HOME STAY – FARM STAY
ความเป็นมาของ “ โฮมสเตย์ ” และ “ ฟาร์มสเตย์ ”
การจัดกิจกรรมท่องเที่ยวโฮม สเตย์ และ ฟาร์ม สเตย์ พบมากในประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย และอังกฤษ โดยความหมายของโฮม สเตย์ ที่หน่วยงาน HOMESTAY WORLDWIDE : Sydney bades agency ให้ไว้ หมายถึง การไปพักผ่อนกับครอบครัวในบ้านเขา และร่วมประสบการณ์อย่างมากทางด้านวัฒนธรรม ประเพณีที่แตกต่างออกไปจากผู้เข้าไปพัก ( Homestay is where you get to stay with families ,in other cultures and customs different from your own )สำหรับ “ฟาร์ม สเตย์” มีจุดเริ่มต้นที่ความสนใจการทำฟาร์มแบบตะวันตก เป็นฟาร์มขนาดใหญ่และตั้งอยู่ในภูมิประเทศที่สวยงามประกอบกับ เป็นแหล่งวัฒนธรรมเฉพาะที่เป็นที่สนใจและอยากเห็น จึงสามารถนำมาจัดให้มีที่พักและให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ในบางประเทศยังขยายแนวคิดการดำเนินการออกไปเป็น Ruralstay ซึ่งเป็นการจัดให้มีที่พักผ่อนและสัมผัสชีวิตในชนบทเข้า เป็นรูปแบบการท่องเที่ยวอย่างหนึ่ง
ดังนั้น หากจะเปรียบเทียบความหมายและขอบเขตของทั้ง “โฮม สเตย์” และ “ฟาร์ม สเตย์” จึงมีสาระสำคัญดังนี้
1. ทั้งโฮม สเตย์ และฟาร์ม สเตย์ มีความหมายมากกว่าเป็นที่พักเนื่องจากเป็นรูปแบบการท่องเที่ยวอย่างหนึ่ง โดยยึดเอารูปแบบที่พักเป็นศูนย์กลางและจัดให้มีกิจกรรมในด้านต่างๆ ที่เป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยว2. ทั้งโฮม สเตย์ และฟาร์ม สเตย์ เน้นการเผยแพร่ หรือมีจุดขายทางด้านวัฒนธรรมโดยเฉพาะ ส่วนฟาร์ม สเตย์ มุ่งเน้นเผยแพร่วัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับการทำอาชีพและขยายออกไปถึงธรรมชาติถิ่นที่อยู่
3. โฮม สเตย์
ใช้กับการท่องเที่ยวและการศึกษา
ส่วน ฟาร์ม
สเตย์
เป็นรูปแบบที่เน้นใช้กับการท่องเที่ยว
โดยให้โอกาสความเป็นส่วนตัวมากพอสมควร
แนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับกิจกรรม
“โฮม สเตย์”
ในประเทศไทย
ความหมายของคำว่า “โฮม สเตย์”
ที่พักสัมผัสวัฒนธรรมชนบท (Homestay) หมายถึง การจัดสรรพื้นที่บ้านที่พักเพื่อบริการนักท่องเที่ยวโดยคงความเป็นเอกลักษณ์ วัฒนธรรมประจำถิ่น ภายใต้ศักยภาพและการยอมรับของชุมชนเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชุมชนข้อมูลพื้นฐานวิถีชีวิตวัฒนธรรมไทย
ข้อมูลพื้นฐานที่มีต่อนักท่องเที่ยว คือที่พักสัมผัสวัฒนธรรมชนบท รวมถึงการให้บริการด้านอื่นๆอาทิ อาหาร การนำเที่ยว กิจกรรมทางวัฒนธรรม การศึกษาวิถีชีวิตของชุมชน ที่พักจะเป็นบ้านที่ความพร้อมสำหรับการแบ่งปันพื้นที่ของบ้านพักอาศัยให้บริการกับนักท่องเที่ยว เสมือนสมาชิกหรือญาติของเจ้าบ้านและศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของชุมชนจะต้องมีความพร้อมภายใต้การบริหารจัดการของชุมชน การมีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายแบบสังคมชนบทจึงเป็นจุดขายที่สำคัญที่จะเป็นแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวเกิดความสนใจ การดำเนินกิจกรรมที่พัก จึงเป็นเพียงสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวชุมชน เป็นทางเลือกในตลาดท้องถิ่น จึงไม่ใช่เป็นคู่แข่งในเชิงพาณิชย์ในพื้นที่ที่มีโรงแรม หรือรีสอร์ท การดำเนินกิจกรรมดังกล่าว จึงไม่เป็นการประกอบการที่พักในเชิงธุรกิจ แต่จะต้องอยู่ภายใต้ศักยภาพและความพร้อมของชุมชนเป็นหลัก บริการที่เสนอให้แก่นักท่องเที่ยวมีดังนี้ 1. วิถีการดำเนินชีวิตที่เรียบง่ายแบบสังคมชนบท2. วัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
3. ความปลอดภัย4. ห้องพักพร้อมอาหาร
5.
กิจกรรมทางการท่องเที่ยว
การจัดการ
บ้านพัก
1. ความเต็มใจของสมาชิกในครอบครัวต่อการรับผู้มาเยือน2. บ้านพักมีโครงสร้างที่ดี
3. ไม่ไกลจากเมืองหรือพื้นที่ที่มีเทศกาลหรือสถานที่ท่องเที่ยว
4. ชุมชนมีสภาพแวดล้อมที่ดี
5.
ควรมีสิ่งต่างๆเป็นพื้นฐาน
เช่น
ที่นอนหรือเตียงหมอน
น้ำประปาหรือแหล่งน้ำและห้องน้ำที่สะอาด
การกำหนดระเบียบและข้อปฏิบัติสำหรับนักท่องเที่ยว
การต้อนรับ
คนไทยเป็นผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ดังสำนวนไทยที่ว่า “ เป็นธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ ” การต้อนรับนักท่องเที่ยวดุจญาติมิตรด้วยวัฒนธรรมประจำถิ่น เช่น ภาคเหนือหรือภาคอีสาน ต้อนรับด้วยการบายศรีสู่ขวัญ หรืออาจจะเป็นช่อดอกไม้ พวงมาลัยเล็กๆ ที่สามารถหาได้จากท้องถิ่นมอบให้แก่นักท่องเที่ยว ก็จะเป็นการสร้างความประทับใจเมื่อเริ่มเข้าสู่ชุมชนการจองที่พัก
สามารถทำได้หลายวิธี เช่น จองทางไปรษณีย์ ทางโทรศัพท์ จองผ่านเครือข่ายอินเทอร์เนต การจองที่พักควรได้รับการตอบยืนยันการเข้าพัก อาจจะมีการเรียกเก็บค่าบริการบางส่วนเพื่อเป็นการป้องกันการไม่เข้าพักตามกำหนดเวลาการบริการอาการ
เนื่องจากนักท่องเที่ยวต้องการพักกับเจ้าของบ้าน อาหารจึงมีความจำเป็นสำหรับนักท่องเที่ยว การนำเสนอรายการอาหารท้องถิ่นนับว่าเป็น เสนห์ทำให้นักท่องเที่ยวประทับใจมากกว่าการนำเสนอรายการอาหารเช่นเดียวกับโรงแรมหรือรีสอร์ท ดังนั้น การเตรียมอาหารจึงมีความจำเป็น โดยอาศัยปัจจัยต่างๆประกอบการพิจารณา เช่น จำนวนนักท่องเที่ยว เชื้อชาติ ศาสนา และค่าใช้จ่ายกิจกรรมการท่องเที่ยวแบบ “โฮม สเตย์” เป็นเรื่องละเอียดอ่อน มีผลกระทบอยู่ทั้งด้านบวกและด้านลบที่ผู้ประสงค์จะดำเนินการต้องคำนึงถึง เป็นเบื้องต้นมีดังนี้
ผลกระทบในเชิงบวก
ก่อให้เกิดการกระจายรายได้เข้าสู่ท้องถิ่น | |
เป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมของชุมชน | |
นักท่องเที่ยวมีโอกาสเรียนรู้และศึกษาวิถีการดำเนินชีวิต วัฒนธรรมของชุมชน อันจะก่อให้เกิดการอนุรักษ์ หวงแหนและภูมิใจในวัฒนธรรม |
ผลกระทบในเชิงลบ
วัฒนธรรมชุมชนมีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้ง่ายหากชุมชนไม่เข้มแข็ง | |
ชุมชนจะมุ่งหวังรายได้ อันจะก่อให้เกิดการประกอบการด้านที่พักในเชิงธุรกิจ | |
เกิดการพัฒนาสภาพแวดล้อมชุมชนเกินขอบเขตวิถีชีวิต ความเป็นอยู่และวัฒนธรรมดั้งเดิม เพื่อมุ่งอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว | |
การท่องเที่ยวแบบ
“โฮม สเตย์”
ยังไม่มีกฏหมายหรือมาตรการมารองรับ |
จากผลการศึกษาแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ให้บริการด้านท่องเที่ยวโดยจัดให้มีการทำโฮม สเตย์ ในประเทศไทยยังอยู่ในระยะเริ่มต้น และแหล่งเกษตรบางประเภทไม่จัดบริการโดยตรงแก่นักท่องเที่ยวแต่เป็นส่วนหนึ่ง ของการดำเนินกิจกรรม เช่น การศึกษาดูงานจึงจัดที่พักไว้ในการจัดอบรม สัมมนา ซึ่งจากผลการสำรวจพบว่า มีแหล่งเกษตรประมาณ 7 แห่ง ให้บริการด้านที่พักด้วยดังนี้
แหล่งเกษตร |
ประเภทแหล่งเกษตร |
ประเภทแหล่งที่พัก |
ห้วยฮ่องไคร้ |
โครงการหลวง |
บ้านพัก |
หุบกระพง |
โครงการหลวง |
บ้านพัก |
ไร่ผู้ใหญ่วิบูลย์ |
เกษตรกรเฉพาะราย |
เต็นท์ โฮม สเตย์ |
บ้านปลายโพงพาง |
เกษตรกรเฉพาะราย หมู่บ้านเชิงเกษตร |
โฮม สเตย์ และ ฟาร์ม สเตย์ |
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ |
โครงการ / สถานีวิจัย |
ฟาร์ม สเตย์ |
บ้านลิบง |
หมู่บ้านเชิงเกษตร |
ฟาร์ม สเตย์ |
อ่างขาง |
โครงการหลวง |
บ้านพัก / เต็นท์ |
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
สถาบันราชภัฏอุดรธานี
คณะวิทยาการจัดการ
โปรแกรมวิชาอุตสากรรมท่องเที่ยว
e - mail :
thai_culture@yahoo.com
web design by snake_snake_fish_fish@usa.com
copy right @ 2002