โฮมเพจเพื่อเผยแพร่พระเกียรติคุณของ
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว



 

สารบัญ


มนุษสรวยหรือไม่สรวย ?


   ครั้งหนึ่งองค์พระทินกร พบพระศศิธร
ณ กลางระหว่างเวหา  
   สุริยะตรัสว่าดูรา จันทรอนุชา
เจ้าเคยประพาศสากล  
   แลลงไปเห็นฝูงชน อันอยู่ภูวดล
น้องเห็นว่าเปนฉันใด  
   ศศิธรจึงทูลเฉลยใข ว่าข้าดูไป
ในภพะพื้นชมพู  
   เห็นพวกเผ่าพันธุ์มนู แสนน่าเอ็นดู
ล้วนแต่หน้าแฉล้มแจ่มใส  
   ต่างตนพร้อมพริ้มยิ้มละไม    ข้าคิดว่าใจ
คงดี บ่ มีมัวหมอง  
   อาทิตย์ได้ฟังนั่งหัว เย้ยจันทร์ว่าตัว
สิโง่เสียเต็มประดา  
   พี่เองเคยเล็งสายตา ลงไปดูหน้า
มนุษ ณ แดนชมพู  
   ไม่เห็นผู้ใดกล้าดู หน้าพี่อันผู้
รังสีจำรัสชัชวาล  
   เห็นแต่ก้มหัวตัวกราน หรือแฝงกิ่งก้าน
แห่งพฤกษะใหญ่ใบหนา  
   หรือเข้าแฝงอยู่คูหา หรือในชายคา
หรือมีสิ่งถือบังเงา  
   บางคนที่เห็นหน้าเขา ก็เห็นหน้าเง้า
ขมวดแต่คิ้วหลิ่วตา  
   เห็นชัดถนัดได้ว่า มนุษนั้นหน้า
บ่ มีที่งามสักคน  
   อีกทั้งใจชั่วมัวมล จึ่งชอบแฝงตน
มิกล้าจะออกกลางแปลง  
   พระจันทร์ครั้นฟังจึ่งแถลง ถ้อยคำร่ำแย้ง
ว่าข้า บ่ เห็นเช่นนั้น  
   สุริยะศศิธรเถียงกัน และฝูงเทวัน
มิได้ประนอมยอมสมาน  
   ก็ต่างเข้าช่วยเปนการ เถียงกันอลหม่าน
จนก้องสนั่นเวหา  
   ต่างมีมานะเจรจา สองเหล่าเทวา
ผู้เปนพรรคพวกบริพาร  
   ครานั้นพระนารทาจารย์ ล่องหนดลผ่าน
ฟากฟ้ามาที่เถียงกัน  
   จึ่งแวะเข้าถามความพลัน ฟังคำสูรย์จันทร์
แล้วเธอก็กล่าวปราไสย  
   ดูราทั้งสองเทพไท มาเถียงกันไย
ให้เกิดเปนเรื่องเคืองแค้น  
   สองเธอไม่ส่องดินแดน สัตว์ทั้งโลกแสน
จะโศกจะเศร้ากมล  
   เพราะว่าทั่วหล้าสากล พึ่งแสงสุริยน
และจันทร์จำรัสรัสมี  
   เมื่อไม่ปรองดองสองศรี จะยากไยมี
ขอเชิญทั้งสองเสด็จจร  
   ไปเฝ้าพระเทพบิดร ทูลเทพบวร
ให้เธอนั้นโปรดวินิจฉัย  
   สูรย์จันทร์ฟังระบอบชอบใจ   จึ่งชวนกันไป
เฝ้าองค์พระเทพบิดร  
   ฝ่ายองค์พระทรงธรร มะมหันต์มหิศร
เปนเทวะบิดร สุรนาถะพรหมาน
   ฟังคำพระอาทิตย์ และพระจันทะไขขาน
ยิ้มแฉ่งแถลงสาร คติสอนพระบุตรา
   สองลูกวิวาทกัน บ มิถูกนะลูกยา
สองทรงสุฤทธา บ มิตรองคดีความ
   อันองค์พระพรหมสร้าง นรชาติไว้งาม
เหมือนรูปพระเจ้าสาม แล บ่ เพี้ยนซึ่งเทวา
   แต่จิตแหละผิดกัน ผิวะทรงสุธรรมา
ท่วงทีและหน้าตา ก็แสดงแถลงใจ
   หากใครนะก้าวร้าว และ บ่ เกรงหทัยใคร
พบเขาก็เขาไซร้ บ มิอยากจะพบพาล
   อาทิตย์สิส่องแสง สุระร้อนและแรงราญ
เขาอื่น บ่ กล้าทาน ระวิส่องประภาสุม
   หน้านิ่มและคิ้วขมวด และก็รวดระเร็วซุ่ม
เพื่อพ้นประภารุม ระวิร้อนระอาใจ
   ส่วนเจ้าศะศิธร บมิส่องประภาไป
ราญชนนิกรให้ ระอุร้อนและรำคาญ
   พิศจันทร์สิใจเย็น กลเห็นมะธูหวาน
ชวนจิตนิกรบาน นรยิ้มละไมงาม
   อันคำบิดากล่าว ผิวะเปรียบกระแสรความ
ก็พ้องและต้องตาม คติโลกนะลูกยา
   ใครอยากจะเห็นเพื่อน นรยิ้มและยวนตา
แผ่เมตตะจิตกา รุณะก่อนแหละจึ่งควร
   ใจดีก็เขารัก และนิยมกมลยวน
เราสรวลก็เห็นสรวล นะฉะนี้แหละธรรมดา
   อวดอิทธิอำนาจ นรย่อมระอานา
พ่อกล่าววะจีภา ษิตะแจ้งจงรำพึง

ดุสิตสมิต
เล่มที่ ๑๐ ฉบับที่ ๑๑๖ หน้า ๑๗๗ - ๑๗๙