
|
เมื่อกลางเดือน เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๘ ทหารเวียดนาม ได้ปฏิบัติการ โจมตีที่มั่น
ทหารกัมพูชา ตามแนวชายแดนไทย ด้านเทือกเขาบรรทัด จังหวัดตราด อย่างรุนแรง
ตามแผน K-FIVE ทั้งนี้ เพื่อหวัง จะยึด แนวชายแดนไทย - กัมพูชา
ไว้ทั้งหมด และในวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๒๘ ทหารเวียดนาม ได้รุกติดตาม
ทหารกัมพูชา ตามแนวสันเขาบรรทัด โดยรุกล้ำชายแดนไทย
เข้ามาประมาณ ๑ กิโลเมตร ที่บริเวณ บ้านชำราก อำเภอเมือง จังหวัดตราด
แล้วได้วางกำลัง เป็นแนวยาว ตามเส้นสันเขา มีการดัดแปลง ที่มั่น
เพื่อป้องกัน การตีตอบโต้ และ มีท่าทีว่า จะยึดพื้นที่ ไว้อย่างถาวร
คาดว่า ทหารเวียดนาม ที่วางกำลังอยู่ ในพื้นที่นี้ ประมาณ ๑ กรมทหารราบ
เพิ่มเติมกำลัง ด้วย ๑ กองพันรบพิเศษ |
กองบัญชาการกองกำลัง ด้านจันทบุรี - ตราด มี พลเรือโท ประเสริฐ
น้อยคำศิริ ผู้บัญชาการ กรมนาวิกโยธิน เป็น ผู้บัญชาการ และ รับผิดชอบ
ทางด้านนี้อยู่ ได้สั่งการให้ ปืนใหญ่สนาม ยิงทำลาย ฐานที่มั่น
ของทหารเวียดนาม รวมทั้งสั่ง ให้หน่วยบินทหารเรือ ที่ ๓๑ ฝูงบิน
๒๐๗ ของทหารอากาศ ปฏิบัติงาน ที่จังหวัดตราด ขึ้นใช้อาวุธ ทางอากาศ
แต่ก็ไม่สามารถ ผลักดัน ทหารเวียดนาม ให้ออก ไปจากชายแดนไทย ได้
ดังนั้น ในวันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๘ ผู้บัญชาการกองกำลัง ด้านจันทบุรี
- ตราด จึงได้ใช้ กำลัง เข้าผลักดัน ทหารเวียดนาม ให้พ้น เขตแดนไทย
โดยมีกำลังหลัก จากกองพันทหารราบ ที่ ๓ กองกำลัง ด้านจันทบุรี
- ตราด ซึ่งมี นาวาตรี บัณฑูร วรรณสุทธิ์ เป็น ผู้บังคับกองพัน
สมทบด้วย ๑ กองร้อยจากกองพันทหารราบที่ ๒ และ ๔ กองร้อยอาสาสมัครทหารพราน
๒ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน สนับสนุนด้วย ๑ กองพันทหารปืนใหญ่สนาม
หมวดบินทหารเรือที่ ๓๑ และหน่วยบิน ๒๐๗ กองหนุนจัดจาก กองพันทหารราบที่
๑ กรมทหารราบที่ ๑ กรมนาวิกโยธิน |
สำหรับที่หมายแบ่งออกเป็น ๓ พื้นที่ คือที่หมาย ๑,๒ และ ๓ |
กองพันทหารราบที่ ๓ |
แบ่งกำลังออกเป็น ๓ กองรบ
คือ |
|
กองรบที่ ๑ มี |
เรือโท พายุ เหล็กเพ็ชร |
เป็นผู้บังคับกองรบ |
กองรบที่ ๒ มี |
เรือโท เกรียงเดช รัตนปัญญากุล |
เป็นผู้บังคับกองรบ |
กองรบที่ ๓ มี |
เรือเอก เกรียงศักดิ์ บุญชู |
เป็นผู้บังคับกองรบ |
เริ่มปฏิบัติการ ผลักดัน ทหารเวียดนาม ในเช้าตรู่ ของวันที่ ๔
พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๘ โดยกองรบที่ ๑ และ ๒ เข้าตีที่หมาย ๑ จากทางเหนือ
ลงไปทางใต้ กองรบที่ ๓ เป็น กองหนุน สามารถยึด ที่หมาย ๑ ได้ ในวันที่
๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๘ |
ในวันที่ ๖ - ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๘ กองรบที่ ๑, ๒ และ ๓ เข้าตีต่อ
ที่หมาย ๓ แต่ได้รับการต่อต้าน อย่างรุนแรง จากทหารเวียดนาม ไม่สามารถ
ยึดที่หมาย ๓ ได้ แต่ยังคง รักษาพื้นที่ บริเวณ ที่หมาย ๑ ไว้ได้
|
ในวันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๘ กองกำลังด้านจันทบุรี - ตราด ได้ใช้กำลังกองหนุน
เข้าเสริมการปฏิบัติ |
กองหนุนจากกองพันทหารราบที่ ๑ มี นาวาโท เทอดศักดิ์ พรหมศิริ เป็นผู้บังคับ
กองพัน จัดกำลังเป็น ๔ กองร้อย คือ |
กองร้อยปืนเล็กที่ ๒ มี |
เรือเอก ชนะกาญจน์ ใคร่ครวญ |
เป็นผู้บังคับกองร้อย |
กองร้อยปืนเล็กที่ ๓ มี |
เรือโท รัตนะ วงศาโรจน์
|
เป็นผู้บังคับกองร้อย |
กองร้อยปืนเล็กที่ ๔ มี |
เรือโท ทวี พิกุลทอง |
เป็นผู้บังคับกองร้อย |
กองร้อยกองบังคับการและบริการมี |
เรือเอก อัมพร บำรุงพันธ์ |
เป็นผู้บังคับกองร้อย |
เริ่มเข้าตีผลักดัน ต่อที่หมาย ๓ ในวันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๘
โดยใช้ กองร้อยปืนเล็กที่ ๒ เข้าตีทางด้าน ทิศใต้ กองร้อยปืนเล็กที่
๔ เข้าตีทางด้านทิศตะวันออก และ กองร้อยปืนเล็กที่ ๓ เป็นกองหนุน
ถึงแม้ จะได้รับ การต้านทาน จากทหารเวียดนาม อย่างเหนียวแน่น ในวันที่
๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๘ กองร้อยปืนเล็กที่ ๔ สามารถ ยึดพื้นที่ บางส่วน
ของที่หมาย ๓ ไว้ได้ และอีก ๔ วันต่อมา คือ ในวันที่ ๑๘ พฤษภาคม
พ.ศ. ๒๕๒๘ กองพันเฉพาะกิจที่ ๓ และ กองพันทหารราบที่ ๑ ได้รวมกำลัง
เข้าตีต่อ ที่หมาย ๓ อย่างรุนแรง ด้วยการ สนับสนุน จากกองพันปืนใหญ่สนาม
และ กำลังทางอากาศ สามารถยึด ที่หมาย ๓ ไว้ได้ และ ผลักดัน ทหารเวียดนาม
พ้นจาก แนวชายแดนไทย เวลา ๑๐ นาฬิกา ๕ นาที ของวันที่ ๑๘ พฤษภาคม
พ.ศ. ๒๕๒๘ |

การปฏิบัติภารกิจของทหารนาวิกโยธิน
ในยุทธการบ้านชำราก
|
สำหรับ ที่หมาย ๒ พื้นที่ส่วนใหญ่ เป็นภูมิประเทศ ที่สำคัญทางทหาร
(KEY - TERRAIN) และส่วนใหญ่ อยู่นอกเขตชายแดนไทย ทางกองกำลังจันทบุรี
- ตราด จึงไม่ได้สั่ง ให้เข้ายึด จากช่วงปฏิบัติ วันที่ ๔-๑๘
พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๘ ฝ่ายเราสูญเสีย กำลังพล ดังนี้ เสียชีวิต ๙
คน บาดเจ็บ ๖๓ คน ฝ่ายเวียดนาม เสียชีวิต (นับศพได้) ๑๗ คน บาดเจ็บ
ไม่ทราบจำนวน ฝ่ายเรา ยึดสิ่งของ อุปกรณ์ ของทหารเวียดนาม
ได้ดังนี้
|
ปืนกล |
๑๒.๗ มิลลิเมตร |
๑ กระบอก |
ปืนกล
กระสุน |
๗.๖๒ มิลลิเมตร
|
๑ กระบอก
๖,๐๐๐ นัด |
ปืนเล็กยาวอาร์ก้า |
|
๒ กระบอก |
ระเบิดมือ
หมวกทหารเวียดนาม |
|
๑๐ ลูก
๑ ใบ |
ทำลายปืน ค.
ปืนไร้แสงสะท้อน |
๑๒๐ มิลลิเมตร
|
๑ กระบอก
๒ กระบอก และ คลัง สป.๕ ได้ ๑ แห่ง |
หลังจาก ได้ผลักดัน ทหารเวียดนาม ออกไปแล้ว ฝ่ายเรา ได้ปรับกำลัง
ดัดแปลง ที่มั่น และ ยึดภูมิประเทศ สำคัญ ตามแนวชายแดน สันเขาบริเวณ
ตรงข้าม บ้านชำรากไว้ ณ ส่วนสูงชัน เพื่อป้องกัน พื้นที่ดังกล่าวไว้
|
การปฏิบัติการรบ ที่บ้านชำราก ครั้งนี้ เป็นการดำเนินการ กลยุทธ์
ของหน่วย ระดับกองร้อยปืนเล็ก ดังนั้น ผู้บังคับบัญชา ระดับกองร้อย
ลงไปจนถึง ระดับหมวดหมู่ พวกยิง ที่นำหน่วย เข้าตี อย่างกล้าหาญ
เด็ดเดี่ยว กำลังรบ ระดับลูกแถว ที่ทำการสู้รบ อย่างกล้าหาญ อดทน
รวมทั้ง เจ้าหน้าที่ ตรวจค้น รื้อถอน ทุ่นระเบิด กับระเบิด ต้องปฏิบัติงาน
อย่างหนัก และ เหนื่อยยาก ฝ่าอันตราย ตลอดเวลา ตลอดจน นักบินของกองทัพเรือ
จากหน่วยบินทหารเรือที่ ๓๑ และ นักบินของกองทัพอากาศ จากหน่วยบิน
๒๐๒๒ ฝูงบิน ๒๐๗ ด้วย นักบิน เหล่านี้ ได้สนับสนุน หน่วยภาคพื้นดิน
อย่างใกล้ชิด กล้าหาญ ไม่เกรง ต่ออันตราย จากปืนต่อสู้อากาศยาน
และ จรวดต่อสู้อากาศยาน ของทหารเวียดนาม ที่ใช้ยิง อยู่ตลอดเวลา
และ จะละเว้น เสียมิได้ คือ นักรบ ทุกท่าน ที่ได้สละชีวิต เป็นชาติพลี
ทั้ง ๘ คน และ บาดเจ็บ จากการปฏิบัติการรบ ครั้งนี้ เขาเหล่านี้
สมควร ที่ได้รับ คำชมเชย ได้รับ คำสดุดี จากพี่น้อง ร่วมชาติ เป็นอย่างยิ่ง
ที่ร่วมแรง ร่วมใจ กันสู้รบ เพื่อขับไล่ ผู้รุกราน ให้ออกไป จากผืนแผ่นดินไทย
โดย ไม่เห็นแก่ ความเหนื่อยยาก และ อันตราย ที่จะได้รับ จนภารกิจ
ที่ได้รับ บรรลุผล สำเร็จ เป็นอย่างดี นับว่า เป็นงาน ที่แสดง
ให้เห็น ถึงพลัง ความสามัคคี กลมเกลียว กันอย่าง น่าชมเชยมาก |
การสู้รบครั้งนี้ มีคุณค่า และ ความสำคัญ ต่อกองทัพเรือ เพราะเป็น
การแสดง ถึงความกล้าหาญ และ เด็ดเดี่ยว ของทหารเรือไทย โดยฝ่ายเรา
เป็นฝ่าย เข้าตีรุก เข้าหา ข้าศึก ซึ่ง การดำเนินการ เช่นนี้ได้
กำลังพล จะต้องใช้ จิตใจ รุกรบ อย่างสูง นับเป็น แบบอย่าง ที่อนุชน
รุ่นหลัง ควรศึกษา เอาเป็น เยี่ยงอย่าง |
ผู้เสียชีวิตจากการสู้รบที่บ้านชำราก |
๑. พันจ่าเอกวินิจ นภากุลทอง |
๒. พลทหาร ธวัชชัย สมใจ |
๓. พลทหาร นิมิตร จำปาทอง |
๔. อาสาสมัครทหารพรานนาวิกโยธิน สมหมาย ขันชาลี |
๕. อาสาสมัครทหารพรานนาวิกโยธิน วิโรจน์ เจริญพานิช |
๖. อาสาสมัครทหารพรานนาวิกโยธิน อำนาจ เหมาะสมาน |
๗. อาสาสมัครทหารพรานนาวิกโยธิน อภิเดช บุญยะสิมะ |
๘. อาสาสมัครทหารพรานนาวิกโยธิน ไพรวัลย์ วงศ์สว่าง |
๙. อาสาสมัครทหารพรานนาวิกโยธิน อนันต์ มานะจรรยาพงษ์ |