกเขา
ร่ายกายเขาเริ่มทรยศตัวเองไปกับมือที่ช่ำชอง
"ชั้นรู้หมดแหละ ว่าจุดอ่อนของนายอยู่ตรงไหน.." นาฟกระซิบข้างหู
ชลทิศหลับตาแน่น เขากัดปากตัวเองจนเลือดซึมไม่ยอมส่งเสียงร้องออกมา
ใช่สิ...เขากับนาฟเคยมีความสัมพันธ์แบบนี้หลายครั้ง แต่ว่าแต่ละครั้งนุ่มนวล
อ่อนโยน...เมื่อทั้งเขาและนาฟปลดปล่อยออกมามันก็จบ นาฟจะทำอะไรเขาอีก!!...
"ชั้นไม่เคยเร่งร้อนกับนาย...ชั้นทะนุถนอมนายตลอดมา..."
"อื้อ..." เสียงครางเล็ดลอดออกจากปากร่างเล็กเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจที่สัมผัสตรงร่องก้น..นาฟเริ่มใช้ลิ้นโลมเลียกลีบเนินเนื้อด้านหลัง
แหย่ปลายลิ้นลงไปที่ช่องทาง ชลทิศแทบไม่มีแรงที่จะใช้แขนยันพื้น
เขาทรุดลงปล่อยให้นาฟยกสะโพกไว้
"ชั้นคิดเสมอว่านายจะอยู่ที่นี่กับชั้น อีกสิบปี อีกห้าสิบปี"
เขาพูดเสียงหอบ "ชั้นเคยกลัวว่านายจะเจ็บ ก็เลยคิดจะรอจนกว่านายจะโตกว่านี้..."
ชลทิศแทบไม่ได้ยินว่านาฟพูดอะไร เขากัดปากแน่นตัวสั่นไปด้วยอารมณ์ที่ปะทุขึ้นมาจากท้องน้อย
ทันใดนั้นเขาก็สะดุ้งเฮือกส่งเสียงร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เมื่อรู้สึกได้ว่าร่างกายถูกรุกรานเข้ามาข้างใน
เขากระตุกบีบรัดแน่นขึ้น
"แค่นิ้ว" นาฟพูดเสียงหอบก่อนจะดันนิ้วชี้ผ่านเข้าช่องทางด้านหลังช้าๆ
ชลทิศรู้สึกเจ็บปวดจนต้องร้องออกมาอีกครั้งเมื่อนาฟดันนิ้วไปจนสุดแล้วเริ่มดันเข้าออก
จากที่เป็นไปอย่างลำบากในทีแรกในไม่ช้าก็เริ่มรวดเร็วขึ้น ช่องทางเริ่มปรับตัวคุ้นเคย
ชลทิศครางด้วยอารมณ์บางอย่างที่ล้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ส่วนนั้นของเขาชูชันบวมแน่นแทบระเบิดทั้งๆที่ไม่มีใครทำอะไร
นาฟเริ่มสอดใส่นิ้วที่สองและนิ้วที่สามตามเข้ามา และขยับเข้าออกช้า
ชลทิศรู้สึกเหมือนตัวเองเต็มแน่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ทั้งเจ็บปวดทั้งเสียวส่าน
ในที่สุดเขาก็ครางเสียงสูง เงยศีรษะไปข้างหลังปลดปล่อยออกมาเอง น้ำสีขาวขุ่นฉีดเลอะเต็มพื้น
เขาหอบอย่างหมดแรง เหงื่อไหลออกมาตามใบหน้า แต่นาฟก็ยังกระแทกนิ้วเข้าออกไม่ยอมหยุด
ร่างเล็กไม่มีแรงแม้แต่จะลืมตา
"นี่แค่เริ่ม" จู่ๆนาฟก็ดึงนิ้วตัวเองออก เอามือไปกุมส่วนนั้นของชลทิศที่พึ่งปลดปล่อยออกมา
เขาจับมันรูดขึ้นลงอีกครั้ง ร่างเล็กหมดแรงเขาไม่สามารถมีอารมณ์ขึ้นมาได้อีก
แต่แล้วเขาก็รู้สึกถึงอะไรอีกอย่างที่เข้ามาเสียดสีที่ช่องทาง?ทั้งๆที่มือของนาฟยังจับของเขารูดอยู่
ขนาดของมันใหญ่กว่านิ้วที่พึ่งผ่านไปมาก เขาร้องโหยหวนเมื่อมันแทรกผ่านเข้ามาอย่างไม่ปราณี
มือพยายามตะกุยพื้นเพื่อจะหนีไปด้านหน้า เขารู้แล้วว่ามันคืออะไร....
"ชิ.." นาฟครางอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อไม่สามารถเข้าไปจนสุดได้
ชลทิศร้องสุดเสียงอีกครั้งเมื่อนาฟถอนตัวออกพร้อมกระแทกเข้ามาใหม่อีกสามสี่ครั้งจนกระทั่งเข้ามาจนสุด
เขาค้างอยู่อย่างนั้น ร่างเล็กหอบจนตัวโยนรู้สึกเหมือนร่างกายฉีกขาด
แสบร้อนไปหมด สายตาเริ่มพร่ามัว นาฟเริ่มขยับส่วนนั้นของเขาอีกครั้ง
เขาหอบครางเสียงกระเส่าอย่างพึงพอใจ มือทั้งสองข้างยกขึ้นมาจับสะโพกร่างเล็กที่แทบจะทรงตัวอยู่ไม่ได้
เหมือนเลือดที่ไหลออกมาจะช่วยทำให้ช่องทางลื่นขึ้น นาฟดันตัวเองเข้าออกช้าๆ
ทุกครั้งที่เขาขยับ ชลทิศรู้สึกเหมือนถูกเหล็กร้อนทิ่มแทงร่างกาย
ร่างเคลื่อนไปตามแรงกระแทก เจ็บปวดจนแทบสิ้นสติ นาฟขยับรุนแรงขึ้น
เสียงหอบพร้อมกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องไปทั่วถ้ำ ชลทิศครางจนแทบจะไม่มีเสียงร้องออกจากคอ
น้ำตาไหลอาบหน้า เจ็บจนชา รู้สึกเหมือนสติจะหลุดลอยออกจากร่าง ความมืดเริ่มเข้าครอบคลุมสายตาเบื้องหนา
พื้นเริ่มเป็นสีเทา ในที่สุดเขาก็สลบไปปล่อยให้ร่างใหญ่ควบต่ออย่างไม่ปราณี
เขาสลบไปนานเท่าไหร่ก็ไม่ทราบ เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าเขายังนอนอยู่ที่เดิม
ร่างกายเจ็บปวดเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ โดยเฉพาะช่วงล่าง นาฟไม่อยู่แล้ว
เขาดันตัวเองลุกขึ้นนั่ง เชือกที่มือและที่ขาถูกตัดออกไป เขาลูบข้อมือตัวเองก่อนจะสำรวจส่วนอื่นๆของร่างกาย
ทั่วทั้งตัวมีแต่รอยช้ำ ที่ไหล่และหน้าอกมีรอยฟันเต็มไปหมด เลือดแห้งเกรอะกรัง
เขามองไล่ไปจนถึงช่วงขาของตัวเอง ร่อยรอยของคราบขาวขุ่นปนกับรอยเลือดเลอะทั่วต้นขาด้านใน
ทรายเกาะติดเต็มไปหมด ดูสกปรกเลอะเทอะน่าเกลียด น้ำตาที่แห้งไปเริ่มเอ่อขึ้นมาใหม่
เขาไม่เคยเชื่อมาก่อนว่านาฟจะทำร้ายเขาถึงขนาดนี้ได้!! เสียงท้องร้องดังโครกครากขึ้น
เขาเลียริมฝีปากที่แห้งผาก...เขาคงต้องจัดการอะไรกับตัวเองก่อน
ชลทิศเกาะเสาลุกขึ้นยืน ดึงกางเกงที่กองอยู่ที่เท้าขึ้น เดินแต่ละก้าวเจ็บแสบไปหมด...ในที่สุดเขาก็ลากสังขารอันทรุดโทรมของตัวเองออกมานอกถ้ำ
พยายามเดินไปที่แหล่งน้ำที่ใกล้ที่สุด พร้อมกับสอดส่ายสายตาหาอาหาร
ก้มลงมองเงาสะท้อนตัวเองก็แทบจำไม่ได้ ผมกระเซอะกระเซิงไม่เป็นทรง
แถมใบหน้าก็มีร่อยรอยของการถูกทำร้าย ปากแตกบวมเจ่อ แก้มก็มีรอยนิ้วมือเห็นเด่นชัด
ตอนนี้เริ่มช้ำเป็นสีเขียวปนม่วงอีกด้วย เขาวักน้ำขึ้นมาล้างหน้า
พร้อมกับเดินลงไปแช่ถูคราบที่ติดอยู่ที่ตัวออก ถูแล้วถูอีกจนเนื้อแดง
ความรู้สึกของเขายามนี้เจ็บปวด...เจ็บที่ใจมากกว่าเจ็บที่ร่างกาย
นาฟบังคับข่มขืนเขา!! ทำไม!! นาฟที่ใจดี....เขาสะอื้นออกมา หรือนั่นคือตัวตนที่แท้จริงของนาฟ
เขาไปแน่!!!