
ตระเตรียม Shell Account
ของคุณเอาไว้

ในหน้านี้คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับ
1 จะมีเชลล์แอคเคาท์ดีๆ ได้อย่างไร
2 เครื่องมือสำรวจเชลล์
3 จะตัดสินใจอย่างไรว่าเชลล์ของคุณดีพอ
4 เครื่องมือสำรวจระบบแลนและอินเทอร์เน็ต
5 ทำอย่างไรไม่ให้ถูกเตะกระเด็นออกจากเซิร์ฟเวอร์ของคุณ
6 Free Shell Account

1 จะมีเชลล์แอคเคาท์ดีๆ ได้อย่างไร
การสำรวจเชลล์แอคเคาท์ของคุณ มีจุดประสงค์หลักเพื่อที่คุณจะได้ทำความรู้จักคุ้นเคยกับยูนิกซ์มากขึ้น และช่วยตัดสินว่าคุณจะทำอะไรได้มากแค่ไหนบนเชลล์ของคุณ
ก่อนอื่นคุณก็ต้องทราบเสียก่อนว่าคุณมีเชลล์แบบไหน (มีเชลล์มากมายหลายชนิด และแต่ละชนิดก็มีวิธีใช้ที่แตกต่างกันออกไป) คำสั่งที่ใช้ในการหาชนิดของเชลล์ก็คือ echo $SHELL (พิมพ์ตัวอักษรตัวเล็กใหญ่ไม่เหมือนกัน อย่ามั่ว)
เชลล์ (shell) คือโปรแกรมบน UNIX ที่รับฟังคำสั่งที่คุณพิมพ์เข้าไปและพยายามทำตามคำสั่งนั้น มี UNIX Shell อยู่หลายเชลล์ เช่น Bourne Shell, Korn Shell และ C Shell
อย่าลืมว่ายูนิกซ์นั้นฉลาดกว่าดอสมาก ถ้าคุณพิมพ์ ECHO $shell คำสั่งนี้จะใช้ไม่ได้ผล
ถ้าคุณได้ผลลัพธ์เป็น
/bin/sh แสดงว่าคุณมีบอร์นเชลล์ (ฺBourne shell)
/bin/bash แสดงว่าคุณมีแบชเชลล์ (Bash shell)
/bin/ksh แสดงว่าคุณมีคอร์นเชลล์ (Korn shell)
ถ้าคำสั่ง echo $SHELL ไม่ทำงาน ก็ให้ลอง echo $shell คุณน่าจะได้คำตอบกลับมาว่า
/bin/csh แสดงว่าคุณมีซีเชลล์ (C shell)
ทำไมถึงต้องรู้ด้วยล่ะว่าเชลล์ของเราเป็นแบบไหน? นั่นก็เพราะไม่ว่าใครก็อยากจะได้เชลล์ที่ง่ายต่อการใช้ ถ้าคุณสามารถเลือกได้คุณคงอยากใช้เชลล์ที่คุณถนัด และในบางเซิร์ฟเวอร์ก็เริ่มอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถเลือกชนิดของเชลล์ที่ตนเองต้องการใช้ได้แล้ว
เมื่อคุณรู้จักเชลล์คุณจะกำหนดได้ว่า เมื่อคุณพิมพ์ผิดแล้วกดคีย์แบ็คสเปซเพื่อลบ จะไม่มีตัว ^H^H^H โผล่ขึ้นมาบนจอของคุณให้รำคาญใจ คุณจะเลือกใช้ C เชลล์ได้เมื่อคุณต้องการรัน super hacker exploits ในวิธีที่ง่ายกว่า
ถ้าคุณมีโอกาสได้เลือกเชลล์ หลายท่านแนะนำว่าให้เลือกใช้ Bash เชลล์สำหรับผู้ที่เริ่มต้น มันจะใช้ง่ายกว่าชนิดอื่นๆ ให้คุณพิมพ์ bash ลงไปบนพร็อมต์ คำสั่งนี้จะเปลี่ยนให้เชลล์เป็นแบบ Bash เชลล์ (ใช้ได้เฉพาะบางระบบ)
ถ้าคำสั่งนี้ใช้ไม่ได้ คุณก็ควรปรึกษาฝ่ายสนับสนุนทางเทคนิคของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณ ให้เขาเซ็ตเชลล์ของคุณเป็นแบบที่คุณต้องการ
หนังสือเล่มหนึ่งเกี่ยวกับการใช้เชลล์ชนิดนี้นั้นชื่อว่า Learning the Bash Shell โดย Cameron Newham และ Bill Rosenblatt (ของสำนักพิมพ์ O'Reilly) ได้อธิบายวิธีใช้เอาไว้อย่างละเอียด
ลองพิมพ์ csh เพื่อที่จะได้ C shell
ลองพิมพ์ ksh เพื่อที่จะได้ Korn shell
ลองพิมพ์ sh เพื่อที่จะได้ Bourne shell
ลองพิมพ์ tcsh เพื่อที่จะได้ Tcsh shell
และ zsh เพื่อที่จะได้ Zsh shell
ถ้าคุณไม่มีเชลล์ที่คุณต้องการใช้อยู่บนเครื่อง คุณจะได้รับคำตอบกลับมาว่า
command not found.
เมื่อเลือกเชลล์แล้ว ก้าวต่อไปก็คือเริ่มสำรวจ หาให้เจอว่าอะไรที่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณยินยอมให้คุณใช้เป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของคำสั่งหรือโปรแกรมสนับสนุนต่างๆ
2 เครื่องมือสำรวจเชลล์
เครื่องมือสำรวจเชลล์ที่ว่านี้ก็คือ 10 สุดยอดคำสั่งของยูนิกซ์ที่ต้องใช้กันบ่อยๆ ถือเป็นคำสั่งหลักในการที่จะหลอมรวมคุณกับยูนิกซ์ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
(1) man <ชื่อคำสั่ง>
คำสั่งนี้เปรียบเสมือนเวทมนตร์ที่จะเนรมิต วิธีใช้คำสั่งยูนิกซ์ที่คุณอยากทราบขึ้นมาให้บนจอแบบปัจจุบันทันด่วน วิธีใช้คำสั่งที่ปรากฏขึ้นมาจะครบถ้วนและยาวเหยียด (ยาวมากเกินไปจนไม่มีใครสนใจจะอ่านกันแล้ว) ออปชันของคำสั่งนี้มีอยู่บ้าง ถ้าอยากลองก็ให้ใช้ออปชัน man -k
(2) ls
คำสั่งนี้จะแสดงรายชื่อไฟล์ที่มีอยู่ในไดเรกทอรี ผู้คนส่วนมากจะนิยมใช้ออปชัน ls -alF เพราะออปชันนี้จะแสดงให้คุณเห็นรายชื่อไฟล์ที่คุณไม่สามารถเห็นได้โดยใช้คำสั่ง ls เพียงตัวเดียวโดดๆ นอกจากนี้ยังจะแสดงข้อมูลอื่นของไฟล์อีกด้วย ถ้าคุณพบว่ารายชื่อที่แสดงออกมานั้นยาวเหยียดจนกระทั่งลากสกรอลล์บาร์กลับขึ้นไปไม่ถึงแล้วล่ะก็ จงใช้ออปชัน ls -alF|more จะช่วยแก้ปัญหาได้
(3) pwd
แสดงให้เห็นว่าคุณอยู่ในไดเรกทอรีใด
(4) cd <ไดเรกทอรี>
คำสั่งนี้ใช้ในการเปลี่ยนไดเรกทอรี ไดเรกทอรีที่คุณควรเข้าไปทำความรู้จักก็คือ /usr, /bin และ /etc คุณอาจเข้าไปเยี่ยมชมในไดเรกทอรี /tmp ด้วยเพื่อสนองความซน
(5) more <ชื่อไฟล์>
คำสั่งนี้คล้ายกับคำสั่ง cat ที่เราคุ้นเคยกันดี มันจะแสดงสิ่งที่อยู่ในไฟล์ออกมาในรูปแบบของเท็กซ์โหมด
(6) whereis <ชื่อของโปรแกรม>
เคยคิดบ้างไหมว่าอาจจะมีโปรแกรมเก๋ๆ หลบซ่อนอยู่ที่ไหนซักแห่ง และโปรแกรมนั้นก็เป็นของเล่นที่คุณโปรดปรานเสียด้วย คำสั่งนี้จะช่วยคุณค้นหาเจ้าโปรแกรมที่ว่า คำสั่งนี้จะทำงานคล้ายๆ กับ find และ locate ถ้าอยากสนุกเพิ่มขึ้นก็ลองใช้ทุกคำสั่งเลยก็ได้
(7) vi
หลายๆ คนชมเปาะว่าเป็นเอดิเตอร์ที่วิลิศมาหราที่สุดบนยูนิกซ์ แต่ในความเป็นจริง (ถ้าพูดกันแบบไม่เกรงใจเจ้าของบ้านแล้ว) vi เป็นเอดิเตอร์ที่มีวิธีใช้ลำบากและน่าเวียนหัวเป็นอย่างยิ่ง ถ้าท่านเป็นเพียงผู้เริ่มต้นที่ไม่มีคู่มืออ่านประกอบขณะใช้ ไม่แน่ว่า 3 วันผ่านไปท่านอาจยังไม่สามารเริ่มใช้โปรแกรมตัวนี้ได้เลย (ลองไปใช้ดูเองแล้วจะทราบว่านรกมีจริง)
แต่ถ้าจะยุ่งเกี่ยวกับยูนิกซ์ก็ต้องทนเอาหน่อย เพราะว่าไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว คุณจะใช้คำสั่งนี้เมื่อต้องการสร้างหรือแก้ไขไฟล์ใดๆ เช่นใช้สร้างไฟล์ให้ผู้อื่นอ่านเมื่อเขาใช้คำสั่ง finger มายังชื่อคุณ
อีกโปรแกรมหนึ่งที่คล้ายๆ กันก็คือ "emacs" หรือลองใช้คำสั่ง IMHO ดูถ้าคุณพบว่า vi นั้นสร้างความสับสนให้กับคุณมากๆ
โปรแกรมเอดิเตอร์โบราณอีกอันหนึ่งก็คือ "ed" (เคยถูกใช้ในการเขียนรหัส Fortran 77 ที่อาจมีความยาวมากถึง 1,000 บรรทัด)
(8) grep
ใช้หาไฟล์เมื่อคุณไม่ทราบชื่อไฟล์แต่ทราบสิ่งที่อยู่ในไฟล์ นอกจากนี้ยังใช้ประโยชน์ได้มากในการดูสิ่งที่อยู่ภายในไฟล์ syslog และ shell log เหมือนกับการใช้คำสั่ง "egrep" "fgrep" และ "look"
(9) chmod <ชื่อไฟล์>
เปลี่ยนการยินยอมให้เข้าถึงไฟล์ใดๆ
(10) rm <ชื่อไฟล์>
ใช้ในการลบไฟล์
3 จะทราบได้อย่างไรว่าเชลล์ของคุณนั้นดีพอ
เชลล์แต่ละเชลล์ในระบบนั้นถูกออกแบบมาไม่เหมือนกัน สำหรับผู้ใช้ทั่วไปแล้วจะถูกผู้ดูแลระบบจำกัดห้ามไม่ให้ใช้เครื่องมือสำคัญบางอย่างบนเครื่อง ทั้งนี้เพื่อสงวนอภิสิทธิ์ในการจัดการระบบ แต่ถึงยังไงถ้าเชลล์ของคุณสามารถใช้คำสั่งที่ว่าทั้ง 10 คำสั่งนั้นได้แล้ว ก็ถือว่าพอใช้ได้ทีเดียว แต่ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นไปอีกคุณต้องมีเครื่องมือสำรวจระบบ LAN (Local Area Network) และอินเทอร์เน็ตด้วย