ไข้เลือดออก (Dengue Fever)
      
           สาเหตุ :
ยุงลาย Aedes aegypti เป็นพาหะนำโรค ยุงนี้จะกัดคนที่เป็นโรค และไปกัดคนอื่น ๆ
ในรัศมีไม่เกิน 400 เมตร ยุงนี้ชอบแพร่พันธ์ในน้ำนิ่ง หลุม โอ่งน้ำขัง และจะออกหากินในเวลากลางวัน
การติดเชื้อไวรัส มีเชื้ออยู่สองชนิดใหญ่ๆที่ทำให้เกิดไข้เลือดออก คือเชื้อ เดงกี่ (dengue) และชิกุนกุนย่า(chigunkunya)
มากกว่า 90% เกิดจากเชื้อตัวแรก เชื้อเดนกี่มี 4 พันธ์ โดยทั่วไป ในการรับเชื้อครั้งแรก มักไม่ค่อยมีอาการรุนแรงมากนัก
ซึ่งสามารถเกิดในเด็ก ๆ ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป การติดเชื้อครั้งต่อไปจะรุนแรงขึ้น และภูมิคุ้มกันที่มีจะไม่ช่วยป้องกันไม่ให้เราเป็น
แต่กลับทำให้การติดเชื้อครั้งหลังรุนแรงขึ้น หมายความว่าเป็นแล้ว เป็นอีกได้

          
          อาการ :

  • ไข้สูงเฉียบพลัน ประมาณ 2-7 วัน เบื่ออาหาร หน้าแดง ปวดศีรษะ ร่วมกับอาการคลื่นไส้อาเจียน และอาจมีอาการปวดท้องร่วมด้วย

  • บางรายอาจมีจุดเลือดสีแดงขึ้นตามลำตัว แขน ขา อาจมีกำเดาออก หรือเลือดออกตามไรฟัน และถ่ายอุจาระดำเนื่องจากเลือดออก และอาจทำให้เกิดอาการช็อคได้

  • ในรายที่ช็อคจะสังเกตได้จากการที่ไข้ลดแต่ผู้ป่วยซึมลง ตัวเย็น หมดสติและเสียชีวิตได้

             การตรวจทางห้องปฏิบัติการ :
 
  1. เลือดข้นขึ้น ดูจากมีการเพิ่มของ Hct 20%เมื่อเทียบกับ Hct เดิม หรือมีหลักฐานว่ามีการรั่วของพลาสม่า

  2. เกร็ดเลือดต่ำกว่า 100000 เซลล์/ลบ.มม

  3. พบ Atypical Lymphocyte

  4. WBC สูง

  5. Tourniquet test โดยรัดแขนด้วยเชือกหรือเครื่องวัดความดันประมาณ 5 นาที จะพบจุดเลือดออกมากกว่า 20 จุด ในวงกลมที่วาดไว้ที่ท้องแขนที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้

          การดูแลผู้ป่วยเบื้องต้น
 

  1. ให้ผู้ป่วยพักผ่อนในที่ๆอากาศถ่ายเทได้ดี

  2. ระหว่างมีไข้สูงให้เช็ดตัวลดไข้โดยใช้น้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่นบิดพอหมาดๆเช็ดบริเวณหน้า ลำตัว แขนขา และพักบริเวณรักแร แผ่นอก แผ่นหลัง ขาหนีบสลับกันไปมา ทำติดต่อกันอย่างน้อย 15 นาที ระหว่างเช็ดตัวหากมีอาการหนาวสั่นให้หยุดเช็ดแล้วห่มผ้า

  3. ให้รับประทานยาลดไข้ พาราเซตามอล ระยะห่างของการให้ยาลดไข้ไม่ควรน้อยกว่า 4 ชั่วโมง ห้ามให้ยาลดไข้อื่น เช่น แอสไพริน ยาซองลดไข้ทุกชนิด ยาหัวสิงห์ ยาไอบรูโพรเฟน เพราะอาจทำให้เลือดในกระเพาะได้ นอกจากนี้ แอสไพรินอาจทำให้เกิด Reye syndrome

  4. ห้ามฉีดยาเข้ากล้าม

  5. อาหาร ควรเป็นอาหารอ่อน ย่อยง่าย ถ้าเบื่ออาหารหรือรับประทานได้น้อย แนะนำให้ดื่มนม น้ำผลไม้ หรือน้ำเกลือแร่ ถ้าอาเจียนมาก แนะนำให้จิบน้ำเกลือครั้งละน้อยๆบ่อยๆ ควรงดรับประทานอาหารที่มีสีแดงหรือดำ พยายามหลีกเลี่ยงการให้น้ำเกลือโดยไม่จำเป็น

  6. ควรหลีกเลี่ยงยาอื่นๆโดยไม่จำเป็น

  • ถ้าอาเจียนมาก อาจพิจารณาให้ domperidone แบ่งให้วันละ 3 ครั้งควรให้ช่วงสั้นๆ

  • steroid ไม่ควรให้

  1. ต้องให้คำแนะนำอาการอันตรายหรือช็อกแก่ผู้ปกครอง เมื่อผู้ป่วยมีอาการดังต่อไปนี้ข้อใดข้อหนึ่ง ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาล

  • มีอาการเลวลงเมื่อไข้ลดลง

  • มีเลือดออก เช่น เลือดกำเดา อาเจียนหรือถ่ายเป็นเลือด

  • อาเจียนมากตลอดเวลา

  • ปวดท้องมาก

  • ผู้ป่วยซึม ไม่ดื่มน้ำ หรือรับประทานอาหารได้น้อยลง

  • กระหายน้ำตลอดเวลา

  • กระสับกระส่าย เอะอะโวยวาย ร้องกวนมากในเด็กเล็ก

  • พฤติกรรมเปลี่ยนแปลง เช่นพูดไม่รู้เรื่อง

  • ตัวเย็น เหงื่อออก ตัวลาย

  • ไม่ปัสสาวะเป็นเวลานานเกิน 6 ชั่วโมง

ตั้งแต่วันที่ 3 ของโรคแพทย์อาจจะนัดไปตรวจทุกวัน หรืออาจนัดตามความเหมาะสมจนกว่าไข้จะลง 24 ชั่วโมง หรือจนกว่าผู้ป่วยจะมีอาการปกติ

          ข้อมูลได้จาก www.siamhelth.net และ www.thaihealth.net ขอขอบคุณในข้อมูล