เนื่องจากสังคมโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ
ดังนั้นเราทั้งหลายในฐานะที่เป็น
ส่วนหนึ่งของ
สังคมนี้สมควรที่จะเปิดใจให้กว้างที่จะศึกษาและทำความเข้าใจในเทคโนโลยีใหม่ ๆ
ตลอดจนผลกระทบอันสืบเนื่อง
มาจาก
กระแสคลื่นของการปฏิวัติสารสนเทศที่มีต่อต้วเราและสังคม
เพื่อที่จะสามารถนำสิ่งเหล่านี้มาประยุกต์ใช้ให
้เป็นประโยชน์
ทั้งต่อตนเองและสังคมต่อไป
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวก็เช่นเดียวกัน
จะเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง
ติดตาม ความก้าวหน้า
ของเทคโนโลยีสารสนเทศ และนำมาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้เท่าทัน
และสร้างมูลค่าเพิ่ม
ให้กับธุรกิจได้
อย่างมีประสิทธิภาพ
9.1 การปรับตัวขององค์การในยุคสารสนเทศ
ความก้าวหน้าและพัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานแต่ละหน่วยงานมากขึ้นทุกขณะ องค์การต่าง ๆ ในฐานะที่เป็นระบบย่อยภายในระบบสังคมมีความจำเป็นที่จะต้องปรับตัว เพื่อความอยู่รอดและการเจริญเติบโตในอนาคต
ดังจะเห็น ได้จาก
ตัวอย่างต่อไปนี้
- หลายหน่วยงานได้ปรับโครงสร้างขององค์การจากโครงสร้างแบบลำดับขั้น เข้าสู่โครงสร้างระบบ
เครือข่าย พัฒนาการของ
เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยลดขั้นตอนการทำงาน ช่วยให้การตัดสินใจ และการประสานงานระหว่างหน่วยงานมีประสิทธิภาพ จึงไม่ต้องมีการตรวจสอบและควบคุมเป็นลำดับขั้น
นอกจากนี้บุคลากรรุ่นใหม่ยังมีความรู้และ
ทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
สูงกว่าในอดีต จึงพร้อมที่จะรับผิดชอบในการปฏิบัติงานของตนและกลุ่มมากขึ้น
ท องค์การขนาดใหญ่ปรับตัวเป็นกลุ่มองค์การขนาดย่อม เพื่อความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน การประสานงาน การแข่งขัน และรับรองความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
- มีการสนับสนุนการปฏิบัติงานร่วมกันเป็นกลุ่ม โดยที่ผู้จัดการหรือหัวหน้างานจะเปลี่ยนหน้าที่จากผู้สั่งการมาเป็นผู้ฝึกสอน ผู้ประสานงาน และอำนวยความสะดวกในการทำงาน
- ระบบการเข้างานแบบยืดหยุ่นจะถูกนำมาใช้ แรงงานบางส่วนจะสามารถทำงานอยู่ที่บ้าน
ขณะที่หลายฝ่าย สามารถ
เลือกเวลา
เข้าทำงานและเลือกงานที่เหมาะสมได้เองนอกจากนี้กิจกรรมทางธุรกิจ
ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง
ตามการพลวัตรของสังคม
ที่ถูกผลักดัน
ด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น กิจกรรมทางการเงินที่ต้องกระทำต่อเนื่องตลอดทั้งวันทั้งคืน
การผลิตและ การตลาด
ต้องปรับตัว เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีหลากหลายขึ้น
ช่องทางการจัดจำหน่าย
จะมีมากขึ้นกว่าในอดีต เป็นต้น
ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่ผู้บริหารในหน่วยงานต่าง ๆ จะต้องติดตามความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ใน
หน่วยงานตน ต่อไป โดยมีข้อแนะนำในการเตรียมตัว เพื่อก้าวสู่ยุคสารสนเทศอย่างมั่นคง ดังต่อไปนี้
1. ติดตามการเปลี่ยนแปลงทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น
ตลอดจนทำความเข้าใจบทบาทของ
เทคโนโลยีใหม่ที่จะมีผล
กระทบ
ต่อองค์การและในอนาคต
2. พิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นและกำลังจะเกิดขึ้นในแต่ละหน่วยงาน โดยเฉพาะความต้องการทางด้านข้อมูลข่าวสาร
เพื่อหา
แนวโน้มความต้องการ จัดทำแผน และแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยีขององค์การ
3. เตรียมความพร้อมทางด้านบุคลากรและงบประมาณ
เพื่อรองรับต่อการนำเทคโนโลยีมาใช้เนื่องจากการจัดการ
เทคโนโลยีไม่
สามารถใช้เงินซื้อหามาเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีความเข้าใจในศักยภาพและความพร้อมของบุคลากรประกอบด้วย
เราจะเห็นว่าการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันต้องอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นพื้นฐาน
9.2 แนวโน้มการใช้เทคโนโลยีขององค์การ
การจำแนกผลกระทบของเทคโนโลยีที่มีต่อการทำงานขององค์การออกเป็น 5 ลักษณะ
ดังต่อไปนี้
1. การปรับปรุงรูปแบบการทำงานขององค์การ เทคโนโลยีหลายอย่างได้ถูกนำเข้ามาใช้ภายในองค์การ และส่งผลให้กระบวนการในการทำงานได้เปลี่ยนรูปแบบไป ตัวอย่างเช่น การนำเอาเทคโนโลยีไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronics Mail) เข้ามาใช้ภายในองค์การ ทำให้การส่งข่าวสารไม่ต้องใช้พนักงานเดินหนังสืออีกต่อไป
2. การสนับสนุนการดำเนินงานเชิงกลยุทธ์ โดยเทคโนโลยีสารสนเทศจะผลิตสารสนเทศที่สำคัญให้แก่ผู้บริหาร
ที่จะเป็นแนวทางในการ
ตัดสินใจและการสร้างความได้เปรียบเหนือกว่าคู่แข่งขัน ในอนาคตการแข่งขันในแต่ละอุตสาหกรรมจะมีความรุนแรงมากขึ้น
การบริหาร
งานของผู้บริหารที่อาศัยเพียงประสบการณ์และโชคชะตาอาจจะไม่เพียงพอ
แต่ถ้าผู้บริหารมีสารสนเทศ
ที่มีประสิทธิภาพมา
ประกอบ ในการ ตัดสินใจ ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาและบริหารงานได้มีประสิทธิภาพขึ้น ดังนั้นผู้บริหารในอนาคต
จะต้องสามารถ ประยุกต์ใช้
เทคโนโลยีในการสร้างสารสนเทศที่ดีให้กับตนเองและองค์การ
3. เครื่องมือในการทำงาน เทคโนโลยีถูกนำเข้ามาใช้ภายในองค์การ เพื่อให้การทำงานคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ เช่น การออกเอกสารต่าง ๆ โดยใช้คอมพิวเตอร์ การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการออกแบบชิ้นส่วนของเครื่องจักร และการควบคุมการผลิต เป็นต้น
4. การเพิ่มผลผลิตของงานโดยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ปัจจุบันคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือ PC
ถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพ
มากขึ้น ตลอดจนการใช้งานสะดวกและไม่ซับซ้อนเหมือนอย่างคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ นอกจากนี้ในท้องตลาดยังมีชุดคำสั่งประยุกต์ (Application Software) อีกมากมายที่สามารถใช้งานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ
และ
ผลผลิตของงานได้อย่างมาก และเมื่อต่อคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเข้ากับระบบเครือข่าย
ก็จะทำให้องค์การสามารถ
รับส่งข้อมูลและข่าว
สารจากทั้งภายในและภายนอกองค์การได้อีกด้วย
ดังนั้นในอนาคตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลจะกลาย
เป็นเครื่องมือหลักของพนักงาน
และผู้บริหารขององค์การ
5. เทคโนโลยีการติดต่อสื่อสาร
ในช่วงแรกของการนำคอมพิวเตอร์มาใช้งานทางธุรกิจคอมพิวเตอร์จะถูก
ใช้เป็นเพียง อุปกรณ์หลัก
ที่ช่วยในการเก็บและคำนวณข้อมูลต่าง ๆ เท่านั้น ปัจจุบันคอมพิวเตอร์ได้ถูกพัฒนาให้มีศักยภาพมากขึ้น
โดยสามารถที่จะต่อ
เป็นระบบ เครือข่าย เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์จากทั้งภายในองค์การหรือภายนอกองค์การ
โดยไม่จำกัดขอบเขตว่า
ผู้ใช้จะอยู่
ห่างไกลกันเท่าใด ปัจจุบันผู้ใช้สามารถติอต่อเพื่อที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารซึ่งกันและกันได้จากทุกหนทุกแห่งทั่วโลก คอมพิวเตอร์จึงมีบทบาทที่สำคัญมากกว่าการเป็นเครื่องที่เก็บและประมวลผลข้อมูลเหมือนอย่างในอดีตต่อไป

รูปที่ 9.1 แนวโน้มการใช้เทคโนโลยีขององค์การ
แนวโน้มของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศขององค์การ แสดงให้เราเห็นได้ว่าในอนาคตผู้ที่จะเป็นนักบริหารและนักวิชาชีพที่
ประสบ
ความสำเร็จจะต้องไม่เพียงแค่รู้จักคอมพิวเตอร์ แต่จะต้องสามารถใช้คอมพิวเตอร์อย่างมีประสิทธิภาพ
และรู้จักการ จัดการ
เทคโนโลยี สารสนเทศ โดยผู้บริหารในอนาคตจะต้องรู้จักการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีกับงานของตนเอง
มีความติดในการที่สร้างระบบสารสนเทศ
ที่ตนเองต้องการ เพื่อช่วยในการตัดสินใจในภาวะที่มีการแข่งขันสูง ทำให้การบริหารของตนเองมีประสิทธิภาพ
และประสบความสำเร็จ
อย่างสูงสุด ขณะที่นักวิชาชีพจะใช้ระบบสารสนเทศในการรวบรวม และประมวลผล และจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ
ตลอดจนการ
ค้นหาและตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ ผ่านระบบเครือข่ายอย่างถูกต้องและรวดเร็ว