เมืองอุบล
ธานีแห่งราชะ ศรีสง่าแห่งไพรพฤกษ์
เมืองอุบล เป็นชื่อเรียกขานในหมู่คนทั่วไปและในพงศาวดารหลายฉบับ ชื่อนี้หมายถึงนครใหญ่แห่งหนึ่งอยู่ทางอีสานตะวันตก เป็นเมืองที่พวกไต-ลาวอพยพมาตั้งหลักแหล่งอยู่ไม่น้อยกว่า 200ปีล่วงมาแล้ว ราชสำนักกรุงเทพฯ สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ ทรงพระกรุณายกให้เป็น “อุบลราชธานีศรีวนาลัยประเทศราช” เมืองอุบลมีวิวัฒนาการเริ่มต้นเมื่อพวกไต-ลาวกลุ่มหนึ่งได้มาสร้างบ้านแปลงเมืองอยู่ที่ นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน (เขตจังหวัดอุดรธานี) แล้วภายหลังจากนั้นจึงโยกย้ายที่ตั้งเมืองไปที่ ห้วยแจระแม และ ดงอู่ผึ้ง (เขตจังหวัดอุบลราชธานีปัจจุบัน) นับได้ว่ากระบวนการสร้างบ้านแปลงเมืองของพวกไต-ลาวกลุ่มนี้ดำเนินไปเป็นระยะเวลานานและในขอบเขตอันกว้างขวาง ถ้าเทียบกับปริมาณพื้นที่ในปัจจุบันก้ประมาณได้ว่าครอบคลุมส่วนหนึ่งของจังหวัดอุดรธานี จังหวัดยโสธร และจังหวัดอุบลราชธานี “อุบลราชธานีศรีวนาลัย” เปรียบเมืองอุบลเสมือนนครใหญ่ ธานีแห่งราชะ อยู่เด่นเป็นศรีสง่าแห่งไพรพฤกษ์ ความหมายของชื่อสะท้อนวิวัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของอุบลในสายตาของราชสำนักกรุงเทพฯยุคต้นอย่างเห็นได้ชัด เมืองอุบลเริ่มจากการสร้างบ้านแปลงเมืองด้วยกำลังคนเพียงกลุ่มเดียว นำโดยพระวอ-พระตาบรรพบุรุษของผู้ปกครองเมืองอุบล นับวันเมืองอุบลก็ยิ่งกลายเป็นศูนย์กลางสำคัญในถิ่นนี้ กำลังคนเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ ราชสำนักกรุงเทพฯเห็นความสำคัญ จึงส่งเสริมให้เมืองอุบลเป็นที่มั่นสำหรับรวบรวมพลไพร่เลกข้าเป็นกำลังและกะเกณฑ์ส่วยต่อไปกรูงเทพฯถึงคราวเมื่อสยามต้องเผชิญภัยจากลัทธิจักวรรดิ์นิยม เมืองอุบลก็กลายเป็นเมืองสำคัญของอีสานตะวันออก เป็นที่มั่นและศูนย์กลางปกครองของรัฐบาลสยามสมัยรัชกาลที่ 5 กล่าวได้ว่าในช่วงเวลาไม่นานนัก เมืองอุบลเติบโตขึ้นมาแทนที่หรือเทียบเท่าเมืองจามปาศักดิ์ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขงประวัติภูมิศาสตร์
ร่องรอยของวัฒนธรรมที่มีการรับและสังเคราะห์ในพื้นถิ่นนี้ทำให้เรามองเห็นได้ชัดเจนว่าทำเลที่ตั้งของเมืองอุบลอยู่ในเส้นทางการคมนาคมติดต่อ จนเกิดชุมชนบ้านเมืองที่เป็นศูนย์กลางความเจริญ และการติดต่อคมนาคมในหลายยุคหลายสมัย แม้เมืองอุบลได้กลายเป็นหัวเมืองสำคัญในราชอาณาจักรสยามสมัยรัตนโกสินทร์ความสำคัญนี้มิได้ลดถอยเสื่อมคลายจนกระทั่งปัจจุบัน ที่ตั้งเมืองอุบลก็อยู่ตรงปากทางเข้าสู่อินโดจีนปากทางสู่การขยายตัวทางเศรษฐกิจทั้งของไทยและลาวบริเวณที่เรียกว่าพื้นถิ่นเมืองอุบลปัจจุบันรวมเขต 4จังหวัดคือ อุบลราชธานี ยโสธร มุกดาหาร และอำนาจเจริญ บริเวณนี้ทางตะวันออก และตะวันออกเฉียงเหนอ จรดแม่น้ำโขง ฝั่งตรงข้ามกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ด้านใต้จรดเทือกเขาดงเร็ก ซึ่งเป็นเขตแดนของประเทศกัมพูชา และไทย แม่น้ำมูล แม่น้ำทั้งหมดรวมตัวกันไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่ปากมูล อำเภอโขงเจียม ในบริเวณนี้มีเทือกเขาสำคัญคือ เทือกเขาพนมดงเร็ก และภูพานเทือกเขาพนมดงเร็กแยกที่ราบสูงภาคตะวันออกเฉียงเหนือออกจากที่ราบเขมรต่ำของประเทศกัมพูชานอกจากนั้นยังมีลำน้ำสำคัญอีกสองสาย ได้แก่ ลำโดมใหญ่ และลำโดมน้อย ที่เชื่อมบริเวณที่สูงเทือกเขาเข้ากับที่ราบลุ่มของเมืองอุบล ทำให้เกิดเส้นทางการติดต่อระหว่างคนบนที่สูงและคนในที่ราบมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์จนต้นประวัติศาสตร์ร่องรอยแห่งประวัติศาสตร์ตรงนี้คือ ภาพเขียนสีบนเพิงผาในเส้นทางดังกล่าว สภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ของบริเวณเมืองอุบล บางทีเรียกกันว่า ลุ่มน้ำมูล-ชีตอนล่าง (Lower Mun-Chi Basin) ของแอ่งโคราช เนื่องด้วยเป็นที่ที่แม่น้ำสองสายบรรจบกันก่อนออกสู่แม่น้ำโขง บริเวณลุ่มแม่น้ำมูล-ชีตอนล่าง สัมพันธ์กับที่ราบลุ่มสองแห่งคือ ที่ราบลุ่มราษีไศล ทุ่งกุลาร้องไห้พื้นฐานทางด้านวัฒนธรรมความเชื่อประเพณีการฝังศพครั้งที่สอง- ชุมชนพื้นถิ่นเมืองอุบล และอาณาบริเวณใกล้เคียงเห็นได้จากรูปแบบเฉพาะของเครื่องปั้นดินเผา ซึ่งประเพณีการฝังศพ รู้จักกันในนามว่า เครื่องปั้นดินเผาแบบร้อยเอ็ด หรือ เครื่องปั้นดินเผาแบบทุ่งกุลา
- แหล่งโบราณคดีที่มีภาชนะดินเผาแบบทุ่งกุลาหลายแห่ง
-แหล่งโบราณคดีบ้านโนนเอ้ ตำบลกุดลาด อำเภอเมือง ห่างจากแม่น้ำมูลประมาณ 2 กิโลเมตร พบเศษภาชนะดินเผาเขียนสี และลายเชือกทาบเคลือบน้ำดินสีนวล บางแบบเคลือบน้ำดินสีแดง
-แหล่งโบราณคดีบ้านก้านเหลือง ตำบลขามใหญ่ พบภาชนะดินเผาสีนวลลายเชือกทาบ ลายเขียนสีแดงรอบคอ และลายเส้นตามแนวตั้งรอบขอบปากภาชนะ
-แหล่งโบราณคดีดอนยาง อยู่ตอนเหนือของหมู่บ้านดอนเมย พบภาชนะดินเผาชามก้นลึก ทั้งผิวเรียบและลายเชือกทาบ บางชิ้นมีลายเขียนสีแดงอยู่ด้านในเป็นเส้นตามแนวตั้ง 4-5 เส้น
เมืองอุบล แม้ตั้งอยู่พื้นที่อู่อารยธรรมเก่าแก่มาตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์ซึ่งเกิดชุมชนขึ้นสมัยต้นประวัติศาสตร์มนุษย์ในยุคก่อนนั้นได้ทิ้งร่องรอยแห่งอารยธรรมไว้มากมายหลายแบบตั้งแต่ภาพเขียนสีบนแผ่นเพิงผาจนถึงภาชนะดินเผาแบบทุ่งกุลาร่องรอยของคติหินตั้ง และเสมาทางพุทธศาสนาอันเก่าแก่ความสำคัญของเมืองอุบลฐานะเป็นกำลังสำคัญของการสร้างบ้านแปลงเมืองในอีสานสมัยกรุงเทพฯ นั้นเห็นได้หลายประการทั้งในแง่ที่เป็นศูนย์กลาง การปกครองอีสานตะวันออกเป็นเมืองสำคัญในลุ่มน้ำมูลตอนล่าง ไม่น้อยกว่าโคราช ซึ่งอยู่ในลุ่มน้ำมูลตอนบน เป็นหัวหาดสำคัญในการปกครองอีสาน เมื่อครั้งเผชิญกับฝรั่งเศส และลัทธิจักวรรดิ์นิยมที่แผ่เข้าลุ่มน้ำโขง