พะยูน (Dugong)
พะยูนเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 
    ที่อาศัยอยู่ในทะเล เชื่อว่าพะยูนเคยมีแหล่งอาศัยอยู่บนบกและมีลักษณะที่ใกล้เคียงกับบรรพบุรุษของช้าง 
    เมื่อราว 55 ล้านปีมาแล้วและได้วิวัฒนาการลงไปอยู่ในน้ำและไม่กลับขึ้นมาอยู่บนบกอีกเลยเราจัดอันดับพะยูน(Order) 
    Sirenia มีอยู่ 2 ครอบครัว คือDugongidae พะยูนในครอบครัวนี้มีหางส้อม ลักษณะเป็นแฉกคล้ายหางโลมาแยกออกเป็น 
    2 สกุล (สูญพันธ์ไปแล้ว 1 สกุล) คือ 1.1 สกุล Hydrodamalis มีชนิดเดียวคือ วัวสเตลเลอร์ 
    (Steller' sea cow : Hydrodamalis gigas) เคยอาศัยอยู่ในเขตอบอุ่นหนาวถึง เขตกึ่งขั้วโลกเหนือแถบช่องแคบแบริ่ง 
    ซึ่งอยู่ระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียดลำตัวยาว 7.5 เมตร น้ำหนักมากถึง 
    5 ตันกินสาหร่าย Kelp เป็นอาหาร แต่ได้สูญพันธ์ไปแล้วเมื่อปี พ.ศ. 2311 โดยฝีมือการล่าของมนุษย์ 
    1.2 สกุล Dugong ในสกุลนี้มีชนิดเดียวคือ Dugong dugong พะยูนชนิดนี้อาศัยอยู่ตามชายฝั่งทะเล 
    ตัวสีเทาอมชมพูมีขนขึ้นประปรายตามลำตัว ลำตัวยาว 3 เมตร มีน้ำหนัก 200-300 กิโลกรัม 
    กินหญ้าทะเลเป็นอาหาร ว่ายน้ำช้า อาจอยู่เดี่ยวๆหรืออยู่รวมกันเป็นฝูงมีระยะตั้งท้องนาน 
    13-14 เดือน ลูกพะยูนมีความยาว 1-1.5 เมตร และหนัก 20-30 กิโลกรัม 2.Trichechidae 
    พะยูนในครอบครัวนี้หางกลม หรือ ที่เรียกว่า "มานาตี" มีสกุลเดียวคือ Trichechus 
    ซึ่งแยกออกเป็น 3 ชนิด (Species)ด้วยกันคือ 2.1 มานาตีอินเดียตะวันตก หรือมานาตีแคริบเบียน 
    (Trichechus manatus) มี 2 สายพันธุ์(Subspecies) อาศัยอยู่ตามชายฝั่งทะเล บริเวณเขตน้ำกร่อยและใน 
    แม่น้ำ ในฟลอริดา ทะเลแคริบเบียนถึงตอนเหนือของทวีปอเมริกาใต้ ลำตัวไม่มีขน มีสีเทาน้ำตาล 
    ปลายครีบ (Flipper) คู่หน้ามีเล็บ 3-4 เล็บลำตัวยาว 3.5 เมตร หนัก 1,500 กิโลกรัม 
    กินอาหารจำพวกพืชน้ำ หญ้าทะเล และสาหร่าย เคลื่อนที่ช้า อาจอยู่ตัวเดียวหรืออยู่รวม 
    กันเป็นฝูง ซึ่งพบว่าฝูงหนึ่งประมาณ 6 ตัว ระยะเวลาตั้งท้องนาน 12 เดือน มีอายุยืนมากกว่า 
    28 ปี ลูกมีลำตัวยาว 1.20 เมตร หนัก 30กิโลกรัม 2.2 มานาตีอะเมซอน(Trichechus 
    inuguis)อาศัยอยู่ในน้ำจืดบริเวณลุ่มน้ำอะเมซอน ลำตัวมีสีเทาเข้มและแถบสีชมพูอ่อนที่ท้อง 
    ปลาย ครีบไม่มีเล็บ ลำตัวยาว 3 เมตร หนัก 450 กิโลกรัม กินพืชน้ำเป็นอาหาร มีอายุยืนมากกว่า 
    30 ปี ยังไม่ทราบระยะเวลาตั้งท้อง คาดว่าคล้ายกับมานาตี อินเดียตะวันตก ลูกแรกเกิดยาว 
    1.20 เมตร หนัก 10-15 กิโลกรัม 2.3 มานาตีแอฟริกาตะวันตก หรือ มานาตีเซเนกัล 
    (Trichechus senegalensis)อาศัยอยู่ตามชายฝั่งทะเล น้ำกร่อยและน้ำจืด ในประเทศ 
    เนกัส ประเทศแองโกลา ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของทวีปแอฟริกา ลำตัวมีสีน้ำตาลเทา 
    ยาว 3-4 เมตร หนัก 700 กิโลกรัม กินพืชน้ำหรือพืชที่อยู่ในป่าชาย เลนเป็นอาหาร 
    ส่วนใหญ่อยู่ตัวเดียว แต่ในบางครั้งพบเป็นฝูงมากถึง 15 ตัว ลูกมีความยาว 1 เมตรพะยูนและมานาตี 
    พะยูนและมานาตีมีลักษณะภายนอกคล้ายกันมากโดยส่วนที่แตกต่างกันคือ ลักษณะของส่วนแพนหาง 
    พะยูนมาหางเป็นแฉก ส่วนมานาตีมีแพน หางกลมพะยูนมีลำตัวที่เพรียวกว่า ผิวหนังเรียบกว่าปลายครีบของมานาตีของมานาตีแต่ละชนิดอาจจะมีเล็บแต่ไม่พบลักษณะนี้ในพะยูน 
    พะยูนมีเขี้ยว หนึ่งคู่ในมานาตีไม่มีเขี้ยวแหล่งที่อยู่อาศัยอยู่ในน้ำจืดน้ำกร่อยและในทะเลส่วนพะยูนอยู่ในทะเลเท่านั้นลักษณะทั่วไปพะยูนมีลำตัวรูปกระสวยคล้ายที่ค่อน 
    ข้างอ้วน หรือป่องตรงกลางแต่ป้อมสั้น แต่ไม่เพรียวเพราะส่วนหัวเล็กและสั้น ช่วงอก 
    และท้องขยายกว้าง โคนหาง คอดเรียวเล็กลงปลาโลมามีสีเทา อมชมพู ท้องจะมีสีน้ำตาลอ่อนมีขนสั้นขึ้นประปรายตามลำตัวส่วยบริเวณปากจะมีขนขึ้นอย่างหนาแน่น 
    มีตาและหูขนาดเล็กอย่างละคู่ส่วนหูมีเป็นรูปิด เล็กๆไม่มีใบหูมีรูจมูกมีลิ้นปิดเปิด 
    เวลาหายในพะยูนโผล่ตัวเฉพาะด้านหน้าของส่วนหัวขึ้นเหนือผิวน้ำ ลิ้นปิดรูจมูกเปิดขึ้นขณะหายใจเข้าและปิดลง 
    ก่อน ที่จะจมตัวลงไปใต้ผิวน้ำพะยูนหายใจทุกๆ 1-2 นาทีมีครีบคู่หนึ่งอยู่ข้างลำตัวและมีติ่งนมอยู่ด้านหลังของฐานครีบในทั้ง2เพศภายในครีบประกอบด้วยนิ้ว 
    5 นิ้ว ครีบทำหน้าที่ในการเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่และช่วยในการขุดหญ้าทะเล 
    พะยูนว่ายน้ำโดยการพัดโบกครีบหาง ว่ายน้ำช้าประมาณ 1.8-2.2 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง 
    กระดูกมีโครงสร้างที่แน่นและหนักพะยูนมีช่วงคอที่สามารถขยับได้ทุกทิศทาง ผิดกับปลาและแมวน้ำแม้ว่าจะมองดูเหมือนกับโค้งมีรอยบุ๋มเว้า 
    เข้ามาตรงกลาง ทำให้ดูเหมือนว่าหางจะแยกเป็นสองแฉกซึ่งภายในแพนหางไม่มีกระดูกเช่นเดียวกับปลาวาฬผิวหนังของพะยูนหนามาก 
    และมีขนเป็นเส้น หยาบแข็งกระจัดกระจายอยู่ประปรายเช่นเดียวกับหนังช้าง แต่สีผิวไม่เข้มมากนัก 
    มักมีสีอ่อนเป็นสีชมพู จนถึงสีน้ำตาลบนหัวค่อนข้างกลมเล็ก ตาของ พะยูนมีขนาดเล็ก 
    รูปร่างกลมอยู่ด้านข้างของหัว ซึ่งไม่มีหนังตาและขนตาการมองเห็นของพะยูนจึงไม่ดีนักไม่มีคอก็ตามที 
    เช่นเดียวกับครีบอกที่มีรูปร่าง คล้ายใบพายซึ่งเคลื่อนไหวได้รอบทิศ ส่วนแพนหางที่แผ่แบนราบ 
    ปลายมนแต่มันก็มีอวัยวะทดแทน คือ รูหูขนาดเล็กไม่มีใบหู อยู่ถัดไปจากตาทางด้านหลัง 
    สามารถรับเสียงที่ผ่านมาในน้ำได้อย่างดีมาก ช่องปาก กรามบนและกรามล่างมีฟันกรามรูปทรงกระบอกด้านละ 
    5-6 ซี่ ซึ่งฟันเหล่านี้ปราศจากการเคลือบฟัน ซึ่งเหมาะกับวิถีชีวิตของพะยูนที่หากินอยู่บริเวณพื้นท้องทะเลพะยูนไม่มีอาวุธป้องกันตัว 
    มีเพียงลำตัวที่ใหญ่ ผิวหนังหนา ซึ่งอาจป้องกันอัตรายจาการกัด หรือ ทำร้ายจากสัตว์อื่นเมื่อมีบาดแผลเลือดแข็งตัวได้เร็วมาก 
    ส่วนลูกอ่อนจะอาศัยอยู่กับแม่และอาศัยตัวแม่เป็นตัวกำบังได้ดี พะยูนมีอายุยืนยาวถึง 
    70 ปี เข้าสู่ วัยเจริญพันธ์เมื่ออายุ 9-10 ปี ระยะตั้งท้องนาน 13-14 เดือน คลอดลูกครั้งละหนึ่งตัว 
    ลูกแรกเกิดกินนมแม่พร้อมทั้งหัดกินหญ้าทะเลและอาศัยอยู่ใกล้ ชิดกับแม่เป็นระยะนานราวปีครึ่งหรือเกือบสองปี 
    พะยูนมีลักษณะภายนอกที่เหมือนกันทั้งสองเพศ การจำแนกเพศสังเกตจากระยะห่างของช่องเพศจากสะดือและช่องขับถ่าย 
    โดยในเพศเมีย ช่องเพศจะอยู่ชิดกับช่องขับถ่าย ส่วนเพศผู้ช่องเพศจะอยู่เกือบกึ่งกลางระหว่างสะดือและช่องขับถ่าย 
    อายุของพะยูน พะยูนมอายุยืนมากถึง 70 ปี พะยูนมีฟันกรามทั้งหมด 6 คู่โดยจะทยอยขึ้นเมื่อพะยูนมีอายะมากๆจะสึกกร่อนและหลุดไป 
    จะมีฟันเหลืออยู่ในช่องปาก 2-3 คู่ ฟันของพะยูนมีหน้าที่ในการบดเคี้ยวหญ้าทะเล 
    การบดเคี้ยวอาหารของลูกพะยูนไม่ดีเท่าพะยูนที่โตแล้วเพราะมีพื้นที่หน้าตัดของฟันที่น้อยกว่าแรกเกิดพะยูน 
    ยังมีฟันตัดบนส่วนหน้าของขากรรไกรบนอีก 2 คู่ หรือที่เราเรียกว่าเขี้ยว โดยเขี้ยวคู่หน้าจะสึกกร่อนและหลุดไปเมื่อพะยุนอายุ 
    12-15 ปีขึ้นไป ส่วนเขี้ยวคู่ หลังมีอยู่ตลอดชีวิตของพะยูน ดังนั้นเขี้ยวพะยูนมีความสำคัญมากในการหาอายุของพะยูนเพราะเห็นฟันชนิดเดียวที่มีอยู่ตั้งแต่แรกเกิดถึงตลอดชีวิต 
    ใน เพศผู้เขี้ยวงอกพ้นผนังริมฝีปากออกมาเล็กน้อยเมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ เชื่อว่าพะยูนใช้เขี้ยวในการต่อสู้แย่งตัวเมียหรือยึดเกาะตัวเมียในช่วงผสมพันธุ์ 
    หลักฐานคือรอยแผลเป็นคู่ๆที่ปรากฏบนหลังพะยูน ซึ่งระยะห่างของแผลมีความสัมพันธ์กับระยะห่างของเขี้ยวพะยูน 
    การหาอายุของพะยูน  
ทำได้โดยการนับชั้นการเจริญเติบโตของเนื้อเขี้ยวพะยูนลักษณะชั้นการเจริญเติบโตมีลักษณะทำนองเดียวกันกับวงปีในต้นไม้หนึ่งชั้นเท่ากับอายุ หนึ่งปี จากการศึกษาอายุของพะยูนในประเทศไทยจำนวน12ตัว ความยาวพะยูนอยู่ระหว่าง 1.60-2.73 เมตร เขี้ยวพะยูนยาว 1.6-21 เซนติเมตร นอกจากนั้น พบว่าพะยูนมีอายุอยู่ระหว่าง 1-43 ปี โดยอายุมากที่สุด 43 ปี ซึ่งเป็นตัวอย่างเพศเมียจากเกาะกำ จังหวัดระนอง มีความยาว 2.71 เมตร และหนัก 293 กิโลกรัม เขี้ยวของพะยูน ขนาดและการแพร่กระจาย จากรายงานการวิจัยพะยูน ความยาวสูงสุดในพะยูนเพศเมียคือ 3.31 เมตร แต่โดยปกติพะยูนมีความยาวเกิน 3 เมตรนั้นมีน้อยมาก ตัวเมียขนาดใหญ่กว่าตัวผู้เล็ก น้อย จากข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างความยาวและน้ำหนักสามารถนำมาประเมินหาน้ำหนักของพะยูนที่มีความยาว 2.4 เมตร มีน้ำหนักประมาณ 250 กิโลกรัม หรือ พะยูนที่มีความยาว 3 เมตร มีน้ำหนักราว 300-400กิโลกรัม พะยูนอาศัยอยู่ในทะเลเขตร้อนและเขตกึ่งร้อนบริเวณเส้นละติจูด 27 องศา เหนือ ถึงละติจูด 27 อาศาใต้ หรือจากด้านตะวันออกของทวีปแอฟริกาถึงทวีปออสเตรเลีย ปัจจุบันพบว่ามีอยุ่มากในรัฐควีนแลนด์และทางด้านตะวันตกของประเทศออสเตรเลียและ ปาปัวนิวกินี ส่วนในประเทศอื่นพะยูนได้ลดลงอย่างมากหรือสูญพันธ์ไปแล้วในทวีปเอเชีย แหล่งแพร่กระจายของพะยูนเหนือสุดได้แก่เกาะโอกินาว่าของประเทศ นอกจากนี้จากการศึกษาการศึกษาเกี่ยวกับพะยูนในทวีปแอฟริกาที่ทำในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาพบพะยูนไม่มากนักทางด้านตะวันออกของทวีปในประเทศมาดากัสการ์ โซมาเลีย และโมแซมบิคญี่ปุ่น พบพะยูนในประเทศฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เคยมีรายงานว่าพบ พะยูนในน่านน้ำของประเทศมาเลเซีย พะยูนในประเทศไทยมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป ชื่อที่รู้จักทั่วไป ได้แก่ พะยูน,เงือก,หมูน้ำ,วัวทะเล ทางจังหวัดชายฝั่งทะเลตะวันออกมีชื่อเรียกว่า หมูดุด ส่วนภาคใต้นิยมเรียกว่า ดูหยงหรือ ตูหยงการนำชื่อเรียกพะยูน มาตั้งชื่อตำบลหรืออำเภอ เช่น บ้านหมูดุด ในจังหวัดจันทบุรี บ้านตูหยงและบ้านตุหยง ในจังหวัดปัตตานี อำเภอปากพะยูน เป็นต้นในประเทศไทยยังคงมีพะยูน อาศัยอยู่ทั้งสองฝั่ง โดยมีอยู่จำนวนน้อยมากปัจจุบันทางฝั่งอ่าวไทยพบที่จังหวัด ตราด จันทบุรี ระยอง ชุมพร สุราษฏร์ธานี ส่วนชายฝั่งอันดามันพบพะยูนอยู่ ตลอดแนว จากการบินสำรวจสำรวจพะยูนในแหล่งหญ้าทะเลของสถาบันวิจัยชีววิทยาและประมงทะเล จ.ภูเก็ต ปี 2540 พบพะยูนที่ บ้านทุ่งนางดำ เกาะพระทอง เการะ ทับละมุ เกาะยาวใหญ่และเกาะยาวน้อย จ.พังงา บ้านท่าเลน เกาะจำ เกาะปู เกาะศรีบอยา เกาะลันตา ในจังหวัดกระบ เขาแบนะ หาดเจ้าไหม เกาะลิบง เกาะมุกด์ จังหวัดตรัง หมู่เกาะสาหร่าย จังหวัดสตูล สำหรับแหล่งที่พบพะยูนมากที่สุดคือ เกาะลิบง อาหาร หญ้าทะเลที่พะยูนกินเป็นอาหารมีอยู่ 8 ชนิด คือ หญ้าชะเงาใบสั้นสีน้ำตาล หญ้าใบกลมหรือหญ้าใบมะกรูด หญ้าชะเงาใบสั้นปล้องยาว หญ้าชะเงาใบสั้นสีเขียวปลายใบแฉก หญ้าผมนาง หญ้าใบสน หญ้าเต่า หญ้าชะเงาใบยาว หญ้าทะเลที่พบในอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม 1.หญ้าเงา หรือหญ้าอำพัน หรือหญ้าใบมะกรูด (Halophila ovalis) ใบเป็นคู่ รีมนรูปไข่ ยาวประมาณ 1.5 ซม. กว้าง 1 ซม. ชอบพื้น ทรายปนโคลนและเปลือกหอยแตก 2.หญ้าเงาแคระ (Halophila beccarii) ลักษณะคล้ายหญ้าเงาแต่มีขนาดเล็กกว่า พบตามหาดเลนติดกับป่าชายเลน 3.หญ้าเงาใส (Halophila decipiens) คล้ายกับหญ้าเงา เส้นใบไม่เด่นชัด จึงมองดูบางใส 4.หญ้าชะเงา หรือหญ้าคาทะเล (Enhalus acoroides) คล้ายหญ้าคา ใบมนและแบนยาว กว้างประมาณ 1.5 ซม. ยาวกว่า 1 ม. ชอบพื้นโคลน ที่น้ำลึกซึ่งมีน้ำท่วมอยู่ตลอดเวลา 5.กุ่ยช่ายทะเล (Halodule uninervis) ใบเป็นคู่ ใบแบนและปลายแหลมมน ยาวประมาณ 8 ซม. กว้าง 0.3 ซม. ยังพบน้อยมาก 6.กุ่ยช่ายเข็ม (Halodule pinifolia) คล้ายกุ่ยช่ายทะเลแต่ใบลีบเล็กแหลมเหมือนเข็ม ใบยาวประมาณ 5-8 ซม. กว้าง 0.1 ซม. ยังพบน้อยมาก 7.หญ้าชะเงาเต่า (Thalassia hemprichii) ใบแบน ยาวประมาณ 9 ซม. กว้าง 1 ซม. หญ้าหนึ่งต้นมีใบ 7-8 ใบ ชอบพื้นทรายปนโคลน 8.หญ้าชะเงาใบมน (Cymodocia rotundata) คล้ายหญ้าชะเงาเต่า แต่เป็นใบคู่ 2-4 ใบ ปลายใบมน ใบยาวประมาณ 10-15 ซม. กว้าง 0.4 ซม. ชอบพื้นทราย 9.หญ้าชะเงาใบฟันเลื่อย (Cymodocia srrulata) ใบแบบเดียวกับชะเงาใบมน ต่างกันที่ปลายใบมีหยักคล้ายฟันเลื่อยเล็กๆ ใบยาว 12-18 ซม. กว้าง 0.8 ซม. ชอบน้ำลึก พื้นเป็นโคลนปนทรายละเอียด 10.ต้นหอมทะเล (Syringodium isoetifolium) ใบกลมคล้ายต้นหอม ใบเป้นคู่ ยาว 12-18 ซม. กว้าง 0.8 ซม.ชอบน้ำลึกพื้นเป็นทรายละเอียด จากการทดลองอนุบาลพะยูนในบ่อเลี้ยงของสถาบันวิจัยชีววิทยาและประมงทะเลพบว่า พะยูนชอบกินหญ้าทะเลชนิด Halophila ovalis หรือที่ เราเรียกว่า หญ้าเงา หรือหญ้าใบมะกรูดนั่นเอง รายงานจากประเทศออสเตรเลียกล่าวว่า ถ้าหญ้าทะเลขาดแคลน พะยูนจะกินสาหร่ายทะเลทดแทน หรืออพยพ ไปหาแหล่งหญ้าทะเลแหล่งใหม่ การสูญพันธ์ของพะยูน มนุษย์รู้จักการล่าพะยูนมานับพันปีแล้วในสมัยก่อนนอกจาการล่าเพื่อเอาเนื้อมาบริโภคแล้ว ยังเชื่อว่าน้ำมันพะยูนสามารถรักษาโรคเรื้อรังได้สารพัด เช่น แผลเรื้อรัง ปวดตามข้อ ข้ออักเสบ ท้องอืด หรือไข้หวัด กระดูกพะยูนถูกนำไปใช้ประโยชน์ในโรงงานทำน้ำตาล ทำเป็นเครื่อราง หนังซึ่งหนาเหมาะสำหรับทำ ผ้าเบรครถม้า หรือ ฟอกทำรองเท้าแตะ เขี้ยวพะยูนเมื่อนำไปขัดเงาแล้วนำไปไปทำด้ามมีดปัจจุบันการล่าพะยูนยังเป็นขนบธรรมเนียม ประเพณีวัฒนธรรม หรือ ความเชื่อ ของชนพื้นเมืองในประเทศออสเตรเลียและปาปัวนิวกินี ปัจจัยจำกัดทางธรรมชาติของพะยูน คือ พะยูนเป็นสัตว์ที่มีอายุยืน มีอัตราการสืบพันธ์ช้าและให้ลูกน้อย พะยูนตัวเมียตั้งท้องเมื่ออายุ 10 ปีขึ้นไป บางครั้งอาจสูงถึง 17 ปี มีระยะตั้งท้องนาน 13-14 เดือน ให้ลูกครั้งละ 1 ตัว มีช่วงเวลาการเลี้ยงลูกนานเกือบ 2 ปี และเนื่องจากพะยูนกินเฉพาะหญ้าทะเลเป็นอาหาร ทำให้ต้องมีระยะการสะสมอาหารให้สมบูรณ์ก่อนตั้งท้องครั้งต่อไป พะยูนจะทิ้งช่วงการตั้งท้องครั้งหนึ่งๆ นาน 3-5 ปีสรุปว่าหากพะยูนอาศัยอยู่ในสภาพที่เหมาะสม และมีแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ พะยูนสามารถเพิ่มประชากรได้เพียงไม่เกินร้อยละ 5 เท่านั้นใน สมัยก่อนมนุษย์ยังมีไม่มากและเครื่องไม้เครื่องมือในการล่าพะยูนเป็น วัสดุที่ทำขึ้นมาเอง ใช้เรือพาย หรือทำห้างขึ้นในทะเลเพื่อดักจับพะยูน ปัจจุบันมีการพัฒนาเครื่องมือไปมาก ตลอดจนเครื่องยนต์ติดเรือมีประสิทธิภาพสูง นอกจากนั้นการเติบโตของชุมชนชายฝั่งทะเลทำให้มีการล่าพะยูนมีมาก ขึ้น ส่งผลให้จำนวนพะยูนลดลงหรือสูญพันธุ์ไปแล้วในบางประเทศ มนุษย์เราเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ทรัพยากรหลายอย่างหมดไปอย่างน่าเสียดาย สำหรับพะยูนการล่าเพื่อนำมาเป็นอาหารหรือเพื่อประกอบพิธีกรรมของชนพื้นเมืองบางกลุ่มแล้ว พะยูนยังติดเครื่องมือประมงโดยบังเอิญ เช่น การติด อวนที่ขึงกั้นฉลามในประเทศออสเตรเลีย ติดอวนลอยประเภทต่างๆ นอกจากนั้นมลภาวะที่เกิดขึ้นจากการขยายตัวของชุมชนเมือง โรงงาน อุตสาหกรรม การท่อง เที่ยว ยาฆ่าแมลงและสารเคมีจากเกษตรกรรมแผนใหม่ ส่งผลกระทบและทำลายระบบนิเวศหญ้าทะเล เมื่อพะยูนได้รับอาหารไม่เพียงพอทั้งในแง่ปริมาณและคุณภาพ ย่อมส่งผลกระทบให้อัตราการสืบพันธ์ต่ำกว่าปกติหรือเป็นหมัน และลูกที่ได้ไม่แข็งแรง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้ลูกพะยูนตายได้ง่าย ในบ้านเรา สมัยก่อนมีการล่าพะยูนเป็นอาหารโดยใช้อวนล้อมพะยูนในขณะที่พะยูนเข้ามากินหญ้าทะเลในที่ตื้น หรือไล่ต้อนพะยูนเข้าที่ตื้นและทุบหรือแทงจนตาย แต่ในปัจจุบันสาเหตุที่ทำให้พะยูนตายมาจากการติดเครื่องมือประมงโดยบังเอิญ ได้แก่ อวนลอย อวนลอยปลากระเบน อวนลาก เบ็ดราวปลากระเบน และโป๊ะ นอกจากนี้ อวนรุนหรืออวนลากแคระที่ทำประมง ในแหล่งหญ้าทะเล ทำลายแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยของพะยูน การอนุรักษ์พะยูน จากการศึกษาของสถาบันวิจัยชีววิทยาฯพบว่าพะยูนในบ้านเราเหลืออยู่ในปริมาณที่น้อยมาก และมีแนวโน้มที่จะหมดไปในระยะเวลาอันใกล้นี้ ทางฝั่งตะวันออก ก็ยังคงมีการกินเนื้อพะยูนกันอยู่ ซึ่งอาจได้มาจากการที่พะยูนติดเครื่องมือประมงของตน ส่วนชายฝั่งทะเลอันดามันพบว่าลูกพะยูนส่วนใหญ่มาติดลอยและตาย ส่วนพะยูนตัวใหญ่มักตายภายหลังการติดอยู่ในโป๊ะเพียงไม่กี่ชั่วโมง หรือ ติดอวนลอย ปลากระเบนและอวนลาก การทำการประมงอวนรุนในแหล่งหญ้าทะเลนอกจากทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยหรือแหล่งหากินของสัตว์น้ำวัยอ่อนแล้ว ยังนับว่ามีบทบาทสำคัญในการลดพื้นที่หา กินของพะยูนเช่นกัน ธุรกิจการท่องเที่ยวหรือเรือยนต์ขนาดใหญ่ที่ทำการในแหล่งหากินของพะยูนก็มีส่วนรบกวน และเป็นอัตรายต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพะยูน นอกจาก นี้เรืออาจชนทำให้พะยูนบาดเจ็บหรือตาย ในประเทศไทยมีประกาศพระราชบัญญัติการประมงปี พ.ศ. 2490 ว่าด้วยการอนุรักษ์พะยูน โดยจัดให้พะยูนเป็นสัตว์คุ้มครองที่ห้ามมีไว้ในครอบครอง จับ ดัก ล่อ หรือ ฆ่า โดยเด็ดขาด แม้ว่าจะไม่มีการตั้งใจล่าพะยูนมาเป็น อาหาร แต่พะยูนก็ยังตายอยู่ อันเนื่องมาจากหลายสาเหตุ ดังที่กล่าวมาข้างต้น ฉะนั้นพวกเราทุกฝ่ายต้องร่วมมือร่วมใจกันช่วยอนุรักษ์พะยูนให้คงอยู่สืบไป โดย รณรงค์ปลูกจิตสำนึกให้นักเรียน นักศึกษา และชาวบ้าน โดยเฉพาะพื้นที่ชายฝั่งทะเลให้เข้าใจและเห็นความสำคัญของพะยูนพร้อมทั้งร่วมใจกันอนุรักษ์ งดการกินเนื้อพะยูนในทุกกรณี รวมทั้งงดซื้อขายส่วนอื่นๆของพะยูน เช่น อวนลอย อวนลอยปลากระเบน เบ็ดราวปลากระเบน และอวนลากงดการใช้เครื่องมือประมงที่เป็นอันตรายต่อพะยูนในแหล่งที่อยู่อาศัยของพะยูน งดทำเครื่องมือประมงมุ หลาด หรือ โป๊ะ ในบริเวณที่มีพะยูนหรือหมั่นตรวจดูแลโป๊ะเสมอ หากพบพะยูนต้องรีบปล่อยทันที งดเว้นการทำประมงอวนรุนในแหล่งหญ้าทะเล เพื่อรักษาแหล่งอาหารไว้ให้พะยูน และกุ้ง หอย ปู ปลา ประกาศเขตแนวอนุรักษ์หญ้าทะเลและพะยูน ขึ้นในจังหวัดที่พบว่ามีพะยูนอาศัยอยู่ โดยจำกัดให้ใช้เฉพาะเครื่องมือประมงที่ไม่เป็นอันตรายต่อพะยูน ต้องรีบปล่อยพะยูนมีชีวิตที่มาติดเครื่องมือประมงของตนกลับคืนสู่ทะเลโดยทันที หรือหากพบว่าพะยูนดังกล่าวบาดเจ็บมาก หรือเสียชีวิตแล้ว โปรดแจ้ง สถาบันวิจัยชีววิทยาและประมงทะเลสำนักงานประมงจังหวัด หรือ หน่วยงานของกรมประมง เพื่อเป็นประโยชน์ทางวิชาการและอนุรักษ์พะยูนต่อไปแจ้งข่าวสารเกี่ยวกับ พะยูน เช่น พบซากพะยูน หรือพบ ฝูงพะยูน กับหน่วยงานของกรมประมง ได้แก่ สถาบันวิจัยชีววิทยาและประมงทะเล สำนักงานประมงจังหวัด สถานีประมง เพื่อเป็น ประโยชน์ทางวิชาการ ซึ่งข้อมูลดังกล้างนี้จะมีส่วนช่วยในการอนุรักษ์พะยูนในประเทศไทยเป็นอย่างมาก หากเพื่อนๆอยากทราบข้อมูลเกี่ยวกับ สัตว์ทะเลที่หายากอีก
 


Go_Back