ฟิลด์ฟอร์ม (From Field) เป็นออบเจ็กต์พื้นฐานที่เรานำไปติดตั้งลงในเว็บเพจ โดยเราอาจจะติดตั้งอยู่ในฟอร์มหรือติดตั้งลงที่นอกฟอร์มก็ได้ ซึ่งใสหลายๆ ตัวอย่างที่ผ่านมา ก็ได้กล่าวถึงออบเจ็กต์ไปบ้างแล้ว ซึ่งจะมีออบเจ็กต์ดังต่อไปนี้
    ฟิลด์ Text Box
    เป็นออบเจ็กต์ที่จะใช้ในเว็บเพจ ซึ่งทำหน้าที่สำหรับรับค่าจากการบันทึกที่คีย์บอร์ด โดยจะเป็นช่องสี่เสลี่ยมพร้อมกับเคอร์เซอร์กะพริบ เท็กซ์บ็อกซ์จะสร้าง จากภาษาเอชทีเอ็มแอลก่อน และควบคุมการทำงานจาก VBScript อีกที ซึ่งจะต้องกำหนดชื่อให้กับออบเจ็กต์นี้ก่อน แล้วจึงจะเขียนโปรแกรมเพื่อเปลี่ยน แปลงพร็อปเพอร์ตี้ของมัน และจะต้องอ้างถึงที่ที่มันอยู่ทุกครั้ง คือ จะมีรูปแบบของคำสั่งเป็น Document.Form.Text.Property คำสั่งสำหรับสร้าง เท็กซ์บ็อกซ์และตั้งชื่อจะเขียนคำสั่งได้ดังต่อไปนี้
    < Input Type = "Text" name= "Text1" >
    สำหรับโปรแกรม VBScript เมื่อเราได้ตั้งชื่อให้แก่เท็กซ์บ็อกซ์นี้เป็น Text แล้ว เราก็เขียนคำสั่งสำหรับเปลี่ยนแปลง ดังโปรแกรมต่อไปนี้คือ
    Document.From.Text1.Property พร็อปเพอร์ตี้ Text Box
    1. Disabled
    เป็นพร็อปเพอร์ตี้สำหรับทำให้เท็กซ์บ็อกซ์อยู่ในฐานะที่ไม่สามารถทำงานได้ โดยจะมีสีที่จางลงจากปกตที่เรามักพบเห็นในหน้าต่างวินโดวส์ และเราจะเข้า ไปแก้ไขข้อมูลหรือเพิ่มเติมข้อมูลไม่ได้เลยค่าของพร็อปเพอร์ตี้จะมีค่าเป็น True และ Falseเท่านั้น
    ถ้าพร็อปเพอร์ตี้นี้เป็น True เท็กซ์บ็อกซ์นี้จะไม่สามารถทำงานได้ แต่ถ้าเป็น False แล้วมันจะเท็กซ์บ็อกซ์ปกติที่มีเคอร์เซอร์กะพริบ เพื่อเติมหรือ ปรับปรุงข้อมูล รูปแบบในการเขียนโปรแกรม คือ
    Document.All.Text.Disable=False
    2. Reaadonly
    เป็นพร็อปเพอร์ตี้สำหรับแสดงข้อมูลบนเท็กซ์บ็อกซ์อย่างเดียว ไม่สามารถเข้าไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลได้ คือ ไม่มีเคอร์เซอร์ปรากฏ สำหรับค่าของพร็อบเพอร์ตี้ จะ มีค่าเป็น True และ False เท่านั้น
    ถ้าพร็อปเพอร์ตี้นี้เป็น True เท็กซ์บ็อกซ์นี้จะไม่สามารถทำงานได้ แต่ถ้าเป็น False แล้วมันจะเป็นเท็กซ์บ็อกซ์ปกติที่มีเคอร์เซอร์กะพริบ เพื่อเพิ่มเติม หรือปรับปรุงข้อมูล รูปแบบในการเขียนโปรแกรม คือ
    Document.All.Text.Readonly=False
    3. Size
    เป็นพร็อบเพอร์ตี้สำหรับกำหนดความกว้างของเท็กซ์ โดยมีหน่วยเป็นตัวเลขที่ปสดงจำนวนตัวหนังสือ รูปแบบการเขียนโปรแกรม คือ
    Document.All.Text.Size=10
    4. Value
    เป็นพร็อบเพอร์ตี้สำหรับให้เท็กซ์บ็อกซ์แสดงตัวหนังสือบนเท็กซ์บ็อกซ์ โดยจะมีค่าเป็นตัวหนังสือซึ่งถ้าเราต้องการให้เท็กซ์บ็อกซ์แสดงตัวหนังสืออะไร ก็ให้มีค่าเท่ากับข้อความนั้น ซึ่งจะเหมือนกับคำสั่งเอชทีเอ็มแอลตอนที่สร้างเท็กซ์บ็อกซ์ คือ Value="ข้อความที่แสดง" รูปแบบการเขียนโปรแกรมคือ
    Document.All.Text.Value="ข้อความที่แตกต่าง"
    พร็อปเพอร์ตี้ MaxLenght
    เป็นพร็อปเพอร์ตี้สำหรับกำหนอจำนวนตัวอักษรทั้งหมดที่รับได้ ในเท็กซ์บ็อกซ์มีค่าเป็นตัวเลขตามปกติถ้าเราไม่ได้กำหนดที่พร็อปเพอร์ตี้นี้แล้ว มันก็จะ มีค่าเป็น2,147,483,647
    พร็อบเพอร์ตี้ Style
    เป็นพร็อบเพอร์ตี้ที่สำคัญสำหรับกำหนดรูปแบบต่างๆ ของเท็กซ์บ็อกซ์ และอีกหลายๆ ออบเจ็กต์ที่มีพร็อปเพอร์ตี้เป็น Style เหมือนกัน ซึ่งในพร็แบ เพอร์ตี้ย่อยไปอีกหลายๆ พร็อบเพอร์ตี้ ดังต่อไปนี้คือ
    1. Visibility
    เป็น Style สำหรับกำหนดให้เท็กซ์บ็อกซ์หรือออบเจ็กต์ สามารถแสดงให้เห็นหรือไม่เห็น ซึ้งจะมีค่าเป็น "Visible" สำหรับกรณีที่ต้องการให้แสดงให้ เห็น และค่า "Hidden" สำหรับกรณีที่ต้องการไม่ให้แสดงให้เห็น รูปแบบของคำสั่งของ Style นี้คือ
    Document All.Text.Style.Visibility="Hidden"
    หรือ
    Document All.Text.Style.Visibility="Visible"
    รูปแบบการเขียนคำสั่งสำหรับภาษาเอชทีเอ็มแอล มีดังนี้คือ
    Style="Visibility:Visible"
    หรือ
    Style="Visibility:Visible"
    2. BackgroundColor
    เป็น Style สำหรับกำหนดสีฉากหลังของเท็กซ์บ็อกซ์ ซึ่งจะมีค่าเป็นค่าของสีทั่วไปในรูปเลขฐาน 26 หรือจะเป็นตัวแปรคงที่ของสี ดังที่กล่าวมาแล้ว รูปแบบของการเขียนโปรแกรมมีดังนี้คือ
    Document.All.Text.Style.BackgroundColor="#FF0000"
    หรือ
    Document.All.Text.Style.BackgroundColor="Red"
    รูปแบการเขียนคำสั่งสำหรับภาษาเอชทีเอ็มแอล มีดังนี้คือ
    Style="Background-Color:Red"
    หรือ
    Style="Background-Color:#FF0000"
    3. Color
    เป็น Style สำหรับกำหนดสีตัวหนังสือที่อยู่ภายในเท็กซ์บ็อกซ์ โดยมีค่าเท่ากับค่าของสีเหมือนกับ BackgroundColor โดยมีรูปแบบดังนี้คือ
    Document.All.Text.Style.Color="Green"
    รูปแบบการเขียนคำสั่งสำหรับภาษาเอชทีเอ็มแอล มีดังนี้คือ
    Style="Color:Blue"
    หรือ
    Style="Color:#00FFAA"
    4. FontSize
    เป็น Style สำหรับกำหนดขนาดของตัวหนังสือที่ใช้ในเท็กซ์บ็อกซ์ ซึ่งจะมีค่าเป็นตัวเลขตามขนาดของตัวเลขที่อยู่ในไดอะล็อกซ์บ็อกซ์ Font ดังในรูป
    และสามารถเขียนคำสั่งได้เป็น
    Document.All.Text.Style.FontSize="20"
    รูปแบบการเขียนคำสั่งสำหรับภาษาเอชทีเอ็มแอล มีดังนี้คือ
    Style="Font-Size:20"
    5. FontFamily
    เป็น Style สำหรับเลือกฟอนต์ที่ใช้กับตัวหนังสือบนเท็กซ์ หรือออบเจ็กต์อื่นๆ ที่กำหนด Style นี้ ซึ่งจะมีค่าเป็นตัวหนังสือที่มีชื่อตรงกันกับฟอนต์ต่างๆ ที่อยู่ในไดอะล็อกบ็อกซ์ Font เช่น ฟอนด์ที่ชื่อ "MS Sans Serif" หรือฟอนต์ที่ชื่อ "Angsana New" โดยมีรูปแบบของการเขียนโปรแกรมเป็น
    Document.All.Text.Style.FontFamily="Angssana New"
    รูปแบบการเขียนคำสั่งสำหรับภาษาเอชทีเอ็มอแล มีดังนี้คือ
    Style="Font-Family:Angssana New"
    6. FontWeight
    เป็น Style สำหรับปรับแรุงความเข้มข้นของตัวหนังสือให้มีความเข้มหรือปกติ คือ ถ้ามีค่าเป็น "Normal" หมายความว่า กำหนดให้มีตัวหนังสือเป็นตัว ปกติ และถ้ามีค่าเป็น "Bold" หมายความว่าให้ต้วหนังสือเป็นตัวเข้ม ดังต่อไปนี้
    ปกติ เข้ม
    โดยมีรูปแบบของคำสั่งเป็น
    Document.All.Text.Style.FontWeight="Normal1" หรือ "Bold"
    รูปแบบการเขียนคำสั่งสำหรับภาษาเอชทีเอ็มแอล มีดังนี้คือ
    Style="Font-weight:Normal1"
    หรือ
    Style="Font-weight:Bold"
    7. FontStyle
    เป็น Style สำหรับกำหนดรูปแบบของตัวหนังสือให้เอนหรือปกติ ซึ่งจะมีค่าเป็น "ItaIic" สำหรับตัวหนังสือเป็นตัวเอน และ "Normal" สำหรับตัวหนัง สือป็นตัวเอน และ "Normal" สำหรับตัวหนังสือเป็นตัวปกติ ดังในต่อไปนี้
    ปกติ เอน
    โดยมีรูปแบบของการเขียนโปรแกรมเป็น
    Document.All.Text.Style.FontStyle="Italic" sinv "Normal"
    รูปแบบการเขียนคำสั่งาชสำหรับภาษาเอชทีเอ็มแอล มีดังนี้คือ
    Style="Font-Style:Italic"
    หรือ
    Style="Font-Style:Normal"
    8. TextAIign
    เป็น Style สำหรับจัดวางตัวหนังสือในเท็กซ์บ็อกซ์ให้อยู่ชิดด้านซ้ายมือ อยู่ชิดด้านขวามือ หรืออยู่ตรงกลาง ซึ่งจะมีค่าเป็น
    Left สำหรับวางชิดทางซ้ายมือ
    Center สำหรับจัดวางตรงกลาง
    Right สำหรับจัดวางไว้ชิดขวามือ
    โดยมีรูปแบบการเขียนโปรแกรมเป็น
    Document.All.Text.Style.TextAlign="center" , "Left" , "Right"
    รูปแบบการเขียนคำสั่งสำหรับภาษาเอชทีเอ็มแอล มีดังนี้คือ
    Style="Text-Align:Center"
    หรือ
    Style="Text-Align:Left"
    9. VerticalAlignment
    เป็น Style สำหรับจัดวางตัวหนังสือตามแนวตั้ง ซึ่งใช้ในกรณีที่เท็กซ์บ็อกซ์หรือออบเจ็กต์ที่มีความสูงมาก โดยจะมีรูปแบบจัดวางเป็น
    Bottom คือ การจัดวางให้ตัวหนังสือชิดขอบล่างของเท็กซ์บ็อกซ์หรือออบเจ็กต์
    Middle คือ การจัดวางให้อยู่ตรงกลางตามแนวตั้ง
    Top คือ การจัดวางให้ตัวหนังสือชิดขอบบนของเท็กซ์บ็อกซ์หรือออบเจ็กต์
    รูปแบบของการเขียนโปรแกรมมีดังนี้คือ
    Document.All.Text.Style.VerticalAlign="Top" หรือ "Middle" หรือ "Bottom"
    รูปแบบการเขียนคำสั่งสำหรับภาษาเอชทีเอ็มอแล มีดังนี้
    Style="Vertical-Align:Middle"
    10. BorderWidth
    เป็น Style สำหรับกำหนดความหนาของขอบเท็กซ์บ็อกซ์หรือออบเจ็กต์อื่นๆ โดยกำหนดเป็นตัวเลข ตั้งแต่ 1 เป็นต้นไป ถ้าไม่กำหนดแล้วจะมีขนาดเป็น 1 และขอบจะหนาวขึ้นเมื่อตัวเลขมากขึ้น
    รูปแบบการเขียนโปรแกรมมีดังต่อไปนี้
    Document.All.Text.Style.BorderWidth=5
    Style="Border-Width:5"
    11. Border
    เป็น Style สำหรับกำหนดเส้นขอบของเท็กซ์บ็อกซ์หรือออบเจ็กต์ ซึ่งจะเป็นเส้นกรอบที่ไม่มีมิติความหนาเหมือน BorderWidth
    และที่ Style นี้เรายังสามารภเขียนคำสั่งให้มีความหนาของเส้นที่หนามากน้อย พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงสีได้ โดยให้มีค่าเป็น
    "ความหนาของเส้นเป็นหน่วย Px Solid Red สีของเส้นกรอบ"
    ดังตัวอย่างเช่น "3Px Solid Red" หมายความว่าให้แสดงเส้นกรอบของเท็กซ์บ็อกซ์ ให้มีความหนา 3 พิกเซล และให้มีสีแดง และรูปแบบการเขียนโปรแกรมมีดังนี้คือ
    Document.All.Text.Style.Border=3px Solid Red"
    รูปแบบการเขียนคำสั่งสำหรับภาษาเอชทีเอ็มแอล มีดังนี้คือ
    Style="Border:3px Solid Red"
    2. BorderTop
    เป็น Style สำหรับกำหนดให้เส้นขอบด้านยบนของเท็กซ์บ็อกซ์ ซึ่งจะมีผลเพียงด้านเดียว และยังสามารถกำหนดความหนาของเส้น และสีของเส้นได้ อย่างอิสระจากด้านทีเหลือ ดังแสดงในรูป
    รูปแบบของการเขียนโปรแกรมจะมีดังต่อไปนี้ คือ
    Document.All.Text.Style.BorderTop="5px Solid Silver"
    รูปแบบการเขียนคำสั่งสำหรับภาษาเอชทีเอ็มแอล มีดังนี้คือ
    Style="Border-Top:5px Solid silver"
    13. BorderButton
    เป็น Style สำหรับกำหนดความหนาของเส้นขอบด้านล่างของออบเจ็กต์เพียงด้านเดียว เช่นเดียวกับ BorderTop ดังแสดงในรูป
    อีกทั้งยังสามารถกำหนดความหนาและสีของเส้นขอบได้ด้วย มีรูปแบบของการเขียนโปรแกรมดังต่อไปนี้
    Document.All.Text.Style.BorderButton="5px Solid Silver"
    รูปแบบการเขียนคำสั่งสำหรับภาษาเอชทีเอ็มแอล มีดังนี้คือ
    Style="Border-Botton:5px Solid silver"
    14. BorderLeft, BorderRight
    เป็น Style ที่มีรูปแบบทำงานเหมือน 2 Style ที่แล้ว คือ เป็นการกำหนดความหนาของเส้นกรอบด้านซ้ายและด้านขวามือ
    และสามารถกำหนดความหนาและสีได้เช่นเดียว โดยมีรูปแบบการเขียนโปรแกรมดังนี้
    Document.All.Text.Style.BorderLeft="5px Solid #0000FF"
    และ
    Document.All.Text.Style.BorderRight="5px Solid #0000FF"
    และ
    Document.All.Text.Style.BorderLeft="5px Solid green"
    รูปแบบการเขียนคำสั่งสำหรับภาษาเอชทีเอ็มแอล มีดังนี้คือ
    Style="Border-Left:5px Solid silver"
    และ
    Style="Border-Right:5px Solid silver"
    15. LetterSpacing
    เป็น Style สำหรับกำหนดระยะห่างของตัวหนังสือ โดยจะมีค่าเป็นตัวเลข ถ้าต้องการให้ตัวหนังสือห่างมาก ก็เพียงแต่กำหนดให้ตัวเลขมากขึ้น และกำหนด ให้ตัวเลขมากบึ้น และกำหนดให้ตัวหนังสือชิดขึ้น ถ้ากำหนดให้ตัวเลขน้อยลง ตามปกติแล้วจะมีค่าเป็น "0" ดังนั้นถ้าต้องการให้ตัวหนังสือชัดขึ้นจากปกติก็ต้องตั้งค่าน้อยกว่า คือ -1 , -2 เป็นต้น
    และเราจะเขียนโปรแกรมได้ดังนี้ คือ
    Document.All.Text.Style.LetterSpacing="-1"
    t รูปแบบการเขียนคำสั่งสำหรับภาษาเอชทีเอ็มแอล มีดังนี้คือ
    Style="Letter-Spacing:-1"
    16. PaddingLegt, PaddingRight
    เป็น Style สำหรับกำหนดระยะช่องว่างไประหว่างขอบด้านซ้ายมือหรือด้ายขวามือมายังตัวหนังสือ ถ้าเราไม่ต้องการให้ตัวหนังสืออยู่ชิดขอบออบเจ็กต์มากไป ก็สามารถปรับปรุงได้ที่ Style นี้
    จะมีค่าเป็นตัวเลขที่มีหน่วยเป็นพิกเซล และมีรูปแบการเขียนโปรแกรมได้ดังนี้ คือ
    Document.All.Text.Style.paddingleft="10px"
    และ
    Document.All.Text.Style.paddingRight="10px"
    รูปแบการเขียนคำสั่งสำหรับภาษาเอชทีเอ็มแอล มีดังนี้คือ
    Style="Padding-Left:10px"
    และ
    Style="Padding-Right:10px"
    17. Pixeleft
    เป็นระยะที่วัดจากขอบเขตของเพจทางด้านซ้ายมือมายังออบเจ็กต์ มีค่าเป็นตัวเลข และมีหน่วยเป็นจำนวนตัวหนังสือ และระยะนี้สามารถปรับปรุงได้ ก็ต่อ เมื่อมีการกำหนด Style Position เป็น Absolute ตอนสร้างเทกซ์บอกซ์หรือออบเจ็กต์ โดยมีรูปแบบของโปรแกรมดังนี้ คือ
    Document.All.Text.Style.pixelLeft=20
    รูปแบบการเขียนรำสั่งสำหรับภาษาเอชทีเอ็มแอล มีดังนี้คือ
    Style="pixel-Left:20
    18. Pixltop
    เป็นระยะที่วัดจากขอบของเพจด้านบนมายังด้านบนของเท็กซ์บ็อกซ์หรือออลเจ็กต์ มีค่าเป็นตัวเลขและมีหน่ายเป็นจำนวนตัวหนังสือ และเช่นเดียวกันค่าของ Pixeltop จะกำหนดได้ก็ต่อเมื่อมีการกำหนด Style Position เป็น Absolute ตอนที่สร้างเท็กซ์หรือออบเจ็กต์ โดยสามารถเขียนโปรแกรมได้ ดังนี้
    Document.All.Text.Style.pixelTop=30
    รูปแบบการเขียนคำสั่งสำหรับภาษาเอชทีเอ็มแอล มีดังนี้คือ
    Style="pixel-Right:20
    19. Width
    เป็น Style สำหรับปรับปรุงขนาดความกว้างของเท็กซ์บ็อกซ์หรือออบเจ็กต์ ซึ่งจะมีหน้าที่คล้ายกับพร็อปเพอร์ตี้ Size นั่นเอง แต่พร็อปเพอร์ตี้ Size จะกำหนดเป็นตัวอักษร ส่วน Widht จะกำหนดเป็นจำนวยพิกเซล โดยจะต้องเขียนหน่วยเป็น "px" ด้วย ซึ่งจะเขียนโปรแกรมได้ดังนี้ คือ
    Document.All.Text.Style.Width="200px"
    รูปแบบการเขียนคำสั่งสำหรับภาษาเอชทีเอ็มแอล มีดังนี้คือ
    Style="Width:200px"
    20. Height
    เป็น Style สำหรับกำหนดขนาดความสูงของออบเจ็กต์ โดยมีค่าเป็นตัวเลขและมีหน่วยเป็นพิกเซลซึ่ง Style Height นี้ จะใช้ไม่ได้กับเท็กซ์บ็อกซ์ ทั้งนี้เนื่องจากเท็กซ์บ็อกซ์จะมีขนาดความสูงที่คงที่กับความสูงของตัวอักษร รูปแบบของการเขียนโปรแกรมมีดังนี้ คือ
    Document.All.Text.Style.Height=50px"
    รูปแบบการเขียนรำสั่งสำหรับภาษาเอชมีเอ็มแอล มีดังนี้คือ
    Style="Height:200px"
    21. Postop
    เป็น Style ที่มีหน้าที่การทำงานเหมือนกับ Style PixeILeft ทุกประการ และ Style PosLeft จะทำงานได้ก็ต่อเมื่อที่เท็กซ์หรือออบเจ็กต์ มีการกำหนดตำแหน่ง Position เป็น Absolute
    22. PosTop
    เป็น Style ที่มีหน้าที่การทำงานเหมือนกับ Style PixeITop และจะต้องมีการกำหนดตำแหน่ง Position เป็น Absolute เช่นเดียวกัน
    23. Position
    เป็น Style ที่กำหนดรูปแบบของการแสดงตำแหน่งของออบเจ็กต์ ถ้าเราต้องการควบคุมตำแหน่งของออบเจ็กต์เองแล้ว จะต้องกำหนด Style Position เป็น Absolute หรือ Relative ซึ่งตามปกติจะให้เป็น Absolute รูปแบบการเขียนคำสั่งเป็น
    Document.All.Text.Style.Position="Absolute"
    รูปแบบการเขียนคำสั่งสำหรังภาษาเอชทีเอ็มแอล มีดังนี้คือ
    Style="Position:Absolute"
    24. fliter
    เป็น Style ที่กำหนดรูปแบบของ Visibility ของออบเจ็กต์ตอนแสดงหรือไม่แสดง ซึ่งจะกล่าวในตอนหลังอีกทีหนึ่ง และจะมีฟิลเตอร์ให้เลือกใช้หลายค่า เช่น RevalTrans, Glow, Alpha และ DropShadow เป็นต้น รูปแบบการเขียนคำสั่งเป็น
    Document.All.Text.Style.Filter="RevalTrans(Duration=5,Transition=12)"
    รูปแบบการเขียนคำสั่งสำหรับภาษาเอชทีเอ็มแอล มีดังนี้คือ
    Style="Filter:RevalTrans(Duration=5,Transition=12)"
    25. Cursor
    เป็น Style สำหรับกำหนดการแสดงเคอร์เซอร์บนออบเจ็กต์ ซึ่งตามปกติแล้วจะมีเคอร์เซอร์เป็น Hand รูปแบบการเขียนคำสั่งเป็น
    Style="Cursor:Hand"
    ฟิลด์ Text Area
    เป็นออบเจ็กต์ที่กำงานเหมือนกับเท็กซ์บ็อกซ์ แต่จะสามารถแสดงได้หลายๆ บรรทัดตามแต่เราต้องการ และถ้าข้อความมีมากกว่าจำนวนบรรทัด ก็มีสกรอลล์ ทั้ง Vertical และ Horizontal ช่วยให้เลื่อนข้อมูลในส่วนที่มองไม่เห็น
    การเขียนโปรแกรมเพื่อแก้ไขปรับปรุง Text Area นี้ จะต้องมีการตั้งชื่อมันก่อน ด้วยคำสั่งเอชทีเอ็มแอล คือ Name ก่อนจึงจะเขียนโปรแกรมเพื่ออ้างอิงถึงได้
    .พร็อปเพอร์ตี้ Text Area จะมีพร็อปเพอร์ตี้คล้ายๆ กับเท็กซ์เกือบทุกประการ โดยมีพร็อปเพอร์ตี้ดังต่อไปนี้ คือ
    1. Disabled
    เป็นพร็อปเพอร์ตี้สำหรับกำหนดให้ออบเจ็กต์ทำงานได้หรือไม่ได้ เช่นเดียวกับเท็กซ์บ็อกซ์
    2. ReadOnly
    เป็นพร็อปเพอร์ตี้สำหรับทำให้ Text Area ไม่สามารถแก้ไขข้อมูลได้
    3. Value
    เป็นพร็อปเพอร์ตี้สำรัญสำหรับกำหนดตัวหนังสือที่แสดงอยู่ภายใน Text Area
    4. Cols
    เป็นพร็อปเพอร์นชตี้สำหรับกำหนดความกว้างของ Text Area โดยมีค่าเป็นตัวเลขและมีหน่วยเป็นจำนวนตัวอักษร ส่วนรูปแบบการเขียนโปรแกรมมีดังต่อไปนี้ คือ
    Document.All.TextArea.Cols=30
    เมื่อออบเจ็กต์ Text Area มีชื่อเป็น TextArea
    5. Rows
    เป็นพร็อปเพอร์ตี้สำหรับกำหนดความสูงของ Text Area โดยมีค่าเป็นตัวเลข และมีหน่วยเป็นจำนวนตัวอักษร ส่วนรูปแบบของการเขียนดปรแกรมมีดังต่อไปนี้ คือ
    Document.All.TextAreaRows=5
    6. Wrap
    เป็นพร็อปเพอร์ตี้สำหรับกำหนดการตัดข้อความใน Text Area เพื่อให้สอดคล้องกับความกว้างของ Text Area โดยจะมีค่าเป็น 3 ตัวเลือก ดังนี้คือ "Soft", "off" และ "Hard" ถ้าไม่มีการปรับปรุงที่พร็อปเพอร์ตี้นี้แล้ว มันจะตั้งอยู่ที่ "Soft"
    Soft จะสามารถตัดประโยคที่ยาวเกินความกว้างของ Text Area เพื่อขึ้นบรรทัดใหม่
    Hard จะสามารถตัดประโยคเช่นเดียวกับ "soft" แต่ "Hard" ยังคำนึงบรรทัดที่แสดงไม่เต็มบรรทัดด้วย โดยจะแสดงบรรทัดที่แสดงไม่เต็มบรรทัด
    Off จะไม่มีการตัดประโยค แต่จะมีการขึ้นบรรทัดใหม่เมื่อจบพารากราฟ
    7. Style
    เป็นพร็อปเพอร์ตี้ปรับปรุงรูปแบบต่างๆ ของ Text Area ตั้งแต่สี ตัวหนังสือ การจัดวางตัวหนังสือถึงตำแหน่งที่อยู่ของออบเจ็กต์ และขนาดความ กว้างยาวของออบเจ็กต์ ซึ่งจะมีรูปแบบ Style เดียวกับเท็กซ์บ็อกซ์ที่ได้กล่าวไปแล้ว จึงไม่ขอกล่าวอีก
    ฟิลด์ Check Box
    เป็นออบเจ็กต์สำหรับให้ มีการคลิกเครื่องหมายถูก หรือ ไม่มีการคลิกเครื่องหมายถูก และเช่นเดียวกันเมื่อต้องเขียนโปรแกรมเพื่ออ้างอิงถึงแล้ว จะต้อง มีการตั้งชื่อด้วยคำสั่ง Name ก่อน และสามารถสร้างฟิลด์ Check Box ด้วยคำสั่งเอชทีเอ็มแอล ดังนี้คือ
    < Input Type: "Check Box "Name."ChkBox" >
    พร็อปเพอร์ตี้ Check Box
    พร็อปเพอร์ตี้สำหรับเช็กบ็อกซ์ ที่สามารถเข้าไปปรับปรุงดังต่อไปนี้
    1. Checked
    เป็นพร็อปเพอร์ตี้สำหรับค่าการคลิกเครื่องหมายถูก โดยจะมีค่าเพียง 2 ค่า คือ "True" และ "Flase" ถ้าเช็กเป็น True หมายความว่า มีการคลิกเครื่อง หมายถูกที่ช่องสี่เหลี่ยม แต่ถ้าเป็น False หมายความว่าไม่มีการคลิก รูปแบบการเขียนโปรแกรมสำหรับพร็อปเพอร์ตี้ โดยสมมติว่าเช็กบ็อกซ์มีชื่อเป็น ChkBox ดังนี้คือ
    Document.All.ChkBox.Checked="True"
    2. DefaultChecked
    เป็นพร็อปเพอร์ตี้สำหรับไม่ให้เช็กบ็อกซ์เริ่มต้นทำงานเป็น ถูกคลิก หรือ ไม่ถูกคลิก โดยจะมีค่าเป็น "True" และ "false" เช่นเดียวกัน รูปแบบการเขียนโปรแกรมมีดังนี้ คือ
    Document.All.ChkBox.DefaultChecked="True"
    3. Disabled
    เป็นพร็อปเพอร์ตี้สำหรับไม่ให้เช็กบ็อกซ์ทำงานหรือให้ทำงาน โดยมีค่าเป็น "true" และ "false" ถ้ามีค่าเป็น True แล้ว เช็กบ็อกซ์จะไม่สามารถทำงานได้ถ้าเป็น False แล้วจะทำงานได้ ซึ่งจะมีรูปแบบการเขียนโปรแกรมได้เป็น
    Document.All.ChkBox.Disabled="True"
    4. Value
    เป็นพร็อปเพอร์ตี้เพื่อทำให้เช็กบ็อกซ์ทำหน้าที่เป็นตัวแปรตัวหนึ่ง โดยเราจะกำหนดให้เป็นอะไรก็ได้ ตั้แต่ตัวเลขและตัวหนังสือ รูปแบบของการเขียนโปรแกรมเป็น
    Document.All.ChkBox.Value=1 หรือเท่ากับ ="OnClicK"
    การสร้างออบเจ็กต์
    จากในตัวอย่างหลายๆ ตัวอย่างที่ผ่านมา เราจะพบว่าเราจะต้องเขียนคำสั่ง เพื่อเปลี่ยนแปลงพร็อปเพอร์ตี้ของออบเจ็กต์หนึ่งนั้น เราจะต้องเขียนเริ่มจาก Document, All ถึงออบเจ็กต์ต่างๆ จะเห็นว่าต้องเขียนโปรแกรมที่ยาวพอสมควร ซึ่งเรามีวิธีที่จะทำให้การเขียนโปรแกรมเพื่ออ้างอิงถึงออบเจ็กต์นี้ให้สั้นๆ โดยการกำหนดออบเจ็กต์ให้เป็น Document, All และ Object โดยการใช้คำสั่ง Set เพื่อสร้างออบเจ็กต์ตัวใหม่นี้ และชื่อของออบเจ็กต์ร่วมนี้จะต้องประกาศด้วยคำสั่ง Dim ออบเจ็กต์
    ร่วมนี้จะใช้ได้ใสสับโปรแกรมนั้นๆ เอง เมื่อมีการใช้สับโปรแกรมอื่นๆ อีก ต้องสร้างใหม่ด้วยคำสั่ง Set อีกครั้ง
    ตัวอย่าง สมมติว่าเราต้องการเขียนโปรแกรม เพื่อปรับปรุงพร็อปเพอร์ตี้เท็กซ์บ็อกซ์ที่ชื่อ Tx ให้เป็นแบบ ReadOnly ในสับโปรแกรม Window-Onload เราจะใช้คำสั่ง Set สร้างออบเจ็กต์รวมชื่อ Obj เพื่อสะดวกในการเขียนโปรแกรมได้ดังต่อไปนี้ คือ
    Sub Window_OnLoad
    Dim Obj
    Set Obj=Document.All.Tx
    Obj.ReadOnly="True"
    End Sub
    การรสร้าง Array แก่ออบเจ็กต์
    จากในตัวอย่างที่แล้วจะพบว่า เราต้องเขียนสับโปรแกรมที่ออบเจ็กต์หลายๆ ออบเจ็กต์ ทำให้โปรแกรมยาวขึ้น และจะต้องเขียนโปรแกรมที่ซ้ำๆ กันไปมา อีกทั้งยังมีออบเจ็กต์มากๆ แล้ว จะทำให้การเขียนโปรแกรมที่ยาวขึ้นไปอีก ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้จึงต้องสร้าง Array แก่ออบเจ็กต์โดยจะใช้แทนออบเจ็กต์ที่มีชนิดเดียวกันหลายๆ ออบเจ็ก ดังเช่นในตัวอย่างที่แล้ว เราสามารถใช้ Array ออบเจ็กต์มาแทนออบเจ็กได้ง่าย คือ จะแทนเช็กบ็อกซ์ที่เราตั้งชื่อเป็น Chk1 ถึง Chk9 เป็น Chk(0-8) โดยให้เริ่มจาก 0 ซึ่งเราสามารถใช้คำสั่ง For-Next สั่งให้ทำงานกับเช็กบ็อกซ์ทั้ง 9 นี้ได้ โดยเขียนโปรแกรมเพียง 3 บรรทัด แทนที่จะต้องเขียน 9 บรรทัด เช่น
    For J=0 To 8
    Document.All.Chk(j).Disabled="True"
    ขั้นตอนการสร้าง Array แก่ออบเจ็กต์
    1. ให้สร้างออบเจ็กต์ที่ต้องการสร้าง Array ให้มีชื่อเป็นชื่อเดียวกันทั้งหมด โดยที่ ออบเจ็กต์ที่สร้างอันแรกจะมี Array เป็น 0 และออบเจ็กต์ อันต่อมาก็จะมี Array เป็น 1 เป็น 2 ตามลำดับ
    2. หากต้องการเขียนโปรแกรมเพื่ออ้างอิงออบเจ็กต์นั้นๆ เราจะต้องจัดลำดับที่ Array นั้น และจะมีชื่อออบเจ็กต์เป็น Obj(Array) เป็ฯลำดับที่ของ Array ของออบเจ็กต์นั้นๆ และเราจะทราบจำนวน Array ในออบเจ็กต์ จากคำสั่ง Element.Lenght
    การสร้างสับโปรแกรมเหตุการณ์ของออบเจ็กต์ที่เป็น Array
    จากตัวอย่าง Txtfld2 ที่ผ่านมาเราจะพบว่า เราจะต้องเขียนโปรแกรมสร้างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเท็กซ์บ็อกซ์ทั้ง 3 ทุกๆ เท็กซ์บ็อกซ์ ทำให้โปรแกรมยาวเกินความจำเป็นอีกทั้งเป็นโปรแกรมเพียงสับโปรแกรมยาวๆ ดังตัวอย่างที่ผ่านมา ขั้นตอนการสร้างเหตุการณ์แก่ Array มีดังต่อไปนี้ คือ
    ในขณะที่สร้างออบเจ็กต์ที่ต้องการสร้าง Array โดยการตั้งชื่อให้เหมือนกันนั้น ให้เขียนคำสั่งเพิ่มเติมเพื่อกำหนดเหตุการณ์ที่ใช้กับออบเจกต์ และถ้าหากต้องการสร้างเหตุการณ์อื่นๆ อีก ก็ให้เพิ่มเติมต่อจากเหตุการณ์หลังสุด จากนั้นให้ไปทำงานที่สับโปรแกรม ที่มีการกำหนดค่าคงที่ที่จะใช้ในสับโปรแกรมที่สร้างใน VBScript โดยมีรูปแบบการเขียนคำสั่งดังนี้ คือ
    เหตุการณ์ที่เกิดกับออบเจ็กต์ที่สร้าง ="Script:Function หรือ Sub โปรแกรม"
    เหตุการณ์ คือ เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ที่ได้กล่าวมาแล้วในตอนต้น เช่น OnMouseOver, OnMouseOut, OnMouseUp เป็นต้น
    สคริปต์ คือ ภาษาที่สามารถใช้ร่วมกับเอชทีเอ็มแอล ซึ่งจะมีอยู่ 2 ภาษาคือ VBScript และ จาวาสคริปต์ ถ้าเราสร้างฟังก์ชันจากภาษาไหนก็ให้เขียนภาษานั้น แต่ในที่นี้เราจะใช้ VBScript
    ฟังก์ชันหรือสับโปรแกรมที่มีการใช้ค่าคงที่ที่สอดคล้องกับลำดับที่ของ Array ของออบเจ็กต์สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจ คือตรงลำดับที่ที่ใช้ในฟังก์ชันหรือสับโปรแกรมนี้ ไม่จำเป็นต้องเริ่มจาก 0 เหมือนอย่าง Array แต่เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ก็ควรกำหนดลำดับที่ของตัวแปรที่ใช้กับฟังก์ชันหรือสับโปรแกรมให้เหมือนกับลำดับที่ Array ของออบ เจ็กต์ เช่น ขณะที่สร้างออบเจ็กต์แรกซึ่งจะมีลำดับ Array เป็น 0 ก็ให้ไปทำงานที่ฟังก์ชันหรือสับโปรแกรมที่มีค่าคงที่เป็น 0 ดังตัวอย่างต่อไปนี้
    < Input Type="Text" Name="Tx" Size="20" OnMouseOver="Vbscript:DoOver(0)"OnMouseOut="Vbscript:DoOut(0)" > < Input Type="Text" Name="Tx" Size="20" OnMouseOver="Vbscript:DoOver(1)" OnMouseOut="Vbscript:DoOut(1)" >