เหตุการณ์ที่ติมอร์   4 ธ.ค.45

 

มีการชุมนุมประท้วงและกลายเป็นเหตุจลาจล จนทำให้รัฐบาลของประเทศติมอร์ ตะวันออกต้องประกาศภาวะฉุกเฉินและห้ามออก นอกเคหะสถานหลังเวลา 1900 น.ตามเวลาท้องถิ่น ในวันที่ 4 ธ.ค.45 เป็นเหตุให้พวกเราทหารไทยที่ประจำอยู่ที่ รพ.สหประชาชาติต้องมีการ เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ทั้งอุบัติภัยหมู่และการระวังป้องกันตนเองอย่างหนัก เนื่องจากสถานที่เกิดเหตุนั้นในช่วงแรกก็ห่างประมาณ  2 กม. แต่ในที่สุดก็ใกล้เข้ามาจนถึงรั้ว รพ.ฯ

ผมขอลำดับเหตุการณ์ที่สามารถเรียบเรียงได้ จากการรับข่าวสารที่ บก.รพ.ฯ และการประสานการปฏิบัติกับรถยนพยาบาล ที่ออกไปรับผู้ป่วยเจ็บ ได้ดังนี้

10.30    ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ ว่ามีผู้ถูกยิงที่บริเวณที่ชุมนุมประท้วง จำนวน 2 ราย และมีผู้บาดเจ็บจำนวนประมาณ 5 คน  ขอให้เตรียมรับ ผู้ป่วยดังกล่าวอีกประมาณ 5 นาที  รพ.ประกาศเตรียมรับอุบัติภัยหมู่  เรียกกำลังพลที่ปฏิบัติงานนอกหน่วยกลับที่ตั้ง

 

 

    

10.40   หัวหน้าสาธารณสุข UNMISET มาร่วมอำนวยการปฏิบัติที่ รพ. และขอรถพยาบาล 2 คันเพื่อไปรับผู้ป่วยเจ็บเอง มี พ.อ.อ.เสนาะ  รักษ์ศิริ และ ส.อ.ประเสริฐ  ปุริสมัย เป็นพลขับพร้อมกับ พ.อ.อ.จารุวิทย์  สุทธิคีรี และ นายสิบพยาบาลชาวออสเตรเลีย อีก 1 นาย เป็นนายสิบพยาบาลประจำรถ ไปยังที่เกิดเหตุ แต่ไม่สามารถที่จะเข้าไปรับผู้ป่วยเจ็บได้ เพราะกลุ่มผู้ชุมไม่ยอมให้รับตัวคนบาดเจ็บซึ่งคาดว่าเสียชีวิตแล้วออกจากพื้นที่ ผู้บาดเจ็บเล็กน้อยไม่ยอมมารับการรักษา การเจรจาล้มเหลวผู้ชุมนุมวิ่งกรูมาหารถพยาบาล  พลขับขอถอนตัวกลับ

 

 

11.00   รับแจ้งว่าจะไม่ส่งคนไข้มาที่ รพ.แล้ว ทุกอย่างควบคุมได้ ตำรวจปราบจลาจลที่อยู่บริเวณหน้า รพ.ฯ  เริ่มเข้าร่ม พักเอาแรง กำลังพล รพ.ฯ ก็เตรียมพัก รอฟังสถานการณ์และความคืบหน้า(พร้อมถ่ายรูปที่ระลึก)

11.15   มีรถนำผู้ป่วยเจ็บมาส่งที่ รพ.ฯ พร้อมแจ้งเหตุการณ์ข้างนอก ( เนื่องจาก จนท.UN ถูกแจ้งห้ามออกนอกพื้นที่โดยไม่จำเป็น)  รพ.ฯ แจ้งกำลังพลเบิกอาวุธและกระสุน และเสื้อเกราะกันกระสุน

ส่วนหนึ่งของพื้นที่เกิดเหตุชุมนุม

สภาพรถที่นำผู้ป่วยเจ็บมาส่ง รพ.ฯ

11.30   มีกลุ่มควันหนาจากไฟไหม้ห่งจาก รพ.ฯ ประมาณ 1.5 กม.  และกลุ่มควันเริ่มหนาขึ้นเรื่อย ๆ ตามด้วยเสียงปืนเล็กยาวยิงแบบออโตเมติก ประมาณ 40 - 50 นัด   ( ผบ.ประสานการระวังป้องกันกับ ชุด รปภ.)

11.45   ข่าวปล่อยประธานาธิบดีโดนยิงที่ขา ให้ รพ.ฯ เตรียมรับและระวังป้องกัน ค่ดว่าจะส่งมาทาง ฮ.

 

12.00   มีกลุ่มควันเพิ่มอีก 1 จุด ทางด้านอาคารรัฐสภา หลังจากนั้นอีกประมาณ 10 นาที ก็มีกลุ่มควันเพิ่มอีก 1 จุด ผู้ป่วยเจ็บ(ส่วนมากเป็นตำรวจติมอร์) ที่เป็นเจ้าหน้าที่ถูกทยอยลำเลียงเข้า รพ.ฯ เป็นระยะ ๆ และเสียงปืนเล็กยาวยิงเป็นชุด   ใกล้ รพ.มาเรื่อย ๆ

ได้รับการประสานว่าจะมี ฮ.มาส่งป่วยที่ รพ.ให้เคลียร์พื้นที่ให้ด้วย

 

12.30   คนไทยในดีลีถูกรวบรวมเพื่อมาหลบภัยและพักอาศัยใน รพ.ฯ  มียอด คนไทย 13 คน และต่างชาติ  5  คน  และ พยายามติดต่อหาคนไทยที่เหลือ  

รับตำรวจหญิงที่ได้รับบาดเจ็บจากสนามบินโคโมโร  จึงได้ทราบว่าที่นั่นมีการพยายามยึดสนามบินโดยกลุ่มคน ประมาณ 300 คน

 

 

13.00   ในขณะที่คนไทยกำลังลงทะเบียนเพื่อเข้าหลบภัย ประธานาธิบดี ก็เดินทาง (เดินเท้า) มาที่ตึกตรงข้าม รพ.ฯ ซึ่งเป็นสำนักงานประธานาธิบดี ท่ามกลางการอารักขาอย่างแน่นหนา ( ไม่มีอาการบาดเจ็บ )

 

14.00   กลุ่มผู้ชุมนุมยึดรถตำรวจ ขับฝ่าด่านตรวจและด่านป่องกัน พร้อมกับกับขบวนมอร์เตอร์ไซด์ ประมาณ 50 คัน เข้าไปในสำนักงานประธานาธิบดี     ประมาณ 5-10  นาที ก็ขับรถออกไปคล้ายกับว่าไม่เจอ ปธน.

 

 

 

14.30   เริ่มมีผู้มาชุมนุมหน้า สนง.ปธน.มากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ ฮ.ตรวจการบินสังเกตุการณ์บริเวณที่ไฟลุกไหม้ และ เหนือ รพ.ฯ ตลอดเวลา

 

 

15.00   ฮ.ที่มาส่งคนไข้ มาถึง รพ.ฯ

    

และชุดระวังป้องกันของโปตุเกสเพิ่มกำลังมาประมาณ 100 นาย เพื่อกั้นฝูงชนออกจากพื้นที่ สนง.ปธน. และ รพ..ฯ

 

 

ขณะนี้ กำลังพลของ รพ.ทุกนายปลอดภัยดี และคนไทยทุกคนก็ปลอดภัยโดยที่คนไทยส่วนหนึ่งได้อพยพมารวมตัวใน รพฯ จำนวน 18 คน อีกส่วนใหญ่ที่เหลืออยู่ที่ทำการเอกอัคราชทูตชั่วคราวที่เรือเซนทรัล

เจ้าหน้าที่พลเรือนของสหประชาชาติ ( UN Civilian ) ทั้งหมด ได้ถูกสั่งให้รวมตัวกันพร้อมทั้งเก็บข้าวของเพื่อที่จะพร้อมอพยพออกนอกประเทศ ถ้าหากว่ายังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้

ตอนนี้ รพ.ฯ ได้เตรียมความพร้อมที่จะรับสถานการณ์อุบัติภัยหมู่ และพร้อมที่จะถอนตัวหลบหนีแล้ว จากข่าวว่า จะมีการเผาโรงแรมดีลี และอาจมีการรวมกันชุมนุมอีกครั้ง ทั้งนี้รัฐบาลติมอร์ได้ประการภาวะฉุกเฉินตั้งแต่เวลา 1 ทุ่มของวันนี้ ในเวลาท้องถิ่นเป็นต้นไปแล้ว

พวกเราทุกคนหวังว่าทางครอบครัว  เพื่อนร่วมงาน และผู้บังคับบัญชา ของพวกเราคงจะได้รับทราบข่าวสารและสถานการณ์ที่ถูกต้องเป็นจริง และทันเหตุการณ์     

สุดท้ายขวัญและกำลังใจพวกเรายังเต็มร้อยครับ

คลิ๊กชมภาพที่เกิดเหตุจากสำนักข่าว AP