(ต่อ)
 


๏ โอ้ยามนี้ปีขาลสงสารวัด
สิ้นกุศลผลบุญการุณา
เคยเดินเล่นเย็นลมเลียบชมรอบ
พระปรางค์มีสี่ทิศพิสดาร
ที่หน้าบันปั้นอย่างเมืองกวางตุ้ง
กระเบื้องเคลือบเหลือบสลับเหลี่ยมรับรอง
สิงโตจีนตีนตัวน่ากลัวกลอก
ที่ตึกก่อช่อฟ้าใบระกาแดง
เป็นพลับพลาพาไลข้างในเสด็จ
เล่นโขนหนังฟังปี่พาทย์ระนาดฆ้อง
ประทานรางวัลนั้นไม่ขาดคนดาษดื่น
จะวายเห็นเย็นเยียบเหงาเงียบใจ

๏ เคยอยู่กินถิ่นที่กระฎีก่อ
เป็นสองฝ่ายท้ายวัดวิปัสสนา
เป็นสี่แถวแนวทางเดินหว่างกุฎิ์
ข้างทิศใต้ในจงกรมพรหมจรรย์
ศาลากลางทางเดินแลเพลินจิต
จะเริดร้างห่างแหสุดแลเล็ง

๏ หอระฆังดังทำนองหอกลองใหญ่
ปลูกไม้รอบขอบนอกเป็นดอกดวง
ชมพู่แลแต่ละต้นมีผลลูก
ทรงบาดาลบานดอกรีบออกทัน

๏ เห็นทับทิมริมกระฎีดอกยี่โถ
เห็นต้นชาหน้ากระไดใจเสียดาย
ได้เก็บฉันวันละน้อยอร่อยรส
จะซื้อหาชาจีนทรัพย์สินจน

๏ โอ้ชาตินี้มีกรรมเหลือลำบาก
โอ้กระฎีที่จะจากฝากน้ำตา
เคยเยี่ยมเยือนเพื่อนเก่าเมื่อเราอยู่
ยืมหนังสือลือเลื่องถามเรื่องราว


เคยโสมนัสในอารามสามวัสสา
จะจำลาเลยลับไปนับนาน
ริมแขวงขอบเขตที่เจดีย์ฐาน
โบสถ์วิหารการเปรียญล้วนเขียนทอง
ดูเรืองรุ่งรูปนกผกผยอง
ศาลาสองหน้ารอบขอบกำแพง
ขยับขยอกแยกเขี้ยวเสียวแสยง
ริมกำแพงตะพานขวางเคียงข้างคลอง
เดือนสิบเอ็ดเคยประทานงานฉลอง
ละครร้องเรื่องแขกฟังแปลกไทย
ทั้งวันคืนครื้นครั่นเสียงหวั่นไหว
โอ้อาลัยแลเหลียวเปลี่ยววิญญาณ์ฯ

เป็นตึกต่อต่างกำแพงฝากแฝงฝา
ข้างโบสถ์บาเรียนเรียงเคียงเคียงกัน
มีสระขุดเขื่อนลงพระสงฆ์ฉัน
มีพระคันธกุฎีที่บำเพ็ง
ประดับประดิษฐ์ดูดีเป็นที่เก๋ง
ยิ่งพิศเพ่งพาสลดกำสรดทรวงฯ

ทั้งหอไตรแกลทองเป็นของหลวง
บ้างโรยร่วงรสรื่นทุกคืนวัน
ดูดั่งผูกพวงระย้านึกน่าฉัน
เก็บทุกวันเช้าเย็นไม่เว้นวายฯ

สะอื้นโอ้อาลัยจิตใจหาย
เคยแก้อายหลายครั้งประทังทน
ด้วยยามอดอัตคัดแสนขัดสน
จะจากต้นชาให้อาลัยชาฯ

เหมือนนกพรากพลัดรังไร้ฝั่งฝา
ไว้คอยลาเหล่านักเลงฟังเพลงยาว
มาหาสู่ดูแลทั้งแก่สาว
โอ้เป็นคราวเคราะห์แล้วจำแคล้วกันฯ

 


๏ ฤดูร้อนก่อนเก่าทำข้าวแช่
ช่างทำเป็นเช่นดอกจอกเป็นดอกจันทน์
มะม่วงดิบหยิบดูจึ่งรู้จัก
จะแลลับกลับกลายสุดสายตา

๏ ตรุษสงกรานต์ท่านแต่งเครื่องแป้งสด
น้ำกุหลาบอาบอุระแสนสบาย
เหมือนแสนโง่โอ้เสียแรงแต่งหนังสือ
มามืดเหมือนเดือนแรมไม่แจ่มดวง
จำจากเพื่อนเหมือนจะพาน้ำตาตก
โอ้แสนอายปลายอ้อยเลื่อนลอยไป

๏ ที่อารีมีคุณการุญรัก
เข้าวัสสามาทั่วทุกตัวตน
ดูกิ่งใบไม้แซมติดแต้มแต่ง
พุ่มสีผึ้งถึงดีลิ้นจี่จันทน์
ทำรูปพราหมณ์งามพริ้มแย้มยิ้มเยือน
ดูนางนั่งปลั่งเปล่งดูเคร่งครัด
รูปนกหกผกผินกินลูกไม้
นกยางเจ่าเซาจกเหมือนนกยาง
ทำแปลกแปลกแขกฝาหรั่งทั้งเจ้าเงาะ
สุกรแกะแพะโผนเผ่นโดนกัน
จะแลลับนับปีครั้งนี้หนอ
ด้วยโศกสุมรุมร้อนไม่หย่อนเย็น
ขอแบ่งบุญสุนทรถาวรสวัสดิ์
เกิดกองทองกองนากอย่ายากจน

๏ โอ้สงสารหลานสาวเหล่าข้าหลวง
ไม่รู้เท่าเจ้าทั้งนั้นเสียชั้นเชิง
ได้ฉันลมชมลิ้นเสียสิ้นแล้ว
จะนับเดือนเลื่อนลับไปนับปี


น่าชมแต่เครื่องกับสำรับฉัน
งามจนชั้นกระชายทำเหมือนจำปา
ทำน่ารักรูปสัตว์เหมือนมัจฉา
เคยไปมามิได้เห็นจะเว้นวายฯ

ระรื่นรสราเชนพุมเสนกระสาย
ถึงเคราะห์ร้ายหายหอมให้ตรอมทรวง
จนมีชื่อลือเลื่องทั้งเมืองหลวง
ต้องเหงาง่วงทรวงเศร้าเปลี่ยวเปล่าใจ
ต้องระหกระเหินหาที่อาศัย
เจ็บเจ็บใจไม่รู้หายซังตายทนฯ

ได้เห็นพักตร์พบปะปีละหน
ถวายต้นไม้กระถางต่างต่างกัน
ลูกดอกแฝงแกล้งประดิษฐ์ความคิดขยัน
ต้นแก้วกรรณิการ์มีสารพัด
กินนรเหมือนนางกินนรแขนอ่อนหยัด
หน้าเหมือนผัดผ่องผิวกรีดนิ้วนาง
บ้างจับไซ้ขนพลิกพลิ้วปีกหาง
รูปเสือกวางกบกระต่ายมีหลายพรรณ
หน้าหัวเราะรูปร่างคิ้วคางขัน
ล้วนรูปปั้นต่างต่างเหมือนอย่างเป็น
ที่ชอบพอเพื่อนสำราญจะนานเห็น
จงอยู่เป็นสุขสุขทุกทุกคน
ให้บริบูรณ์พูนสมบัติพิพัฒน์ผล
เจริญพ้นภัยพาลสำราญเริงฯ

เคยมาลวงหลงเชื่อจนเหลือเหลิง
เชิญบันเทิงเถิดนะหลานปากหวานดี
ล้วนหลานแก้วหลอกน้าต้องล่าหนี
อยู่จงดีได้เป็นหม่อมให้พร้อมเพรียงฯ

 


๏ โอ้เดือนอ้ายไม่ขาดกระจาดหลวง
อึกทึกครึกโครมคบโคมเคียง
บ้างเขียนหน้าทาดำยืนรำเต้น
พวกขี้เมาเหล่าประสกตลกโลน
ล้วนเรือใหญ่ใส่กระจาดย่ามบาตรพร้อม
ทั้งขุนนางต่างมาด้วยบารมี
ของขนมส้มสูกทั้งลูกไม้
พร้าวอ่อนด้วยกล้วยอ้อยนับร้อยเครือ
แล้วเราได้ไตรดีแพรสีแสด
โอ้แต่นี้มิได้เห็นเหมือนเช่นนั้น
เหลืออาลัยใจเอ่ยจะเลยลับ
ให้เขินขวยด้วยว่าวาสนาน้อย
ออกวัสสาผ้าสบงกระทงเข้า
ไม่แหงนเงยเลยกลัวเจ้าขรัวนาย
สวดมนต์จบหลบออกข้างนอกเล่า
สู้หลับตามาจนสุดถึงกุฎี

๏ ตั้งแต่นี้มิได้หลบไม่พบแล้ว
จะเงียบเหงาเช้าเย็นจะเว้นวาย
เหมือนใบศรีมีงานท่านสนอม
พอเสร็จการท่านเอาลงทิ้งคงคา
เหมือนตัวเราเล่าก็พลอยเลื่อนลอยลับ
โอ้ทองหยิบลิบลอยทั้งฝอยทอง

๏ พระสิงหะพระอภัยพระทัยจืด
เมื่อกระนั้นจันทน์และกระแจะเจิม
ครั้นเหินห่างร้างเริดก็เกิดทุกข์
สู้ต่ำต้อยน้อยตัวเกรงกลัวความ

๏ ขอเดชะพระสยมบรมนาถ
ทรงงัวเผือกเงือกหงอนสังวรสังวาล
ประกาศิตอิทธิเวทวิเศษประเสริฐ
ตรัสอย่างไรไปเป็นเหมือนเช่นนั้น
เผื่อว่าจักรักใคร่ที่ไหนมั่ง
ทรงเวทมนตร์ดลประสิทธิ์ฤทธิรอน
ที่หวังชื่นกลืนกลั้นกระสันสวาท
มิตรจิตขอให้มิตรใจไป

๏ ขอเดชะพระนารายณ์อยู่สายสมุทร
มังกรกอดสอดประสานสังวาลเวียน
ทรงจักรสังข์ทั้งคทาเทพาวุธ
ขอมหาอานุภาพปราบไพรี
ที่คนคิดริษยานินทาโทษ
ศัตรูเงียบเรียบร้อยจะลอยชาย

๏ ขอเดชะพระมหาวายุพัด
ทรงสีเหลืองเครื่องไฟประลัยกัลป์
ขอเดชาวายุเวกจะเสกเวท
จะสอพลอฉอเลาะปะเหลาะประโลม
สุมามาลย์บานแบ่งแมลงภู่
จะเหือดสิ้นกลิ่นอายเสียดายดวง

๏ โอ้อกเอ๋ยเชยอื่นไม่ชื่นแช่ม
แต่หัสนัยน์ตรัยตรึงส์ท่านถึงจอม
ได้บุตรีที่รักยักษ์อสูร
เราเป็นมนุษย์สุดรักต้องลักพา


ใส่เรือพ่วงพวกแห่เซ็งแซ่เสียง
เรือรายเรียงร้องขับตีทับโทน
ลางลำเล่นงิ้วหนังมีทั้งโขน
ร้องโยนโหยนโย้นฉับรับชาตรี
ของคุณหม่อมจอมมารดาเจ้าภาษี
ปี่พาทย์ตีเต้นรำทุกลำเรือ
หมูเป็ดไก่กุ้งแห้งแตงมะเขือ
จนล้นเหลือเกลือปลาร้าสารพัน
สบงแปดคืบจัดเป็นสัตตขันธ์
นับคืนวันปีเดือนจะเลื่อนลอย
เหลืออาภัพพูดยากเหมือนปากหอย
ต้องหน้าจ๋อยน้อยหน้าระอาอาย
พระองค์เจ้าจบพระหัตถ์จัดถวาย
สำรวมกายก้มหน้าเกรงบารมี
ปะแต่เหล่าสาวแซ่ห่มแพรสี
เหมือนไม่มีตาตัวด้วยกลัวตายฯ

จงผ่องแผ้วพักตร์เหมือนดั่งเดือนหงาย
โอ้ใจหายหมายมาดเคลื่อนคลาดคลา
เจิมแป้งหอมน้ำมันจันทน์ให้หรรษา
ต้องลอยมาลอยไปเป็นใบตอง
มิได้รับไทยทานดูงานฉลอง
มิได้ครองไตรแพรเหมือนแต่เดิมฯ

ไม่ยาวยืดยกยอชะลอเฉลิม
ได้พูนเพิ่มเหิมฮึกอยู่ตึกราม
ไพรีรุกบุกเบียนเป็นเสี้ยนหนาม
ด้วยเป็นยามยากจนจำทนทานฯ

เจ้าไกรลาศโลกามหาสถาน
ถือพัดตาลตาไฟประลัยกัลป์
ให้ตายเกิดสิ้นสุดมนุษย์สวรรค์
พระโปรดฉันเชิญช่วยอำนวยพร
ให้สมหวังดังจำนงประสงค์สมร
เจริญพรภิญโญเดโชชัย
อย่าแคล้วคลาดเคลือบแคลงแหนงไฉน
ที่มืดไม่เห็นห้องช่วยส่องเทียนฯ

พระโพกภุชงค์เฉลิมเสริมพระเศียร
สถิตเสถียรแท่นมหาวาสุกรี
เหยียบบ่าครุฑเที่ยวทวาทศราศี
อย่าให้มีมารขวางระคางระคาย
พระเปลื้องโปรดปราบประยูรให้สูญหาย
ไปเชยสายสุดสวาทไม่ขาดวันฯ

พิมานอัศวราชเผ่นผาดผัน
กุมพระขรรค์กรดกระหวัดพัดโพยม
พอหลับเนตรพริบหนึ่งไปถึงโฉม
เหมือนกินโสมโศกสร่างสว่างทรวง
ขอสิงสู่สมสงวนไม่ควรหวง
จะหล่นร่วงโรยรสต้องอดออมฯ

เชยที่แย้มยิ้มพรายไม่หายหอม
ยังแปลงปลอมเปลื้องปลิดไพจิตรา
สืบประยูรอยู่ถึงดาวดึงสา
เหมือนอินทราตรึงส์ตรัยเป็นไรมีฯ

 


๏ อย่าประมาทชาติหมู่แมงภู่ผึ้ง
ดูดอกไม้ในจังหวัดปัฐพี
พอบานกลีบรีบถึงลงคลึงเคล้า
สัจจังจริงมิ่งขวัญอย่ารันทด
อันโกสุมพุ่มพวงดอกดวงนี้
ภมรมาดปรารถนาจึงมาตอม
แม้นรับรักหักว่าเมตตาตอบ
เหมือนอิเหนาเขาก็รู้ไม่สู้ดี
อย่าหลบหลู่ดูถูกแต่ลูกยักษ์
เหมือนตัวพี่นี้ก็ลือว่าชื่อชาย
ถึงนัทีสีขเรศขอบเขตแขวง
เดชะฤทธิ์วิทยาปรีชาชาญ

๏ จริงจริงนะจะไปอุ้มเนื้อนุ่มน่วม
อยู่ท้ายพระจะได้เรียงเคียงประคอง
พอลมดีพี่จะให้ใช้ใบแล่น
แสนสบายสายสมุทรสุดสายตา
ในสายชลวนลึกโครมครึกคลื่น
เห็นฝูงปลานาคินสิ้นทั้งปวง
แขกฝาหรั่งมังค่าพวกพาณิช
เข้าประเทศเขตแดนเลียบแล่นเล็ม
ถ้าแม้นว่าปลาวาฬผุดผ่านหน้า
แนวชลาน่าชมน้ำลมดี
เย็นระรื่นคลื่นเรียบเงียบสงบ
แม้นควันคลุ้มกลุ่มกลมเป็นลมแดง
บัดเดี๋ยวคลื่นครื้นครึกสะทึกโถม
เสียงฮือฮืออื้ออึงตูมตึงตัง

๏ แต่เรือเราเบาฟ่องถึงต้องคลื่น
แม่เห็นคลื่นครื้นเครงจะเกรงครัน
จะเขียนธงลงยันต์ปักกันคลื่น
จะแย้มสรวลชวนนั่งที่ตั่งเตียง
จะแสนชื่นรื่นรสแป้งสดหอม
เหมือนได้แก้วแววฟ้าจินดาดวง


ประสงค์ซึ่งเสน่หาสร้อยสาหรี
ดวงใดดีมีกลิ่นรวยรินรส
ฟุบแฝงเฝ้าเฟ้นฟอนเกสรสด
ถ้ากลิ่นใกล้ได้รสเหลืออดออม
สร้อยสาหรีรำเพยระเหยหอม
ต้องอดออมอกตรมระทมทวี
เมื่อผิดชอบผ่ายหน้าจะพาหนี
แต่เพียงพี่นี้ก็ได้ด้วยง่ายดาย
เขายังลักไปเสียได้ดั่งใจหมาย
รู้จักฝ่ายฟ้าดินชินชำนาญ
ป้อมกำแพงแหล่งล้อมพร้อมทหาร
ช่วยบันดาลได้สมอารมณ์ปองฯ

ลงนั่งร่วมเรือกลพยนต์ผยอง
ครรไลล่องลอยชะเลเหมือนเภตรา
ไปตามแผนที่ประเทศเพศภาษา
เห็นแต่ฟ้าน้ำเขียวเปล่าเปลี่ยวทรวง
สุดจะฝืนฝ่าชะเลหลวง
เกิดในห้วงห้องมหาคงคาเค็ม
สังเกตทิศถิ่นทางต้องวางเข็ม
เขาไปเต็มตามทางกลางนัที
เรือไม่กล้าใกล้เคียงหลีกเลี่ยงหนี
ดูเร็วรี่เรือเรื่อยไม่เหนื่อยแรง
มหรรณพพริบเนตรในเขตแขวง
เป็นสายแสงเสียงลั่นสนั่นดัง
ขึ้นสาดโทรมดาดฟ้าคงคาขัง
ด้วยกำลังลมกล้าสลาตันฯ

ก็ฝ่าฝืนฟูสบายแล่นผายผัน
จะรับขวัญอุ้มน้องประคองเคียง
ให้หายรื่นราบเรียบเงียบเซียบเสียง
ให้เอนเอียงแอบอุ่นละมุนทรวง
เห็นจะยอมหย่อนตามไม่ห้ามหวง
ไว้แนบทรวงสมคะเนทุกเวลาฯ

 


๏ ออกลึกซึ้งถึงที่ชื่อสะดือสมุทร
ดูพลุ่งพลุ่งวุ้งวงหว่างคงคา
เรือลูกค้าพาณิชไม่ชิดเฉียด
แลชะเลเภตราบ้างมาไป
แม้นพรายน้ำทำฤทธิ์นิมิตรูป
ต้องสุมไฟใส่ประโคมให้โหมฮือ

๏ แต่ตัวพี่มีอุบายแก้พรายผุด
ทิ้งพรายน้ำทำลายวอดวายปราณ
ดูปลาใหญ่ในสมุทรผุดพ่นน้ำ
พุ่งทะลึ่งถึงฟ้าดูน่ากลัว
จะหยอกเย้าเฝ้ายั่วให้หัวเราะ
สาคเรศเขตแคว้นทุกแดนดาว
เรือสลัดตัดระกำร้อยลำหวาย
น้าวกระเชียงเสียงเฮสุเรสุรา
เหมือนเรือเปล่าเสากระโดงลดลงซ่อน
ตัวคนได้ไม่ล้างให้วางวาย

๏ โดยหากว่าถ้าไปปะเรือสลัด
จะอุ้มวางกลางตักสะพักไว้
แล้วจะใช้ใบเยื้องไปเมืองเทศ
ทั้งหนุ่มสาวเกล้ามวยสวยโสภา
ล้วนนุ่งห่มโขมพัสตร์ถือสัจศิล
แลพิลึกตึกตั้งล้วนมั่งมี

๏ จะเชิญแก้วแววเนตรขึ้นเขตแคว้น
ให้สร่างทรวงดวงสุดาสถาวร
จะระวังนั่งประคองเคียงน้องน้อย
กลืนไว้ได้ในอุระก็จะกลืน

๏ แล้วจะชวนนวลละอองตระกองอุ้ม
ไปเกาะที่อิเหนาชาวชวา
จมูกโด่งโง้งงุ้มทั้งหนุ่มสาว
ไม่เพริศพริ้งหญิงชายคล้ายคล้ายเงาะ
ไม่แง่งอนอ้อนแอ้นแขนไม่อ่อน
รูปก็งามนามก็เพราะเสนาะนาม
เดิมของแขกแตกฝาหรั่งไปทั้งตึก
เมื่อครั้งนั้นปันหยีอุ้มวียะดา

๏ แม้นเหมือนหมายสายสุดใจไปด้วยพี่
ประคองเคียงเอียงเอกเขนกนอน
แล้วจะใช้ใบบากออกจากฝั่ง
เกิดในน้ำดำนิลดั่งศิลา
ชะเลรอบขอบเขาเป็นเงาง้ำ
เห็นหุบห้องปล่องชลาฝูงนาคิน
ภูเขานั้นวันหนึ่งแล่นจึ่งรอบ
จะชื่นชวนนวลละอองประคองเดิน
จริงนะจ๊ะจะเก็บทั้งกัลพังหา
เบี้ยอี้แก้แลรอบขอบคีริน
สะพรั่งต้นผลดอกออกไม่ขาด
จะค่อยเลียบเหยียบย่องประคองเคียง
จำปาดะองุ่นหอมกรุ่นกลิ่น
ด้วยเกาะนี้ที่ทำเลเทวดา


เห็นน้ำสุดสูงฟูมดั่งภูมผา
สูดนาวาเวียนวนไม่พ้นไป
แล่นก้าวเสียดหลีกลำตามน้ำไหล
เห็นไรไรริ้วริ้วเท่านิ้วมือ
สว่างวูบวงแดงดั่งแสงกระสือ
พัดกระพือเผาหนังแก้รังควานฯ

เสกเพลิงชุดเช่นกับไฟประลัยผลาญ
มิให้พานพักตร์น้องอย่าหมองมัว
มืดเหมือนคล้ำคลุ้มบดสลดสลัว
แต่ละตัวตละโขดนับโยชน์ยาว
ชวนชมเกาะกะเปาะกลมชื่อนมสาว
ดูเรือชาวเมืองใช้ใบไปมา
ทำเรือค่ายรายแล่นล้วนแน่นหนา
ใส่เสื้อผ้าโพกนั้นลงยันต์ราย
ปลอมเรือจรจับบรรดาลูกค้าขาย
เจาะตีนหวายร้อยส้นทุกคนไปฯ

ศรีสวัสดิ์แพรวจะพรั่นประหวั่นไหว
โบกธงชัยให้จังงังกำบังตา
ชมประเภทพวกแขกแปลกภาษา
แต่งกายาอย่างพราหมณ์งามงามดี
ใส่เพชรนิลแนมประดับสลับสี
ชาวบุรีขี่รถบทจรฯ

จัดซื้อแหวนเพชรรัตน์ประภัสสร
สว่างร้อนรับขวัญทุกวันคืน
ให้ใช้สอยสารพัดไม่ขัดขืน
ให้แช่มชื่นชมชะเลทุกเวลาฯ

ให้ชมเพลินเนินมะงุมมะงาหรา
วงศ์อสัญแดหวาน่าหัวเราะ
ไม่เหมือนกล่าวราวเรื่องหูเหืองเจาะ
ไม่มีเหมาะหมดจดไม่งดงาม
ไม่เหมือนสมรเสมอภาษาสยาม
จะพาข้ามเข้าละเมาะเกาะมาลากา
แลพิลึกครึกครื้นขายปืนผา
ชี้ชมสัตว์มัจฉาในสาครฯ

จะช่วยชี้ชมตลิ่งเหล่าสิงขร
ร้องละครอิเหนาเข้ามาลากา
ไปชมละเมาะเกาะวังกัลพังหา
เหมือนรุกขาขึ้นสล้างหว่างคีริน
เวลาน้ำขึ้นกระเพื่อมถึงเงื้อมหิน
ขึ้นมากินเกยนอนชะอ้อนเนิน
เป็นเขตขอบเทพเจ้าจอมเขาเขิน
เลียบเหลี่ยมเนินเพลินชมพนมนิล
เม็ดมุกดาคลื่นสาดกลางหาดหิน
ระรื่นกลิ่นไม้หอมมีพร้อมเพรียง
ศิลาลาดลดหลั่นชั้นเฉลียง
เป็นพี่เลี้ยงเพียงพี่ร่วมชีวา
ก้าแฝ่ฝิ่นสินธุต้นบุหงา
แต่นกกาก็มิได้ไปใกล้กรายฯ

 


๏ แล้วจะใช้ใบไปดูเมืองสุหรัด
ตั้งตึกรามตามตลิ่งแขกหญิงชาย
พื้นม่วงตองทองช้ำยำมะหวาด
ทำที่อยู่ดูพิลึกล้วนตึกทิม
จะตามใจให้เพลินเจริญเนตร
ได้แย้มสรวลชวนใช้ใบลีลา
กำปั่นไฟใหญ่น้อยออกลอยเที่ยว
ถ้วนเดือนหนึ่งจึงจะผลัดพวกหัศเกน

๏ เมืองมังกล่าฝาหรั่งอยู่ทั้งแขก
แลพิลึกตึกรามงามงามดี
ดูวาวแววแก้วกระหนกกระจกกระจ่าง
ล้วนขายเพชรเจ็ดสีมีราคา
แล้วตัวไปไม่นั่งระวังของ
ด้วยไม่มีตีโบยขโมยขมาย
นอกกำแพงแขวงเขตประเทศถิ่น
รองอ่างไว้ใช้ทำแทนน้ำตาล
ถึงขวบปีมีจั่นทำขวัญต้น
แม้นถึงปีมีลูกใครปลูกทิ้ง
บ้านตลาดกวาดเลี่ยนเตียนตะล่ง
ไปชมเล่นเช่นฉันว่าประสาสบาย

๏ จะพาไปให้สร้างทางกุศล
ไหว้เจดีย์ที่ทำเลเวฬุวัน

๏ คิดจะใช้ใบข้ามไปตามเข็ม
เหมือนหมายทางต่างทวีปเรือรีบรุด
เหมือนเรื่องรักจักประเวศประเทศถิ่น
แม้นขืนเคืองเปลื้องปลิดไม่คิดคบ
เหมือนยักษีที่สิงขรต้องศรกก
อยู่นพบุรีที่ตรงหว่างเขานางประจัน
แสนวิตกอกพระยาอุณาราช
ศรสะเทือนเหมือนอุระจะระยำ

๏ ถึงกระไรได้อุตส่าห์อาสาสมัคร
พอชื่นใจได้สร่างสว่างอารมณ์
ถวิลหวังสังวาสสวาทแสวง
ฝากฝีปากฝากคำที่สำคัญ
เปรียบเหมือนกับขับกล่อมสนอมเสน่ห์
เสวยสวัสดิ์วัฒนาสถาวร


ท่าคลื่นซัดซึ้งวนชลสาย
แต้มผ้าลายกะลาสีพวกตีพิมพ์
ฉีกวิลาศลายลำยองเขียนทองจิ้ม
เรียบเรียงริมฝั่งสมุทรแลสุดตา
ชมประเภทพราหมณ์แขกแปลกภาษา
ไปมังกล่าฝาหรั่งระวังตระเวณ
ตลบเลี้ยวแลวิ่งดั่งจิ้งเหลน
เวียนตระเวณไปมาทั้งตาปีฯ

พวกเจ๊กแทรกแปลกหน้าทำภาษี
ตึกเศรษฐีมีทรัพย์ประดับประดา
ประตูหน้าต่างติดเครื่องรอบเฝืองฝา
วางไว้หน้าตึกร้านใส่จานราย
คนซื้อร้องเรียกหาจึ่งมาขาย
ทั้งหญิงชายเช้าค่ำเขาสำราญ
เป็นสวนอินทผาลัมทับน้ำหวาน
ห้องแต่งงานขันหมากเหลือหลากจริง
แต่งเหมือนคนขอสู่นางผู้หญิง
ไม่ออกจริงจั่นหล่นลำต้นตาย
ถึงของหลงลืมไว้ก็ไม่หาย
บ้านเมืองรายหลายประเทศต่างเพศพันธุ์ฯ

ขึ้นสิงหลเห็นจะได้ไปสวรรค์
พระรากขวัญอันเป็นยิ่งเขาสิงคุตร์ฯ

เขียนมาเต็มเล่มแล้วจะสิ้นสมุด
พอสิ้นสุดสายมหาอารณพ
มิทันสิ้นสุดคำก็จำจบ
จะเศร้าซบโศกสะอื้นทุกคืนวัน
ปักตรึงอกอานภาพซ้ำสาปสรร
เสียงไก่ขันขึ้นนนทรีคอยตีซ้ำ
สุดหมายมาดไม่มีที่อุปถัมภ์
ต้องตีซ้ำช้ำในฤทัยระทมฯ

ขอเห็นรักสักเท่าซีกกระผีกผม
เหมือนนิยมสมคะเนเถิดเทวัญ
ให้แจ่มแจ้งแต่งตามเรื่องความฝัน
ชื่อรำพันพิลาปล้ำกาพย์กลอน
สำเนียงเห่เทวัญริมบรรจถรณ์
วานฟังกลอนกลอยแก่เถิดแม่เอยฯ