ต่อมลูกหมากโต
(Prostate enlargement : benign prostatic hypertrophy; BPH)

จาก  "ความรู้เรื่องโรค"
สำนักพิมพ์รีดเดอร์ไดเจสท์ 
(ประเทศไทย) จำกัด 2543
   ต่อมลูกหมากโตพบประมาณ 1 ใน 3 ของเพศชาย ที่มีอายุเกิน 50 ปี ถ้าโตขึ้นเรื่อยๆ จะปิดกั้นทางเดินปัสสาวะ เนื่องจากต่อมลูกหมาก จะไปโอบอยู่รอบคอของกระเพาะปัสสาวะ และท่อปัสสาวะ ซึ่งเป็นท่อที่ออกจากกระเพาะปัสสาวะ สู่ภายนอก ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่า เหตุใดต่อมลูกหมากจึงโตขึ้น เมื่อถึงวัยสูงอายุ

     ต่อมลูกหมากโต จะไปกดทับท่อปัสสาวะ และบางครั้งกดกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ถ่ายปัสสาวะออกไม่หมด โดยทั่วไปชายสูงอายุจะสังเกตตัวเอง ว่ามีอาการถ่ายปัสสาวะบ่อยขึ้น ถ่ายไม่ออกอยู่นาน ปัสสาวะไหลช้า และไหลเป็นหยดขณะหยุดถ่าย อาจมีอาการปวดและแสบร้อนขณะถ่าย โดยเฉพาะถ้าต่อมลูกหมากกดอยู่บนท่อปัสสาวะ ถ้ามีปัสสาวะค้างอยู่ในกระเพาะ จะเสี่ยงต่อการเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ และนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ถ้ามีการปิดกั้นมาก อาจทำให้ปัสสาวะไหลกลับไปยังไต และทำให้ไตเสียหาย

การตรวจและวินิจฉัย
    มี 2 วิธี ที่ใช้ตรวจอาการต่อมลูกหมากโต วิธีแรก คือ การใช้นิ้วคลำทางทวารหนัก โดยแพทย์จะใส่ถุงมือ แล้วใช้นิ้วสอดเข้าทางทวารหนัก เพื่อคลำต่อมลูกหมากว่ามีขนาดใหญ่ขึ้น หรือแข็งผิดปกติ หรือมีก้อนที่น่าสงสัยว่าจะเป็นมะเร็งหรือไม่
     อีกวิธีหนึ่ง คือการตรวจเลือด เพื่อหาปริมาณสารกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ที่ผลิตโดยเซลล์ต่อมลูกหมาก (prostate specific antigen-PSA) ประมาณ 30-50 เปอร์เซ็นต์ของเพศชาย ที่มีต่อมลูกหมากโต มักมีระดับ PSA สูงขึ้น การตรวจนี้นับว่ามีประโยชน์ ในการแยกแยะว่า เป็นมะเร็งต่อมลูกหมากหรือไม่ การตรวจเลือดต้องทำก่อน การตรวจด้วยนิ้วมือ เนื่องจากการกดที่ต่อมลูกหมาก อาจกระตุ้นให้ระดับ PSA สูงขึ้นชั่วคราว
     การตรวจวิธีอื่นอาจรวมถึง การใช้สายยางสวนกระเพาะปัสสาวะ เพื่อวัดปริมาณปัสสาวะ ที่ค้างอยู่ภายหลังการถ่าย การตรวจอัลตราซาวด์ และการส่องกล้องดูภายในกระเพาะปัสสาวะ (cystoscopy) และการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจวิเคราะห์ เพื่อดูว่าเป็นมะเร็งหรือไม่

การักษาทางการแพทย์
     การรักษาในระยะต้นได้แก่ การใช้ยารักษาการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะและไต  ซึ่งมักเกิดร่วมกับภาวะต่อมลูกหมากโต อาจต้องสวนสายยาง เข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ ถ้ามีการปิดกั้นทางเดินปัสสาวะ
     เดิมการรักษาโรคนี้มีเพียงวิธีเดียว คือการผ่าตัดต่อมลูกหมาก ทางท่อปัสสาวะ หรือที่เรียกว่า TURP (transurethral resection of the prostate) โดยแพทย์ใช้กล้องซิสโตสโคป (เป็นท่อโค้งงอได้) สอดเข้าทางท่อปัสสาวะ ไปยังตำแหน่งต่อมลูกหมาก แล้วใส่เครื่องมือตัด (บางรายอาจใช้เลเซอร์) ผ่านท่อเข้าไปตัดเนื้อเยื่อต่อมลูกหมากส่วนที่โตขึ้น ถ้าใช้วิธีนี้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ต้องอยู่โรงพยาบาล ประมาณ 3 วัน หลังผ่าตัดอาการมักจะหายไปนาน แต่ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ มีความเสี่ยงต่อการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และ 60-70 เปอร์เซ็นต์ มีน้ำอสุจิไหลย้อนเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ แทนที่จะออกทางองคชาต โดยไม่มีผลต่อความรู้สึกสุดยอดทางเพศ แต่จะทำให้ไม่สามารถมีบุตรได้
     ยาขับปัสสาวะเทราโซซิน (ไฮทริน) [terazosin (Hytrin)] อาจช่วยทำให้ปัสสาวะ ค้างในกระเพาะน้อยลง ในบางรายฟิแนสเตอไรด์ (โพรสการ์) [finasteride (Proscar)] อาจทำให้ต่อมลูกหมากหดเล็กลง แต่การศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ ยังคงมีข้อสงสัย ในประสิทธิภาพการรักษาระยะยาว
     การรักษาวิธีใหม่เรียกว่า TUNA (transurethral needle ablation) โดยการใช้ความร้อน ทำให้ต่อมลูกหมากเล็กลง ด้วยการสอดสายยางและเข็มชนิดพิเศษ ที่ให้ความร้อน เข้าทางท่อปัสสาวะ เข้าไปจี้ต่อมลูกหมากให้หดตัว ซึ่งอาจทำที่แผนกผู้ป่วยนอก โดยการฉีดยา ใช้เวลาประมาณ 40 นาที และผู้ป่วยส่วนใหญ่ สามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติ ภายใน 1-2 วัน

การรักษาทางเลือก
     สมุนไพร  เชื่อว่าสารสกัดจากผลของต้นปาล์มซอร์ปาลเมตโต (saw palmetto berry) สามารถขัดขวางการผลิตฮอร์โมน ไดไฮโดรเทสโตสเตอโรน ซึ่งเป็นสารเคมีในร่างกาย ที่มีฤทธิ์กระตุ้น ให้ต่อมลูกหมากมีขนาดโตขึ้น  นักสมุนไพรเชื่อว่าโสม ทำให้ต่อมลูกหมากมีขนาดเล็กลงได้ สมุนไพรไทยที่เชื่อว่า มีฤทธิ์ขับปัสสาวะได้แก่ กลีบรองดอกกระเจี๊ยบ ต้นหรือเง่าตะไคร้แก่ รากหญ้าคาสด เป็นต้น
     วารีบำบัด การนั่งแช่ในน้ำอุ่น 3-10 นาที วันละ 2-3 ครั้ง อาจช่วยบรรเทาอาการได้ อย่างน้อยชั่วคราว อุณหภูมิของน้ำ ควรอยู่ในระดับ 105-115 F  หรือ 40.5-46  C
     ธรรมชาติบำบัดและโภชนบำบัด เนื่องจากพบว่า การขาดธาตุสังกะสี มีความสัมพันธ์กับ ภาวะต่อมลูกหมากโต หรืออักเสบ การให้ธาตุสังกะสีเสริม อาจช่วยป้องกัน และทำให้ต่อมลูกหมาก มีขนาดเล็กลง โภชนากรบางคนแนะนำให้ รับประทานน้ำมันสกัดจากหู่มั้ว (flax) อีฟนิ่งพริมโรส หรือวอลนัต วันละ 1 ช้อนชา และควรดื่มน้ำหรือเครื่องดื่ม อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว แต่ควรหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ และคาเฟอีน เนื่องจากระคายเคืองกระเพาะปัสสาวะ

การดูแลรักษาด้วยตนเอง
     ภาวะต่อมลูกหมากโตไม่สามารถป้องกันได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงยาบางชนิด ที่ทำให้เป็นมากขึ้น ได้แก่ ยาแก้แพ้ แก้หวัด ซึ่งทำให้มีปัสสาวะค้างในกระเพาะ ยาที่แพทย์สั่งบางชนิด เช่น ยารักษาแผลในกระเพาะ กลุ่มอาการระบบลำไส้ระคายเคือง ยาแก้แพ้อาการซึมเศร้า อาจมีผลเช่นเดียวกัน
    ควรถ่ายปัสสาวะทันทีที่รู้สึกอยากถ่าย ไม่ควรกลั้นปัสสาวะนาน หลีกเลี่ยงการกระตุ้นความรู้สึกทางเพศ โดยไม่มีการหลั่งอสุจิ

สาเหตุอื่นที่ทำให้เกิดอาการเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก
     ต่อมลูกหมากอักเสบและมะเร็งต่อมลูกหมาก จะทำให้เกิดอาการคล้ายต่อมลูกหมากโต ซึ่งต้องตรวจให้แน่ชัดว่าไม่ได้เป็นโรคดังกล่าว
.