HOME

                                                                                                                                          

                                                

         Back to main STORY Page

 

                                                                                                                                         

วันนี้ขอขยับเรื่องราวเกี่ยวกับ BMW Individual กันหน่อย หลายคนคงเคยได้ยินคำนี้มาแล้วนะครับ ก็คือรถ BMW ที่สั่งทำเป็นพิเศษนั่นเอง เมื่อวันก่อนนั่งคุยกับท่านขุนเรื่องนี้กันไปในรถระหว่างรถติด เลยได้ไอเดียที่อยากจะเขียนให้เสร็จขึ้นมา เป็นเรื่องราวที่มีความน่าสนใจย้อนหลังไปเยอะทีเดียวครับ ก่อนที่จะมาเป็นคำว่า BMW Individual ในปัจจุบัน ข้อมูลอ้างอิงส่วนใหญ่เอามาจาก European Car Magazine ครับ


โครงการ BMW Individual เริ่มอย่างเป็นทางการในปี 1992 ในงาน Geneva Motor Show โดยใช้รถ BMW 7-Series (E38) และ 850CSi ที่ตกแต่งในแบบ custom made มาเป็นตัวโชว์เปิดโครงการ

“เรามองเห็นว่ามีสำนักแต่งมากมายข้างนอก BMW ที่ผลิตชุดแต่งต่างๆสำหรับรถ BMW ให้ลูกค้าเลือกซื้อเอามาตกแต่งให้สวยงามและแตกต่างไปจากรถมาตรฐานที่มาจากโรงงาน และมีลูกค้าของเราเองก็เคยขอให้เราทำแบบนั้นเหมือนกัน ในเมื่อเป็นความต้องการของลูกค้าและเรารู้ว่าบริษัทเหล่านี้ทำได้เงินมหาศาลจากตรงนั้น เราจะทำเมินเฉยได้อย่างไร?”

ประโยคง่ายๆ แต่แฝง business sense เอาไว้อย่างเต็มเปี่ยมจากปากของ Adolf P. Prommesberger กรรมการผู้จัดการของ BMW M GmbH ที่ Garching* ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ BMW AG. รับผิดชอบในการผลิตรถ BMW Individual ซึ่งจะเน้นไปในทางออกแบบตกแต่งและผลิตอุปกรณ์ภายในรถ ที่มาพร้อมกับ full warranty จากโรงงาน BMW

*หมายเหตุ: BMW M GmbH ถึงจะเป็นบริษัทลูกของ BMW AG แต่เป็นบริษัทใหญ่มากนะครับ โรงงานที่ Garching นี่เป็นแค่หนึ่งในโรงงานทั้งหมดของมันเท่านั้นเอง

“ลูกมาหาเรา พร้อมกับไอเดียหลากหลาย ตั้งแต่การตกแต่งเล็กๆน้อยๆ จนไปถึงขนาดถอดทั้งหมดออกทิ้งและออกแบบใหม่ทั้งหมด เราสามารถตอบโจทย์ของลูกค้าได้ถึง 90% แต่อย่างไรก็ตามอีก 10% เราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ กำลังพยายามทำให้สมบูรณ์ให้ได้เร็วๆนี้”

“มีลูกค้ารายหนึ่งต้องการให้หุ้มภายในให้เป็นสีและลายให้เข้าชุดกับกระเป๋าเอกสารราคาแพงของเขา…….เป็นความต้องการที่แปลก แต่เราไม่แปลกใจเพราะเราได้รับโจทย์แปลกๆแบบนี้เสมอๆ”

สิ่งที่ Adolf P. Prommesberger พูดเป็นความจริงในการที่จะตอบสนองความต้องการในทุกรูปแบบ

เนื่องจากอุปกรณ์ BMW Individual ทุกคันจะมาพร้อมกับ Warranty จากโรงงาน ซึ่งเปรียบเสมือนว่าเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์จาก BMW การควบคุมคุณภาพจึงเป็นเรื่องสำคัญ และเข้มงวดมากทั้งในเรื่องวัตถุดิบและขั้นตอนการผลิต ก่อนที่จะติดตั้งเข้าไปในรถลูกค้า ตัวต้นแบบจะถูกผลิตออกมาก่อน (เนื่องจากรุ่นรถมีความหลากหลาย) และทำการทดสอบภายใต้สภาวะการทำงานจริงตั้งแต่ความร้อนภายใต้แสงอาทิตย์ร้อนจ้า จนไปถึงความหนาวเย็นต่ำกว่าจุดเยือกแข็งเป็นเวลาหลายเดือน เพื่อให้แน่ใจว่าหนังที่เลือกเอามาใช้ หรือลายไม้จะไม่ลอกหรือแตกกรอบเมื่อลูกค้านำไปใช้งานจริง

“ในการเลือกหนังที่จะเอามาหุ้มในส่วนของ dashboard นอกจากความสวยงาม เรายังพิจารณาถึงความทนทานด้วย เพราะฉนั้นเราจะพิจารณาถึงความบางของหนังที่ควรจะเป็น ไม่ให้หนาเกินไป หรือบางเกินไป อีกทั้งต้องพิจารณาประกอบกับความโค้งและเส้นของ dashboard ของรุ่นนั้นๆด้วย เพื่อให้เกิดความความกระชับพอดีเหมือนกับเราใส่ถุงมือ ขั้นตอนนี้ใช้เวลามาก อย่างเร็วที่สุดคือ 18 เดือน หลังจากรถรุ่นนั้นๆออกมาขายในท้องตลาด มีลูกค้าใจร้อนหลายคนที่รอไม่ไหว เลยให้หุ้มแค่เบาะอย่างเดียวก็มี”

ย้อนกลับไปในปี 1992 ที่โครงการ BMW Individual ถือกำเนิดออกมาเป็นทางการ ส่วนหนึ่งที่เป็นแรงผลักดันโครงการนี้ขึ้นมาก็คือ Karl Lagerfeld และรถ BMW 750 iL ก็เป็นรถคันแรกที่ออกมาจากโรงงาน BMW Individual ใน Garching

ก่อนอื่น มาทำความรู้จักก่อนว่า Karl Lagerfeld คือใคร หนุ่มๆคงจะไม่ค่อยรู้จัก แต่สาวๆน่าจะรู้จักดี Karl Lagerfeld คือ Designer ชั้นเซียนของเสื้อผ้าราคาแพง brand ระดับโลก ได้แก่ Chanel และ Fendi และการออกแบบตกแต่งอื่นๆด้วย เรื่องราวสืบเนื่องมาจากแกไปออกแบบตกแต่งโรงแรม Four Seasons ใน Berlin (และโรงแรมยกห้องนึงให้แกอยู่ฟรีๆตลอดชีวิต) ซึ่งตอนนั้นโรงแรมได้มีรถ Bentley เป็นรถประจำตำแหน่งบริการสำหรับแขกระดับ VIP ที่มาพัก ซึ่งอีตา Karl เป็นหนึ่งในจำนวนนั้นด้วย ทาง BMW รู้ว่าอีตา Karl มีสัมพันธ์อันดีกับ Four Seasons อยู่และตอนนั้นแกก็ใช้รถยนต์ BMW 750 iL อยู่ด้วย จึงขอให้แกไปลองพูดกับเจ้าของโรงแรมว่าอยากจะเปลี่ยนรถ VIP จาก Bentley เป็น BMW ไหม ผมเดาเอาว่าเจ้าของโรงแรมคงจะงงไปพักนึงเหมือนกันนะครับ คงคิดว่าไอ้ Bentley ที่ข้าใช้อยู่มันก็หรูระดับเทพอยู่แล้ว ไฉนจึงให้ข้าเปลี่ยนมาใช้ BMW เสียเล่า จะเนื่องด้วยจากความเกรงใจอีตา Karl แกอย่างไรไม่ทราบได้ เจ้าของโรงแรม Four Seasons จึงบอกว่า โอเค, ตกลง แต่มีข้อแม้ว่ารถ BMW เหล่านั้นต้องออกแบบภายในเป็นพิเศษที่ไม่เหมือนใคร และผู้ที่ออกแบบจะต้องเป็น Karl Lagerfeld เท่านั้น!

นี่คือต้นตอจุดกำเนิดของโครงการ BMW Individual ในเวลาต่อมา อ่านดูแล้วธุรกิจก็คือธุรกิจนะครับ ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร

Karl Lagerfeld แกเป็นคนประเภทหลุดโลก และวาจาเชือดเฉือนยิ่งนัก แกเคยพูดถึงรถอเมริกันว่า

“The reason American cars don’t sell anymore is that they have forgotten how to design the American Dream. What does it matter if you buy a car today or six months from now, because cars are not beautiful. That’s why the American auto industry is in trouble: no design, no desire."

แสบทรวงดีนะครับ แต่เห็นด้วยตามที่แกพูดเป็นอย่างยิ่ง

แกอายุเจ็ดสิบกว่าแล้วนะครับ อ้วนพุงพลุ้ย วันนึงแกบอกว่าแกอยากจะใส่ชุดที่ออกแบบโดย Hedi Slimane ขึ้นมา แต่หุ่นอย่างแกใส่ไม่ได้แน่ แกเลยไปลดน้ำหนักลงไปสี่สิบกว่ากิโล ใช้เวลาสิบสามเดือนเต็ม จนหุ่นออกมาสะโอดสะองแบบตามรูปที่เห็น แต่งตัวเป็นวัยรุ่นไปเลย เอากะแกซิ!

นอกเรื่องอีกแล้ว กลับเข้าเรื่องได้

พอตกลงกันได้เสร็จ แกก็จัดแจงออกแบบ ด้านนอกเป็นสีทูโทน ตอนนี้อาจจะนึกภาพว่าเป็นรถทูโทนแบบคาดสีด้านล่างแบบทั่วๆไปใช่ไหมครับ ไม่ใช่ครับ ผิดถนัด เป็นทูโทนแบบไล่สีจากหลังคาลงมา จากสีออก silver ลงไปเป็นสี Burgundy หลุดโลกดีชะมัด ส่วนภายในเป็นหนัง เบาะทำเป็นแบบเบาะโซฟาแบบอังกฤษที่ฝังกระดุมเป็นปุ่มๆ อธิบายไม่ถูกดูตามรูปเอานะครับ ระบบเครื่องเสียงมีทั้ง Audio และ Video สมัยนี้คงเฉยๆ แต่เมื่อสิบกว่าปีก่อนคงหวือหวาไม่เบา มีเหมือนเป็นโต๊ะเล็กดึงออกมาจากหลังเบาะเอาไว้เขียนหนังสือด้วย

นี่แหละครับ รถ BMW Individual ของ BMW M GmbH รถคันนี้โรงแรมใช้อยู่ราวสองสามปี จากนั้น BMW ขอซื้อคืนมา ตอนนี้อยู่ในพิพิธภัณฑ์ของ BMW ใน Germany ครับ

แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่ารถ BMW Individual ทุกคันจะถูกประกอบจาก BMW M GmbH ที่ Garching ทั้งหมด จะมีแต่รถที่ประเภทออกแบบกันเป็นพิเศษจริงๆประเภทของอีตา Karl เท่านั้น อย่างเช่น ถ้าลูกค้าต้องการเลือกสีเบาะ/แผงข้างเป็นสีพิเศษหรือเป็นสีทูโทนเฉยๆ หรือต้องการชุดลายไม้สีพิเศษ แบบนี้ลูกค้าสามารถสั่งผ่าน dealer ของ BMW ที่ไหนก็ได้ แล้ว order จะถูกส่งไปที่ BMW M GmbH ที่ Garching ชิ้นส่วนเหล่านั้นก็จะถูกทำที่นี่ และเมื่อเสร็จแล้วจะถูกส่งไปประกอบเข้ากับตัวรถที่สายพานการผลิตปกติ
ในรอบหลายปีที่ผ่านมา ความต้องการทำรถ BMW Individual มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้จำกัดแค่เพียงรุ่นใหม่ๆ รุ่นเก่าก็ยังเอามาให้ทำ ตอนนี้ BMW M GmbH เลยรับทำทุกรุ่นเสียเลย จะเอาแบบไหนว่ามา แต่อย่างไรก็ตามจะแบ่งเป็นสามประเภทคร่าวๆ ได้แก่

1. Most Exclusive เป็นรถที่ออกแบบเป็นพิเศษจริงๆ ชนิดคิดใหม่ทำใหม่ทั้งหมด ตัวอย่างแบบของอีตา Karl Lagerfeld แก รถแบบนี้ถูกทำออกมาประมาณ 600 คันต่อปี
2. Personalized ตัวอย่างเช่นลูกค้าต้องพ่นสีภายนอกเป็นสีพิเศษ (Special Color) และ/หรือ ภายในเป็นหนังสีพิเศษ หรือลวดลายพิเศษ รถแบบนี้ BMW M GmbH ทำออกมาราวๆ 12,000 คันต่อปี
3. Special Edition แบบนี้จะเป็นลักษณะของ Sub-production คือเป็นรุ่นพิเศษตามชื่อของมันนั่นแหละครับ แต่ทำออกมาเป็นจำนวนมากๆต่อหนึ่งแบบ แล้วแต่ว่าใครจะให้ทำเป็นแบบไหน ห้าคันก็เคยทำ จนไปถึงพันๆคันก็เคยทำ รถแบบนี้ BMW M GmbH ทำออกมาประมาณ 20,000 คันต่อปี ตัวอย่างก็เช่นรุ่น E36 Coupe CLUB SPORT (หรือที่เรียกว่ารุ่น AVUS) สำหรับตลาดในอังกฤษ

มีการคอมเพลนว่าทำไมถ้าเป็นรุ่น M3 E46 มันจึงทำช้ากว่ารุ่นอื่นๆ Adolf P. Prommesberger บอกว่าจริงๆแล้วทางเราไม่ได้ช้า แล้วเราไม่อยากช้าด้วย ยิ่งทำเร็วเราก็ได้ตังค์เร็ว จะดึงเกมส์ไปทำไม แต่ปัญหาคอขวดมันอยู่ตัวเครื่องยนต์ เครื่องยนต์ตัวนี้ประกอบด้วยมืออย่างปราณีต มันช้าตรงโรงงานประกอบเครื่องยนต์โน่น แต่อย่างไรก็ตามทุกวันนี้เราทำ M3E46 ออกมาได้วันละ 120 คัน ก็ถือว่า full capacity ในส่วนของเราแล้ว (อืม…เป็น MD ที่ปกป้องลูกน้องดีมาก)

มีคนถาม Siegfried Friedmann ผู้ซึ่งเป็น Project Manager ดูแลโครงการ M3 E46 ว่ามีโอกาศที่จะผลิต M3 E46 Sedan ออกมาไหม (ตอนนี้ทุกคนคงได้คำตอบแล้วนะครับ หลังจากที่ E90 ได้ออกมา) แกบอกว่า

“เราได้บทเรียนจาก M3 E36 Sedan มาก่อนแล้ว (ขายไม่ออก) เราไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก” นี่น่าจะเป็นคำตอบอย่างเป็นทางการว่าทำไมจึงไม่มี M3 E46 Sedan อยู่ในประวัติศาสตร์ของ M Cars

โรงงาน BMW M GmbH ที่ Garching นี่ไม่ได้เพิ่งเปิดเมื่อปี 1992 นะครับ อย่าเข้าใจผิดเปิดมานานแล้ว แต่โครงการ BMW Individual เพิ่งเริ่มเมื่อปี 1992 เท่านั้นเอง ก่อนหน้านี้มีรถหลายรุ่นที่ถูกทำออกมาจากที่นี่ ชนิดที่ Hand-made ทั้งคันก็มี M5 E28 ผลิตออกมา 2100 คัน M5 E34 มากกว่า 12,000 คัน และ M5 E39 อีกราวสองหมื่นคัน (M3 E36 ไม่ได้ผลิตที่นี่ ไปผลิตที่โรงงานที่ Rogensburg)

มาถึงคำถามที่ว่า อะไรคือวัตถุประสงค์หลักที่ใช้ตัดสินใจในการสร้าง M Car ในปัจจุบันออกมา ตรงนี้น่าสนใจนะครับ ผมก็อยากรู้เหมือนกัน เพราะเมื่อก่อนหน้านี้จนมาถึงยุค M3 E30 คำว่า M Car คือรถที่ถูก Homologated เพื่อใช้ในสนามแข่ง แต่หลังจากนั้นจนถึงปัจจุบันนี้มันไม่ใช่แล้ว

ตรงนี้ BMW M GmbH ตอบว่า

“เราคิดเสมอมาว่า M Car คือเรือธงของ BMW ในแต่ละรุ่น โดยเราจะศึกษาจากรถต้นแบบที่เป็นรุ่นปกติของ model นั้นๆจาก BMW AG และดูว่าตรงไหนที่เราสามารถจะเอามาทำให้มันมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ทั้งในแง่เครื่องยนต์และการขับขี่ โดยเน้นว่าเราต้องการให้เครื่องยนต์มี feeling แบบสปอร์ตและการ handling ที่คมและปราดเปรียว ในขณะเดียวกันยังคงความหรูหราและสะดวกสบายเอาไว้ จากนั้นก็เขียนแบบ เขียนสเปก เมื่อได้รับการอนุมัติ สายพานการผลิต M Car จะเริ่มทันที”

เค้าว่าไว้อย่างนั้นนะครับ แต่สำหรับผม กำลังนึกถึงหน้าของ Paul Rosche เมื่อหลายสิบปีก่อน ตอนที่แกไปเอาเครื่อง M88 มาตัดฝาสูบทิ้งไปสองสูบ แล้วเอามาสร้างเป็นเครื่อง S14 ให้ลงไปอาละวาดฟาดฟันในสนามแข่งขึ้นมาจริงๆ พับผ่าสิ



                                                                                                                                                                                       

 

 

 

 

 

 

 

  Flying Dutchman: May 2007

  ....................................................................................................................................................................................................................

                                                                                                                                                                            Back to main STORY Page


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 

                     

                                                                                                                              Copyright 2000-2008. The Flying Dutchman