ก่อนสมัยนี้ราวศตวรรษที่ 6 ดนตรีขึ้นอยู่กับศาสนา
พระสันตะปาปาเกรกอรี เป็นผู้
รวบรวมบทสวด เป็นทำนองเดียว ( Monophony ) ต่อมาจึงมี 2 ทำนอง ( Polyphony
)
ศตวรรษที่ 11 การศึกษาเริ่มในโบสถ์ในสมัยกลางนี้เองได้เริ่มมีการบันทึกตัวโน้ต
โดยมีพระองค์หนึ่งเป็นชาวอิตาเลียนได้สังเกตเพลงสวดเก่าแก่เป็นภาษาละติน
เพลงหนึ่งแต่ละประโยคจะมีเสียงค่อย ๆ สูงขึ้น จึงนำเอาเฉพาะตัวแรกของบทสวดมา
เรียงกัน จึงออกเป็น โด เร มี ฟา ซอล ลา ที เพลงร้องในสมัยกลางได้แก่
เพลนซานท์ (plainchant) ออกานุม (organum) โมเทต (motet) และ
เพลงนอกวัด (secular music) เป็นต้น
จุดเด่นในสมัยนี้ได้แก่
- เน้นเสียงร้องมากกว่าเสียงดนตรี
- เพลนซานต์เป็นเพลงสวดในโบสถ์โรมันคาทอลิกมานานกว่าพันปีได้ถูกรวบรวมใหม่
- มีการบันทึกโน้ต
- ออกานุมคือเพลงสวดที่มีทำนองมากกว่าหนึ่งแนว
- โมเทตเพลงประสานเสียงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับคริสต์ศาสนา
- เพลงนอกวัดมีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักเป็นส่วนใหญ่ |