จังหวัดบุรีรัมย์

เมืองปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟ ผ้าไหมสวย รวยวัฒนธรรม

        จังหวัดบุรีรัมย์ หรือเมืองแห่งความรื่นรมย์ มีภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูง ทางตอนใต้ของจังหวัดเป็นเทือกเขาพนมดงรัก กั้นพรมแดนไทย-กัมพูชา ตามแนวเทือกเขามีช่องเขา เช่นช่องตากิ่ว ช่องตาเพ็ด ช่องโอบก ช่องบะระแนะ ช่องจันทบกกระฮอม นอกจากนี้พื้นที่ของจังหวัดยังประกอบด้วยภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วและมีปล่องภูเขาไฟที่ยังคงสภาพอยู่ จังหวัดบุรีรัมย์ห่างจากกรุงเทพมหานคร 383 กิโลเมตร

อาณาจักรขอมในอดีต

        บุรีรัมย์มีความเจริญรุ่งเรืองมานับพันปี ตามหลักฐานของกรมศิลปากรที่สำรวจไว้ พบปราสาทหินที่เมืองโบราณ และแหล่งโบราณคดีมากกว่า 200 แห่ง และพบแผ่นศิลาแกะสลักเป็นภาพศิวะนาฏราช (การฟ้อนรำแห่งองค์พระศิวะ) ซึ่งเชื่อว่าสร้างขึ้นตามคติความเชื่อของศาสนาฮินดู ลัทธิไศวะนิกายที่ครอบครองดินแดนนี้สมัยขอมเรืองอำนาจ ครั้นสมัยกรุงศรีอยุธยาเมือองนางรอง (อำเภอนางรองในปัจจุบัน) เมืองพุทไธสมัน (อำเภอพุทไธสงในปัจจุบัน) เมืองตลุง (อำเภอประโคนชัยในปัจจุบัน) ขึ้นกับกรุงศรีอยุธยาโดยอยู่ภายใต้การปกครองของเมืองนครราชสีมา และมีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่เมืองนางรอง

        ในสมัยกรุงธนบุรี พ.ศ. 2321 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดห้าจุฬาโลกมหาราช (เมื่อครั้งเป็นพระยาจักรี) ทรงยยกทัพมาเกลี้ยกล่อมเจ้าเมืองนางรองให้เป็นเมืองในอาณัติของนครราชสีมา หลังจากเกลี้ยกล่อมสำเร็จจึงทททรงยกทัพกลับ ทรงพบเมืองร้างที่มีชัยภูมิดี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ตั้งเมืองเรียกว่าเมือง “เมืองแปะ” ตามชื่อต้นแปะใหญ่ที่ขึ้นอยู่ใจกลางเมืองร้าง (ปัจจุบันคือศาลหลักเมือง)

นอกจากนี้บุรีรัมย์ยังเรียกได้อีกชื่อหนึ่งว่าเมืองเต่า เนื่องจากรูปร่างของเมืองมีลักษณะคล้ายเต่าที่หันหัวไปทางทิศเหนือ โดยทางตอนบนจะมีลักษณะเรียวยาวแล้วแผ่กว้างออกไปทางตอนกลางไปจนสุดทางตอนใต้

(กลับสู่หน้าหลัก)