The Surface of mars
ฤดูร้อนปี 1976 เต็มไปด้วยความตื้นเต้นของนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับดาวเคราะห์ที่ส่วนลงจอดของไวกิ้งได้ลงจอดบนพี้น ผิวของดาวเคราะห์แดง ส่วนที่ลงจอดของไวกิ้งเป็นยานอวกาศที่ประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์เป็นอันดับแรกในการ
ลงจอดบนดาวอังคาร ก่อนที่มะมีการลงจอดในครั้งนี้ USSR ได้ทำความพยายามหลายๆ ครั้งในการลงจอดบนดาวเคราะห์ส่วนที่ลงจอดของ Mar2 ตกบนพื้นผิว ส่วนที่ลงจอดของMar3 ทำการลงจอดประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรกแต่สามารถถ่ายทอดข้อมูลได้เพียง 20 วินาที ก่อนที่มันจะล้มเหลว ส่วน ที่ลงจอดของ Mar6 ส่งคืนข้อมูลของบรรยากาศแต่ล้มเหลวระหว่างการส่งมา ส่วนที่ลงจอดของ Mar7 ไม่ทันได้พบดาวเคราะห์อย่างครบถ้วน

ก่อนไวกิ้งจะมาถึงดาวอังคารที่ตั้งการลงจอดถูกเลือกสำหรับส่วนที่ลงจอดของไวกิ้งทั้งคู่ แต่หลังจากรูปการโคจรถูกตรวจสอบ ที่ตั้งใหม่ก็ถูกเลือก ความปลอดภัยของการลงจอดเป็นปัจจัยสูงสุดที่จะรับรองที่ตั้ง ทั้ง Olympus Mons และ Valles Mavineris แม้ว่าจะ น่าสนใจแต่พวกมันก็เป็นอันตรายมากด้วย วันที่ 20 ก.ค 1976 ส่วนที่ลงจอดของไวกิ้ง1 ถูกเลือกอยู่ทางตะวันตกของ Chrys Planitia ที่ ละติจูด 47.8 องศาเหนือ และลองติจูดที่ 22.5 องศาใต้จากการโคจรที่ตั้งนี้ปรากฏเนื่องจากความราบเรียบปล่องภูเขาไฟที่เบาบางค่อนข้างจะ เหมือนกับที่ราบมืดบนดวงจันทร์ซึ่งบางครั้งส่วนที่นูนนั้นเกิดรอยย่น วันที่ 7 ส.ค 1976 ส่วนที่ลงจอดของไวกิ้ง2 ลงจอดบน Utopia Planitia ตั้งอยู่ที่ละติจูดที่ 24 องศาเหนือ และลองติจูดที่ 225.6 องศาใต้

แต่ละส่วนที่ลงจอดของไวกิ้งบรรทุกหีบห่อทางวิทยาศาสตร์ซึ่งประกอบด้วยสถานีอวกาศ เครื่องวัดความสั่นสะเทือน หีบห่อที่ใช้ วิเคราะห์สารเคมี กล้อง2ตัว หีบห่อส่วนประกอบของพื้นดินและหีบห่อการทดลองทางชีววิทยาภายในนาทีที่ส่วนที่ลงจอดภาพแรกถูกถ่ายใน กรณีที่มีบางอย่างเกิดขึ้นกับยานอวกาศ ภาพที่แสดงถึงสิ่งที่มองคล้ายกับมีทรายปกคลุมอยู่พื้นผิวที่เป็ยฝุ่นที่มีหินมีเส้นผ่าศูนย์กลางมากถึง 10 ซม. กล้องทั้ง 2 ตัวบนแต่ส่วนที่ลงจอดถูกติดอยู่ตรงข้ามด้านข้างของยานอวกาศ ภาพจากกล้องมองภาพสามมิติ สามารถนำไปใช้ในการ คำนวณระยะห่างจากส่วนที่ลงจอดถึงรูปแบบในภาพได้ พื้นดินที่เป็นที่ตั้งของการลงจอดถูกเข้าใจผิดว่าเป็นทะเลทราย Rocky บนโลก รูป ภาพส่วนที่ลงจอด1แสดงภูมิประเทศโดยรอบซึ่งเป็นสีเหลืองน้ำตาลที่มีหินทุกขนาดโปรยปรายโดยรอบ หินเหล่านี้มีผิวขรุขระและถูกทำให้กลาย เป็นหลุมจากลมพัดพาสิ่งเล็กๆ มา การล่องลอยของสิ่งที่หลงเหลือเม็ดเล็กๆ ถูกเห็นได้ในภาพนี้ระหว่างฤดูหนาวของไวกิ้ง1 ชั้นบางๆ ของ น้ำที่แช่แข็งก่อให้เกิดพื้นดินประมาณ 100 วันใน 1 ปี

ที่ตั้งส่วนที่ลงจอด2 มองดูคล้ายกับทะเลทราย Rocky บนโลก อย่างไรก็ตามที่ตั้งของมันโคลงเคลงมากกว่าที่ตั้งของว่วนที่ลง จอด1และเป็นเนินเขาน้อยกว่า ไม่มีร่องรอยของทรายใกล้กับส่วนที่ลงจอด อย่างไรก็ตามการวัดช่องแคบต่างๆ ใหญ่เท่ากับความกว้าง 1 เมตร และลึกมากกว่า 10 ซม. ทางคดเคี้ยวทะลุผ่านรูป ความราบเรียบของดินบ่งบอกว่าหินตั้งอยู่บนชั้นของสารที่ตกตะกอนบรรจุหนัก สิ่งทีเห็นได้ ชัดเจนส่วนใหญ่แตกต่างไปจากทะเลทรายบนโลกคือท้องฟ้าของดาวอังคารที่ปรากฏเป็นสีชมภูเนื่องจากฝุ่นสีค่อนข้างแดงในบรรยากาศ ถ้า ท้องฟ้าไม่มีฝุ่นจะปรากฏเป็นสีค่อนข้างขาวดำเพราะความเบาบางของบรรยากาศ

Monster Viking Lander 2 Mosaic - Gieometrically Corrected
ภาพลวดลายส่วนใหญ่ของ Utcpia Planitia ถูกสร้างจากภาพการยุบตัวลงของความสูงที่มากกว่า 20 ครั้ง ซึ่งถูกถ่ายโดย Viking Lander2 Viking Lander ที่บรรจุหลุม 2-3 หลุมถูกเติมให้เต็มโดยภาพการยุบตัวลงต่ำกว่า ภาพนี้ถูกแก้ไขทางเลขาคณิตและเก็บ เข้าไปในรายงานของ Viking Lander2

Monster Viking Lander 2 Mosaic
ภาพนี้เหมือนกับภาพด้านบนเว้นแต่มันไม่มีการแก้ไขทางเรขาคณิต footpad อันหนึ่งของ Viking Lander 2 อยู่บนหินซึ่งสร้าง จากกล้อง เนินเขาที่มองเห็นได้ชัดเจนในตรงการของรูป เนื่องจากความเอียงของกล้อง พื้นดินราบเรียบอย่างแท้จริง

Lander 1 Site
Big Joe ก้อนหินขนาดใหญ่ทางซ้ายมือของตรงกลางมีความกว้างประมาณ 2 เมตร ส่วนบนของหินถูกปกคลุมด้วยดินสีแดง ส่วนของหินที่เปิดเผยมีสีคล้ายคลึงกับ basaltic rocks บนโลก หินนี้เป็นชั้นของลาวาไหล ซึ่งถูกขับออกมาโดยปากปล่องภูเขาไฟที่อัดแน่น สีแดงของหินและดินเกิดเนื่องจากธาตุเหล็กรวมตัวกับ O2 ทำให้เกิดการสึกกร่อน บริเวณของพื้นดินราบเรียบที่มีหินนี้ มักจะมีอิทธิพลเหนือการ ก่อเกิดการล่องลอยเป็นระยะทางสั้นของดินผิวหน้า

Lander 2 Site
Viking Lander 2 ใช้ sample arms ขุดคู 2 คู ในดินผิวหน้า สิ่งที่ปกคลุมคอยปกป้องดินระหว่างการลงมาของ Lander ที่ตั้ง ระยะทางสั้นๆ Lander's footpad เห็นได้จากมุมขวาล่างของภาพ หินรอบๆส่วนหน้าตรงกลางมีความกว้างประมาณ 20 ซ.ม. ขณะที่หินที่ไกล ออกไปอีกทางด้านหลัง และทางด้านขวา มีขนาดตามขวางประมาณ 1.5 เมตร รางน้ำเอียงเบาๆ ระหว่างคูที่ทำขึ้น และหินที่ทำมุม ซึ่งตัดจากตรง กลางซ้าย ถึงมุมขวาล่าง เป็นรูปแบบพื้นผิวธรรมชาติ

View from Lander 1
ที่ตั้ง Viking Lander 1 ใน Chryse Planitia เป็นทะเลทรายแห้งแล้งที่มีหินโปรยปรายอยู่ระหว่างเนินทะเลทราย Lander 's footpad เห็นได้จากขวาล่าง ดูในส่วนหน้า( ตรงกลางล่าง ) ถูกขุดโดย Sample arms หย่อมของวัตถุที่ล่องลอยและชั้นดินใต้ดิน ถูกเห็นไกลออกไปจาก Lander

View from Lander 2
ที่ตั้ง Viking Lander 2 ใน Utopia Planitia มีก้อนหินเป็นก้อนใหญ่ๆ ที่ตั้งของ Viking Lander 1 ใน Chryse Planitia หิน จะถูกขับออกมาจากหลุมที่ปล่องภูเขาไฟอัดแน่น ใกล้กับที่ตั้ง Lander 2 หินส่วนใหญ่ที่ทำมุมและถูกเปลี่ยนแปลงอย่างเบาบาง โดยการกระทำ ของลม และรูปแบบอื่นๆ ของการกัดกร่อน การล่องลอยของทรายและฝุ่นเล็กกว่า และสังเกตเห็นได้น้อยกว่า ที่ตั้ง Lander 2 สีแดงทั้งหมด ของภูมิประเทศดาวอังคาร เกิดเนื่องจากการมีอยู่ของธาตุเหล็ก ที่รวมตัวกับออกซิเจนในดินผิวหน้า สีชมพูของท้องฟ้า มีสาเหตุมาจากฝุ่นสีแดง รุนแรง ที่ลอยตัวในบรรยากาศบางๆ ของดาวอังคาร

Frost at the Viking 2 Lander
ไกลออกไปทางเหนือของ Viking Lander 2 มีสิ่งที่ตกตะกอนแช่แข็งบนผิวหน้าระหว่างฤดูหนาว ภาพนี้ถ่ายเมื่อ พ.ค. 1979 แสดง ชั้นบางๆ สีขาวของน้ำที่แข็งตัว ประเมินว่าเป็น ไมครอน ติดๆ กันไป ปกคลุมส่วนของผิวหน้า บริเวณที่สีค่อนข้างแดง เป็นดินและหินไม่ถูก ปกคลุมโดยสภาพแช่แข็ง ส่วนของยานอวกาศ เห็นได้จากทางขวาหน้า