M O N I T O R...

 

 

จอภาพ (Monitor หรือ Display)

จอภาพ นอกจากจะเป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่แสดงข้อความที่ผู้ใช้ป้อนจากแป้นพิมพ์ออกมา ให้เห็นที่หน้าจอแล้วยังเป็นอุปกรณ์แสดงผลลัพธ์(Output)แบบชั่วคราว ที่ผู้ใช้สามารถเห็น ผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็วจากการประมวลผลของซีพียูโดยปกติแล้วหน้าจอทำหน้าที่แสดง อักษรข้อความและภาพกราฟิกที่สร้างจากการ์ดแสดงผล โดยทั่วไปแล้วจอภาพเป็นส่วนประกอบ หนึ่งที่แยกออกมาจากตัวเครื่องอย่างชัดเจนยกเว้นจอภาพที่ใช้ในเครื่องตระกูลกระเป๋าหิ้วต่างๆใน สมัยก่อนจอภาพมีสีเดียวคือสีเขียว หรือสีส้ม(นิยมเรียกว่าสีอำพัน)และแสดงได้แต่เฉพาะตัวอักษร ต่อมาได้มีการพัฒนาจอภาพออกไปอีกมากมายหลายแบบเช่นจอภาพสีจอภาพที่มีขนาดสูงเท่ากับ กระดาษ A4 จอภาพแบน การเลือกซื้อจอภาพจึงควรเลือกซื้อให้เหมาะสมกับสิ่งต่างๆ เหล่านี้

  1. การใช้งาน
  2. งบประมาณที่มีอยู่ และขนาดของจอภาพที่มีใช้อยู่ในปัจจุบันคือ 14นิ้ว , 15 นิ้ว ,17 นิ้ว เป็นต้น

การทำงานของจอภาพ

จอภาพมีหลักการทำงานแบบเดียวกับจอโทรทัศน์โดยจะมีกระแสไฟฟ้าแรงสูง (HighVoltage)คอยกระตุ้นให้อิเล็กตรอนภายในหลอดภาพแตกตัว อิเล็กตรอนดังกล่าวจะทำให้เกิดลำ-แสงอิเล็กตรอนไปกระตุ้นผลึกฟอสฟอรัสที่ฉาบอยู่บนหลอดภาพเมื่อฟอสฟอรัสถูกกระตุ้นจากอิเล็กตรอนจะเกิดการเรืองแสงและปรากฎเป็นจุดสีต่างๆ (RGB Color) ซึ่งเป็นภาพบนจอภาพนั่นเอง

ภาพส่วนประกอบภายในของจอโมโนโครม CRT

จอภาพทำงานโดยการแสดงภาพ ซึ่งอาจเป็นภาพกราฟิก หรือตัวอักษร ซึ่งเกิดจากการประมวลผลของการ์ดวีจีเอ (VGA Card)จอภาพแบ่งเป็น2ประเภท คือจอภาพสีเดียวหรือจอภาพโมโนโครม (Monocrome) และจอสี (Color Monitor) ปัจจุบันจอภาพชนิดสีเดียวนั้นไม่เป็นที่นิยมใช้กับคอมพิวเตอร์ หากจะมีใช้ก็เฉพาะงานเฉพาะอย่างเท่านั้น ส่วนที่นิยมใช้ก็คือจอสี (Color Monitor) โดยแบ่งออกได้อีกเป็น 3 ประเภท คือ จอสีวีจีเอ (VGA = Video Graphics Array) และจอสีซุปเปอร์วีจีเอ ( SVGA = Super Video Graphics Array) และจอภาพ LCD (Liquid Crystal Display) ซึ่งประเภทหลังนี้มีราคาแพงมาก จอภาพที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันคือ SVGA เนื่องจากมีราคาไม่แพงมากนัก และเหมาะกับ Application ที่ออกแบบให้มีความสามารถแสดงภาพกราฟิกมากขึ้น นอกจากนี้ Application ประเภทมัลติมีเดียหรือเกมส์ต่างๆก็ต้องการจอภาพที่มีความละเอียดสูง (High Resolution) สามารถแสดงได้หลายๆสี

ประเภทของจอภาพที่ใช้กับคอมพิวเตอร์มีแบบใดบ้าง

  1. จอภาพโมโนโครม (Monochrom) เป็นจอภาพซึ่งแสดงเพียงสีเดียว เช่น แสดง ตัวอักษรสีเขียวบนพื้นสีดำ สีส้มหรือสีอำพันบนพื้นดำ และสีดำบนพื้นขาว จอประเภทนี้จะรับสัญญาณดิจิตอล คือ 0 และ 1 เพื่อบอกว่าพิเซลใดควรจะมืดหรือจะสว่าง นอกจากนี้ยังมีสัญญาณเพิ่มอีกเส้นหนึ่งเป็นสัญญาณดิจิตอลเหมือนกันก็คือ ความสว่าง ซึ่งก็แบ่งได้อีก 2 ระดับคือ สว่างมาก กับ สว่างน้อยทำให้การสร้างสีบนจอทำได้ลำบาก จอภาพชนิดนี้ราคาถูกกว่าจอภาพสีแต่สามารถแสดงข้อความตัวหนังสือได้คมชัดเหมาะกับงานพิมพ์ งานประมวลคำ งานที่เกี่ยวกับข้อความมากๆ และไม่ต้องมีรูปประกอบมากนัก ถ้าพูดถึงความประหยัดแล้ว จอภาพเช่นนี้จะเหมาะกับการใช้ในสำนักงานมากกว่าจอสี จอภาพของเครื่อง IBM PC รุ่นแรกๆเป็นจอที่แสดงได้แต่ตัวอักษรเท่านั้น ไม่สามารถแสดงผลที่เป็นกราฟิกได้ ต่อมามีคนไทยผู้หนึ่งซึ่งศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเบอร์คเลย์ ได้คิดทำแผนวงจรกราฟิกขึ้นให้ชื่อว่า การ์ดเฮอร์คิวลีส (Hercules card) เมื่อนำไปใช้ควบคุมจอภาพก็สามารถแสดงภาพกราฟิกได้ การ์ดแบบนี้เองที่ขายคอมพิวเตอร์ในเมืองไทยนำมาใช้ปรับให้จอภาพแสดงข้อความเป็นภาษาไทย 25 บรรทัด
  2. รูปจอภาพโมโนโครม

  3. จอภาพสี (Color screen) จอภาพสีนั้นสามารถแสดงผลได้สวยงามกว่าจอภาพแบบ โมโนโครมแต่ก็เหมาะเฉพาะเวลาแสดงภาพกราฟิกเท่านั้น อย่างไรก็ตามมีโปรแกรมจำนวนมากแสดงข้อความเป็นสีต่างๆ และเวลานี้ผู้ใช้ก็นิยมใช้จอสีมากยิ่งขึ้น จอภาพสีแบ่งเป็น 4 ประเภท คือ
    • จอภาพคอมโปสิต ( Composite screen)  คือ จอภาพที่มีหลักการทำงานเหมือนจอภาพโทรทัศน์ ราคาถูกและมีจุดภาพหยาบ สามารถแสดงข้อความเป็นภาษาอังกฤษได้เพียงบรรทัดละ 40 ตัวอักษรเท่านั้น จอภาพแบบนี้ใช้กับไมโครคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าเท่านั้น
    • จอ RGB (Red , Green ,Blue)  คือ มีหัวยิงอิเล็กตรอน 3 หัว แต่ละหัวจะมีสีที่แตกต่างกัน คือ สีแดง , สีเขียว ,สีน้ำเงิน นอกจากทั้งสามสัญญาณแล้ว ยังมีสัญญาณความสว่าง(Intensity ; I) อีกหนึ่งเส้นรวมเป็น 4 เส้นแล้วจึงผสมสัญญาณออกมาให้เป็นสีต่างๆ สามารถแสดงสีได้ทั้งหมด ผสมสีได้ทั้งหมด หรือเท่ากับ 16 สี ส่วนจอสีที่มีคุณภาพดีขึ้นไปอีก จะแสดงภาพค่อนข้างจะสมจริงเหมาะสำหรับงานด้านกราฟิก มัลติมิเดีย และสิ่งพิมพ์ ก็จะรับสัญญาณในแบบ RGB ซึ่งผสมสีได้ทั้งหมด หรือเท่ากับ 64 สี และยังมีจอภาพสีอีกชนิดที่ใช้สัญญาณอะนาลอก (Analog) สัญญาณที่ใช้มีระดับที่ต่อเนื่องกัน ไม่ใช่มีแต่ 0 กับ 1 จึงทำให้สามารถสร้างสีได้เป็นจำนวนมาก แต่อุปกรณ์ที่ใช้ในการถอดรหัส เพื่อสร้างภาพสี ก็ต้องมีความละเอียดมากขึ้น ตัวอย่างของจอชนิดนี้ ได้แก่ จอภาพรุ่นใหม่ที่ใช้กับเครื่อง PS/2 ของไอบีเอ็ม หรือจอ VGR ซึ่งอาจแสดงสีได้ถึง 256 สี ซึ่งเป็นจอภาพสีที่นิยมใช้กันอยู่ในขณะนี้ เป็นจอภาพซึ่งเรียกตามแผนวงจรควบคุมจอภาพหรือ Graphic Adaptor Card ซึ่งจะได้มากน้อยเพียงใดสุดแล้วแต่คำสั่งและแผงวงจรควบคุมภาพ จอภาพประเภทนี้ราคาแพงกว่าจอสีเดียว

      รูปจอภาพแบบ RGB

    • จอภาพชนิดเต็มหน้า (Full - page display screen)  คือ เป็นจอภาพที่สามารถแสดงภาพเอกสาร ได้เต็มหน้า แนวคิดเกี่ยวกับจอภาพแบบนี้เกิดจากการที่จอภาพเอกสารได้เต็มหน้า แนวคิดเกี่ยวกับจอภาพแบบนี้เกิดจากการที่จอภาพธรรมดาแสดงข้อความได้เพียง 25 บรรทัด และ โดยที่ตัวโปรแกรมเองต้องใช้จอภาพแสดงข้อความเกี่ยวกับสถานภาพการใช้งานโปรแกรมอยู่ด้วย จึงทำให้เนื้อที่สำหรับแสดงข้อความรายงานมีน้อยบรรทัดลงไปอีก จอภาพชนิดเต็มหน้าจึงเกิดขึ้นให้เลือกใช้เรียกกันเล่นๆว่าจอ WYSIWYG(What you see is what you get หรือ คุณจะได้สิ่งที่ คุณเห็น)
    • จอภาพชนิด LCD (Liquid Crystal Display)  คือ เป็นจอภาพที่ใช้เทคโนโลยีผลึกเหลวสำหรับ แสดงอักษรบนจอภาพซึ่งเป็นแผ่นแบนๆ มีน้ำหนักเบา และกินไฟน้อยกว่าจอภาพซีอาร์ที (CRT) ปัจจุบันมี 2 แบบ คือ Passive Matrix มีราคาต่ำแต่จะขาดความคมชัด ส่วน Active Matrix บางครั้งเรียกว่า Thin Film Transistor(TFT) จะให้ภาพที่คมชัดกว่า จะเห็นจอภาพชนิดนี้ได้จากตัวเลขที่ ปรากฎบนหน้าปัดนาฬิกาแบบดิจิตอล จอภาพชนิดนี้ปกติแล้วใช้กับคอมพิวเตอร์ชนิดแลปทอป เวลานี้มีจอภาพ LCD ที่เป็นสีออกจำหน่ายแล้ว แต่ราคาค่อนข้างแพง

      ภาพรูปจอภาพแบบ LCD

ในปัจจุบันนี้นิยมใช้จอภาพสีชนิดความละเอียดสูง และเป็นจอภาพแบบ Non-Interlace ซึ่งจอภาพชนิดนี้ จะช่วยลดอาการสั่นกระพริบของจอภาพได้ ทำให้ผู้ใช้งานลดความเครียดทางสายตาได้

TOP , IT  REPORT