<< กลับหน้าแรกครับ
กำหนดการ ครับ
วันที่ 14 - 15 กันยายน 2545
- 5:00 น ออกเดินทางตอนเช้า ของวันที่ 14 ครับ เวลา 5:00 น. พร้อมกันที่หน้า Kmitnb
คิดว่าจะมีรถของอ๊อด และ เอกครับ ( ถ้าไม่พอ ก็จะต้องตัดคนที่จะต้องไป รถทัวร์ กับผมนะครับ)

-7:00 to 8:00 น แวะท่านอาหาร เช้าตามร้านข้างทาง ก๋วยเตี๋ยว ก๋วยจั๊บ ข้าวต้ม (เสกเลี้ยง)
-10:30 to 11:00 น. ถึงบ้านเพ มีบริการรับฝากรถ วันละประมาณ 100 บาท ซื้อตั๋วขึ้นเรือและซื้อของ ประมาณ 30 นาที
- 12:00 น่าจะถึงเกาะเสม็ดแล้วละ หาที่พักราคาประมาณ 2400 - 3600 บาท สักหนึ่งหลัง (จะโทรจองวันที่ 10 Aug นี้)
- 13:00 เล่นน้ำ ตั้งวง พักผ่อน ตามสบาย ครับ
- 18:00 ทำอาหารทะเล รับประทาน อย่างปิ้ง ยำ ครับ
( โดย สมาคมแม่บ้าน และอนาคต แม่บ้าน ENT )
- 23:00 พักผ่อนครับ ส่วนตัวผมยังไม่รู้ว่า จะมีผู้ร่วมอุดมการ์ณ ดื่ม ด้วยกันหรือเปล่า
- 8:00_ เล่นน้ำทะเล
ทานอาหารเช้า
- 14:00 ออกจากที่พัก มาขึ้นเรือ กลับมายังท่าเพ
- 16:00 ท่านอาหารค่ำที่ ชลบุรี ร้านอาหารทะเล ที่คุณโส แนะนำ ( โส เลี้ยง)
- 18:00
เดินทางกลับสู่กรุงเทพมหานคร ครับ
- 20:30 ถึงที่หมาย สบายผิดกัน

!!!!! ใครมีข้อแนะนำช่วย แสดงความคิดเห็นใน Web Board ก่อนกำหนดการ ด้วยเถิดครับ แล้วผมจะมาแก้ ให้ครับ


ฟังเขาเล่ามา

สิ่งแรกที่เรามาถึงคือหาที่ฝากรถในที่ปลอดภัยที่สุด และก็ได้มาที่ท่าเรือนวลทิพย์ ซึ่งเป็นท่าเรือโดยสารไปเกาะเสม็ด พร้อมรับฝากรถและดูแลรถให้เป็นอย่างดี ในราคาคืนละ 70 บาท ท่าเรือที่ว่านี้อยู่ตรงข้ามอู่รถเชิดชัยทัวร์ ซึ่งเป็นสถานีรถโดยสารจากกรุงเทพ - บ้านเพนั่นเอง (ในกรณีที่มารถโดยสาร ก็สามารถซื้อตั๋วรถจากเอกมัย ในราคาคนละ 124 บาทต่อ1 เที่ยว ก็มาถึงที่นี่ได้เหมือนกันค่ะ) หลังจากที่เราฝากรถเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มหาของกินของใช้ส่วนตัวที่ร้านค้าบริเวณท่าเรือนวลทิพย์แห่งนี้ สิ่งแรกที่ขาดไม่ได้คือ น้ำดื่ม เนื่องจากของขายทุกอย่างบนเกาะเสม็ดค่อนข้างจะมีราคาสูงกว่าปกติอยู่มาก อะไรที่เราสามารถหิ้วข้ามไปได้ก็ควรพึงกระทำอย่างยิ่งทีเดียว (safe ได้ควร safe) หลังจากนั้นเราก็ได้ติดต่อซื้อตั๋วเรือโดยสารข้ามไปเกาะเสม็ด ที่เคาน์เตอร์ท่าเรือนวลทิพย์ ซึ่งอยู่บริเวณทางขึ้นเรือนั่นเอง ราคาค่าโดยสารเที่ยวละ 50 บาท ต่อ 1 คน ไป-กลับ 100 บาท และถ้าท่านใดที่ไม่แน่ใจหรือชำนาญในที่พักบนเกาะเสม็ดแห่งนี่ ก็ยังสามารถติดต่อสอบถามเรื่องที่พักได้จากที่นี่เช่นกัน ท่าเรือนวลทิพย์ (038)651508, 651514 และ (01)344-9082 และทางทีมงานก็ขอขอบคุณ คุณติ๊ด เจ้าหน้าที่ท่าเรือนวลทิพย์แห่งนี้ ที่ให้ความช่วยเหลือน้องปูของคุณเอส เป็นอย่างดีค่ะ (โปรดติดตามเรื่องของน้องปูเป็นตอนต่อไป)

เราลงเรือเวลาประมาณ 10.15 น. wcm003 ก็เริ่มถ่ายทอดสดบรรยากาศการเดินทางบนเรือทันที เผอิญวันนี้เป็นวันอังคารซึ่งไม่ใช่วันหยุด จึงทำให้การเดินทางพร้อมการทำงานของเราค่อนข้างสะดวก เพราะไม่มีผู้โดยสารหนาแน่นจนเกินไปนัก หลังจากที่เรือออกตัวจากฝั่งได้ไม่นาน เราก็ได้สัมผัสกลิ่นไอความสดชื่น บริสุทธิ์ของท้องทะเลมากขึ้น…..มากขึ้น พร้อมๆกับมองออกไปนอกเรือ ภาพที่เห็นเมื่อมองย้อนกลับเข้าหาฝั่งนั้น มันยิ่งไกล….ยิ่งไกล….ออกไปทุกที….ทุกทีเช่นกัน นี่แหละคือสัญญาณของการเดินทาง

และแล้วเราก็มาถึงที่เกาะเสม็ด ระยะเวลาการเดินทางจากท่าเรือนวลทิพย์(บ้านเพ) ไปถึงท่าเรือหน้าด่านเกาะเสม็ดนี้ใช้เวลาทั้งสิ้นประมาณ 30 นาที(ระยะห่างประมาณ 6.5 กิโลเมตร) เราช่วยกันแบกสัมภาระกันอย่างพะรุงพะรัง แล้วเดินไปขึ้นรถสองแถวโดยสารที่จอดรอรับนักท่องเที่ยวอยู่ที่หน้าด่านนั่นเอง อัตราค่าโดยสารคิดเป็นระยะทาง เริ่มจากหาดทรายแก้ว อ่าวไผ่ คนละ 20 บาท เรื่อยๆมา จนถึงหาดลุงหวัง อ่าววงเดือน คนละ 30 บาท แล้วถ้าเลยไปเรื่อยๆก็เพิ่มอัตราส่วนตามระยะทาง สามารถสอบถามได้ก่อนที่จะขึ้นรถนะค่ะ (รถสองแถวโดยสารต้องรอคนให้ครบ 10 คนก่อนออกเดินทางต่อคัน ถ้าไม่ครบสามารถรอได้ ต้องเป็นอัตราเหมาค่ะ) ก่อนที่รถจะเข้าไปที่หาดทรายแก้ว จะมีเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ คอยเก็บค่าผ่านด่าน คนละ 20 บาท(คนไทย) และ 200 บาท(คนต่างชาติ) เรียกกันง่ายๆว่า….ค่าเหยียบแผ่นดินค่ะ

เราเริ่มต้นการท่องเที่ยวบนเกาะเสม็ดแห่งนี้ ที่หาดทรายแก้ว …โอ้ว! มันช่างเปลี่ยนแปลงอะไรเช่นนี้… ภาพที่เราเห็นอยู่กับเมื่อครั้งที่เรามาเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วนั้น มันช่างแตกต่างกันมากเลยทีเดียว เราเดินมาหยุดและเริ่มการถ่ายทอดสดอีกครั้งบริเวณหน้าชายหาด ซึ่งมีเก้าอี้ผ้าใบวางเรียงรายไว้คอยบริการ(ไม่แตกต่างอะไรกับบางแสนเมื่อเช้าวันก่อนเลย) เนเจอร์กับwcm003 นั่งคุย และให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพบนหาดทรายแก้วแห่งนี้อย่างน่าเสียดาย ธรรมชาติและภาพบรรยากาศเก่าๆ ที่เคยเป็นหาดที่เงียบสงบ มีหาดทรายสีขาวเป็นแนวยาวทอดตัวขนานกับแนวคลื่นนั้น มันหายไปไหนเสียแล้ว คงมีแต่นักท่องเที่ยวเดินกันอย่างพลุกพล่าน เต็มไปด้วยร้านค้าและเตียงผ้าใบแน่นกันไปหมด…แต่ก็ดีค่ะ เป็นความรู้สึกใหม่และบรรยากาศใหม่ที่ดูคึกคักและไม่เงียบเหงา บนหาดทรายแก้วแห่งนี้…
อัตราค่าที่พักบนหาดทรายแก้วช่วงต้นๆหาดนั้น จะเริ่มอยู่ที่ประมาณหนึ่งพันกว่าบาทเลยทีเดียว ส่วนใหญ่จะเป็นห้องแอร์ สิ่งที่ได้รับก็คือจะมีเรื่องของการอำนวยความสะดวกอยู่มากมาย อาทิ ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ต ที่ใกล้บริเวณที่พักนั่นเอง อีกสิ่งหนึ่งที่มีอยู่ที่หาดทรายแก้วนี้ คือเรือบานาน่าโบ๊ท สำหรับนักเที่ยวที่ชอบความมันแบบผาดโผนที่น่าสัมผัสอีกรูปแบบหนึ่ง

เราให้wcm003 ทำการถ่ายทอดสดอยู่ที่หาดทรายแก้วไปพลางๆ ก่อน เพื่อจะได้ไม่เป็นการเสียเวลา Nature ขอไปเดินหาที่พักที่ดีที่สุดก่อนก็แล้วกัน (ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะเพื่อนๆ หาดนี้มีแต่ฝรั่งสาวๆเปลือยอกอาบแดดกันเป็นว่าเล่น เผื่อจะได้มีภาพสไตล์อีโรติก สวยๆไปให้เพื่อนๆได้ชมกันไงค๊ะ) การหาที่พักของเราในคืนนี้คงไม่ใช่บริเวณที่มีคนอยู่หนาแน่นและไร้ธรรมชาติอย่างแน่นอน ที่สำคัญต้องถูกด้วยค่ะ การเดินเสาะหาที่พักถึงแม้จะเหนื่อยซักหน่อย แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคของพวกเรา(คนเดินทาง)เลย สิ่งที่อยากจะแนะนำเพื่อนๆ ที่ต้องการมาหาธรรมชาติอย่างแท้จริง ควรเดินหาที่พักอย่างใจเย็นๆ เพราะที่เกาะเสม็ดแห่งนี้ยังมีห้องพักและความเป็นธรรมชาติหลงเหลืออยู่มาก พบแล้ว!!! Jeb's Bungalow ตั้งอยู่บนหาดทรายแก้วช่วงปลายๆ ติดกับอ่าวไผ่ บรรยากาศของที่พักแห่งนี้ลักษณะเป็นบ้านหลังๆ ทำด้วยปูนแต่กรุทับด้วยไม้ เลยแลดูกลมกลืนกับสภาพต้นไม้ใหญ่ที่ปกคลุมทั่วไปในบริเวณนี้

ที่นี่ร่มรื่นดีค่ะ มีหาดทรายส่วนตัว โชคดีที่เรามาทันฝรั่งเช็คเอ้าท์ได้บ้านหลังแรกเลย(ติดหน้าหาด) สภาพบ้านที่เราพักอยู่นี้มีระเบียงไม้และชุดม้านั่งไม้ไผ่ให้เราอยู่ตรงหน้าบ้านด้วย มีการจัดสวนเล็กๆ น่ารักๆ พร้อมอ่างบัวด้วยนะค๊ะ ที่สำคัญราคาห้องพักที่นี่ไม่แพงมาก อัตราค่าที่พักอยู่ที่500-600บาท พัดลม มีห้องน้ำในตัว ภายในมีเตียงให้ 2 เตียง นอนได้ 3-4 คนเลยล่ะ สามารถโทรมาติดต่อขอจองห้องพักได้ที่ Jeb's Bungalow (01)853-3121 ได้ที่เดียวค่ะ
เมื่อได้ที่พักเรียบร้อย ก็รีบกลับไปบอก wcm003 ให้มาดูบ้านแล้วเริ่มการถ่ายทอดสดอีกครั้ง เนื่องจากที่นี่เป็นหาดทรายส่วนตัว ผู้คนเลยไม่ค่อยพลุกพล่านเหมือนกับหาดทรายแก้วช่วงต้นๆ มีนักท่องเที่ยวหลายเชื้อชาติเข้ามาทักทายและเข้ามาดูการทำงานของ wcm003 อย่างสนอกสนใจมากมาย ตรงบริเวณหน้าชายหาดนี้จะมีชุดโต๊ะไม้ไผ่นั่งเล่นตั้งอยู่หลายชุด สำหรับแขกที่มาพักที่นี่ และสามารถสั่งอาหารมากินตรงที่จุดนี้ได้ด้วย เราเริ่มตั้งหลักนั่งอยู่ที่ชุดโต๊ะไม้ชุดหนึ่ง เอ๊ะ!นี่เที่ยงแล้วนี่ สั่งอาหารมากินกันดีกว่า

… เราถือโอกาสรวบยอดทั้งมื้อเช้าและมื้อเที่ยงพร้อมกันไปเลยก็แล้วกัน อาหารที่บังกาโลนี้ไม่แพงอย่างที่เราคิด เนื่องจากอาหารที่สั่งคือ ข้าวผัดผงกระหรี่ทะเล มีเหล่าบรรดาสัตว์ทะเลเพรียบ! ตัวใหญ่แถมยังสดอีก ราคาจานละ 40 บาท รสชาติก็ไม่เลี่ยน อร่อยมากค่ะ แถมนั่งกินไปดูฝรั่งอาบแดดไป ชมหาดทรายและท้องทะเลไป คงมีแต่ wcm003 นี่แหละ ที่กินไป ทำงานไป แหม! รับผิดชอบในหน้าที่ดีจังก็เพื่อไม่ให้เพื่อนๆ ที่เข้ามาสบายดอทคอมต้องดูภาพขาดช่วงไงค๊ะ….กริ๊ง กริ๊ง …เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกค่ะ คุณเอส โทรมาบอกว่ากำลังเดินทางเพื่อมาร่วมงานกับเราในครั้งนี้ และจะหอบหิ้วน้องปู(จากเรื่องราวข้างต้น) จากฝั่งมาให้ด้วย…

เราถ่ายทอดเรื่องราวของหาดนี้ไปจนกระทั่งเย็น เนื่องจากบางช่วงสัญญาณขัดข้องบ้าง เครื่อง notebook แฮงค์บ้าง กว่าจะเก็บเรื่องราวหมดก็เย็นพอดี และก็…..พอดีกับที่คุณเอสมาถึง เราดีใจกันมากเนื่องจากจะได้ผู้ช่วยที่คล่องแคล่วมาช่วยงาน wcm003 ของเราอีกแรง… อ้าว! แล้วไหนล่ะน้องปู แหม..นึกว่าอะไรที่แท้คุณเอสเราอยากกินปูทะเลสดๆ นี่เอง แต่ต้องเป็นพรุ่งนี้ค่ะ เพราะคุณเอสจะให้คุณวายร้ายหิ้วมาให้ในวันพรุ่งนี้ที่คุณวายร้ายจะตามมาสมทบอีกแรง

วันนี้เรา offline ด้วยภาพพระอาทิตย์ตกของหาดทรายแก้ว พร้อมกับจบเรื่องราวของวันนี้ที่หาดแห่งนี้ บรรยากาศยามหัวค่ำที่นี่ ช่างเงียบสงบ เสียงคลื่นกระทบฝั่งแบบเอื่อยๆ แสงสีส้มที่เจียนจะหายไปเรื่อยๆ ก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นความมืด ที่สำคัญน้องยุงที่นี่ตัวใหญ่และเยอะมาก ทำให้พวกเรามีกิจกรรมเพิ่มค่ะ คือการนั่งตบยุง แต่พอมืดสนิท ยุงเหล่านั้นก็หนีเข้าป่าหายไปหมด แล้วเรา 3 คน ก็เริ่มพักผ่อนตามอัธยาศัยตรงที่โต๊ะไม้ไผ่ชุดเดิม……….

ราตรีสวัสดิ์