เมื่อย่างเข้าสู่วัยทอง                   โดย หมอเบ๋อ   
 
ลิงค์เพื่อสุขภาพ

 

การรักษาสุขภาพทางกายให้แข็งแรง

สุขภาพทางกาย และสุขภาพทางจิตมีอิทธิพลต่อกันและกัน
คนที่มีสุขภาพกายดีย่อมส่งผลให้มีจิตใจร่าเริงเข้มแข็ง
การทำให้สุขภาพแข็งแรง ได้แก่การรับประทานอาหารถูกส่วน
การพักผ่อนเพียงพอ การรักษาความสะอาดของร่างกาย
ตลอดจนการออกกำลังกายอย่างพอเพียง

มีความสุขกับการทำงาน

การเลือกทำงานที่ชอบหรือการสร้างความพึงพอใจในงานที่ทำ
หาวิธีการทำงานให้มีความสุข พร้อมทั้งกำหนดเป้าหมายหลายอย่าง
ภายในขอบเขตที่สังคมยอมรับ ตามความสามารถของตนเอง
และมองเห็นหนทางไปสู่ความสำเร็จได้
แล้วลงมือปฏิบัติอย่างตั้งใจก็ย่อมเกิดความสุข
เกิดความปิติจากความสำเร็จในงานตามมา

รู้จักตัวเองอย่างแท้จริง

ควรได้สำรวจตัวเองว่าเป็นคนอย่างไร ต้องยอมรับว่าคนเรานั้น
มีทั้งส่วนดีและส่วนเสีย เราต้องมองหาส่วนดี เห็นคุณค่า
ชื่นชม พยายามพัฒนาส่วนดี พร้อมทั้งยอมรับในข้อผิดพลาด ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ แล้วหาแนวทางปรับปรุงแก้ไข คนที่มีความสุขนั้นไม่ได้หมายความว่าจะไม่เคยพบอุปสรรค ข้อขัดแย้งในใจ หรือไม่เคยพบปัญหา แต่อาจจะเป็นคนที่บางครั้ง แก้ปัญหาไม่ได้ จึงต้องใช้ความพยายามความอดทน ก็จะสามารถ เผชิญปัญหาไปได้

มีอารมณ์ขัน มองโลกในแง่ดี

ควรมองหาความสุข ความเพลิดเพลิน เพื่อช่วยลดความ
ตึงเครียด ต่างๆ ทำให้อารมณ์ผ่อนคลาย การหัวเราะทำให้จิตใจ
เบิกบาน มีการกระเพื่อมของหน้าท้อง หัวใจ ปอดได้ออกกำลัง
มีผลถึงกล้ามเนื้อหัวไหล่ แขน หลัง กระบังลม และขา เกิดความ
พึงพอใจในความสุข นอกจากนี้ไม่ควร มองโลก ในแง่ร้าย เวลา
จะทำอะไร ต้องหาจุดดี ของเรื่องนั้นให้พบ
เมื่อพบแล้วทำความพอใจ และชื่นชม ก็จะเกิดแต่ความดีงาม

ไม่ควรเก็บอารมณ์ขุ่นมัว

การเก็บอารมณ์ทำให้เกิดความขุ่นมัว สับสน วุ่นวายใจ เป็นการก่อให้
เกิดความตึงเครียด ทางอารมณ์ผลทำให้สีหน้าหม่นหมอง น่าเกลียด
ขากรรไกรประกบกันแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอย เหี่ยวย่น
ผมสีเทา-ขาว ผมร่วง โรคผื่นคัน พุพอง และสิวตามมา เราควรต้อง
หาทางระบาย อารมณ์ที่ขุ่นมัวโดยการแสดงออกในทางที่สังคมยอมรับ
และได้ตอบสนองความต้องการของเรา แต่ถ้าพบความยุ่งยากใจเพิ่มขึ้น
ก็ควรหาวิธีหลีกเลี่ยงเสียก่อน เนื่องจากธรรมชาติของมนุษย์จะเผชิญ
ความตึงเครียดทางอารมณ์ได้ถึง ขีดหนึ่งเท่านั้น จากนั้นต้องหา
ทางผ่อนคลาย ดังคำกลอนที่ว่า

“ เหนื่อยก็พัก หนักก็วาง วุ่นก็ให้ว่าง ทุกอย่างก็สบาย ”

ควรมีงานอดิเรกและการพักผ่อนหย่อนใจ

ควรหาอะไรที่ชอบและพอใจทำ ทำในเวลาว่างที่เหลือจากกิจวัตรประจำวัน การทำอะไรในสิ่งที่พึงพอใจย่อมเกิดความสุขเพลิดเพลิน ทำให้ไม่มีเวลา ว่างที่จะคิดกังวลเรื่องต่างๆ เป็นการฝึกการใช้เวลาว่างๆ นั้นให้มีสมาธิ ในการทำสิ่งที่พอใจ ซึ่งจิตมีสมาธิจะเป็นจิต ที่เข้มแข็ง ไม่หวั่นไหวง่าย พบว่างานอดิเรกที่เกี่ยวกับกีฬาจะช่วย ให้มีความสุข สนุกสนาน ร่าเริง แจ่มใส  นอกจากนั้นการได้ท่องเที่ยว ไปกับธรรมชาติที่กว้างใหญ่ เช่น ท้องฟ้า ทะเล ป่าเขาลำเนาไพร จะก่อให้เกิดความปลอดโปร่ง สดชื่น มีความสุข และถ้าต้องการทำจิตให้เป็นสมาธิในทางศาสนาจะก่อให้เกิด ความสงบสุขทางใจ เป็นอย่างมาก

ค้นหาเป้าหมายของชีวิต

การคิดฝันไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องมีความคิดฝันที่
ใกล้เคียงกับความเป็นจริง ซึ่งความคิดฝันจะทำให้เรามีความคิดริเริ่ม
สร้างสรรค์ มีแรงจูงใจ มีการตั้งเป้าหมายในชีวิตใกล้เคียง
กับความสามารถที่แท้จริงและสอดคล้อง กับความเชื่อและ
อุดมคติ แล้วทำการลงมือปฏิบัติเพื่อไปสู่เป้าหมาย ถ้าทำเช่นนี้ได้เราก็จะประสบความสำเร็จ
และความสมหวัง เกิดความสุขทางใจได้

จากสิ่งที่กล่าวมาแล้วนั้น เป็นการเสนอแนวทางในการปฏิบัติอย่างกว้างๆ
การทำตัวให้มีความสุขได้เพียงใด ย่อมขึ้นอยู่กับการปฏิบัติ ต้องอาศัยการเรียนรู้ และหาวิธีการแล้วนำไปดัดแปลง ปรับปรุงให้เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพการของผู้ต้องการ แสวงหาความสุขนั่นเอง

ในที่สุดแล้วขอฝาก

“ อันทุกข์สุขอยู่ที่ใจมิใช่หรือ ใจเราถือเป็นทุกข์ไม่สุกใส
ใจไม่ถือเป็นสุขไม่ทุกข์ใจ เราอยากได้ความทุกข์หรือสุขนา ”

พร้อมที่จะเผชิญปัญหาและความกังวลใจ

เมื่อพบอุปสรรค พึงพิจารณาปัญหาอย่างใช้เหตุและผล โดยค้นหาข้อเท็จจริง มองปัญหานั้นๆ และหาวิธีการต่างๆ ในการแก้ปัญหา ทำการตัดสินใจ แล้วปฏิบัติตามที่ได้ตัดสินใจไว้ หรือถ้าปัญหารุมเร้ามากจนต้องการหลีกให้พ้น “จงใช้ชีวิต อยู่เพื่อวันนี้เท่านั้น” ดังคำสอนของท่านพุทธทาสภิกขุว่า

“ สิ่งล่วงแล้ว แล้วไป อย่าใฝ่หา
ที่ไม่มา ก็อย่าพึง คนึงหวัง
อันวันวาน ผ่านพ้น ไม่วนวัง
วันข้างหน้า หรือก็ยัง ไม่มาเลย ”

หรือถ้าปัญหาต้อนท่านไปจนมุม ให้มองพิจารณาดูผลร้ายที่เกิดขึ้นแล้วทำใจให้ยินดีเผชิญกับสิ่งนั้นๆ เมื่อเวลาผ่านไปให้พิจารณาว่าสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ทำลายความสุขแห่งชีวิตมามากเพียงพอแล้ว แล้วหันกลับใช้เหตุผลในการพิจารณาแก้ไขสิ่งร้ายๆ ให้กลายเป็นดีด้วยใจสุขุมเยือกเย็น ท่านก็จะผ่านพ้นอุปสรรคไปได้

หาสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจ

แต่ละชีวิตย่อมมีทั้งสุขและทุกข์ปะปนกันไป เราจึงควรหาเพื่อน
หรือใครสักคนที่สามารถร่วมทุกข์ร่วมสุขได้ ค้นหาคนที่คุณรัก
และเขารักคุณ ช่วยเหลือเกื้อกูล ปลอบขวัญ บำรุงจิตใจซึ่งกัน
และกัน สามารถที่จะระบายทุกข์ ปรึกษา ขอความคิดเห็น การแก้ไขปัญหาต่างๆ หรือในที่สุดอาจจะต้องไปขอความช่วย
เหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านการแนะแนวและการบำบัดทางจิต
โดยเฉพาะ ทั้งนี้ขึ้นกับปัญหาความซับซ้อนซึ่งนับเป็นวิธีการแก้ปัญหาการปรับ
ตัวตั้งแต่ต้นที่ชาญฉลาด