.. ประเพณี กิ๋นข้าวสลาก หรือ ทานก๋วยสลาก..

                
                การกิ๋นข้าวสลาก หรือ การทานก๋วยสลาก หมายถึงประเพณีทานสลากภัตเป็นประเพณีที่ชาวเหนือถือสืบเนืองมานานแล้ว การทานก๋วยสลากจะเริ่มในราววันเพ็ญเดือน 12 เหนือ (คือเดือน 10 ใต้ เดือนกันยายน) และสิ้นสุดเอาในเดือนเกี๋ยงดับ (เดือน 11 ใต้) การทานก๋วยสลาก (หรือบางแห่งเรียกว่าทานข้าวสลาก) ในจังหวัดเชียงใหม่ในสมัยก่อนนั้นจะต้องทำที่วัดเชียงมั่น อันเป็นปฐมอารามในจังหวัดเชียงใหม่ก่อน ที่ลำปางก็จะเริ่มที่วัดปงยางคก ซึ่งเป็นวัดต้นตระกูลของเจ้าเจ็ดตนคือ ทิพย์ช้างก่อนแห่งอื่น ปัจจุบันมักจะทำกันตามสะดวก
                 ก่อนวันทำพิธี "ทานก๋วยสลาก" 1 วัน เรียกว่า "วันดา" (วันสุกดิบ) คือเป็นวันจัดเตรียมสิ่งของเครื่อยไทยทาน พวกผู้ชายก็จะจัดการจักตอกสาน "ก๋วย" (ตะกร้า) ไว้หลาย ๆ ใบ บางครอบครัวอาจทำหลายสิบลูก แล้วแต่ศรัทธา และกำลังทรัพย์จะอำนวยให้ ทางฝ่ายผู้หญิงก็จะจัดเตรียมห่อของกระจุกกระจิก เช่น ข้าวสาร พริก กระเทียม เ กลือ กะปิ ปลาร้า ขนม ข้าวต้ม และอาหาร เช่น ห่อหมก (ทางเหนือเรียกว่า ห่อนึ่ง) ชิ้นปิ้ง (เนื้อปิ้ง) เนื้อเค็ม หมาก เหมี้ยง บุหรี่ ไม้ขีดไฟ เทียนไข สีย้อมผ้า ผลไม้ต่าง ๆ เครื่องใช้สอยต่าง ๆ ตามแต่ศรัทธา และฐานะ สิ่งของต่าง ๆ เหลานี้จะบรรจุลงในก๋วยซึ่งกรุด้วยใบตอง หรือกระดาษสีต่าง ๆ เมื่อจัดการบรรจุสิ่งของต่าง ๆ ลงในก๋วยเรียบร้อยแล้ว ก็จะเอา "ยอด" คือสตางค์หรือธนบัตร ผูกติดไม้เรียวเสียบไว้ "ยอด" ที่ใส่นั้นไม่จำกัดว่าเท่าใด แล้วแต่กำลังทรัพย์และศรัทธาจะอำนวยให้
                เช้าวันรุ่งขึ้นในวันทานก๋วยสลากเขาก็จะใช้เด็กลูกหลานเอาเสื่อไปปูที่ลานวัดหรือตามศาลาบาตร และเอา "ก๋วยสลาก" ไปวางเรียงไว้เป็นแถว ๆ ส่วนผู้เฒ่าผู้แก่ก็จะจัดเตรียมขัน (พาน) ข้าวตอกดอกไม้ธูปเทียน ถือขัน (พาน) ไปวัดกันเป็นกลุ่ม ๆ บ้างก็จูงมือลูกหลานไปด้วย ส่วนพวกหนุ่ม ๆ สาว ๆ ก็ไปเหมือนกัน ส่วนมากไปกันหมดทั้งครอบครัว เข้าไปในวัดจะเห็นครอบครัวที่พร้อมหน้า จะนั่งคุยกันเด็ก ๆ ก็จะเล่นใกล้ ๆ การทานก๋วยสลากเชื่อกันว่ามีอานิสงฆ์มาก และจะได้ช่วยกันเอา "ก๋วยสลาก" ไปถวายพระในเวลามีการเรียกเส้นสลาก
                ผู้เป็นเจ้าของ "ก๋วยสลาก" จะต้องเอาใบล้านหรือกระดาษมาตัดเป็นแผ่นยาว ๆ จารึกชื่อเจ้าของไว้และบอกด้วยว่า อุทิศส่วนกุศลนั้นให้ใครบ้าง คำจารึกในเส้นสลากนั้นมักจะเขียนดังนี้ "สลากเข้าซองนี้ หมายมีผู้เข้า นายแก้ว นางดี ขอทานไว้กับตนตัวภายหน้า" หมายถึงว่า ถวายทานไว้อุทิศส่วนกุศลไว้สำหรับตัวเองเมื่อล่วงลับไปแล้ว จะได้ไปรับเอาของไทยทานนั้น ๆ ในปรโลก ซึ่งเป็นความเชื่อของพุทธศาสนิกชนทั่วไปว่า เมื่อทำบุญถวายทานไว้ในพระศาสนาแล้วเมื่อล่วงลับดับขันธ์ไปแล้วก็จะได้ไปเสวยอานิสงส์ผลบุญนั้นในโลกหน้า และจะมีการอุทิศส่วนกุศลนั้นให้ญาติพี่น้องผู้ล่วงลับไปแล้ว
                "เส้นสลาก" ที่กล่าวนี้ จะต้องเขียนไว้ให้ครบจำนวนก๋วยสลาก เมื่อชาวบ้านนำก๋วยสลากไปที่วัดแล้ว ก็จะเอาเส้นสลากไปรวมกันไว้ที่หน้ากระประธานในวิหารซึ่งผู้รวบรวมเส้นสลากมักจะเป็นมรรคทายก หรือที่เรียกกันว่า "อาจารย์" รวบรวมได้เท่าไร ก็จะนำเอาจำนวนพระภิกษุสามเณรที่นิมนต์จากหัววัดต่าง ๆ นั้นหารจำนวนสลาก และหักเหลือไว้ส่วนหนึ่งเป็นส่วนของ "พระเจ้า" (คำว่าพระเจ้าเมืองเหนือหมายถึง พระพุทธรูปเช่น พระเจ้าเก้าตื้อ พระเจ้าทองทิพย์ ฯลฯ) และในที่นี้ก็หมายถึงเป็นส่วนพิเศษของวัดที่จัดทำพิธีทานก๋วยสลากนั่นเอง สลากของ "พระเจ้า" นี้เมื่อเสร็จจากการทำบุญแล้ว ก็จะแบ่งปันให้พระภิกษุสามเณร และเด็กวัด (ทางเหนือเรียกว่าขะโยมวัด) โดยทั่วถึงกัน และ "อาจารย์" หรือมรรคทายก ก็จะได้ส่วนหนึ่ง แต่เงินยอดก๋วยสลากนั้น ส่วนของ "พระเจ้า" จะต้องเป็นเงินกองกลางของวัด สำหรับใช้จ่ายในกิจของวัดต่อไป
                เมื่อพระภิกษุสามเณรได้รับส่วนแบ่งแล้วก็จะยึดเอาชัยภูมิแห่งหนึ่งในวัดและจัดการออกสลากคืออ่านชื่อในเส้นสลากดัง ๆ หรือให้ลูกศิษย์ (ขะโยม) ที่ไปด้วยนั้นตะโกนตามข้อความที่เขียนไว้ในเส้นสลาก หรือเปลี่ยนเป็นคำสั้น ๆ เช่น "ศรัทธาหนานไจยวงศ์ บ้านหนือวัดมีไหนเหอ" แต่ส่วนใหญ่ชาวบ้านจะเขียนเลขที่บ้านของตัวเอง ติดไว้กับเส้นสลาก และบริเวณที่ตนนั่งจะมีเลขที่บ้านของตัวเองแขวนไว้เพื่อง่ายต่อการค้นหาของพระ เมื่อผู้เป็นเจ้าของได้ยิน หรือเพื่อนบ้านใกล้เคียงได้ยินก็จะไปบอกให้เจ้าของ "ก๋วยสลาก" ซึ่งบางรายก็จะหิ้ว "ก๋วย" ไปตามหาเส้นสลากตามวัด.. ดูจากความวุ่นวาย พระท่านก็ตามหา "ก๋วย" เจ้าของ "ก๋วย" ก็เดินตามหาพระท่าน การเที่ยวหาเส้นสลากนี้ เป็นที่น่าสนุกสนานมากพวกหนุ่ม ๆ สาว ๆ เฒ่าชะแรแก่ชรา ไม่ว่าเด็กน้อยหรือหนุ่มใหญ่ก็จะหิ้ว "ก๋วยสลาก" ออกตาามเส้นกันขวักไขว่ ทุกคนจะมีใบหน้าแช่มชื่นผ่องใสเพราะนานปีถึงจะมีการ "กินก๋วย" สักครั้ง บางวัด 3 ปีจะมีการทานสลากนี้สักครั้งหนึ่ง พวกหนุ่ม ๆ ก็จะถือโอกาสช่วยสาว ๆ หาเส้นสลากเป็นการผูกไมตรีไปด้วย เมื่อพบเส้นสลากของตนแล้ว ก็จะเอา "ก๋วยสลาก" ไปถวายพระ พระก็อ่านข้อความในเส้นสลากให้ฟังอีกครั้งหนึ่งแล้วรับเอา "ก๋วยสลาก" และกล่าวอนุโมทนาให้พร แล้วก็คืนเส้นสลากนั้นให้เจ้าของสลากไป เจ้าของสลากก็จะนำเอาเส้นสลากนั้นไปรวมไว้ในวิหาร เมื่อเสร็จงานแล้ว "แก่วัด" หรือ มรรคทายกก็จะเอาเส้นสลากนั้นไปเผาหรือทิ้งเสีย
                การ "ทานก๋วยสลาก" นี้นอกจากจะมี "ก๋วยเล็ก" แล้วผู้ที่มีฐานะดี การเงินไม่ขัดสน ก็จะจัดเป็นพิเศษเรียกว่า "สลากโชค" สลากโชคนี้ ทำเป็นพิเศษกว่าสลากธรรมดา และในสมัยก่อนมักจะทำเป็นรูปเรือนหลังเล็ก ๆ มีเข้าของเครื่องใช้ต่าง ๆ เช่น หม้อข้าว หม้อแกง ถ้วยชาม เครื่องนอนหมอนมุ้ง เสื่ออ่อน ไม้กวาด เครื่องนุ่งห่ม อาหารสำเร็จรูปแล้ว 1 สำรับ และรอบ ๆ เรือนหลังเล็กนั้น จะมีต้นกล้วยต้นอ้อยผู้ติดไว้และยังมี "ยอด" เงินหลายสิบ หรือปัจจุบันก็เป็นร้อย ๆ บาท ผูกติดไว้ สลากโชคนี้ บางคนนก็อุทิศส่วนกุศลให้บิดามารดาหรือญาติผู้ใหญ่ที่ล่วงลับไปแล้ว
                สลากโชคนี้ เจ้าของจะตบแต่งประณีตสวยงามกว่าสลากธรรมดา บางรายเจ้าของก็จะเอาเครื่องประดับอันมีค่า เช่น สร้อยข้อมือ หรือเข็มขัดนากเข็มขัดเงินใส่ลงไปด้วย แต่ไม่ได้ "ทาน" ไปจริง ๆ เมื่อถวายสลากแล้วก็มักจะขอ "บูชา" คืน การเอาของมีค่าใส่ลงไปเช่นนี้ ผู้ถวายมักจะอุทิศส่วนกุศลนั้นให้ตนเอง หรือเชื่อว่าเมื่อตายไปแล้ว หากไปเกิดในภพอื่นก็จะได้รับสิ่งของที่ตนถวายอุทิศไว้ให้

ข้อมูลได้รับความอนุเคราะห์จาก .. พ่ออุ๊ย ที่แสนดี .. และได้รับแรงกำลังใจจาก .. แม่อุ๊ย ที่แสนดี .. ด้วยค่ะ.. น่ารักจัง