P R I N T E R

เครื่องพิมพ์ ( Printer )

เครื่องพิมพ์เป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่ในการแสดงผลลัพธ์ ( Output Unit ) ที่ได้จากการประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในรูปของอักษรหรือรูปภาพ ที่จะไปปรากฎอยู่บนกระดาษ นับเป็นอุปกรณ์แสดงผลที่นิยมใช้มากที่สุด เครื่องพิมพ์มีหลายประเภทแยกออกตามวิธีการพิมพ์ ความคมชัดของตัวอักษร และความเร็ว ในการพิมพ์ สามารถแบ่ง ประเภทของเครื่องพิมพ์ ได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้

  1. เครื่องพิมพ์แบบตัวอนุกรม (Serial Printer)
  2. เครื่องพิมพ์แบบบรรทัด (Line Printer)
  3. เครื่องพิมพ์แบบหน้า (Page Printer)
  1. เครื่องพิมพ์แบบตัวอนุกรม (Serial Printer) เป็นเครื่องพิมพ์ที่นิยมใช้กันมากในเครื่องระดับไมโครคอมพิวเตอร์ จะมีการพิมพ์ทีละตัวอักษรที่หัวพิมพ์วิ่งไปตามแนวนอนของกระดาษ โดยจะมีการพิมพ์อยู่ในช่วง 40-450 cps (characters per second) ซึ่งสามารถพิมพ์ได้ทั้งสองทิศทางไม่ว่าหัวพิมพ์จะเคลื่อนไปทางซ้ายหรือขวาของกระดาษ และสามารถ แบ่งเครื่องพิมพ์ชนิดนี้ออกเป็น 2 แบบ คือ เครื่องพิมพ์แบบกระทบและเครื่องพิมพ์แบบไม่กระทบ
    1. เครื่องพิมพ์แบบกระทบ ( Impact Printer) เครื่องพิมพ์ประเภทนี้จะมีหลักการทำงานเช่นเดียวกับเครื่องพิมพ์ดีด คือการพิมพ์ตัวอักษรจะใช้หัวพิมพ์ตีกระทบไปยังผ้าหมึกที่คั่นอยู่ระหว่างหัวพิมพ์กับกระดาษ โดยทั่วไปมีราคาไม่แพง มักจะใช้กับเครื่องประเภทไมโครคอมพิวเตอร์ แต่เครื่องพิมพ์ที่มีราคาแพงมักจะถูกนำไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ตัวอย่างของเครื่องพิมพ์แบบกระทบ ได้แก่ เครื่องพิมพ์ดอตเมท-ริกซ์ และเครื่องพิมพ์แบบรูปวงล้อดอกเดซี
      • เครื่องพิมพ์ดอตเมทริกซ์ ( Dot matrix printer) เครื่องพิมพ์แบบนี้เป็นที่นิยมและใช้งานกันอย่างกว้างขวาง เนื่องจากสามารถพิมพ์ได้ทั้งตัวอักษรและรูปภาพ และมีราคาค่อนข้างถูกเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องพิมพ์แบบอื่น การพิมพ์จะใช้หัวพิมพ์ที่มีลักษณะเป็นเข็ม ซึ่งเรียกว่า pin เรียงกันเป็นแถวในแนวตั้ง กระทบลงบนผ้าหมึกเพื่อให้เกิดจุดบนกระดาษทีละแถว ตัวหนังสือจะถูกสร้างจากชุดของรายจุดที่เกิดจากหัวเข็มพิมพ์นี้ ตัวอักษรที่ได้จะมีลักษณะเป็นจุดๆที่ต่อเนื่องกัน ความหยาบหรือความละเอียดจะขึ้นอยู่กับจำนวนหัวเข็มพิมพ์และโหมดที่ใช้ในการพิมพ์ โดยทั่วไปแล้วในการพิมพ์จะมี โหมดของการพิมพ์ อยู่ 2 โหมดคือ โหมด draft และโหมด NLQ ( Near Letter Quality Mode)
        1. การพิมพ์ในโหมด draft ในแต่ละแถวของกระดาษจะถูกพิมพ์เพียงเที่ยวเดียว ทำให้ได้ตัวหนังสือที่ไม่คมชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นเครื่องพิมพ์แบบ 9 หัวเข็ม เนื่องจากมีช่องว่างระหว่างจุดอยู่
        2. การพิมพ์ในโหมด NLQ ( Near Letter Quality Mode) ปรับปรุงมาจากโหมด draft ในโหมดนี้จะมีการสั่งให้หัวพิมพ์ทำการพิมพ์ 2 เที่ยวในแต่ละแถว โดยจุดที่พิมพ์ในเที่ยวที่ 2 จะพิมพ์ในระหว่างจุดที่พิมพ์ไปแล้วครั้งแรก ซึ่งลักษณะการพิมพ์แบบนี้จะทำให้ได้ตัวอักษรที่มีความคมชัดและมีความสม่ำเสมอเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว แต่ข้อเสียคือจะเสียเวลาในการพิมพ์มากขึ้น

        การพิจารณาซื้อเครื่องพิมพ์แบบจุด

        1. จำนวนเข็มของหัวพิมพ์ เครื่องพิมพ์ที่ใช้ทั่วไปหัวพิมพ์มีเข็มเล็กๆ จำนวน 9 เข็ม แต่ถ้าต้องการให้งานมีความละเอียดมากหรือมีรูปแบบตัวหนังสือสวยขึ้น หัวพิมพ์ควรมีจำนวนเข็ม 24 เข็ม
        2. คุณภาพของหัวเข็มกับงานพิมพ์ หัวเข็มที่มีคุณภาพดีต้องแข็ง สามารถพิมพ์ สำเนากระดาษหนาได้สูงสุดถึง 5 สำเนา คุณสมบัติการพิมพ์สำเนานี้เครื่องพิมพ์แต่ละเครื่องพิมพ์ได้ไม่เท่ากันเพราะคุณภาพแรงกดไม่เท่ากัน ทำให้ความชัดเจนของกระดาษสำเนาสุดท้ายต่างกัน
        3. ความละเอียดของจุดในงานพิมพ์ จะขึ้นอยู่กับขนาดของหัวเข็มและกลไก การขับเคลื่อนของเครื่องพิมพ์แต่ละรุ่น
        4. อุปกรณ์การตรวจสอบหัวพิมพ์ เครื่องพิมพ์แบบจุดบางรุ่นจะมีอุปกรณ์ตรวจ สอบหัวพิมพ์ เช่น การตรวจสอบความร้อนของหัวพิมพ์ การตรวจสอบความหนาของกระดาษ
        5. ความเร็วของการพิมพ์ ความเร็วของการพิมพ์มีหน่วยวัดเป็นจำนวนตัวอักษร ต่อวินาที การวัดความเร็วของเครื่องพิมพ์ต้องมีคุณลักษณะการพิมพ์เป็นจุดอ้างอิง ความเร็วของเครื่องพิมพ์แบบจุดในปัจจุบันมีตั้งแต่ 200-500 ตัวอักษรต่อวินาที
        6. ขนาดแคร่พิมพ์ เครื่องพิมพ์ที่ใช้งานกันอยู่ขณะนี้มีขนาดแคร่ 2 ขนาด คือ ใช้กับกระดาษกว้าง 9 นิ้ว และ 15 นิ้ว หรือพิมพ์ได้ 80 ตัวอักษร และ 132 ตัวอักษรในภาวะ 10 ตัวอักษรต่อนิ้ว
        7. ที่พักข้อมูล ถ้าที่พักข้อมูลมีขนาดใหญ่ก็จะลดภาระการส่งงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ไปยังเครื่องพิมพ์ได้มาก ขนาดของที่พักข้อมูลที่ใช้มีตั้งแต่ 8 กิโลไบต์ขึ้นไป เครื่องพิมพ์บางรุ่นสามารถเพิ่มเติมขนาดของที่พักข้อมูลได้ โดยการใส่หน่วยความจำลงไป ซึ่งต้องซื้อแยกต่างหาก
        8. ลักษณะการป้อนกระดาษ คุณลักษณะที่กำหนดจะต้องชัดเจน การป้อนกระดาษมีตั้งแต่การใช้หนามเตย ซึ่งจะใช้กับกระดาษต่อเนื่องที่มีรูด้านข้างทั้งสองด้าน เครื่องพิมพ์ส่วนใหญ่มีหนามเตยอยู่แล้ว การป้อนกระดาษอีกแบบหนึ่งคือ การใช้ลูกกลิ้ง กระดาษโดยอาศัยแรงเสียดทานซึ่งเป็นคุณลักษณะของเครื่องพิมพ์ทั่วไป
        9. ภาวะเก็บเสียง เครื่องพิมพ์แบบจุดเป็นเครื่องพิมพ์ที่มีเสียงดัง ดังนั้นจึงมี การพัฒนาภาวะการพิมพ์ที่เสียงเบาเป็นปกติ เพื่อลดภาวะทางเสียง
        10. จำนวนชุดแบบอักษร เครื่องพิมพ์ส่วนใหญ่จะมีจำนวนชุดแบบตัวอักษร(font) ภาษาอังกฤษที่ติดมากับเครื่องจำนวนถึง 4-9 ชุด ขึ้นกับเครื่องพิมพ์แต่ละรุ่นชุดแบบตัวอักษรนี้สามารถเพิ่มได้โดยใช้ชุดตลับตัวอักษรภาษาไทยก็เป็นสิ่งสำคัญ เครื่องพิมพ์ส่วนใหญ่ที่ขายในเมืองไทยได้รับการดัดแปลงใส่ชุดแบบอักษรภาษาไทยไว้แล้ว
        11. การเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ตามมาตรฐานสากลมี 2 แบบ คือ แบบอนุกรมและแบบขนาน เครื่องพิมพ์ส่วนใหญ่มักต่อกับคอมพิวเตอร์ โดยมีสายนำสัญญาณแบบ DB25 คือมีขนาด 25 สาย การต่อกับเครื่องพิมพ์จะต้องมีสายเชื่อมโยงนี้ด้วย หากต้องการต่อแบบอนุกรม จะต้องกำหนดลงไปในเงื่อนไข เพราะเครื่องพิมพ์ส่วนใหญ่จะมีตัวเชื่อมต่ออนุกรมเป็นเงื่อนไขพิเศษ
        12. มาตรฐานคำสั่งการพิมพ์ เนื่องจากเครื่องพิมพ์ Epson ได้รับความนิยมมานาน ดังนั้น มาตรฐานคำสั่งการพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ Epson จึงเป็นมาตรฐานที่เครื่องพิมพ์เกือบทุกยี่ห้อใช้ อย่างไรก็ตามเครื่องพิมพ์ IBM ก็มีมาตรฐานของตนเองและเครื่องพิมพ์บางยี่ห้อก็ใช้ตาม

        ภาพเครื่องพิมพ์ดอตเมทริกซ์ ( Dot matrix printer)

      • เครื่องพิมพ์แบบรูปวงล้อดอกเดซี ( Daisy Wheel Printer) เครื่องพิมพ์แบบนี้ได้ชื่อตามวงล้อที่ใช้พิมพ์ตัวหนังสือจริงๆ รูปตัวหนังสือจะอยู่บนกลีบของวงล้อดอกเดซี ซึ่งวงล้อนี้สามารถหมุนได้ เมื่อจะพิมพ์อักษรตัวใดก็หมุนตัวพิมพ์นั้นมาให้ตรงตำแหน่ง และมีกลไกคอยเคาะลงไปบนกระดาษ เมื่อต้องการเปลี่ยนรูปชนิดขนาดตัวหนังสือที่ต้องการพิมพ์ ก็สามารถทำได้โดยการเปลี่ยนวงล้อรูปเดซี่นี้ จึงไม่เป็นการสะดวกถ้ามีการพิมพ์ สองภาษา เพราะจะต้องมีการพิมพ์ภาษาใดภาษาหนึ่งให้เสร็จก่อน จึงจะเปลี่ยนวงล้อเป็นอีกภาษาหนึ่ง นอกจากนี้ความเร็วของเครื่องพิมพ์ประเภทนี้จะช้ากว่าประเภทดอตเมตริกซ์ และยังไม่สามารถพิมพ์รูปภาพได้ จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก

        ภาพวงล้อดอกเดซี่

    2. เครื่องพิมพ์แบบไม่กระทบ ( Nonimpact Printer)

      เครื่องพิมพ์แบบนี้จะมีการทำงานต่างจากเครื่องพิมพ์ชนิดกระทบ ในการพิมพ์หัวพิมพ์จะไม่สัมผัสกับผิวกระดาษโดยตรง หากแต่จะใช้แสงเลเซอร์ ( Laser) ที่มีศักยภาพต่ำ หรือใช้ความร้อน หรือใช้วิวัฒนาการทางอิเล็กโตรสแตติก (ไฟฟ้าสถิตย์) (Electrostatic) มาใช้พิมพ์ตัวหนังสือแทน ซึ่งเครื่องพิมพ์แบบนี้จะมีความเร็วในการพิมพ์สูงมากๆ การทำงานก็จะทำงานเงียบกว่าเครื่องพิมพ์แบบกระทบและสามารถเปลี่ยนตัวหนังสือได้หลายแบบ หลายชนิดมากกว่าด้วย

      ข้อเสีย คือไม่สามารถพิมพ์สำเนา (Copy)ข้อมูลโดยใช้กระดาษคาร์บอนได้ซึ่งต่างจากเครื่องพิมพ์แบบกระทบ เนื่องจากไม่ได้สัมผัสกระดาษจึงไม่มีแรงกดไปยังกระดาษชั้นต่อไปได้ นอกจากนี้ยังมีราคาแพงกว่าแบบกระทบมาก

      ตัวอย่างของเครื่องพิมพ์แบบนี้ ได้แก่ เครื่องพิมพ์แบบใช้ความร้อน-ไฟฟ้า และเครื่องพิมพ์แบบพ่นละอองหมึก

      • เครื่องพิมพ์แบบใช้ความร้อน-ไฟฟ้า ( Thermo - Electric Printer) เครื่องพิมพ์แบบนี้จะมีการเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานความร้อนที่หัวพิมพ์ ซึ่งความร้อนนี้จะมีปฏิกิริยากับกระดาษเฉพาะ ปฏิกิริยานี้จะทำให้เกิดตัวพิมพ์หนังสือออกมาได้ กระดาษที่ใช้จะต้องฉาบด้วยสารขี้ผึ้ง เมื่อหัวเข็นเคลื่อนที่ผ่านผิวกระดาษจะเลือกเข็มความร้อนจิ้มลงบนกระดาษ ทำให้เกิดปฏิกิริยาเกิดเป็นรอยดำๆบนบนกระดาษโดยไม่ต้องใช้ผ้าหมึกเหมือนแบบกระแทก แต่ก็อาจจะใช้กระดาษธรรมดาได้โดยใช้ผ้าหมึกแบบพิเศษแทน เมื่อมีการพิมพ์หัวเข็มร้อนๆจะไปจิ้มที่ผ้าหมึก ทำให้หมึกละลายไปติดกระดาษเกิดเป็นจุดๆเพื่อประกอบเป็นตัวอักษรหรือรูปภาพ

        ข้อดี คือ การพิมพ์จะเงียบมากไม่มีเสียงรบกวนใดๆ ตัวอักษรที่ได้ก็จะมีความละเอียดสูงมาก

        ข้อเสีย คือ ต้นทุนในการพิมพ์ต่อแผ่นค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับการพิมพ์ แบบกระแทก นอกจากนี้ความเร็วในการพิมพ์ก็ต่ำอีกด้วยเนื่องจากการใช้หัวเข็มที่ร้อนไปจิ้มแต่ ละครั้ง ต้องรอให้เกิดปฏิกิริยาความร้อนขึ้นเสียก่อนจึงทำให้ผ้าหมึกละลายไปติดกระดาษได้

        ภาพเครื่องพิมพ์แบบใช้ความร้อน-ไฟฟ้า ( Thermo - Electric Printer)

      • เครื่องพิมพ์แบบพ่นละอองหมึก ( Ink Jet Spray Printer) เครื่องพิมพ์แบบนี้จะมีความเร็วในการทำงานมากเครื่องหนึ่ง โดยการพิมพ์จะใช้หัวเข็มแบบปืน ฉีดน้ำเป็นจุดเล็กๆบนกระดาษเพื่อประกอบกันเป็นตัวหนังสือ โดยไม่ต้องกดหัวเข็มลงไปจริงๆ และเนื่องจากแต่ละจุดขอลน้ำหมึกบนกระดาษจะมีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับจุดที่เกิดจาก เครื่องพิมพ์แบบดอตเมตริกซ์ ดังนั้นจะมีความคมชัดของการพิมพ์มากกว่าเครื่องพิมพ์แบบดอต- เมตริกซ์ โดยทั่วไปเครื่องพิมพ์ชนิดนี้ถูกออกแบบมาสำหรับการพิมพ์ภาพสีโดยเฉพาะ ดังนั้นจึง เหมาะกับการพิมพ์ภาพทางด้านกราฟิก นอกจากนั้นความเร็วในการพิมพ์ก็ค่อนข้างสูง ราคาก็ใกล้เคียงกับเครื่องพิมพ์ประเภทดอตเมตริกซ์ จึงทำให้ได้รับความนิยมมากกว่าเครื่องพิมพ์แบบใช้ความ ร้อน –ไฟฟ้า

        ภาพการทำงานเครื่องพิมพ์แบบพ่นละอองหมึก ( Ink Jet Spray Printer)

  2. เครื่องพิมพ์แบบบรรทัด ( Line Printer)

    เป็นเครื่องพิมพ์ที่จัดอยู่ในประเภทเครื่องพิมพ์แบบกระทบ ( Impact Printer) สามารถพิมพ์ได้ทีละบรรทัดโดยมีความเร็วอยู่ในช่วง 1000-5000 Ipm ( line per minute) เครื่องพิมพ์ประเภทนี้จะมีราคาแพงกว่าเครื่องพิมพ์แบบอนุกรมและถูกออกแบบมาสำหรับใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ เช่น เมนเฟรม สามารถแบ่งเครื่องพิมพ์ชนิดนี้แบ่งออกได้เป็นอีก 3 แบบด้วยกัน คือ เครื่องพิมพ์แบบแถบคาด เครื่องพิมพ์แบบโซ่ เครื่องพิมพ์แบบทรงกระบอก

    1. เครื่องพิมพ์แบบแถบคาด ( Band Printer) เป็นเครื่องพิมพ์ที่ใช้การวิ่งของตัวอักษรที่ติดอยู่บนแถบคาด(band) ที่เป็นโลหะ ซึ่งจะวิ่งไปตามแนวนอนของกระดาษ เมื่อตัวอักษรที่ต้องการอยู่ในตำแหน่งที่จะพิมพ์ หัวพิมพ์ก็ จะเคาะผ่านกระดาษและผ้าหมึกไปที่ตัวอักษรนั้น ก็จะทำให้ตัวอักษรปรากฏอยู่บนกระดาษตามต้องการ เครื่องพิมพ์แบบแถบคาดนี้จะมีราคาถูกกว่าเครื่องพิมพ์แบบบรรทัดประเภทอื่นๆ และ จะพิมพ์ด้วยความเร็วสูง มีความคมชัด และนอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถเปลี่ยนแถบคาดตัวอักษรที่มีรูปแบบของตัวอักษรแบบอื่นๆได้อย่างง่ายดาย

      ภาพการทำงานของเครื่องพิมพ์แบบแถบคาด

    2. เครื่องพิมพ์แบบโซ่ ( Chain Printer) เป็นเครื่องพิมพ์ที่มีหลักการทำงานคล้ายกับเครื่องพิมพ์แบบแถบคาด แต่ตัวอักษรจะปรากฎอยู่บนโซ่แทนแถบคาด มีข้อเสียคือราคาแพง และยังไม่สะดวกในการถอดเปลี่ยนโซ่ตัวอักษรด้วย

      ภาพการทำงานของเครื่องพิมพ์แบบโซ่

    3. เครื่องพิมพ์แบบทรงกระบอก ( Drum Printer) เครื่องพิมพ์นี้จะมีตัวอักษรเรียงกันอยู่บนแท่งเหล็กรูปทรงกระบอกที่เรียกว่า ดรัม (Drum) แต่ละคอลัมน์ของทรงกระบอกจะประกอบด้วยตัวอักษรทุกตัวอักษร แต่ในแต่ละแถวของทรงกระบอกก็จะประกอบด้วยตัวอักษรที่เหมือนกัน ทรงกระบอกนี้จะมีการหมุนอยู่ตลอดเวลาด้วยความเร็วที่สูงมาก ในการพิมพ์เมื่อถึงจังหวะจะพิมพ์ตัวอักษรใด หัวพิมพ์ก็จะเคาะผ่านกระดาษและผ้าหมึกทันที

      ภาพการทำงานของเครื่องพิมพ์ทรงกระบอก

  3. เครื่องพิมพ์แบบหน้า ( Page Printer) เป็นเครื่องพิมพ์แบบไม่กระทบ ( Nonimpact Printer) ที่มีความเร็วสูงสุด สามารถพิมพ์เอกสารได้หลายสิบหน้าภายในเวลาเพียง 1 นาที โดยส่วนมากจะใช้เทคโนโลยีของเลเซอร์ในการพิมพ์ ตัวอย่างเครื่องพิมพ์แบบนี้ได้แก่ เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์

    1. เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ ( Laser Printer) เป็นเครื่องพิมพ์ที่มีความเร็วสูงสุดเมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์ชนิดอื่นและเป็นเครื่องพิมพ์ที่กำลังได้ความนิยม เดิมทีถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ แต่เนื่องจากความสามารถในการพิมพ์ผลงานที่มีคุณภาพสูง และราคาที่ลดลงจึงทำให้เครื่องพิมพ์ประเภทนี้ได้รับความนิยมจากคอมพิวเตอร์เกือบทุกประเภท เนื่องจากลำแสงเลเซอร์ได้รับการควบคุมอย่างแม่นยำ ทำให้ความละเอียดของจุดภาพที่ปรากฏบนกระดาษสูงมาก ความเร็วในการพิมพ์อาจสูงถึง 6 – 24 หน้าต่อนาที การทำงานจะไม่ส่งเสียงดังเหมือนเครื่องพิมพ์แบบจุด แต่จะเงียบเหมือนเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์เลเซอร์ระดับสูงจะมีความเร็วของการพิมพ์สูงขึ้นคือตั้งแต่ 20 หน้าต่อนาทีไปจนถึง 70 หน้าต่อนาที เครื่องพิมพ์เลเซอร์ระดับสูงนี้จะมีราคาแพง ไม่เหมาะต่อการนำมาใช้งานในสำนักงานทั่วไป เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์นี้จะใช้เทคโนโลยีของเครื่องถ่ายเอกสาร คอมพิวเตอร์ส่งสัญญาณบอกเครื่องพิมพ์ว่าจะให้พิมพ์ผงหมึกลงกระดาษที่ตำแหน่งใดบ้าง ซึ่งเริ่มจาการใช้แสงเลเซอร์วาดภาพที่จะพิมพ์นี้ลงบนแท่นทรงกระบอกที่เรียกว่า Drum ก่อน โดยตัวประมวลผลบนเครื่องพิมพ์จะควบคุมให้มีการยิงแสงเลเซอร์ไปยังกระจกสะท้อนแสงที่หมุนได้ให้แสงไปตกกระทบดรัมตามรูปร่างของภาพที่จะพิมพ์ แสงเลเซอร์จะทำให้ดรัมบริเวณที่ถูกแสงมีประจุไฟฟ้าเป็นบวกเหมือนกับแผ่นกระดาษ ส่วนบริเวณที่ยังไม่ถูกแสงจะยังคงมีประจุลบอยู่ เมื่อดรัมหมุนมาถึงตัวปล่อยผงหมึก ผงหมึกซึ่งมีประจุเป็นลบก็จะเกาะดรัมเฉพาะบริเวณที่มีประจุไฟฟ้าเป็นบวก เท่านั้น ทำให้เกิดรูปภาพหรือตัวอักษรขึ้นบนดรัม หลังจากนั้นกลไกจัดกระดาษจะป้อนกระดาษเข้ามายังดรัมที่ยังคงหมุนอยู่ ประจุไฟฟ้าบวกจากกระดาษที่มีความแรงกว่าประจุไฟฟ้าบวกบนดรัมจะเกิดการผลักดันและดึงผงหมึกที่มีประจุไฟฟ้าลบจากดรัมตกลงมาบนกระดาษจนเป็นรูปร่างตัวอักษรหรือรูปภาพ หลังจากนั้นกระดาษจะเลื่อนไปสู่กลไกอบกระดาษ ซึ่งจะใช้ความร้อนอบละลายให้ผงหมึกที่มีส่วนประกอบของไขละลายติดกับกระดาษ และกลไกการจัดกระดาษก็จะนำกระดาษออกมาจากเครื่องพิมพ์ เครื่องพิมพ์เลเซอร์ยังมีการพัฒนาต่อไป โปรแกรมสร้างภาพกราฟิกจะมีขีดความ- สามรถสูงขึ้น สามารถสร้างและวาดภาพในลักษณะเป็นชิ้นส่วนวัตถุมาผสมผสานกันให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น โปรแกรมต่างๆ จะต้องแปลงข้อมูลภาพมาเป็นจุดภาพ แล้วจึงส่งข้อมูลภาพมาเป็นจุดภาพไปยังเครื่องพิมพ์ ภาพที่สร้างและแสดงผลออกที่เครื่องพิมพ์จะใช้เวลายาวนานหลายนาทีต่อภาพ เครื่องพิมพ์เลเซอร์ยุคใหม่จะมีหน่วยประมวลผลหรือไมโครโพรเซสเซอร์อยู่ภายในสำหรับข้อมูลภาพเพื่อแบ่งเบาภาระงานของคอมพิวเตอร์ ขณะเดียวกันจะมีหน่วยความจำขนาดใหญ่ขึ้นสำหรับเก็บข้อมูลภาพได้มากขึ้น คำสั่งหรือภาษาเพื่ออธิบายข้อมูลภาพที่นิยมใช้กับเครื่องพิมพ์เลเซอร์รุ่นใหม่นี้ ส่วนใหญ่จะใช้ภาษาโพสท์คริปต์ จนนิยมเรียกเครื่องพิมพ์นี้ว่า เครื่องพิมพ์โพสท์คริปต์

      การเลือกซื้อเครื่องพิมพ์เลเซอร์

      ในการเลือกซื้อเครื่องพิมพ์เลเซอร์จะต้องพิจารณาคุณลักษณะต่างๆ ดังนี้

      1. คุณภาพของการพิมพ์ หน่วยบอกคุณภาพจะระบุเป็นภาพจุด เริ่มจาก 300 จุดภาพต่อนิ้วขึ้นไปจนถึง 600 จุดภาพต่อนิ้ว ถ้าจำนวนจุดภาพต่อนิ้วสูงมากเท่าใด ก็ยิ่งทำให้ภาพคมชัดมากขึ้นเท่านั้น
      2. ความเร็วของการพิมพ์ เครื่องพิมพ์เลเซอร์ระดับใช้งานทั่วไปจะมีอัตราความเร็วประมาณ 6 ถึง 24 หน้าต่อนาที ซึ่งอัตราความเร็วของการพิมพ์ตามที่ระบุไว้ในคุณลักษณะของเครื่องอาจจะไม่ถูกต้องนัก ผู้ใช้อาจทดสอบความเร็วด้วยงานพิมพ์ต่างๆ กัน เช่นพิมพ์เอกสารแบบไม่เว้นบรรทัด เอกสารแบบเว้นบรรทัดและภาพกราฟิก โดยมีชุดแบบอักษรต่างๆกัน แล้วจอบันทึกเวลาเพื่อเปรียบเทียบผล

      ภาพการทำงานของเครื่องพิมพ์เลเซอร์

    TOP , IT  REPORT