ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่า ภาษา VBScript จะประกอบด้วยส่วนต่างๆ ในบทนี้จะได้กล่าวถึงรายละเอียดขององค์ประกอบเหล่านั้น
    ตัวแปรตัวเลขและตัวแปรตัวหนังสือ
    ตัวแปรที่ใช้กับภาษาที่ใช้เขียนโปรแกรมนั้นจะมีอยู่ 2 ชนิด คือ ตัวแปรที่เป็นตัวเลข และ ตัวแปรที่เป็นตัวหนังสือ ตัวแปรที่เป็นตัวเลขนั้นก็คือ ตัวเลขเราดีๆ นี่เอง ที่สามารถนำมาบวกลบคูณหารได้ตามปกติ ส่วนตัวแปรที่เป็นตัวหนังสือ ก็จะเป็นตัวแปรที่เป็นประโยคข้อความต่างๆ และตัวแปรที่เป็นตัวหนังสือ นี้ก็สามารถนำมารวมกันได้ โดยใช้เครื่องหมายบวก (+) หรือ $ ได้ แต่ไม่สามารถนำมาบวกลบหรือคูณหารได้เหมือนกับตัวแปรตัวเลข
    สมมติว่า เรามีตัวแปรที่เป็นตัวเบข คือ A1= "VB" และตัวแปร A2= "Scipt" ถ้าเรานำตัวแปร 2 ตัวมารวมกันโยการเขียนโปรแกรมเป็น A1+A2 แล้ว จะได้ผลลัพธ์เป็น "VBScript" เป็นต้น
    สำหรับตัวอักษรที่เราใช้แทนตัวแปรนั้น จะใช้ตัวอักษรตั้งแต่ A-Z โดยจะใช้ตัวอักษรกี่ตัวก็ได้ เพื่อประกอบเป็นตัวแปร และเราใช้ตัวเลขประกอบกับ หนังสือก็ได้ แต่จะต้องมีตัวอักษรนำหน้าก่อนเสมอ คือห้ามไม่ให้มีตัวเลขนำหน้า
    สำหรับค่าของตัวแปรที่เป็นตัวเลข เราสามารถขียนให้มีค่าเป็นตัวเลขนั้นได้ทันที เช่น =134, =200 เป็นต้น ส่วนค่าของตัวแปรที่เป็นตัวหนังสือ จะต้อง เขียนอยู่ในเครื่องหมายคำพูด เช่น = " VB" , = "Script" เป็นต้น
    ตัวแปร Array
    ในกรณีที่มีตัวแปรหลายตัว และต้องการใช้ชื่อตัวแปรเพียง 1 ตัวเพื่อใช้แทนตัวแปรทั้งหมด ก็สามารถตั้งชื่อตัวแปรนั้นได้ โดยมีลำดับที่ของตัวแปรอยู่ ในวงเล็บ เช่น A1(10) ซึ่งจะหมายความว่าเป็นชื่อตัวแปรที่ใช้แทนตัวแปรทั้งสิ้น 11 ตัวแปร ซึ่งรวมถึงตัวแปรในลำดับที่ 0 ด้วย คือ ตัวแปร A1(0), A1(2), A1(3), ... (10) การกำหนดชื่อตัวแปรเป็นแบบ Array นี้จะมีประโยชน์ในการเขียนโปรแกรม เพื่อควบคุมการทำงานของตัวแปรทั้งหมดนี้ได้ง่าย และถ้าเราต้องการใช้ตัวแปรเหล่านั้น ต้องประกาศด้วยคำสั่ง Dim ที่ตอนต้นโปรแกรมเสมอ
    Metgod และ Statement
    เป็นส่วนประกอบหนึ่งที่ใช้เขียนโปรแกรมเช่นเดียวกัน ดังได้กล่าวไปแล้ว โดยจะมีคำสั่งที่ใช้เขียนโปรแกรมในเว็บเพจ ดังต่อไปนี้คือ
    Dim
    Dim เป็น Statement ใช้ประกาศตัวแปรต่างๆ ที่ใช้ในโปรมแกรมรวมทั้งตัวแปร Array หากต้องการใช้ และตัวแปรที่ต้องการประกาศ ให้เขียนต่อจากคำสั่ง Dim นี้ไป และถ้าหากมีหลายตัวก็ให้คั่นด้วยเครื่องหมายลูกน้ำ ดังรูปแบบต่อไปนี้คือ
    Dim ตัวแปร 1, ตัวแปร 2, ตัวแปร 3
    และคำสั่ง Dim นี้ จะต้องประกาศที่ตอนต้นของโปรแกรมเสมอ
    Len
    Len (ตัวแปร) เป็น Statement สำหรับหาจำนวนตัวอักษรที่อยู่ในตัวแปรตัวหนังสือ โดยจะมีผลลัพธ์เป็นตัวเลข เช่น Len( " VBsript " ) จะมีค่าเป็น 8 นั่นคือ ตัวแปรนี้จะมีตัวอักษรอยู่ 8 ตัว อักษร
    Left
    Left (ตัวแปร, ก) เป็น Statement สำหรับหาค่าตัวแปรใหม่ โดยให้เลือกจากจำนวนตัวอักษร จำนวน ก ตัวนับจากซ้ายมือของตัวแปรในวงเล็บ ตัวอย่าง เช่น Left ("VBscript")= "VB"
    Right
    Right (ตัวแปร, n) เป็น Statement สำหรับหาตัวแปรตัวใหม่จากตัวแปรที่อยู่ในคำสั่ง Right โดยให้นับจากจำนวนตัวอักษรที่นับจากทางขวามือมา เป็นจำนวน n ตัวอักษร ตัวอย่างเช่น Right (VBScirpt,6) จะมีค่าเป็น "Scirpt" หรือจะเขียนโปรมแกรมได้เป็น Right ( "VBScript',6 ) = "Script"
    Mid
    Mid (ตัวแปร, ลำดับตัวอักษรที่เริ่มต้น,จำนวนตัวอักษรที่นำมา) เป็น Statement สำหรับสร้างตัวแปรที่ตัดจากตัวแปรบางส่วนที่อยู่ใน Statement สำหรับสร้างตัวแปรที่ตัดจากตัวแปรบางส่วนที่อนู่ใน Statement นี้ โดยให้เริ่มต้นตัดตัวอักษรที่เท่าไร และนำตัวอักษรที่เริ่มต้นตัดมากี่ตัวอักษร เป็นต้น เช่น Mid ("VBscript',3,3) จะมีค่าเป็น "scr"
    Ucase
    Ucase (ตัวแปร) เป็น Statement สำหรับเปลี่ยนตัวอักษรทั้งหมดในตัวแปร ให้เป็นอักษรตัวใหญ่ทั้งหมด ตัวอย่างเช่น Ucase ("VBscript") ="VBSCRIPT" เป็นต้น
    Lcase
    Lcase (ตัวแปร) เป็น Statement สำหรับเปลี่ยนตัวอักษรทั้งหมดในตัวแปร ให้เป็นอักษรตัวใหญ่ทั้งหมด ตัวอย่างเช่น Lcase ("VBscript") ="VBscript" เป็นต้น
    Trim
    Trim (ตัวแปร) เป็น Statement สำหรับเปลี่ยนตัวอักษรที่เป็นช่องว่างออกจากตัวแปรทั้งหมดออกไปตัวอย่างเช่น Trim ("VB VBscript") จะมีค่า เป็น " VBVBscript" เป็นต้น
    Ltrim
    Ltrim (ตัวแปร) เป็น Statement สำหรับตัดช่องว่างทั้งหมดที่อยู่ทางซ้ายของตัวแปร ตัวอย่าง เช่น Ltrim(" Script") จะมีค่าเท่ากับ "script" เป็นต้น
    Rtrim
    Rtrim (ตัวแปร) เป็น Statement สำหรับตัดช่องว่างทั้งหมดทางด้านขวามือของตัวแปร ตัวอย่าง เช่น Rtrim ("VBscript ") จะมีค่าเป็น "VBscript" เป็นต้น
    MsgBox
    MsgBox "ข้อความ, ค่าคงที่, หัวเรื่อง" เป็น Statement สำคัญสำหรับสร้างเมสเสจบ็อกซ์ (Message Box) ให้ปรากฏบนเพจ ซึ่งเรามักพบเมส เสจบ็อกกซ์ที่ในโปรแกรมอื่นๆ ทั่วไป เพื่อเตือนหรือแนะนำในขณะทำงาน และในระหว่างเขียนโปรแกรม ในตัวอย่างต่อไปนี้เราจะใช้ MsgBox นี้ เพื่อ ตรวจสอบความถูกต้องของโปรแกรม รูปแบบของการใช้ Statement นี้ไม่จำเป็นต้องใช้ให้ครบทุกรูปแบบ แต่จะต้องมีรูปแบบของข้อความเป็น อย่างน้อย เช่น MsgBox "สวัสดีครับ" เป็นต้น
    ส่วนค่าคงที่ เป็นสัญลักษณ์สำหรับใช้แสดงประกอบกับเมสเสจบ็อกซ์ ซึ่งจะมีค่าคงที่และสัญลักษณ์ต่างๆ และหัวเรื่องที่ใช้แสดงบนเมสเสจบ็อกซ์ ก็จะเป็นข้อความที่เราต้องการให้แสดงบนไตเติลบาร์ในเมสเสจบ็อกซ์
    การเพิ่มบัตทอนในเมสเสจบ็อกซ์
    ในบางครั้งเราต้องการให้มีการโต้ตอบกับผู้ใช้ ซึ่งอาจต้องเพิ่มเติมบัตทอนเข้าไปในหน้าต่างเมสเสจบ็อกซ์ เช่น บัตทอน Cancel บัตทอน Retry เป็นต้น และเราสามารถเพิ่มเติมบัตทอนเหล่านี้เข้าไปในเมสเสจบ็อกซ์ได้ ด้วยการเพิ่มค่าคงที่เข้าไปในรูปแบบของเมสเสจบ็อกซ์ ถ้าหากค่าคงที่มีอยู่แล้ว เช่น 64 เพื่อต้องการแสดงสัญลักษณ์ ก็ให้นำค่าคงที่ที่อยู่ในตารางต่อไปนี้บวกเข้าไป ค่าคงที่เพื่อให้แสดงบัตทอนต่างๆ
    ฟังก์ชันเมสเสจบ็อกซ์
    เมื่อเราเพิ่มบัตทอนเข้าในเมสเสจบ็อกซ์แล้ว เราจะต้องให้คำสั่งเมสเสจบ็อกซ์เป็นแบบฟังก์ชัน (Function) ซึ่งมีรูปแบบการแสดงฟังก์ชันด้วยการเพิ่ม วงเล็บตรงบริเวณที่เป็นประโยคคำพูด ดังต่อไปนี้คือ MsgBox ("ต้องการทำงานต่อหรือไม่","ประกาศ") เป็นต้น จากนั้นจะรับค่าต่างๆ ที่บัตทอนส่ง กลับมา เมื่อมีการคลิกเลือกค่าที่ส่งกลับมา เมื่อคลิกที่บัตทอนต่างๆ จะมีดังต่อไปนี้คือ
    "บัตทอน" ค่าที่ส่งกลับมา
    "Ok"
    1
    "Cancel"
    2
    "Abort "
    3
    "Retry"
    4
    "Ignore"
    5
    "Yes"
    6
    "No"
    7
    ตัวอย่างเช่น ถ้าเราต้องการแสดงเมสเสจบ็อกซ์ เพื่อให้มีการเลือกว่า ต้องการทำงานต่อหรือไม่ โดยใช้บัตทอน Ok และ Cancel และถ้ามีการคลิกที่บัต ทอน Cancle ให้มีเงือนไข If เป็นจริง ซึ่งค่าส่งกลับมาเมื่อคลิกที่บัตทอน Cancel คือ 2 โดยเราจะเขียนคำสั่งได้เป็น
    If MsgBox("ต้องการทำงานต่อไหม",1,")=2 Then
    เครื่องหมายทางคณิตศาสตร์
    สำหรับเครื่องหมายทางคณิตศาสตร์ที่ใช้ในโปรแกรม VBScript ก็จะเหมือนกับโปรแกรมภาษาอื่นทั่วๆ ไป คือ
    + หมายถึง การบวกกัน
    - หมายถึง การลบกัน
    * หมายถึง การคูณกัน
    / หมายถึง การหาร
    ^ หมายถึง การยกกำลัง เช่น AB^2 หมายถึงตัวแปรยกำลัง 2 เป็นต้น
    ค่าคงที่ทางคณิตศาสตร์
    ค่าคงที่ทางคณิตศาสตร์ เช่น Sin( ) , Cos( ) , Tan( ) ก็สามารถใช้เขียนในโปรแกรมได้เช่นกัน เช่น Y=Sin( ) เป็นต้น
    แอสกีโค้ด
    เป็นค่าคงที่แทนตัวอักษรต่างๆ บนคีย์บอร์ด โดยจะมีรูปแบบเป็น Chr(0-255) นั่นคือ ค่าของแอสกีโค้ดจะมีจำนวนทั้งสิ้น 256 ตัวอักษร เช่น Chr(65) หมายความว่า มีการกดปุ่มคีย์บอร์ดที่ A หรือ Chr(13) หมายถึง มีการกดปุ่มที่คีย์บอร์ดที่ปุ่ม Enter หรือ Chr(10) หมายถึง มีการกดปุ่มคีย์บอร์ดที่ปุ่ม Shift เป็นต้น
    Instr
    Intr ("สตริง","สตริงที่ต้องการค้น") เป็นคำสั่งสำหรับแสดงลำดับที่ของสตริงที่มีการค้นพบ โดยให้ค้นจากสตริงที่เราต้องการค้น ตัวอย่างเช่น ถ้าเรา มีตัวแปรที่เป็นต้วอักษรชุดหนึ่งเป็น "1234567890ABCDEF" และต้องการตรวจสอบว่า มีต้วแปรที่เป็นตัวอักษรเป็น "90" อยู่ในตัวแปรนี้หรือไม่ ก็ต้องเขียนคำสั่งเป็น
    Instr( "1234567890ABCDEF","90" )
    ซึ่งในตัวอย่างนี้เราจะพบว่า เราได้พบตัวอักษร "90" อยู่ในตัวแปรที่จะค้นในลำดับตัวอักษรที่ 9 คือ 1234567890ABCDEF" ดังนั้นค่าของคำสั่งนี้ เป็น 9 นั่นเอง และในกรณีที่หาไม่พบในตัวแปรที่เราต้องการค้นแล้ว ม้นจะมีค่าเป็น 0 เช่น
    Instr ("VBscript","จาวา") = 0
    นั่นคือ เราไม่สามารถค้นหาตัวอักษร "จาวา" ในตัวแปร "VBscript" ได้
    InputBox
    InputBox ("ข้อความที่จะให้แสดงในอินพุตบอ๊อกซ์" , "ข้อความบนไตเติ้ลบาร์") เป็นคำสั่งสำหรับรับค่าจากคีย์บอร์ดผู้ใช้เว็บเพจ นำมาประมวลผล เพื่อทำงานต่อไป มีรูปแบบคล้ายๆ กับเมสเสจบ็อกซ์ แต่จะมีช่องว่างสำหรับให้เราบันทึกข้อมูล และการรับข้อมูลจากการบันทึกนี้จะเหมือนกับเท็กซ์บ็อกซ์ ที่สามารถสร้างจากภาษาเอชทีเอ็มแอลได้เช่นกัน ในรูปแบบอินพุตบ็อกซ์ที่เสนอไปนี้ เรอาจจะเขียนไม่ครบก็ได้ แต่อย่างน้อยต้องมีข้อความที่ให้แสดงใน อินพุตบ็อกซ์ที่เสนอไปนี้ เราอาจจะเขียนไม่ครบก็ได้ แต่อย่างน้อยต้องมีข้อความที่ให้แสดงในอินพุตบ็อกซ์ ตัวอย่างเช่น ImputBox ("โปรดบันทึกวัน เดือนปี") เมื่อโปรแกรมทำงานแล้วจะได้อินพุตบ็อกซ์
    หรือถ้าเราต้องการข้อความบนไตเติลบาร์ ก็จะเขียนคำสั่งเป็น InputBox ("โปรดบันทึกวันเดือนปีเกิด" ,"บันทึกข้อมูล") ก็จะได้อินพุตบ็อกซ์
    เหตุการณ์ต่างๆ ที่ใช้เขียนโปรแกรม
    เหตุการณ์ (Event) ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในขณะที่เรียกเว็บเพจมาทำงาน มักพบทั่วไปและนำมาใช้เขียนสับโปรแกรม มีดังต่อไปนี้
    เหตุการณ์ที่เริ่มต้นทำงานของเว็บเพจ
    เป็นเหตุการณ์แรกที่เริ่มต้นทำงานของเว็บเพจ ซึ่งเรามักจะนำมาเขียนโปรแกรม เพื่อกำหนดค่าคงที่เริ่มต้นให้กับตัวแปรที่ใชัในโปรแกรม และเราสามารถเขียน สับโปรมแกรมนี้ได้เป็น Sub Window _Onload เป็นต้น
    เหตุการณ์ OnClick
    เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ในการทำงานบนเว็บเพจ เหตุการณ์คลิกสมารถเกิดขึ้นกับออบเจ็กต์ต่างๆ รวมทั้งคอนโทรล ActiveX ด้วย ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับออบเจ็กต์ใด ก็ต้องนำตัวชื่อของออบเจกต์นั้น ตามด้วยคำสั่ง Onclick สมมติว่า จากตัวอย่างที่แล้วเราใช้เหตุการณ์คลิกที่ เกิดขึ้นกับเว็บเพจ ซึ่งใน VBScript จะมีชื่อเป็น Document ดังนี้เราจึงสร้างชื่อสับโปรแกรมได้เป็น Sub Document_Onclick หรือเกิดขึ้นกับ อิมเมจออบเจ็กต์ และมีการตั้งชื่อเป็น Img แล้วเราจะเขียนชื่อสับโปรแกรมได้เป็น Sub Img_Onclick
    เหตุการณ์ Submit
    เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเว็บเพจ เมื่อมีการ Submit อันเกิดจากการคลิกที่บัตทอนที่สร้างในเว็บเพจและมมีการกำหนดรูปแบบของบัตทอนเป็น SuBmit ซึ่งจะกล่าวต่อไป และเราสามารถเขียนชื่อสับโปรแกรมได้เป็น Sub Window_OnSubmit
    เหตุการณ์ MouseOver
    เป็นเหตุการณ์ที่เราเลื่อนเมาส์เข้าไปในออบเจ็กต์นั้นๆ ถ้าเกิดขึ้นกับออบเจ็กต์ หรือคอนโทรล ActiveX ใด ก็ให้เขียนชื่อออบเจ็กต์นั้นๆ ตามด้วยคำสั่ง OnmouseOver เช่น ถ้าเรามีอิมเมจออบเจ็กต์ในเพจ และต้องการเขียนโปรแกรมให้มีการทำงาน เมื่อเราเลื่อนเมาส์เข้าไปในรูปอิมเมจนี้แล้วเราจะต้อง เขียนชื่อสับโปรแกรมเป็น Sub Img_OnMouseOver
    เหตุการณ์ MouseOut
    เป็นเหตุการณ์ที่เราเลื่อนเมาส์ออกจากออบเจ็กต์ หรือคอนโทรล ActiveX ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ออบเจ็กต์ไหน ก็ให้เขียนชื่อออบเจ็กต์นั้นคู่กับคำสั่ง ของเหตุการณ์นี้ คือ OnMouseOut สมมติว่าเรามีอิมเมจออบเจ็กต์ที่มีชื่อเป็น Img แล้ว และต้องการเขียนโปรแกรมให้ทำงานในเหตุการณ์ที่เราเลื่อน เมาส์ออกจากรูปภาพ จะเขียนสับโปรแกรมได้เป็น Sub Img_OnMouseOut
    จากตัวอย่างที่แล้ว ถ้าต้องการให้มีเมสเสจบ็อกซ์แสดงวิธีการใช้เว็บเจนี้ ก็สามารถทำได้โดยการสร้างอีก 1 สับโปรแกรม คือ Sub Window_Onload และเขียนคำสั่ง MsgBbox ตามด้วยคำสั่งต่างๆ ที่ต้องการแสดง ดังโปรแกรมต่อไปนี้คือ
    Sib Window_OnLoad
    MsgBox "ให้เลื่อนMouseเข้ามาบริเวณรูปหัวใจแล้วClick",64,"ประกาศ"
    End Sub
    เหตุการณ์ OnDbIClick
    เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสำหรับการดับเบิลคลิกบนเพจ หรือเกิดขึ้นกับออบเจ็กต์ หรือคอนโทรล ActiveX
    เหตุการณ์ OnKeyDown
    เป็นเหตุการณ์สำหรับใช้มือกดที่แป้นพิมพ์บนคีย์บอร์ด ในขณะที่กดแป้นคีย์บอร์ดลง
    เหตุการณ์ OnKeyPress
    เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อมีการกดที่แป้นคีย์บอร์ด แป้นใดแป้นหนึ่งค้างไว้
    เหตุการณ์ OnKeyUp
    เป็นเหตุการณ์สำหรับใช้มือกดเมาส์ลงที่เพจหรือที่ออบเจ็กต์ เช่น การคลิกเมาส์ที่คอมมานด์บัตทอน เป็นต้น
    เหตุการณ์ MouseDown
    เป็นต้นเหตุการณ์สำหรับใช้มือกดเมาส์ลงที่เพจหรือที่ออบเจ็กต์ เช่น การคลิกเมาส์ที่คอมมานต์บัตทอน เป็นต้น
    เหตุการณ์ MouseUp
    เป็นเหตุการณ์ที่เรายกมือขึ้นจากการกดเมาส์ ซึ่งจะเป็นเหตุการณ์ทำงานต่อเนื่องจากการกดเมาส์ลง
    เหตุการณ์ MousePress
    เป็นเหตุการณ์ที่เรากดเมาส์ค้างไว้ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องมาจากเหตุการณ์กดเมาส์ลง ทั้ง 3 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเมาส์จะต่อเนื่องต่อไป ตั้งแต่ กดเมาส์ลง กดเมาส์ค้าง และ กดเมาส์ขึ้น เราสามารถนำเหตุการณ์ทั้ง 3 มาเขียนโปรแกรม เพื่อทำให้รูปที่เราคลิกจมลงเมื่อกดเมาส์ลง และนูนขึ้น เมื่อยกเมาส์ขึ้น เป็นต้น
    เหตุการณ์ MouseMove
    เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะที่เราลากเมาส์ไปมาบนเพจ หรือลากไปมาบนออบเจ็กต์
    เหตุการณ์ OnFilterChange
    เป็นเหตุการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงฟิลเตอร์ (Filter) แก่ออบเจ็กต์ ซึ่งเราจะกล่าวถึงอีกครั้งในตอนท้าย
    เหตุการณ์ OnInlt
    เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคอนโทรล ActiveX ที่ชื่อ Seq โดยเฉพาะ ซึ่งจะกล่าวอีกครั้งในตอนท้ายเล่ม
    สับโปรแกรมที่เราสร้างขึ้นเอง
    นอกจากเราจะสร้างสับโปรแกรมจากเหตุการณ์ต่างๆ แล้ว เรายังสามารถสับโปรแกรมตามที่เราตั้งชื่อเองได้เช่นกัน เพื่อให้มีการ อ้างอิงถึงในสับโปรแกรมตามที่เราตั้งเองได้เช่นกัน เพื่อให้มีการอ้างอิงถึงในสับโปรแกรมอื่นๆ เช่น สมมติว่าเราสร้างสับโปรแกรม อันเนึ่งที่ชื่อ DoMsg จากนั้นให้มีการเรียกใช้ที่สับโปรแกรมในเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ คือ เหตุการณ์ตอนที่เว็บเพจทำงาน และเหตุ การณ์คลิก ดังโปรแกรมต่อไปนี้
    Sub Window_OnLoad
    DoMsg
    End Sub
    Sub Document_OnClick
    DoMsg
    End Sub
    Sub DoMsg
    Msg Box "สว้สดี "
    End Sub
    ฟังก์ชัน
    ฟังก์ชัน (Function) มีรูปแบบการทำงานสับโปรแกรมทุกประการ ซึ่งบางครั้งอาจจะมีตัวแปรมาประกอบด้วย การเขียนฟังก์ชัน จะไม่เหมือนกับการเขียนสับโปรแกรม คือ จะต้องขึ้นต้นด้วย Function ตามด้วยชื่อของฟังก์ชัน และจะต้องสิ้นสุดฟังก์ชันด้วย คำสั่ง End Function ดังต่อไปนี้
    Function DoJob1
    MsgBox "สวัสดีครับ"
    End Function
    ฟังก์ชันยังมีประโยชน์ในการเชื่อมโยงการทำงานไปกับภาษาเอชทีเอ็มแอลตรงที่ Submit หรือในไฮเปอร์ลิงก์ได้อีกเช่นกัน โดยจะมีรูปแบบของการเขียนคำสั่งเป็น "VBscript:ชื่อของFunction" ดังเช่น
    < From Action = "VBscript:DoMsg" >
    หรือใช้กับเหตุการณ์ต่างๆ ของภาษาเอชทีเอ็มแอลได้อีกเช่นกัน เหมือนกับที่เราเขียนโปรแกรม VBScript ดังเช่น
    < Img OnClick="VBscript:DoMsg" >
    คำสั่งสำหรับทำงานวนรอบ
    For-Next
    เป็น Statement สำหรับแสดงการทำงานวนรอบ โดยมีการกำหนดจำนวนรอบของการทำงาน โดยอ้างอิงกับค่าตัวแปรที่ใช้แสดงจำนวนรอบ เช่น อาจจะ เริ่มจากรอบที่ 0 จนถึงรอบที่ 10 โดยใช้กตัวแปรที่ชื่อ J เราจะเขียนคำสั่งได้เป็น For J=0 To 10 จากนั้นให้เขียนโปรแกรมสำหรับให้ทำงานวนรอบ และ จบลวที่คำสั่ง Next ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างสำหรับให้แสดงเมสเสจบ็อกซ์ 10 ครั้ง
    For J=1 To 10
    MsgBox "ทำงานวนรอบ"
    Next
    การเริ่มต้นทำงานนี้ อาจจะเริ่มต้นจากต่าใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเริ่มจากศูนย์หรือหนึ่ง คือ อาจจะเรื่มจาก 10 หรือ 100 หรืออาจจะเริ่มจากค่าที่สูงกว่า ไปยังค่าที่ต่ำกว่าได้ เช่น อาจจะเริ่มจากค่า 100 มายังค่า 10 ก็ได้ แต่เราต้องเขียนคำสั่ง Step เพิ่มเติมเพื่อบอกให้โปรแกรมทราบว่า ให้เริ่มนับถอยหลัง เช่น เป็น Step-1 ให้ทำงานจากรอบที่ 100 ลงมาทีละลำดับเป็น 99 ,98 เป็นต้น
    หรือเราจะให้มันลดลำดับมามากกว่า 1 ลำดับก็ได้ เช่น เขียนคำสั่งเป็น Step-2 ,Step-3 เป็นต้น อีกทั้งยังสามารถใช้กับการทำงานวนรอบ จากค่าที่น้อย ไปที่ค่าที่มากก็ได้ ตัวอย่างเช่น
    For J=1 To 100 Step2
    MsgBox "ลำดับที่"
    Next
    Exit For
    เป็นคำสั่งสำหรับออกจากกการทำงานวนรอบที่ยังทำงานไม่ครบ ซึ่งอาจจะบรรลุจุดประสงค์ก่อนที่จะทำงานครบรอบ เมื่อใช้คำสั่งนี้แล้วก็จะกระโดดออก จากการทำงานวนรอบทันที
    คำสั่ง Do loop
    เป็นคำสั่งสำหรับทำงานวนรอบ แต่จะทำงานวนรอบภายใต้เงื่อนไขอันหนึ่งที่เราเขียนโปรแกรมหรืออาจจะไม่ให้มีเงื่อนไขก็ได้ โดยมันจะทำงานแบบไม่รู้จบ จนอาจทำให้โปรแกรมผิดพลาดไป เช่น เขียนโปรแกรมเป็น Do MagBox "DO Loop" Loop มันจะทำงานแสดงเมสเสจบ็อกซ์ไม่มีวันสิ้นสุด ดังนั้น เราจะต้องกำหนดเงื่อนไขการสิ้นสุดกับมันว่า จะสิ้นสุดการทำงาน เช่น
    Do White n<10
    MsgBox "Do Loop"
    Loop
    หมายความว่า ให้ทำงาน Do Loop ก็ต่อเมื่อ n น้อยกว่า 10 ถ้ามากกว่า 10 แล้วให้สิ้นสุดการทำงาน หรือเราจะใช้เงื่อนไข If Then มาใช้ประกอบในการ สิ้นสุดการทำงาน Do Loop ได้ เช่น
    Do
    If n > 10 Then Exit Do
    Loop
    หมายความว่า ให้ทำงาน Do Loop และให้ออกจาก Do Loop เมื่อค่าของ n มีค่ามากกว่า 10
    Exit Do
    เป็นคำสั่งสำหรับออกจากการทำงานรอบของ Do Loop จากเงื่อนไขใดเงื่อนใขหนึ่ง โดยทั่วไปแล้วจะทำงานคู่กับเงื่อนไข If Then
    เงื่อนไข If Then
    เป็น Statement ที่สำคัญมากทีเดียวในการเขียนโปรแกรม ถ้าหากทุกเงื่อนไขไม่มี If- Then แล้ว จะทำให้โปรแกรมไม่สามารถคิดหรือทำงานได้เลย เช่น
    If n>10 Then Exit Do
    เป็นคำสั่งสำหรับให้ออกจากการทำงานวนรอบเมื่อค่าของ n มากกว่า 10 เงื่อนไข If- Then นี้เราสามารถกำหนดเงื่อนไขและจุดที่ให้ไปทำงาน เมื่อเงื่อน ไขนั้นๆ เป็นจริงได้อ่างอิสระเงื่อนไข If-Then นี้เราสามารถแบ่งรูปแบบการทำงานได้ 3 รูปแบบใหญ่ๆดังนึ้คือ
    If %%%%%% Then %%%%%
    เป็นเงื่อนไขที่สั่งให้มีการทำงานสั้นๆและจบลงที่บรรทัดหนึ่งๆเช่นตัวอย่างที่ผ่านมา แต่ถ้าหากมีการทำงานที่มากกว่านั้น เราก็สามารถเขียนคำสั่งให้ทำงาน ในลำดับต่อไป โดยใช้เครื่องหมายโคลอน(:)คั่น เช่น
    If n>10 Then Msg Box "ข้อความ1" : Msgbox "ข้อความ2"
    If %%%%%% Then %%%%% End If
    เป็นรูปแบบ If Then ที่มีการทำงานคล้ายกับรูปแบบแรก แต่เนื่องจากมีขั้นตอนการทำงานก็ต่อเมื่อเงื่อนไขเป็นจริงหลายๆ ขั้นตอน ไม่สามารถเขียนคำสั่ง จบลงเพียง 1 บรรทัดได้ โดยให้เขียนคำสั่งเงื่อนไขที่บรรทัดแรก คือ If %%%% Then แล้วให้เขียนขั้นตอนการทำงานเมื่อเงื่อนไขเป็นจริง ซึ่งจะมีกี่ บรรทัดก็ได้ และให้จบด้วยคำสั่ง End If ดัวตัวอย่างเช่น
    If n>10 Then
    MsgBox "ข้อความ1"
    MsgBox "ข้อความ2"
    MsgBox "ข้อความ3"
    End If
    If %%%%%% Then %%%%%% Else %%%%%% End If
    เป็นรูปแบบ If Then ที่สามารถให้ทำงานทั้งเงื่อนไขที่เป็นจริงและเงื่อนไขที่ไม่เป็นจริงด้วย ซึ่งรูปแบบเงื่อนไขที่ผ่านมา จะให้มีการทำงานสำหรับเงื่อนไข ที่เป็นจริงเท่านั้น โดยให้มีลำดับการทำงานสำหรับเงื่อนไงที่เป็นจริงที่คำสั่งก่อน Else และให้มีการทำงานสำหรับเงื่อนไขที่ไม่เป็นจริงที่คำสั่งหลัง Else และจบคำสั่งด้วย End if ดังตัวอย่างเช่น
    If n>10 Then
    MsgBox "ข้อความจริง"
    Else
    MsgBox "ข้อความเท็จ"
    End If
    หมายความว่า ถ้า n มากกว่า 10 แล้ว จะไปทำงานแสดงมสเสจบ็อกซ์ที่เป็นข้อความ "ข้อเท็จจริง" แต่ถ้า n น้อยกว่าหรือเท่ากันแล้ว จะแสดงเมสเสจ บ็อกซ์เป็น "ข้อเท็จจริง" เป็นต้น
    สัญลักษณ์ในการเปรียบเทียบ
    สัญลักษณ์ในการเปรียบเทียบเงื่อนไข If -Then มีดังนี้คือ
    >  หมายถึง มากกว่า เช่น n>10 หมายถึง n มากกว่า 10
    <   หมายถึง น้อยกว่า เช่น n<10 หมายถึง n น้อยกว่า 10
    >=  หมายถึง มากกว่าหรือเท่ากับ เช่น n>=10 หมายถึง n มากกว่าหรือเท่ากับ 10
    =<  หมายถึง น้อยกว่าหรือเท่ากับ เช่น n=<10 หมายถึง n น้อยกว่าหรือเท่ากับ 10 เป็นต้น
    <>  หมายถึง ไม่เท่ากับ เช่น STR <> "ABC" หมายถึง ตัวแปร STR ไม่เท่ากัยค่า "ABC" เป็นต้น
    การใช้คำสั่ง If-Then ที่มี 2 เงื่อนไข
    หากในกรณีที่ต้องการใช้เงื่อนไขที่มากกว่า 1 ก็สามารถทำได้ โดยเราต้องใช้คำสั่งเพิ่มเติมเข้าไปคือ And และ Or โดยที่ And จะต้องเป็นจริงทั้ง 2 เงื่อนไข เงื่อนไข เหมือนคำสั่ง And ดังเช่น
    - If x<2 And x>2 Then หมายความว่า เงื่อนไข If Then นี้ จะทำงานได้ก็ต่อเมื่อ X อยู่ระหว่าง 2 ถึง 5
    - If x=5 or y="AB" Then หมายความว่า ที่เงื่อนไขนี้จะเป็นจริงก็ต่อเมื่อเงื่อนไขที่ x=5 เป็นจริง หรือ y="AB" เป็นจริง
    Select Case
    เป็น Statement สำหรับเลือกให้การทำงานที่เงื่อรไขต่างๆ โดยจะมีอยู่หลายๆ เงื่อนไขเช่นเดียวกับ If-Then โดยมีรูปแบบของคำสั่งเป็น
    Select Case ตัวแปร
    Case ตัวแปร
    %%%%%%%
    Case ตัวแปร
    %%%%%%%
    End Select
    ดังตัวอย่างเช่น
    Select Case N
    Case 1
    MsgBox "Case n=1"
    Case 2
    MsgBox "Case n=2"
    Case 3
    MsgBox "Case n=3"
    End Select
    หมายความว่า ให้มีการทำงานตามค่าของ N เช่น ถ้า N เป็น 2 ก็จะทำงานแสดงเมสเสจบ็อกซ์ "Case เป็น 2" และถ้าเมื่อ N เป็น 3 ก็จะทำงานแสดง เมสเสจบ็อกซ์ "Case เป็น 3" ตามลำดับ