WTO ชี้ตลาดการท่องเที่ยว

    ฮ่องกง  การท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียตะวันออก/แปซิฟิกกลับมาเข้าสู่ภาวะคึกคักอีกครั้ง โดยล่าสุดมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเยือน เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.1 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นที่มากที่สุดในรอบ 7 ปี สำหรับแวดวงธุรกิจท่องเที่ยวในครั้งนี้เปิดเผยโดย ดร.เดวิด เดอ วิลเลียร์ส เลขานุการทั่วไป องค์การการท่องเที่ยวโลก (World Tourism Organization - WTO) ที่กล่าวในพิธีเปิดงาน " เทศกาลท่องเที่ยว " ซึ่ง ITA จัดขึ้นทุกปีที่ฮ่องกง เมื่อวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา โดย ดร.เดวิด บอกว่านักท่องเที่ยวเข้ามายังภูมิภาคนี้มากถึง 97.2 ล้านคนในปี 1999 และพุ่งเกือบถึง 100 ล้านภายในสิ้นปีนี้  WTO ทำนายไว้ว่าจำนวนผู้มาเยือนภูมิภาคเอเชียะวันออก/แปซิฟิกจะถึง 110 ล้านคนในปีนี้ ส่งผลให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็งในภูมิภาค จากนั้นก็คาดว่าในปี 2010 จะมีนักท่องเที่ยวถึง 195 ล้านคน เลือกภูมิภาคเอเชียตะวันออก/แปซิฟิกเป็นจุดหมายปลายทางในการพักผ่อน และในปี 2020 จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยือนรวมเบ็ดเสร็จ คาดว่าจะมีมากถึง 397 ล้านคน ซึ่งเท่ากับหนึ่งในสี่ของภาคอุตสาหกรรมแต่ละชาติทั้งหมด เช่นเดียวกับการเพิ่มขึ้นของรายได้ในการจับจ่าย WTO ทำนายว่าภูมิภาคแห่งนี้จะกลายเป็นตลาดภาคการผลิตที่สำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่แวะมาเยือน

    การ เดินทางท่องเที่ยวนอกประเทศของคนในภูมิภาคนี้จะเพิ่มเกือบเป็นทวีคูณในปี 2010 คือ มีคนเดินทางเที่ยวในต่างประเทศมากถึง 193 ล้านคน และในปี 2020 ก็คาดว่าตัวเลขจะทวีคูณไปจนถึง 405 ล้านคนที่เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ดร.เดวิด เตือนว่าความเจริญเติบโต อย่างมากในอนาคตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้จะไม่สามารถหรือทบไม่มีใครใส่ใจที่จะออกมาปกป้องสิ่งแวดล้อม ดร.เดวิด ยังกระตุ้นภาคอุตสาหกรรมนี้และรัฐบาลให้หันมาแสดงความรับผิดชอบให้มากขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าการท่องเที่ยวให้ผลน่าพึงพอใจ ทางเศรษฐกิจและในขณะเดียวกันก็ปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชนในภูมิภาคด้วย

 

                   ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเติบโตของการเดินทางและการท่องเที่ยว

    กระแสโลกาภิวัฒน์และการรวมกลุ่มกัน เป็นแนวโน้มสำคัญในทุกสาขา และมีความเกี่ยวเนื่องกับตลาดเล็ก ๆ ที่มีหลายคนเชื่อว่า อุตสาหกรรมการบินยิ่งมีการเปลี่ยนแปลงและเกิดการรวมกลุ่มพันธมิตรระดับโลกจะมีผลกระทบเชิงลบต่อแหล่งท่องเที่ยวรอง สนามบินและการกระจุกตัวของสายการบินก็เป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึงอีกประการหนึ่งภาพรวมของวิทยาการก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจหลัก สำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการเดินทางในปัจจุบัน โดยเฉพาะเรื่องของระบบใหม่ ๆ ในการกระจายข้อมูล การใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการทำให้บริษัทเล็ก ๆ สามารถแข่งขันกับบริษัทใหญ่ ๆ ได้อย่างทัดเทียมกัน เปิดช่องทางให้เข้าถึงลูกค้า และเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าได้ดีขึ้น ฐานข้อมูลของลูกค้าได้รับการพัฒนาขึ้นซึ่งช่วยให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลโดยตรงระหว่างผู้จำหน่าย และลูกค้ามากขึ้น เทคโนโลยีสามารถช่วยให้ผู้จัดจำหน่ายในการกำหนดปัจจัยที่ยังคงสร้างค่านิยมแก่ลูกค้าในขอบข่ายของวิทยาการจัดการ การที่ประชากรมีอายุยืนยาวขึ้น ก็เป็นทั้งอุปสรรคและโอกาสสำหรับการเดินทางและการท่องเที่ยวในอีก 10 ปีข้างหน้า กลุ่มที่เรียกว่า limbo generation นี้มีความคุ้นเคยกับการเดินทางไปพักผ่อนประจำปีในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ทุกวันนี้คนที่มีอายุในช่วง 55 - 60 ปีมีรูปแบบการเดินทางและความพึงพอใจที่คล้ายคลึงกันกับกลุ่มคนที่มีอายุช่วง 35 - 40 ปี เมื่อ 20 ปีก่อนเป็นอย่างมาก ซึ่งก็คือคนกลุ่มเดียวกับพวกเขานั่นเอง สำหรับกลุ่มคนที่มีอายุเกิน 65 ปี จะยังคงมีรายได้ส่วนเกินมากขึ้น มีระดับการศึกษาสูงขึ้น และจะเลือกเดินทางท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนในต่างประเทศมากขึ้น สาเหตุสำคัญที่จะทำให้การท่องเที่ยวในต่างประเทศลดลงได้แก่เรื่อง ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และเรื่องของสุขภาพ เรื่องที่น่าวิตกกังวลอย่างมากในลำดับต่อมาก็คือ อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น สิ่งที่ควรตระหนักคือ ขณะนี้ประชากรโลกร้อยละ 3.5 เท่านั้นที่เดินทางด้วยวัตถุประสงค์เพื่อทำธุรกิจหรือเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ ในระยะเวลา 10 ปี ส่วนแบ่งตลาดนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ถึงประมาณร้อยละ 7.0 ตามที่ WTO คาดหมายไว้ และจะสูงขึ้นประมาณร้อยละ 10 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เห็นได้ชัดว่าหากโครงสร้างพื้นฐานสามารถรงรับการเติบโตของอุปสงค์ได้แล้ว ศักยภาพสำหรับการเดินทาง ท่องเที่ยวของภูมิภาคนี้ก็มีอยู่อย่างมหาศาล

 

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันราชภัฏอุดรธานี คณะวิทยาการจัดการ
โปรแกรมวิชาอุตสากรรมท่องเที่ยว e - mail : tour312@yahoo.com
web design by snake_snake_fish_fish@usa.com
copy right @ 2002