ประวัติและความเป็นมาของกาแฟสด

 

การค้นพบ กาแฟและการนำผลิตผลออกสู่โลกภายนอกมีตำนานเล่าขานกันมาไม่แพ้นิทานพื้นบ้านที่เล่าสืบทอดกันมา กล่าวกันว่าในศตวรรษที่ 6 มีชายหนุ่มคนหนึ่งขื่อคานดีเป็นชาวบิสทีเนียหรือเอธิโอเปียในปัจจุบันหนุ่มน้อยคนนี้มีอาชีพเป็นคนเลี้ยงแพะ ทุกวันเขาจะนำฝูงแพะออกไปหาอาหารกินตามทุ่งนาและตามเนินเขาต่างๆ เมื่อเจอแหล่งหญ้าและพุ่มไม้ที่อุดมสมบูรณ์ เขาก็จะปล่อยให้ฝูงแพะหากินตามสบาย ส่วนตัวเขาตามประสาหนุ่มขี้เกียจก็จะหาที่ร่มเพื่อนอนพัก ตกเย็นก็ต้อนฝูงแกะกลับบ้าน นี่คือกิจวัตรประจำวันของเขา แม้จะเป็นคนขี้เกียจแต่เขาก็มีความดีอยู่อย่างหนึ่งคือเป็นคนช่างสังเกต วันหนึ่งเขาเห็นความผิดปกติของฝูงแพะหลังจากที่มันไปหากินแถวเนินเขา ดูเหมือนว่ามันกระปรี่กระเปร่าขึ้น เจ้าหนุ่มคาลดีก็เริ่มจับตาดูว่าฝูงแพะไปกินอะไรเข้าจึงเกิดอาการเช่นนี้ และก็สังเกตเห็นว่ามีผลไม้ลูกเล็ก ๆ สีแดงชนิดหนึ่งซึ่งเขาไม่เคยเห็นมาก่อนเป็นอาหารที่ฝูงแพะของเขากิน จากการเฝ้าสังเกตติดต่อกันหลายวัน เขาจึงสันนิษฐานว่าจะต้องเป็นผลไม้สีแดงนี้แน่นอนที่เป็นสาเหตุให้ฝูงแพะกระปรี่กระเปร่าขึ้น เพื่อความแน่ใจเขาจึงเด็ดผลไม้ชนิดนี้ติดตัวกลับบ้านและทดลองกินดู เขาก็เลยกลายเป็นหนุ่มคนแรกที่ได้ลิ้มรสชาติของผลไม้วิเศษที่มีชื่อเรียกภายหลังว่า กาแฟ

 

รวมสูตรกาแฟสด

cappuccino

ขั้นตอนในการชงคาปูชิโน(Cappuccino)

ส่วนผสม

  1. ขนาดถ้วย ถ้วยเซรามิคปากกว้างขนาด 6 ออนซ์
  2. เมล็ดกาแฟคั่วบดละเอียดที่สุดประมาณ 8-10 กรัม
  3. นมสดประมาณ 4-6 ออนซ์

วิธีชง

  1. เหมือนกับการชงเอสเปรสโซ แต่ปริมาณกาแฟ ประมาณ 1/3 ของถ้วย
  2. อุ่นนมสดให้ร้อนไม่เกิน 60 องศาเซลเซียส
  3. ใช้เครื่องตีนมให้เป็นฟอง กะดูว่าได้ประมาณเพียงพอ
  4. ใช้ช้อนตักฟองนมไว้ เทนมที่อยู่ด้านล่างลงในถ้วยกาแฟประมาณ 1/3 ของถ้วย ใช้ช้อนตักฟองนมปิดหน้ากาแฟจนถึงขอบถ้วย ก่อนยกเสิร์ฟโรยหน้าด้วยผงช๊อคโกแลตหรือผงอบเชยก็ได้ นมที่เหลือจากการทำคาปูชิโนจะเอามาทำใหม่ไม่ได้เพราะจะตีฟองไม่ขึ้น ถ้าอุ่นนมร้อนกว่าอุณหภูมิที่กำหนดก็จะตีฟองไม่ขึ้นเช่นกัน ฟองนมคาปูชิโนต้องมีความละเอียดมาก ถ้าฟองนมยังเต็มไปด้วยฟองอากาศแสดงว่าการตีฟองนมยังไม่ถูกวิธี

การปรุงรสควรใช้น้ำตาลเท่านั้น ไม่ควรใช้น้ำเชื่อม เพราะน้ำเชื่อมกับนมจะไม่เข้ากัน แต่ถ้าจะใช้น้ำเชื่อมหรือไซรัปก็มีวิธีการชงเพื่อให้น้ำเชื่อมเข้ากับการแฟง่ายๆ ดังนี้

วิธีชง

  1. ถ้าจะเติมน้ำเชื่อม : กาแฟ เติมน้ำเชื่อม คนให้เข้ากันจึงเติมนม
  2. ถ้าจะเติมน้ำตาล : กาแฟ เติมนม น้ำตาล คนให้เข้ากัน

ข้อคิดเห็น

วิธีการตีฟองนมให้ดีเป็นเรื่องที่ยากพอสมควรสำหรับผู้ที่ไม่ชำนาญแม้จะใช้เครื่องที่มีเครื่องทำฟองนมมาให้เสร็จในตัว ขอแนะนำวิธีง่ายๆ มีดังนี้

  1. หาเครื่องทำฟองนมคาปูชิโนมาหนึ่งเครื่อง เป็นเครื่องเล็กๆ ใช้ถ่าน หรือจะใช้แบบกระป๋องกดทำฟองนมก็ได้ แต่จากประสบการณ์สู้แบบใช้ถ่านไม่ได้แถมราคายังถูกกว่า
  2. หาถ้วยแก้วทรงสูงประมาณ 4-6 นิ้วสำหรับใส่นมที่จะทำฟองโดยกะดูว่าเมื่อใส่นมแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 1/3 ของแก้ว
  3. หาถ้วยเซรามิคที่เข้าไมโครเวฟได้มาหนึ่งใบ เทนมลงไปในปริมาณ 4-6 ออนซ์แล้วให้จำไว้ จากนั้นนำไปเข้าไมโครเวฟประมาณ 10-20 วินาที คอยเช็คอุณหภูมิอย่าให้ร้อนเกิน 60 องศาเซลเซียส อาจจะใช้เทอร์โมมิเตอร์ช่วยในครั้งแรก หลังจากนั้นคุณก็จะทราบว่าเมื่อคุณนำนมสดออกมาจากตู้เย็นเทลงในถ้วยที่อุ่นนมนำไปเข้าในไมโครเวฟ คุณจะต้องใช้เวลากี่วินาที
  4. จากนั้นให้นำน้ำนมที่อุ่นเทใส่แก้วทรงสูง แล้วเอาเครื่องทำฟองนมจุ่มลงไปแล้วกดสวิทซ์ ประมาณ 10 วินาทีคุณก็จะได้ฟองนมที่ละเอียดสำหรับคาปูชิโนทำใหม่ๆ อาจจะเลอะเทอะบ้าง แต่เมื่อชำนาญแล้วง่ายมาก

 

วิธีทำน้ำเชื่อมหรือไซรัป

วิธีทำ ไซรัปหรือน้ำเชื่อมผสมกลิ่นต่างๆ นั้นทำไม่ยาก สามารถทำได้เอง

ส่วนผสม

  1. น้ำตาลทราย 0.5 กรัม
  2. น้ำเปล่า 0.5 ลิตร
  3. กลิ่นหัวเชื้อตามชอบ 1 ขวด

วิธีทำ

ตั้งไฟอ่อนๆ เคี่ยวน้ำกับน้ำตาลให้เข้ากัน อย่าให้น้ำตาลเดือด เคี่ยวไปเรื่อยๆ จนน้ำตาลมีความเหนียวคล้ายน้ำเชื่อมยกลงแล้วรอให้เย็น เติมหัวเชื้อลงไปประมาณ 10-20 cc ปริมาณของหัวเขื้อที่ใช้อาจไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับคุณภาพความเข้มข้นของหัวเชื้อที่ใช้คนให้เข้ากันชิมรสชาติและสูดกลิ่น ถ้ายังไม่หอมกลมกล่อมพอ ให้เติมหัวเชื้อลงไปอีกจนได้ที่ เมื่อเย็นแล้วจึงเทใส่ขวดแล้วเก็บไว้ในตู้เย็น

เอสเปรสโซคลาสลิก(Expresso Classic) ผ่านเครื่องชงอัตโนมัต

ส่วนผสม

  1. กาแฟคั่วบดแบบละเอียดที่สุด 6-7 กรัม
  2. เวลาที่น้ำร้อนไหลผ่านเครื่อง 8-12 นาที
  3. ปริมาณกาแฟ 1-1.5 ออนซ์
  4. ขนาดถ้วย 2-3 ออนซ์

วิธีชง

ใส่กาแฟบดลงไปในภาชนะ และเมื่อกาแฟไหลออกมาตามปริมาณที่ต้องการ ให้ยกออกหรือให้เครื่องหยุดทำงานทันที ปริมาณกาแฟที่ได้จะอยู่ที่ประมาณ 1/2 ถ้วย หรือประมาณ 1-1.5 ออนซ์ ไม่ให้เกินกว่านี้ และมีฟองสีทองประมาณ 1 ช้อนชาลอยอยู่ข้างบน เมื่อชงเสร็จจะต้องเริ่มเสิร์ฟทันที