Episode 4 -----Princess Of Sky-----	

	มอนสเตอร์ที่เข้าโจมตีโบสถ์ด้วยการพุ่งตัวเข้าชนผนังนั้น บัดนี้ปรากฏร่าง
อยู่เบื้องหน้าของเฟรซิสแล้ว มันเป็นมอนสเตอร์ที่รูปร่างคล้ายเสือโคร่ง จะต่างกันตรง
เขี้ยวที่ยื่นยาวออกมาจากปาก เล็บที่ยาวมองดูคล้ายใบมีด และขนาดที่ใหญ่โตกว่ามาก 
พอเฟรซิสหยุดฝีเท้าลงยืนอยู่ตรงหน้า มันก็หันมาหาเธอ
	"ไคเทอร์?! งานหนักซะแล้วมั้งเนี่ย" เฟรซิสยิ้มที่มุมปากผิดกับคำพูดที่น่า
จะแสดงความลำบากใจ มือทั้งสองกำดาบคู่ไว้แน่น
	เจ้ามอนสเตอร์เป็นฝ่ายเปิดฉากการโจมตีก่อนด้วยการเหวี่ยงขาหน้า
ข้างหนึ่งที่มีเล็บเป็นใบมีดถึงห้าอันเข้าใส่ เฟรซิสถอยหลบออกมาได้ แต่ถึงกระนั้น แรง
ลมก็ยังทำให้ชุดของเธอเป็นรอยขาดเล็กๆบริเวณหน้าอก 
	ทันทีที่ตั้งตัวได้แล้ว เฟรซิสก็อ้อมไปด้านข้างของมัน แสงสีฟ้าพุ่งออกจาก
อากาศตรงหน้าใบหน้าของเธอไปยังเท้าหลังทั้งสองข้าง เกิดน้ำแข็งยึดเท้าทั้งสองไว้
กับพื้นแน่น แต่หางขนาดยักษ์ที่ยังคงเป็นอิสระก็เหวี่ยงตัวเองเข้าใส่เธอ 
	'พลั่ก!' เสียงหางฟาดเข้าใส่จนเฟรซิสถึงกับกระเด็นไปตามแรงฟาด แต่
เธอก็ยังไม่ล้ม เมื่อร่างกายเธอไปหยุดไถลอยู่ตรงหน้ามัน มอนสเตอร์ก็ตะปบขาหน้าทั้ง
สองข้างเข้าใส่
	'ฉับ!' เฟรซิสกระโดดขึ้นพร้อมกับตัดอุ้งเท้าที่มีเล็บเป็นอาวุธของมันออก
จากขาทั้งสองข้าง
	"เสร็จฉันล่ะ" เฟรซิสเอ่ยด้วยความยินดีหลังจากที่ร่างเธอขึ้นไปลอยอยู่
เหนือศีรษะของมอนสเตอร์ สายตาเธอจับจ้องอยู่ที่กลางกระหม่อมอันเป็นจุดตาย
ของมัน
	แต่.... ในพริบตาที่เธอกำลังจะปักคมดาบลงยังเป้าหมาย กรงเล็บขนาด
มหึมาคู่หนึ่งก็ตรงลงจากท้องฟ้า โฉบเอาร่างเธอติดไปด้วย
	"รูคฺวี!?" เฟรซิสตกใจกับการปรากฏตัวอย่างไม่คาดฝันของนกยักษ์ 
"ยุ่งล่ะสิทีนี้"
	นกยักษ์พาร่างของเฟรซิสทะยานสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ในขณะที่เจ้าหล่อนถูก
พันธนาการแขนทั้งสองข้างไว้ด้วยกรงเล็บ
	"เจ้านี่โจมตีมันได้แค่ที่หัวซะด้วยสิ แล้วจะทำไงดีล่ะ สภาพตอนนี้จะหันหน้า
ไปหาหัวมันยังทำไม่ได้เลย" ในหัวเฟรซิสนึกหาวิธีที่จะเอาตัวรอดจากสถานการณ์
ปัจจุบัน "ช่วยไม่ได้แฮะ เสี่ยงกับการเจ็บตัวไปด้วยหน่อย แต่ก็ต้องลองดูล่ะ"
	แต่ก่อนที่สาวน้อยจะได้ทำตามแผนที่คิดไว้ ร่างๆหนึ่งพุ่งขึ้นมาจาก
เบื้องล่างแซงหน้าเจ้านกยักษ์แล้วก็ปักอะไรซักอย่างเข้าที่หัวของมัน สาวน้อยเทพธิดา
ในโบสถ์นั่นเอง คมหอกของเธอปักเข้าไปในหัวของนกยักษ์จนมิด จนมันถึงกับสิ้น
เรี่ยวแรงคลายกรงเล็บที่จับตัวเฟรซิสไว้ออก
	"เฮ้อ รอดไปที แต่แบบนี้ จะขอบคุณดีรึเปล่านะเนี่ย" เฟรซิสนึกในใจ
ระหว่างที่ร่างกำลังตกลงไปสู่พื้นข้างล่าง เธอหันหน้าลงไปมองพื้น "โชคดีแฮะ รูคฺวีนั่น
พาเราขึ้นมาในแนวดิ่ง หัวเจ้าไคเทอร์เลยอยู่ข้างล่างเราพอดี ใช้ไอ้นั่นเป็นเบาะรองก็
แล้วกัน"
	แล้วเธอก็ทิ้งตัวลงให้ปลายดาบชี้ลงเบื้องล่าง คมดาบปักเข้ากลาง
กระหม่อมของมอนสเตอร์ที่อยู่ข้างล่างอย่างแม่นยำ หลังจากนั้น ร่างของสาวน้อยก็
กลิ้งลงจากหัวมอนส์เตอร์ที่เป็นเบาะรองชั้นแรกตกลงกับพื้น
	"อูย เจ็บชะมัดเลย" เฟรซิสครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่กับพื้น มือก็คลำสะโพก
ของตัวเอง "แต่ก็โชคดี นึกว่าจะเป็นอะไรมากกว่านี้ซะแล้วสิ"
	"พี่เฟรซิส!!!" เสียงฟีเมลร้องเรียกชื่อเด็กสาวดังมาพร้อมกับร่างน้อยๆที่
กำลังวิ่งเข้ามาหา ในขณะเดียวกัน ผู้คนทั้งหลายก็ตรงเข้าห้อมล้อมเทพธิดาฟาร์นี่ที่เพิ่ง
จะลงสู่พื้น เฟรซิสหันไปมอง เป็นเวลาเดียวกับที่ฟาร์นี่หันหน้ามา สายตาของทั้งคู่จึง
ประสานกัน
			.
			.
			.
			.
			.
	คืนนั้น พวกเฟรซิสได้ห้องพักชั้นดีที่สุดเพื่อเป็นการขอบคุณจากชาวเมือง 
ระหว่างที่ทั้งสองอยู่ในห้องพัก ก็มีเสียงเคาะกระจกดังขึ้น มือขวาของเฟรซิสรีบคว้า
เอาดาบคู่กายเล่มหนึ่งมาทันที แต่พอเห็นว่าคนที่ลอยอยู่ตรงหน้าต่างคือฟาร์นี่ เฟรซิสก็
วางดาบกลับที่เดิม
	"เธอน่ะเอง อย่าทำให้ตกใจได้มั้ย" เฟรซิสพูดกับสาวน้อยอีกคนหลังจากที่
เปิดหน้าต่างให้เธอเข้ามาในห้องเรียบร้อยแล้ว
	"ขอโทษนะ แต่ว่า ฉันอยากคุยกับพวกเธอน่ะ" ฟาร์นี่ สาวน้อยผู้มีปีกอยู่บน
หลังตอบ
	"คุย?" เฟรซิสทวนคำ ฟาร์นี่พยักหน้าช้าๆ
	"เธอ รู้ตัวจริงของฉันใช่มั้ยล่ะ" ฟาร์นี่มองไปยังเฟรซิส "ดูเธอไม่ตกใจ
เลย ตอนที่เห็นฉันในโบสถ์น่ะ" เฟรซิสพยักหน้าเป็นเชิงรับ
	"นี่ แล้วพวกเธอ กำลังจะไปที่ไหนกันเหรอ" ฟาร์นี่ถามต่อ
	"ฉันก็...ยังไม่รู้เหมือนกัน" เฟรซิสตอบ ฟาร์นี่ทำหน้าสงสัยกับคำตอบของ
เจ้าหล่อน
	"ไม่รู้?"
	"ฮื่อ....ก็ฉันยังไม่รู้เลยนี่นา ว่าของที่ฉันกำลังหาอยู่น่ะ มันอยู่ที่ไหน แต่จาก
ข้อมูลที่ฉันรู้ มันก็พาฉันเดินทางมาจนถึงที่นี่ซะแล้ว"
	"แล้วเธอ กำลังหาอะไรอยู่งั้นเหรอ"

	"กระจกเซเนีย?" ฟาร์นี่ทวนคำของเฟรซิส "กระจกที่ว่ากันว่าสามารถแก้
คำสาปได้ทุกอย่างน่ะเหรอ" 
	เฟรซิสไม่ตอบ เพียงแต่พยักหน้ารับ
	"แล้วพี่เฟรซิสจะเอามันไปทำอะไรเหรอคะ" ฟีเมลถามขึ้นบ้าง "หรือว่า 
พี่เฟรซิสถูกคำสาปอะไรอยู่"
	"ก็....ทำนองนั้นแหละ"
	"งั้นที่เคยบอกว่า'ของสำคัญสำหรับชีวิต'ก็หมายถึงกระจกเซเนียนี่สินะคะ"
เฟรซิสมองหน้าเด็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าตอบอีกครั้ง
	"พวกเธอนี่ดีจังเลยนะ ได้ออกเดินทางอย่างอิสระแบบนี้" ฟาร์นี่เอ่ยขึ้น
หลังจากมองดูภาพราวกับพี่น้องที่อยู่เบื้องหน้า "ฉันเองก็ อยากจะออกเดินทาง
แบบนี้บ้าง"
	"ก็ไปสิ" เฟรซิสหันมาหาฟาร์นี่ "เธอน่ะมีปีก น่าจะเดินทางได้อย่างอิสระกว่า
พวกฉันซะอีก"
	"อืม แต่...ฉันก็ทิ้งเมืองนี้ไปไม่ได้" ฟาร์นี่มีสีหน้าเศร้าลง "อย่างที่พวกเธอ
เห็น ฉันเป็นเหมือนที่รวมจิตใจของคนในเมืองนี้ ถ้าหากอยู่ๆฉันเกิดหายตัวไปล่ะก็..."
	"งี่เง่า" เฟรซิสเอ่ยขัดขึ้น ฟาร์นี่หันมาหาเธอทันที
	"ถ้าเป็นเรื่องที่ตัวเองอยากจะทำล่ะก็ ทำไปเลยสิ มัวแต่ผูกมัดตัวเองไว้กับ
เงื่อนไขของคนอื่น ก็สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองกันพอดี" เฟรซิสมองหน้า
สาวน้อยผู้มีปีกก่อนจะพูดต่อไป "จริงอยู่ว่าการที่มีปีก ทำให้เธอถูกยกขึ้นเป็นเทพธิดา 
แต่จริงๆแล้วเผ่าเฟเธอร์น่ะ ก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาๆที่สามารถบินบนท้องฟ้าและมี
ความสามารถทางเวทย์มนต์สูงกว่าคนปกตินิดหน่อยเท่านั้นเอง" 
	"ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่ถ้าหากเกิดเรื่องอย่างวันนี้ขึ้นอีกล่ะ ใครจะ
เป็นคนรับมือกับพวกมอนสเตอร์ได้กันล่ะ"
	"ในเมืองน่ะ มีโรงฝึกดาบอยู่ไม่ใช่รึไง เท่าที่ฉันผ่านไปเห็น พวกเขามีฝีมือ
พอตัวทีเดียวล่ะ เพียงแต่พวกเขายังคิดจะพึ่งพาเธอ เลยทำให้ไม่รู้ถึงความสามารถ
ของตัวเองเท่านั้นแหละ" เฟรซิสลุกขึ้นจากเตียง เดินไปยังหน้าต่าง "ลองเชื่อใจ
พวกเขาดูบ้างสิ เชื่อใจคนของเมืองที่เธอเคยดูแลมาตลอดดู"
			.
			.
			.
			.
			.
	"พี่เฟรซิส ไม่พูดเกินไปหน่อยเหรอคะ" ฟีเมลหันมาถามเฟรซิสที่นอนอยู่
ข้างๆ เพราะหลังจากที่เฟรซิสพูดประโยคเหล่านั้นจบ ฟาร์นี่ก็ขอตัวออกจากห้องไป
ทันที 
	"ก็อาจจะเป็นอย่างนั้นน่ะนะ" เฟรซิสมองเพดานห้องที่มืดสนิท "แต่
เด็กคนนั้น คิดจะแบกรับทุกอย่างเอาไว้คนเดียว ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้หรอก" เธอพลิกตัว
มานอนตะแคง ดวงตาสีม่วงเข้มจับอยู่ที่ใบหน้าของเด็กน้อยที่ตอนนี้เห็นเป็นเงาลางๆ
เพราะความมืด "คนเรา บางครั้งก็ต้องลองเชื่อใจคนอื่นดูบ้าง เธอเองก็เหมือนกัน 
ถ้าหากไม่เชื่อใจพี่ ป่านนี้ เราอาจจะไม่ได้มาเดินทางด้วยกันแบบนี้ก็ได้นะ"
	"นั่นสินะคะ" ฟีเมลยิ้มในขณะที่เฟรซิสเอื้อมมือมาลูบหัวของเธอเบาๆ ก่อน
จะค่อยๆผลอยหลับไปทั้งคู่

	"ออกเดินทางแต่เช้ามืดเลยแบบนี้ จะดีเหรอคะ" ฟีเมลถามเฟรซิสระหว่าง
ที่กำลังเดินจากโรงแรมไปยังทางออกของเมือง "แม้แต่เจ้าของโรงแรมยังไม่รู้เรื่อง
เลยแบบนี้"
	"แบบนี้แหละดีแล้ว" เฟรซิสตอบ "เรื่องเมื่อวาน ทำให้พวกเราทำอะไรใน
เมืองได้ไม่สะดวกซะแล้วล่ะ"
	"ก็ตอนนี้ เธอเป็นคนดังของเมืองนี้ไปแล้วนี่นา" เสียงหนึ่งดังมาจากทาง
ซุ้มทางออกของเมือง

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Author's Favourite : "ถ้าเป็นเรื่องที่ตัวเองอยากจะทำล่ะก็ ทำไปเลยสิ มัวแต่ผูกมัด
		 ตัวเองไว้กับเงื่อนไขของคนอื่น ก็สูญเสียความเป็นตัวของ
		 ตัวเองกันพอดี" ;เฟรซิส
		
		 "ลองเชื่อใจพวกเขาดูบ้างสิ เชื่อใจคนของเมืองที่เธอเคย
		 ดูแลมาตลอดดู" ;เฟรซิส

    Source: geocities.com/tokyo/shrine/2860

               ( geocities.com/tokyo/shrine)                   ( geocities.com/tokyo)