ซ่อนเป้าหมายใหม่เพื่อดันยอดสินค้าอื่น
ส่องเส้นทางการโฆษณาที่แหวกแนวของมีสทีนหลังกล้าหยิบจุดอ่อนสินค้าผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายด้วยการชู
กลิ่นเต่า เป็นจุดเด่นพร้อมซ่อนเป้าหมายทางการตลาดที่ต่างจากการโฆษณาทั่วไป
โดยไม่หวังเพิ่มยอดขายจากฟอร์ซโรออนแต่ต้องการให้เกิดการสนธนาระหว่างสาวมีสทีนกับลูกค้าเพื่อจูงใจสู่การปิด
แคตตาล๊อกมีสทีน
แก้จุดอ่อนธุรกิจขายตรงที่ไม่สามารถสร้างกิจกรรม ณ จุดขายได้
โฆษณา
เต่า ของบริษัทเบทเตอร์เวย์(ประเทศไทย)จำกัด หรือที่รู้จักภายใต้ผลิตภัณฑ์มีสทีน
ซึ่งได้สร้างความสนใจในวงกว้างสำหรับผลิตภัณฑ์ฟอร์ซโรล-ออนซึ่งหลายบริษัทต่างหลีกเลี่ยงที่จะหยิบจุดด้อย
ของสินค้าประเภทนี้ออกมาใช้เนื่องจากผลิตภัณฑ์โรลออนหรือสินค้าระงับกลิ่นกายที่ลดปัญหากลิ่นตัวหรือกลิ่นเต่านั้น
ทุกบริษัทที่มีสินค้ากลุ่มนี้แทบจะปิดตายกับคอนเซ็บต์โฆษณาและการสร้างจุดขายด้วยการสร้างเรื่อง
กลิ่นเต่า ออกมาใช้เพราะหลายคนมองว่าเป็นจุดอ่อนของสินค้าประเภทนี้ที่สำคัญคอนเซ็ปต์การชูเรื่องกลิ่นเต่าที่ต้องซ่อนปมด้อยของสินค้านี้เคยถูกนำออกมาชูให้โดดเด่นแต่ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก
แต่สำหรับมีสทีนกับฟอร์ซโรลออนในยุคนี้ กล้าที่จะดึงจุดด้อยในสินค้าตัวนี้มาเป็นจุดเด่น และสามารถสร้างการยอมรับได้ในวงกว้างในเรื่องความน่าสนใจ ของภาพยนตร์โฆษณาที่กล้าหยิบยกประเด็นดังกล่าวออกมาจนน่าสนใจ ซึ่งเป็นไปตามแบบฉบับของภาพยนตร์โฆษณามีสทีนในแนวเรียบง่าย ตรงประเด็นและสร้างความจดจำแบบพลิกความคาดหมาย
เกิดหัวข้อสนทนาระหว่างสาวมีสทีน-ลูกค้า
หัวข้อการสนทนาระหว่างสาวมีสทีนหลายแสนคนและลูกค้าทั่วประเทศเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่มีสทีนต้องการให้เกิดขึ้นในยามที่สาวมีสทีนเข้าไปเสนอขายสินค้า และสามารถเกิดขึ้นจริงๆ จากโฆษณา เต่าชุดนี้ซึ่งทำให้การทำงานของสาวมีสทีนง่ายขึ้นรวมทั้งการจูงใจลูกค้าก็ง่ายตามไปด้วย การทำธุรกิจขายตรงที่ขายผ่านแคตตาล๊อกนั้นไม่เหมือนกับการขายสินค้าคอนซูมเมอร์โปรดักซ์ในซุปเปอร์มาเกตที่สามรถสร้างกิจกรรม ณ จุดขายได้แต่ขายตรงเราทำอย่างนั้นไม่ได้ การโฆษณาที่เกิดหัวข้อการสนธนาระหว่างสาวมีสทีนและผู้บริโภคจะเป็นการจุดประกายการเปิดแคตตาล๊อกขายมากขึ้น นายสุรพล ดีโรจวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายขายบริษัทเบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย)จำกัด กล่าวกับ กรุงเทพธุรกิจ
ทั้งนี้จากการโฆษณาดังกล่าว 98% ของผู้ชมจะชื่นชอบและจดจำโฆษณาชิ้นนี้ได้ และเป็นผลพวงในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้เทียบกับปีที่แล้วยอดขายโดยรวมผลิตภัณฑ์จะเพิ่มขึ้นประมาณ 50% โดยมีโฆษณาชิ้นนี้เป็นประตูสู่การรู้จักสินค้าตัวอื่น
เป้าหมายของเราไม่ต้องการขายฟอร์ซโรลออนเพียงอย่างเดียวแต่ต้องการขายสินค้าในแคตตาล๊อกที่มีกว่า 3,000 รายการ จึงจำเป็นต้องสร้างจุดขายให้มาดึงความสนใจของผู้บริโภค ซึ่งยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 50% นั้นถือว่าเราประสบความสำเร็จจากคอนเซ็บต์ดังกล่าว นายสุรพลกล่าว
โฆษณาน่าสนใจแก้ปัญหาจุดอ่อน
การโฆษณาโรลออนที่พูดว่าใช้แล้วมั่นใจ ใช้กันจนสินค้าไม่มีจุดเด่น ซึ่งจากการศึกษาของเราคิดว่าน่าจะใช้กลิ่นเต่ามาเป็นจุดเด่นได้ นายปริยชาติ บลาดตา ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์บริษัท เฟมไลน์ จำกัดกล่าว
ทั้งนี้ความสนใจของโฆษณาจะทำให้จุดอ่อนของสินค้าหายไปทันที หรือผู้บริโภคลืมความน่าอายของสินค้าและไม่ส่งผลกระทบต่อการทำการตลาดต่อไป