เผชิญมนุษย์ต่างดาว

ในปี 1979 สถิติจำนวนผู้พบเห็นจานบินยังคงเพิ่มขึ้น ที่สำคัญคือมีรายงานส่วนหนึ่งเป็นความล้มเหลวของมหาอำนาจที่สัมพันธ์กับกิจกรรมการบิน ซึ่งออกมาจากประเทศจีน เป็นที่สังเกตว่ายิ่งมีรายงานมากขึ้น แต่หน่วยงานราชการหลายแห่งกลับห้ามมิให้เผยแพร่ เนื่องจากเกรงประชาชนจะตกใจและแระสบกับความวุ่นวายต่างๆ เหตุเกิดขึ้นในวันที่ 12 กันยายน ปี 1979 เวลา 20.45 น. มีพยานเป็นจำนวนมากในเมืองซูกลิงกลง และฮวยหัว มณพลหูหนาน ได้เห็นจานบินขนาดใหญ่เปล่งแสงรัศมีโดยรอบ ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า แล้วสาดลำแสงสีขาวสว่างจ้าตรงลงมายังพื้นโลก จากนั้นมันได้บินขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วบินหายลับไปอย่างรวดเร็ว มีรายงานเรื่องราวเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวเป็นจำนวนมาก แต่ได้รับการเผยแพร่ในวงแคบมาก ทั้งๆเป็นเรื่องสำคัญมากพอๆกับจานบิน ต่อมาในปี 1980 ทางการได้ลดการควบคุมเสนอและเผยแพร่รายงานเรื่องราวเกี่ยวกับจานบินและมนุษย์ต่างดาวลง จึงมีรายงานจากพยานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รายงานส่วนหนึ่งเกี่ยวกับการเผชิญมนุษย์ต่างดาวที่นับว่าน่าสนใจมากดังตัวอย่างต่อไปนี้ เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ปี 1979 เวลา 10.00 น. เขตบริเวณใกล้เมืองลองหวังเหมียว บนทางหลวงกังสีกับซินเกียง คนขับรถบรรทุกที่ขับตามกันมาได้มองเห็นสิ่งประหลาด หวาง ติง หยวน ซึ่งกำลังขับรถบรรทุกคันหน้า ได้สังเกตเห็นลำแสงสว่างจ้าขนาดใหญ่สาดตรงลงมาบนพื้นโลก และมองเห็นมนุษย์ประหลาดสองคนยืนอยู่ใต้ลำแสงริมทางหลวง ครั้นรถบรรทุกทั้งสองคันจอดข้างทาง ปรากฏว่าปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดนั้นก็หายไป ส่วนหวาง เจียนหนิง คนขับรถคันที่สอง อ้างว่าไม่เห็นสิ่งใด จึงตกลงเปลี่ยนตำแหน่งรถใหม่ให้คันของเขานำหน้า และคันของหวาง ติง หยวนตามหลัง หลังจากเริ่มขับไปได้ประมาณ 5-6 กิโลเมตร ปรากฏว่าหวาง เจียนหนิงก็ได้สังเกตเห็นลำแสงประหลาด มีมนุษย์ประหลาดยืนอยู๋ใต้ลำแสงที่สาดลงมาข้างทางหลวง ซึ่งอยู่ห่างจากข้างหน้าเขาประมาณ 200 เมตร …สังเกตได้ว่า เป็นมนุษย์ประหลาด สูงราว 1.5 เมตร สวมชุดแต่งกายรัดรูป แบบชุดนักบินอวกาศ สวมหมวกเหล็ก และยังคาดสายพาดไหล่ไปยังช่วงใต้แขนด้านซ้าย บนสายคาดติดวัตถุประหลาดคล้ายกระติดน้ำร้อน…นั่นคือมนุษย์จากนอกโลก… แต่ละคนถืออาวุธลักษณะคล้ายตะบองสั้น ที่สังเกตได้เด่นชัดอีกก็คือ แต่ละคนมีรัศมีแสงสีแดงสาดส่องจากส่วนยอดของหมวกเหล็ก หวาง เจียนหนิงได้จอดรถ และได้ปิดไฟหน้ารถ มนุษย์ต่างดาวก็ยังยืนนิ่งอยู่ที่นั่น เขาได้ลงจากรถในมือถือตะขอเหล็กเตรียมพร้อม ทันใดนั้นลำแสงประหลาดและมนุษย์ต่างดาวก็หายลับไปโดยไม่ทราบสาเหตุ

ปรากฏการณ์จานบิน ในวันที่ 8 ตุลาคม ปี 1990

นิโคไล เลเบเดฟ นักวิจัยค้นคว้าระดับแนวหน้าได้เปิดเผยรายงานนักบินกองทัพอากาศโซเวียต เผชิญหน้ากับจานบิน เหตุเกิดขึ้นในวันที่ 8 ตุลาคม ปี 1990 นาวาอากาศเอกพีเรีย บิเซฟ นักบินแห่งกองทัพอากาศได้เล่าว่า "เมื่อเวลา 11.27 น. ผมได้รับคำสั่งให้นำเครื่องบินขึ้นไปค้นหาเป้าหมายที่กำหนดให้ในระดับความสูง 4.5กิโลเมตร สภาพอากาศบนท้องฟ้าในขณะนั้นโปร่งใน ปราศจากเมฆหมอก ทัศนวิสัยดีมาก หลักจากปฏิบัติภารกิจ ผมได้วิทยุแจ้ไปยังฐานเตรียมบินทีจะบินกลับ ทันใดนั้นรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างบังคับผมให้หันไปมองโดยรอบ ปรากฏว่าทางด้านหลังของผมค่อนไปทางขวามือ ผมได้เห็นจานบินรูปร่างคล้ายซิการ์ขนาดใหญ่ลำหนึ่งความยาวของมันประมาณ 400 เมตร ผมสังเกตเห็นว่ามันเคลื่อนที่ไปด้านข้างด้วยความเร็วสูงมาก จึงได้บินตีโค้งพร้อมที่จะโฉบเข้าไปใกล้มันเพื่อดูให้ชัดเจน ทันใดนั้นมันก็บินหายลับไป… ในขณะเดียวกันเรดาร์ที่ศูนย์ควบคุมการบินยังสามารถติดตามจานบินลำนี้ต่อไปได้ แต่เพียงชั่วเวลาไม่กี่นาทีมันก็หายลับไป"

พบมนุษย์ต่างดาวที่เมืองโวโรเนซ ในสหภาพโซเวียต

เหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นต่อสายตาของพยาน ทั้งที่เป็นเด็กและผู้ใหญ่หลายคน ในช่วงต้นเดือนตุลาคม ปี 1989 มีจานบินประหลาดลำหนึ่งลงมาจอดบนพื้นโลก และมนุษย์ต่างดาวรูปร่างสูงใหญ่ราวกับยักษ์ 3 คนลงมาจากยาน ลักษณะเครื่องแต่งกายเป็นชุดรัดรูปสีเงินยวง มนุษย์ต่างดาวคนหนึ่งได้ใช้อาวุธคล้ายท่อ ยาวประมาณ 50 เซนติเมตร พุ่งลำแสงสังหารเด็กชายคนหนึ่งที่ยืนดูอยู่ใกล้ๆ แทบไม่น่าเชื่อ ร่างของเด็กชายคนนั้นหายวับไปในทันใด และได้ปรากฏร่างอีกครั้งหนึ่ง หลังจากมนุษย์ต่างดาวได้ขึ้นยานแล้วบินออกไปจากที่นั่น

เมื่อมนุษย์ต่างดาวหญิงมีเพศสัมพันธ์กับชาวโลก

ข่าวที่โด่งดังมากจนกระทั่งบัดนี้ จัดว่าเป็นข่าวพิศดารที่ชวนฉงนสนเท่ห์ยิ่งนัก นั่นก็คือมนุษย์ต่างดาวหญิงพิสูจน์เพศสัมพันธ์กับชายหนุ่มบราซิล เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15ตุลาคม ปี 1957 ที่เมืองมินัสจีแรส ประเทศ บราซิล ในทวีปอเมริกาใต้ ชายหนุ่มผู้โชคดีที่ได้เป็นตัวแทนหนุ่มๆทั้งหลายในโลกนี้ก็คือ อันโตนิโอ วิลลัส โบส เหตุเกิดขึ้นในช่วงเวลากลางคือวันแรกเมื่อเขาและน้องชายเห็นลำแสงจ้าปกติ สาดส่องลงมาจากฟากฟ้าทางหน้าต่างห้องนอน ครั้นเดินออกไปมองดูตรงหน้าต่าง ก็เห็นจานบินขนาดมหึมาลอยอยู่กลางท้องฟ้า สูงประมาณ 300 ฟุต (92เมตร) เหนือบริเวณสนามใกล้บ้าน อันโตนิโอได้ชวนน้องชายไปดูใกล้ๆ ให้เห็นเต็มตาแต่น้องชายเขาปฏิเสธ ดังนั้นเขาจึงเดินออกไปดูตามลำพังหลังจากเห็นเต็มตาได้ไม่นานนัก จานบินลำนั้นก็ออกไป ในคืนวันต่อมาคือวันที่ 15 ตุลาคม ปรากฏว่าช่วงหลังเที่ยงคืน จานบินลำนั้นก็กลับมาปรากฏให้เห็นอีกครั้งหนึ่ง ในขณะที่ปรากฏตอนแรก เขาเห็นเป็นรูปทรงกลมมีแสงสว่างสีแดง และลอยอยู่บนท้องฟ้าสูง เหนือจากบริเวณทุ่งหญ้าราว 300 ฟุตเช่นเดิม เขาได้เดินเข้าไปใกล้จนสังเกตได้ว่า เป็นจานบินรูปทรงวงรีหรือรูปไข่ทันใดนั้นมันได้ลดระดับลงมาต่ำเพียง 40 ฟุต หรือประมาณ 12 เมตรทำให้เขามองเห็นเด่นชัดขึ้นอีก ลักษณะจานบินมีขา 3 ขา รูปทรงคล้ายจานขนาดใหญ่คว่ำและหงายประกบกันตรงกลาง ด้านบนยื่นออกไปในลักษณะโค้งมนกลม ด้วยความรู้สึกตกใจเขาได้วิ่งหนี แต่ปรากฏว่าจานบินลำนั้นได้โฉบลงมาใกล้ และมีมนุษย์ต่างดาว 5 คน ไล่จับเขาแล้วนำขึ้นไปบนยาน สังเกตได้ว่ามนุษย์ต่างดาวแต่งกายชุดสีเทารัดรูป ศรีษะกลมโต มีดวงตาสีน้ำเงินเป็นเส้นเล็ก อันโตนิโอได้เล่าว่า เขาถูกจับเปลื้องเสื้อผ้าเปลือยกายเดินเข้าไปยังห้องเล็กๆห้องหนึ่ง ซึ่งมีผนังรอบด้วยเป็นโลหะสะท้อนแวววับ เขาถูกปล่อยให้อยู่ตามลำพังนานเกือบ 30 นาที สังเกตได้ว่าภายในห้องมีท่อเล็กโยงต่อกันดูสับสนวุ่นวาย นอกจากนั้นเขาได้กลิ่นเหม็นอับออกมาจากท่อ สักครู่หนึ่งก็มีมนุษย์ต่างดาวหญิงเปลือยกายเดินเข้ามาในห้อง เขารู้สึกว่ารูปร่างของเธอสวยมาก รูปร่างอวบอั๋นได้สัดส่วน หน้าอกพุ่งชันสูงเด่น หน้าท้องแบนราบ สะโพกผาย ริมฝีปากเรียวเล็กแทบเป็นเส้นตรง รูปร่างของเธอคล้ายมนุษย์ในโลกเรานั่นเอง ผมสีบลอนด์ ผิวหนังสีขาวซีด ดวงตาเอียงสีน้ำเงิน แต่จมูกและ ใบหูแบนราบ คางแหลมเล็ก ลักษณะตัวเตี้ย เธอก้าวเข้าไปหาอันโตนิโออย่างเงียบ และได้จ้องมองเขาราวกับต้องการบางสิ่งบางอย่างจากเขา เธอผลักอกเขานอนกับเตียง แล้วเธอได้กอดรัดเขา และใช้ใบหน้าไซ้ไปตามซอกคอและหน้าอกของเขา จากนั้นเธอได้ใช้ร่างอันเปลือยเปล่าถูไถไปตามร่างกายของเขาอย่างช้าๆ ส่วน อันโตนิโอรู้สึกตื่นเต้นและตกใจมาก ต่อมาเขาก็เกิดอารมณ์ทางเพศที่ถูกกระตุ้นตลอดเวลา และได้ร่วมเพศกับเธอในที่สุด อันโตนิโอเริ่มเข้าใจว่า พวกมนุษย์ต่างดาวคงต้องการทดลองและพิสูจน์การเพาะพันธุ์กับมนุษย์ ซึ่งเขารู้สึกโกรธมาก แต่ไม่สามารถขัดขืนได้ ต่อมาในการร่วมเพศครั้งที่ 2 เขาสังเกตได้ว่า เธอได้ดูดตัวอย่างน้ำอสุจิของเขาไป ซึ่งทำให้เขาตระหนักได้ว่าคงนำเอาไว้ทดสอบทางชีววิทยาหรือเก็บไว้ใช้ในโอกาสต่อไป จากนั้นอันโตนิโอได้รับอนุญาตให้แต่งตัว และมีมนุษย์ต่างดาวที่เป็นชายพาเดินชมห้องอื่นๆภายในยาน มีอยู่ช่วงหนึ่งเขาพยายามที่จะขโมยเครื่อมือ ซึ่งจะเป็นข้อพิสูจน์ประสบการณ์ของเขา ปรากฏว่าบรรดามนุษย์ต่างดาวจับตัวเขาแล้วนำลงจากยาน เขาได้เฝ้ามองจานบินลำนั้นลอยออกไปด้วยความเร็วสูงมาก เขากล่าวว่า รวมเวลาทั้งหมดที่ถูกลักพาตัวขึ้นไปอยู่บนยานประมาณ 4 ชั่วโมง ต่อมาหลังจากนายแพทย์โอลาโว ฟอนเตส ได้ตรวจสอบแล้วพบว่ามีรอยแผลที่มนุษย์ต่างดาวเจาะเลือดตัวอย่างไป และบนผิวหนังตามแขนและลำตัวหลายแห่งมีรอยแผลที่ถูกเผาด้วยแสงกัมมันตภาพรังสี มิสซิสไอรีน แกรนซี ได้พูดคุยกับมาร์ลีนา ภรรยาของอันโตนิโอว่าเธอรู้สึกอย่างไรในกรณีที่สามีของเธออาจมีบุตรกับมนุษย์ต่างดาว เธอตอบว่าไม่เป็นไร ดีเสียอีกที่จะได้ร่วมภูมิใจด้วย ไม่เพียงแต่อันโตนิโอ วัลลัส โบสจะถูกมนุษยืต่างดาวลักพาตัวไปตรวจสอบเกี่ยวกับพันธุ์ชาติมนุษย์เท่านั้น ปราก่ฏการณ์จากประสบการณ์ผู้ถูกลักพาตัวรายอื่นๆ ต่างก็เปิดเผยในลักษณะเดียวกัน ว่าพวกเขาคาดว่า เลือด, เซลล์จากรังไข่ หรืออสุจิที่ถูกดูดไปนั้น มนุษย์ต่างดาวคงนำไปทดสอบทางชีววิทยา เพื่อเปรียบเทียบและศึกษาค้นคว้าความเป็นมนุษย์ในโลกกับมนุษย์ในโลกของเขาอย่างแน่นอน.