ความวิตกห่วงใยต่อพุทธศาสนาในประเทศไทย ของพระเถระผู้ใหญ่

กระทู้จาก พันธุ์ทิพย์ 18/06/42

เนื้อความ : พุทธศาสนาในประเทศไทยจะอยู่รอดตลอดไปได้หรือไม่ เป็นปัญหาที่น่าคิด น่าเป็นห่วง พระคุณเจ้าพระญาณวโรดม เลขาธิการคณะธรรมยุต แห่งประเทศไทย ท่านได้ปรารภถึงเรื่องนี้ทุกครั้ง เมื่อท่านมีโอกาสไปประชุมสามัญประจำปีคณะสงฆ์ธรรมยุตในสหรัฐอเมริกา หลายปีติดต่อก้นมาแล้ว ในปีนี้ก็เช่นเดียวกัน ขอคัดบางตอนจากเทปคำปราศัยของท่านพระญาณวโรดม ที่ท่านปรารภกับพระภิกษุและญาติโยมในงานฝังลูกนิมิตอุโบสถ วัดพุทธรัตนาราม เมืองเคลเลอร์ รัฐเท็กซัส ในวันที่ 13 มิถุนายน นี้ โปรดอ่านแล้วพิจารณา อย่าได้คิดว่าเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจของฝ่ายโน้นฝ่ายนี้ ที่นำมาเสนอนี้ ด้วยความหวังดีต่อพระพุทธศาสนาโดยส่วนเดียว ไม่เกี่ยวกับฝ่ายไหนทั้งสิ้น.....(ผู้เสนอกระทู้)

.....เวลานี้มีเรื่องน่าวิตกอยู่เรื่องหนึ่งในประเทศไทย คือทางรัฐบาลจะออกพระราชบัญญัติ...ชื่อน่ะเพราะครับ... พระราชบัญญัติคุ้มครองสนับสนุน พระพุทธศาสนา ฉบับแรก เขาออกมาก่อน แล้วก็มีการแก้ไข ฉบับที่ 2 หนักกว่าฉบับแรก สรุปแล้วก็คือว่า เอาฆราวาสมาปกครองพระ เอานายกรัฐมนตรี มาคุมพระ ทรัพย์สินของวัดของวา ก็เหมือนกัน เขาไม่เข้าใจเรื่องของสงฆ์ และจะพยายามเสนอให้ได้สำเร็จภายในรัฐบาลนี้ด้วย อันนี้เป็นเรื่องที่เราวิตกกัน แล้วเขาอ้างเหตุอะไร อ้างเหตุว่า พระปกครองกัน ไม่เรียบร้อย การที่พระวุ่นๆ นี้ เป็นการให้ช่องแก่เขาในการที่เขาจะนำมาอ้าง ฉะนั้น การที่คณะธรรมยุตเรา วางเฉยในเรื่องทั้งหลาย โดยเฉพาะเรื่องธรรมกาย ก็เป็นประโยชน์สำหรับการ ที่จะเอาไปอ้างได้ว่า ที่ว่าพระวุ่นวายนั้น ธรรมยุตไม่มีอะไร ที่วุ่นวายสำหรับ นิกายหนึ่งนั้น ก็เฉพาะคนบางกลุ่มเท่านั้น ไม่ใช่ทั่วไป แต่พระอีกนิกายหนึ่งไม่มีอะไร ดูแล้วนะครับ ฟังดูเผินๆ แล้วก็ดูดี แต่ที่ไหนได้ ส่วนลึกแล้ว หากฆราวาสปกครองพระ มีอำนาจเหนือพระ อย่างที่แล้วมาน่ะ ฆราวาสสึกพระได้ มีที่ไหนบ้าง ฆราวาสสึกพระได้มันไม่ถูกต้อง

แล้วก็ทางกรมการศาสนาเขาเสนอเรื่อง การพิจารณารับรองวัดพุทธศาสนาในต่างประเทศ เมื่อคราวที่แล้วมา เมื่อวันที่ 8 (มิ.ย.) ผม (พระญาณวโรดม) ก็บอก สมเด็จ พุทธาจารย์ ไว้ว่า ผมจะมาที่นี่ (สหรัฐอเมริกา) จะนำเรื่องนี้มาประชุม (สงฆ์คณะธรรมยุตในสหรัฐ ที่เมืองซีแอตเติล วันที่ 24 มิ.ย.) ในที่ประชุม เพราะฉะนั้น ขอให้ระงับ ไว้ก่อน ให้ผมกลับมาเสียก่อนค่อยมาพูดกัน พอกรมการศาสนาเขาเสนอขึ้นมา ท่านก็สั่งให้ระงับ ท่านบอกว่า ผมให้รอไว้ก่อน อันนี้ก็ขอให้พวกเราเตรียมไว้ด้วย ผมเอาแบบมา เหมือนกัน ถ้าใครมีเวลาพอซีลอคได้ก็ซีลอคแจกกันไป เขากำหนดไว้ว่า วัดจะต้องมีพระอย่างน้อย 5 รูป แต่ในนั้นก็ไม่ได้บอกว่า เป็นพระชาติไหน เป็นพุทธเถรวาท หรือพุทธ มหายาน ถ้าเป็นพระมหายานหรือพระต่างชาติแล้ว จะไปคุมเขาได้อย่างไร อีกอย่าง หนึ่ง ทางคณะสงฆ์ในประเทศไทย คุมมาถึงต่างประเทศแล้ว จะให้อะไรเขาบ้าง พวกที่อยู่ ต่างประเทศ จะให้สิทธิพิเศษอะไรแก่เขาบ้าง แต่ที่เราพูดกัน เป็นการส่วนตัว กับสมเด็จวัดสระเกศ ก็ว่า ของเรา (ธรรมยุต) มีพระน้อย ถ้ามี (กำหนดว่าต้องมีวัดละ) 5 องค์ มีปัญหา ท่านบอกว่า ถ้าอย่างนั้น ก็เอา 2 องค์ขึ้นไป ผ่อนตามที่เรามีปัญหา ถ้าองค์เดียวมันน้อยไป นี่ก็ขอแจ้งให้พวกเราได้ทราบด้วย เพื่อจะได้คิดไว้ว่า เราจะเอาอย่างไร ดีกว่าไปอ่านในขณะนั้น แล้วก็ตัดสินใจในขณะนั้น

ผมไม่ค่อยไว้ใจเลยครับ พุทธศาสนาในประเทศไทย เห็นไปกันใหญ่ พวกคริสต์คาทอลิค เขาไปตั้งเมืองคริสต์ที่อำเภอปักธงไชย มีเนื่อที่ 6000 ไร่ เรียกว่า แมรี่ทาวน์ เมือง พระแม่มารี คือเขาโครงการ ที่จะเอาประเทศไทย เป็นเมืองคริสต์ให้ได้ ภายในปี ค.ศ. 2000 ก็ปีหน้า ที่นี้เขาทำไม่ได้ ก็คงจะคิดเอาใหม่ ซื้อที่ได้ที่ปักธงไชย 6000 ไร่ สร้าง เมืองเลย สร้างเมืองคริสต์ในเมืองพุทธนี่แหละ แล้วเป็นยังไง ไม่มีใครสนใจเลย เฉย ทางกรมการศาสนาก็เฉย ทาง คณะสงฆ์ก็เฉย องค์การพุทธศาสนา เช่น องค์การพุทธ ศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก พุทธสมาคม ยุวพุทธิกสมาคม ก็เฉย พวกนักการเมือง พวกนักวิชาการก็เฉย แล้วเป็นไงกัน แล้วเป็นไงจะอยู่ได้หรือ มิหนำซ้ำ พวกนักการเมือง นักวิชาการ บางคน ยังพูดกร้าวร้าวพุทธศาสนา เช่นเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2540 พสร.คนหนึ่ง ในจำนวน 99 คน พูดทางสถานีวิทยุ พูดหยาบคายมากครับ พสร.คนนั้น อันดับ 6 ครับ เป็นอาจารย์อยู่ธรรมศาสตร์ เรียกพระพุทธเจ้าเป็น "ไอ้" ครับ ว่าคนไทยนี่โง่ เชื่อไอ้แขกคนนั้น กล้าพูดถึงขนาดนี้ แล้วมีใครสนใจครับ มีพวกเปรียญธรรมสมาคม สนใจเอามาลง ถึงได้รู้กัน ถึงประกาศกัน หนังสือพิมพ์ก็ไม่ลง เปรียญธรรมสมาคม ไม่ได้มีอิทธิพลอะไรนี่ครับ เอามาลง ไม่อย่างนั้น ก็ไม่รู้เรื่องหรอก

ผมก็นำไปพูดในที่ประชุมมส. มส.ก็ให้กรมการ ศาสนาไปพิจารณา ก็อย่างว่านะครับ เราต้องรู้ก่อน กรมการศาสนานั้น เขาใส่หมวกสองใบ ใบเขียว ใบเหลือง แต่ใบเหลืองคือ พระนั้นน่ะ ไม่สามารถทำให้ เขาได้ดี เลื่อนขั้นเลื่อนตอนอะไรได้ ไม่เหมือนอย่างนักการเมือง เพราะฉะนั้น เขาจะเอากับใคร เขาก็ต้องเอากับนักการเมืองนายเขาน่ะซี เขาจะมาเอา อะไร กับพระ นายเขามีเจตนาอย่างไร มีความประสงค์อะไร เขาก็ทำตามนั้น แล้วอย่างนี้เราจะไว้ใจได้หรือว่า ศาสนาพุทธจะอยู่กับเราตลอดไป น่าวิตก

ก็ยังปล่อยให้อะไรต่ออะไรเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า สมเด็จพระสังฆราช ก็แทบจะไม่มีความหมายอะไร ดังจะเห็นว่า ก่อนหน้านี้มีกลุ่มมากเหลือเกิน พยายาม เอาเรื่องกับ ธรรมกาย แต่พอเขาสามารถ ดึงสมเด็จสังฆราช ไปชนกับธรรมกายได้ ไปชนกับมส.ได้ ก็เงียบ ทำให้เรารู้ไต๋พวกนี้ อ้อ...เขามีเจตนาอย่างนี้ เดี๋ยวนี้เงียบ เอาสมเด็จพระสังฆราช ไปชนกับคนอื่น พอเขาทำสำเร็จ เฉย นี่ นึกดูมั่งหรือเปล่า เพื่ออะไร แล้วพยายามเอาเรื่องนิกายเข้ามาอีก อย่างนี้เป็น เรื่องที่น่ากลัวครับ เป็นเรื่องที่ประมาทไม่ได้ เพราะฉะนั้น การที่มีพวกเราอยู่ในต่างประเทศนี่ นับว่าเป็นโอกาสดีนักหนา เช่นเดียวกับที่พระเจ้าอโศก พระโมกขลีบุตร นำพุทธศาสนา ไปไว้ที่นั่นที่นี่ที่โน่น โดยเฉพาะในประเทศลังกา นับว่าโชคดีเหลือเกิน ที่พุทธศาสนาได้ออกไปอยู่ต่างชาติต่างเมือง ไม่อย่างนั้น ป่านนี้เสร็จแล้ว นี่ก็เหมือนกัน ได้มีพุทธศาสนาไปอยู่ที่นั่นบ้างที่นี่บ้าง นับว่าโชคดีมาก ได้ทราบว่า ได้เข้าไปในอาฟริกาแล้วด้วย พระไทยเรานี่ ถึงจะต่างนิกาย แต่เขาก็นำเข้าไปแล้ว เป็นแบบเถระวาท ท่านอาจจะนึกว่า ผมไปที่ไหนก็นำความทุกข์ไปให้ที่นั่น นำความไม่สบายใจ ไปให้ที่นั่น มันก็เป็นความจริงนี่ครับ มันเป็นอันตราย ถ้าไม่บอกให้รู้ตัวไว้ก่อน เท่ากับเราประมาท มีเรื่องอะไรก็บอกกันเสียก่อน เรื่องดีก็เรื่องดี เรื่องไม่ดีก็ไม่ดี เตรียมตัวรับ สถานะการณ์ไว้ก่อน อย่างอหิวาต์มันมาแล้วนี่ หรือไฟมันไหม้ใกล้เข้ามาแล้วนี่ เราจะทำเฉยเมยอย่างนั้นหรือ ให้มันมาถึงตัวก่อน แล้วค่อยพูดกัน ไม่ได้ ก็ต้องว่ากันเสียก่อน พูดกันให้รู้เรื่องกันเสียก่อน และในฐานะผมจะต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้

จึงได้นำเรื่องนี้มาเล่าสู่ให้ท่านฟังจะได้ทราบ เพื่อให้ท่านทั้งหลายจะได้เห็นความสำคัญของท่านที่นำพุทธศาสนา โดยเฉพาะคณะธรรมยุต มาประดิษฐานที่นี่ ถ้าที่โน่นหมด ที่นี่อยู่ ยังมี เพราะฉะนั้น ท่านจึงทำหน้าที่สำคัญมาก ที่จะรักษาคณะธรรมยุต เอาไว้ให้อยู่ในโลก ไม่ใช่เรื่องธรรมดา ไม่ใช่เรื่องสามัญ เรื่องสำคัญมาก ท่านอย่าไปนึกว่า ที่มาอยู่ที่นี่อยู่ไปวันๆ ไม่ใช่อย่างนั้น เป็นการรักษาคณะธรรมยุต ให้อยู่ในโลกนี้ ท่านต้องนึกอย่างนั้น และพยายาม สร้างเสริม ให้มีความเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป ผมเป็นห่วง พุทธศาสนา เป็นห่วงหมู่คณะมาก เพราะว่าผมมีหน้าที่รับผิดชอบ ตามควร และผมก็อยู่ได้อีกกี่วันแล้ว ไม่กี่วันผมก็จะเข้าฉากไปแล้ว ท่านทั้งหลายนี่ จะเป็นทายาทของ หมู่คณะ ต่อไป ท่านทั้งหลาย ต้องมีความตระหนัก ต้องมีความสำนึก ต้องมีความรู้ตัวว่า ท่านมีความสำคัญต่อพุทธศาสนา ต่อคณะธรรมยุตเพียงใด....

จากคุณ : watkellr@flash.net - [17 มิ.ย. 2542 21:53:25]