จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ประวัติศาสตร์
จังหวัดสุราษฎร์ธานีนี้ ในพุทธศตวรรษที่ 13 รวมอยู่ในอาณาจักรศรีวิชัยเมื่ออาณาจักรศรีวิชัยเสื่อมอำนาจลง ดินแดนที่เป็นจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้แยกออกเป็น 3 เมือง คือ เมืองไชยา ตั้งอยู่อำเภอไชยาในปัจจุบัน เมืองท่าทอง ตั้งอยู่ลุ่มแม่น้ำท่าอุแท ในอำเภอกาญจนดิษฐ์ และเมืองคีรีรัฐนิคม ตั้งอยู่ริมฝั่งซ้ายริมแม่น้ำพุ่มดวง อันเป็นที่ตั้งอำเภอคีรีรัฐนิคมในปัจจุบัน ต่อมาในรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์บริเวรบ้านดอน คือที่ตั้งศาลากลางจังหวัดในปัจจุบันนี้มีคนมาตั้งบ้านเรือนอยู่หนาแน่นเพราะเป็นที่ดอนแม่น้ำไหลออกสู่ทะเลหลายแคว และอีกประการหนึ่งในลุ่มน้ำหลวง ซึ่งปัจจุบันเรียกว่า " แม่น้ำตาปี " มีไม้อุดมสมบูรณ์ จึงเป็นศูนย์กลางของการต่อเรือเดินทะเลในแหลมมลายู ครั้นถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ย้ายเมืองท่าทองมาตั้งที่บ้านดอน และยกฐานะให้เป็นเมืองจัตวา ขึ้นตรงต่อกรุงเทพฯพระราชทานนามว่า " เมืองกาญจนดิษฐ์ "จนลุ ร.ศ. 117 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้แบ่งเขตการปกครองทั่วราชอาณาจักรให้เป็นมณฑล โปรดเกล้าฯให้รวมเมืองไชยา ตั้งศาลากลางที่บ้านดอน รวมเมืองไชยา เมืองชุมพร และเมืองหลังสวนขึ้นเป็นมณฑลหนึ่งเรียกว่า " มณฑลชุมพร " ตั้งศาลากลางมณฑลอยู่ที่เมืองชุมพร ต่อมาได้ย้ายศาลากลางมาตั้งที่บ้านดอน ในบริเวณเดียวกับศาลากลางเมืองไชยา ยกฐานะเมืองท่าทองเป็นอำเภอ เอาชื่อเมืองกาญจนดิษฐ์ให้เป็นอำเภอ ขนานนามว่า " อำเภอกายจนดิษฐ์ " ลดฐานะเมืองไชยาเดิมเป็นอำเภอเรียกว่า " อำเภอเมืองไชยา " และได้แบ่งเขตการปกครองซอยลงไปอีก ท้องที่ใดมีคนมากเป็นชุมชนหนาแน่นพอสมควร หรือท้องที่กว้างขวางเกินไป ไม่สะดวกแก่การปกครองก็แบ่งออกไปตั้งเป็นอำเภอและกิ่งอำเภอขึ้นใหม่อีกหลายอำเภอ ต่อมาได้มีระบบการปกครองกำหนดออกมาอีกว่า อำเภออันเป็นที่ตั้งศาลากลางจังหวัดเท่านั้น ให้เรียกว่า อำเภอเมือง อำเภอเมืองไชยา จึงถูกตัดคำว่า " เมือง " ออกเสีย คงเรียกแต่อำเภอไชยาเฉยๆมาจนทุกวันนี้ ในเวลาเดียวกันกับอำเภอบ้านดอนก็กลายเป็น " อำเภอเมืองบ้านดอน " ซึ่งเป็นอำเภอที่ตั้งศาลากลางจังหวัดแล้วระยะต่อมาได้เปลี่ยนชื่ออำเภอบ้านดอนเป็น" อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี " ตามชื่อจังหวัดที่ได้รับพระราชทานประวัติของการได้รับพระราชทานชื่อว่า " เมืองสุราษฎร์ธานี " มีอยู่ว่าพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชดำเนินมณฑลปักษ์ใต้ พ.ศ. 2458 ได้เสด็จประทับแรมที่พระตำหนักสวนสราญรมย์ บนควนท่าข้าม อำเภอพุนพิน ทอดพระเนตรเห็นประชาชนพลเมืองมีกิริยามารยาทเรียบร้อยประกอบกับได้ทรงทราบจากผู้ปกครองบ้านเมืองว่าประชาชนเมืองนี้ตั้งอยู่ในศีละรรม เครารพหนักแน่นในพระพุทธศาสนา จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เปลี่ยนชื่อเมืองไชยาเป็น " เมืองสุราษฎร์ธานี " ต่อมาเปลี่ยนฐานะเมืองเป็นจังหวัด จึงเรียกว่าจังหวัดสุราษฎร์ธานีจนถึงปัจจุบันนี้ อันแปลว่า " เมืองคนดี " เปลี่ยนชื่อมณฑลชุมพรว่า " มณฑลสุราษฎร์ธานี " เปลี่ยนชื่อแม่น้ำหลวงซึ่งเป็นแม่น้ำใหญ่ประจำเมืองนี้ว่าแม่น้ำ " ตาปี " พระราชทานนามตำหนักที่ประทับแรมบนควนท่าข้ามว่า " สวนสราญรมย์ " ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้ยุบมณฑลสุราษฎร์ธานีเสีย และให้จังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดอื่นๆ ที่เคยขึ้นกับมณฑลสุราษฎร์ธานี ไปขึ้นกับมณฑลนครศรีธรรมราช ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอนันทมหิดลทางราชการได้ยุบมณฑลทั่วราชอาณาจักร จังหวัดสุราษฎร์ธานีจึงขึ้นตรงต่อกระทรวงมหาดไทยตลอดจนทุกวันนี้ลำน้ำสำคัญ
แม่น้ำตาปียาวประมาณ 200 กิโลเมตร ตั้งต้นจากภูเขาหลวงในจังหวัดนครศรีธรรมราชมีแควเล็กแควน่อยไหลมาบรรจบกันหลายแคว จนรวมเป็นแม่น้ำสายใหญ่เรียกว่า
“ แม่น้ำตาปี “ พระราชทานนามตำหนักที่ประทับแรมบนควานท่าข้ามว่า "สวนสราญรมย์ " ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดฯให้ยุบมณฑลสุราษฎร์ธานีเสีย และให้จังหวัดสุราษฏร์ธานีและจังหวัดอื่นๆที่เคยขึ้นกับมณฑลสุราษฏร์ธานี ให้ไปขึ้นกับมณฑลนครศรีธรรมราช ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอนันทมหิดลทางราชการได้ยุบมณฑลทั่วราชอาณาจักร จังหวัดสุราษฏร์ธานีจึงขึ้นตรงต่อกระทรวงมหาดไทยตลอดมาจนทุกวันนี้โบราณสถาน โบราณวัตถุ สิ่งที่เคารพบูชา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้านเมือง
-พระบรมธาตุไชยา ตั้งอยู่ที่วัดพระธาตุ ตำบลเวียง อำเภอไชยา
-วัดถ้ำสิงขรณ์ ตั้งอยู่ที่อำเภอคีรีรัฐนิคม
-วัดเวียงสระ ตั้งอยู่ตำบลเวียงสระ
สถานที่น่าเที่ยว
-สวนโมกกขพลาราม หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "วัดธารน้ำไหล"ที่เรียกว่า "วัดธารน้ำไหล "เพราะมีธารเล็กๆสายหนึ่งไหลมาจากภูเขาผ่านบริเวณสำนักสงฆ์ มีศาลาโรงธรรมแห่งหนึ่ง ประมวลภาพศิลป์ บทกวี และคติธรรมไว้มาก ซึ่งเรียกว่าเป็นโรงมหรสพแห่งวิญญาณ
-กิ่งอำเภอเกาะพงัน เกาะพงันเป็นเกาะหนึ่งอยู่ทางทิศเหนือของเกาะสมุย มีหาดทรายขาวสะอาด มีธารน้ำและน้ำตกคือ "ธารเสด็จ" "ธารตกแพง"
-บางสวรรค์ อำเภอพระแสง อยู่ทางทิศตะวันตกของอำเภอพระแสง ห่างจากที่ว่าการอำเภอประมาณ 40 กิโลเมตร มีธารเล็กๆใสสะอาดไหลมาจากเขาปดสู่ลำคลองอิปันประกอบเป็นสระน้ำชื่อ "สระแก้ว" ซึ่งมีน้ำใสเต็มเปี่ยมอยู่ทุกฤดูกาลน้ำจากสระนี้ทางราชการเคยนำไปใช้ในพิธีมุรธารภิเษกหรือพิธีสำคัญของประมุขแห่งชาติมาแล้ว บริเวณของสะได้ตกแต่งไว้เรียบร้อยสวยงาม มีพันธุ์ไม้ร่มรื่นนานานาชนิด นอกจากนี้ตำบลบางสวรรค์ยังมีภูเขาเรียกว่า "เขาพระ" ซึ่งมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่ในถ้ำบนภูเขาสูงจากพื้นดินไม่น้อยกว่า 50 เมตร และมีถ้ำหินงอกหินย้อยสวยงาม
-อำเภอดอนสัก ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลอ่าวไทย มีสวนมะพร้าวริมฝั่งทะเลยาวเหยียดสวยงามมาก
-พระบรมธาตุไชยา ตั้งอยู่วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร ตำบลเวียง เป็นปูชนียสถานอันศักดิ์สิทธ์คู่บ้านคู่เมือง เป็นพระเจดีย์แบบศรีวิชัย สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 1200ถึง 1300 ผู้ใดสร้างไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคระสงฆ์จังหวัดสุราษฏร์ธานีได้จัดวันนมัสการพระบรมธาตุไชยาทุกปี โดยกำหนดวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5
-พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอำเภอไชยา ตั้งอยู่ในบริเวณวัดพระบรมธาตุไชยา มีโบราณวัตุสมัยต่างๆที่ขุดค้นพบบริเวรอำเภอไชยาและดินแดนรอบอ่าวบ้านดอนที่น่าสนใจและน่าศึกษาตั้งแสดงอยู่จำนวนมาก
-เขาน้ำร้อน เป็นภูเขาเตี้ยๆมีน้ำแร่พุร้อนไหลออกมาจากภูเขา ใช้อาบได้ บนยอดเขามีเจดีย์โบราณและรอยพระพุทธบาท ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลเสม็ด ห่างจากตลาดไชยา 5 กิโลเมตร