วัดท่าสว่าง
ชื่อที่ชาวบ้านเรียก วัดกระสัง ชื่อเดิม (ไม่มี)
ตั้งอยู่เลขที่
๒๒๖ ถนนเทศบาล๑ บ้านท่าสว่าง หมู่ที่ ๑๕ ตำบลกระสัง
อำเภอกระสัง
จังหวัดบุรีรัมย์ ภาค ๑๑ สังกัดคณะสงฆ์ มหานิกาย
การตั้งวัด
เป็นวัดที่ตั้งก่อน
วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๖ ซึ่งเป็นวันที่กฎกระทรวง
ศึกษาธิการออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์
พุทธศักราช ๒๔๘๔ มีผล
บังคับใช้ได้ตั้งวัดเมื่อพ.ศ.
๒๓๖๙ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา (ครั้งที่ ๒) เมื่อวันที่
๙
เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๖ เขตวิสุงคามสีมา กว้าง๔๐ เมตร ยาว ๗๐ เมตร
ที่ดินเฉพาะบริเวณที่ตั้งวัด
ปัจจุบันจำนวน ๒๗ไร่ - งาน ๒๕ ตารางวา โดยมีหนังสือ
แสดงกรรมการสิทธิ์ที่ดินเป็น
โฉนด เลขที่ ๑๘๕๙ เล่มที่ ๑๙หน้าที่๕๙ อำเภอกระสัง
จังหวัดบุรีรัมย์
กรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของวัดท่าสว่าง
อาณาเขต
ทิศเหนือ
ยาว.......เส้น ......วา.......ศอก (๒๒๓เมตร) จรดที่นาชาวบ้านกระสัง
ทิศใต้
ยาว.......เส้น........วา .....ศอก ๗๙ เมตร) จรดที่ดินนางเกี้ย จิตต์ไชยวัฒน์
ทิศตะวันออก
ยาว ....เส้น ..วา.. ศอก (๒๔๗.๔๐ เมตร) จรดที่นา และทางสาย
กระสัง
- ลำดวน
ทิศตะวันตก
ยาว .....เส้น ...วา.......ศอก (๓๑๔.๔๐ เมตร ) จรดหมู่บ้านท่าสว่าง
ที่ธรณีสงฆ์
(ไม่รวมกับที่ดินที่ตั้งวัดข้างต้นนี้)
มี๒ แปลง รวมเนื้อที่ ๑๖๖ ไร่
..... งาน ๑๑๗ ตารางวา
คือ
-
แปลงที่ ๑ ตั้งอยู่ที่ ตำบล กระสัง อำเภอ กระสัง จังหวัด บุรีรัมย์ มีเนื้อที่
๑๕๔ ไร่งาน
๗๗
ตารางวา มีหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน คือ โฉนดที่ดิน เลขที่ ๓๑๔๒๕ เล่ม ๓๑๕
หน้า
๒๔ อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์
-
แปลงที่ ๒ (ที่ตั้งวัด แต่เริ่มก่อตั้งระยะแรก ) ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ บ้านกระสัง
ตำบล กระสัง
อำเภอกระสัง
จังหวัด บุรีรัมย์ มีเนื้อที่ ๑๒ ไร่ งาน ๔๐ ตารางวา มีหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์
ที่ดิน
คือหนังสือ รับรองการทำประโยชน์ (น.ส.๓ ก.) เลขที่ ๒๔๔๔ เล่ม ๒๕ ก หน้า ๔๔
ตำบลกระสัง
อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ปัจจุบัน ชาวบ้านเรียกที่ตรงนี้ว่า ที่วัดร้าง
ลักษณะพื้นที่ตั้งวัด
และบริเวณโดยรอบ พื้นที่ตั้งวัดมีลักษณะ คล้ายรูปทรงกะทะคว่ำ มีคูเมือง
ล้อมรอบหมู่บ้าน
โดยที่ตั้งวัดอยู่ทางทิศเหนือสุดของหมู่บ้าน บริเวณโดยรอบ ได้แบ่งเป็นเขต
พุทธาวาส
เขตสังฆาวาส และเขตสาธารณสงเคราะห์ มีสระน้ำภายในวัด ในเนื้อที่ ๖ ไร่ เศษ
อาคารเสนาสนะต่าง
ๆ
๑. อุโบสถ
กว้าง ๑๖.๙๐ เมตร ยาว ๒๖.๑๐ เมตร สร้างแล้วเสร็จ เมี่อ พ.ศ.๒๕๒๓
เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
๒. ศาลาการเปรียญ
กว้าง ๒๔.๘๐ เมตร ยาว ๓๒.๑๐ เมตร สร้างเมื่อพ.ศ. ๒๔๙๘
เป็นอาคารไม้สองชั้น
๓. หอระฆัง
สร้าง พ.ศ. ๒๕๓๕
๔. กุฏิสงฆ์
จำนวน ๓ หลัง ดังนี้
-
หลังที่ ๑ เป็นอาคารไม้ ชั้นเดียว กว้าง ๒๒.๒๐ เมตร ยาว๓๗.๗๐ เมตร
-
หลังที่ ๒ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ๒ ชั้น กว้าง ๗.๔๐ เมตร
ยาว ๑๑.๘๐ เมตร (กุฏิเจ้าอาวาส)
-
หลังที่ ๓ เป็นอาคารครึ่งตึก ครึ่งไม้ ลักษณะทรงไทย ๒ ชั้น กว้าง ๖.๑๐ เมตร
ยาว
๘.๓๒ เมตร (กุฏิรับรอง/สำนักงานเจ้าอาวาส)
๕.ศาลาเอนกประสงค์ มี ๒ หลัง คือ
-
หลังที่ ๑ กว้าง ๑๖ เมตร ยาว ๒๖ เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๘ งบพัฒนาวัด
จากศรัทธาประชาชนทั่วไป
-
หลังที่ ๒ กว้าง ๑๔ เมตร ยาว ๒๐ เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๑ งบบริจาค
ศรัทธาสร้าง
ของ นายประเวศ นางบุญเคียง ยุวดีนิเวศ นายสุวัฒน์
นางประคอง
จุนถิรพงศ์ นางกิมฮวย เรืองอุดมสกุล นางกิมเฮียง หาญสุวรรณ
และน.ส.
ภาวิณี แซ่ฉั่ว
๖.โรงเรียนพระปริยัติธรรม
กว้าง ๑๘ เมตร ยาว ๔๙ เมตร เป็นอาคาร คอนกรีต
เสริมเหล็ก
๒ ชั้น ๑๐ ห้องเรียน สร้างแล้วเสร็จ พ.ศ. ๒๕๔๓ สิ้นค่าก่อสร้าง
๒,๒๔๕,๐๐๐.๐๐
บาท (สองล้านสองแสนสี่หมื่นห้าพันบาทถ้วน) งบประมาณแผ่นดิน
๑,๕๐๐,๐๐๐.๐๐๐
บาท(หนึ่งล้านห้าแสนบาทถ้วน) เงินศรัทธาประชาชน และเงินจาก
การทอดกฐิน
ปี ๒๕๔๒ รวมเป็น ๖๔๕,๐๐๐.๐๐ บาท (หกแสนสี่หมื่นห้าพันบาทถ้วน)
๗.
ฌาปนสถาน กว้าง ๑๔ เมตร ยาว ๑๙ เมตร สร้าง พ.ศ. ๒๕๒๘ งบศรัทธา
นายกองตรี
ไพโรจน์ ตียวานิช อดีต ส.ส.บุรีรัมย์ ๓๐๐.๐๐๐.๐๐ บาท และเงิน
ศรัทธาประชาชนทั่วไปอีก
๕๙๗,๖๗๙.๐๐ บาท รวมค่าก่อสร้าง ๘๙๗,๖๗๙.๐๐ บาท
๘.
หอระฆัง กว้าง ๖ เมตร ยาว ๖ เมตร สร้าง พ.ศ. ๒๕๓๕ งบเงินกฐิน ผ้าป่า ปี ศรัทธาประชาชน
ปี
๒๕๓๔ จำนวน ๒๙๐,๐๐๐.๐๐ บาท
ปูชนียวัตถุมี ดังนี้
๑. พระพุทธรูปปางสมาธิ
ตั้งแต่ก่อตั้งวัด อายุประมาณ ๑๗๙ ปี
๒. พระประธาน
ในโบสถ์ เป็นพระพุทธชินราชจำลอง หน้าตักกว้าง ๕๙ นิ้ว สร้าง โดยศรัทธา
คุณนายสมร
จรูญลักขณา จากย่านบางรัก กรุงเทพมหานคร เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๑๙
๓. อัฐิธาตุเจดีย์
ที่บรรจุอัฐิธาตุ พระครูประสานสังฆกิจ (ประสาน กนฺตธมฺโม อดีตเจ้าอาวาส อดีต
เจ้าคณะอำเภอกระสัง
รูปแรก ลักษณะเจดีย์ เป็นภูเขาหินซ้อน ภายในเป็นถ้ำ ประดิษฐานพระ
พุทธรูป
ศรัทธาของ น.ส. รัชนี เรืองจินดาวลัย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ ๑๖ ต.กระสัง อ.กระสัง
จ.บุรีรัมย์
การศึกษา
ได้มีการเปิดสอน ดังนี้
๑.
โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกธรรม เปิดสอนเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๒
(เคยเป็นที่ตั้งโรงเรียนราษฎร์ ในนาม โรงเรียนสังฆกิจศึกษา ต่อมาได้ยกเลิกกิจการ)
๒.
โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกบาลี เปิดสอนเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๕
๓.
โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญ เปิดสอนเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๕
๔.ศูนยศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์
เปิดสอนเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๓
๕.ศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ในวัด
(ไม่มี)
๖.โรงเรียนผู้ใหญ่วัด
(ไม่มี)
นอกจากนี้
มีโรงเรียนประถมศึกษา (ปัจจุนเรียกว่า โรงเรียนอนุบาลกระสัง)
ตั้งอยู่ในที่ดินของวัดเนื้อที่
ประมาณ ๔๖ ไร่เศษ แต่ทางโรงเรียนแจ้งที่ตั้งโรงเรียน
ว่า
เป็นที่ราชพัสดุ เมื่อประมาณพ.ศ. ๒๕๓๗
บทบาทของวัดต่อชุมชน
๑.เป็นที่ตั้งหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล
(อปต.)
๒.เป็นหน่วยเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย
๓.เป็นที่ประชุมพบปะกันของประชาชน
๔.เป็นอุทยานการศึกษา
วัดท่าสว่าง
มีพระภิกษุสามเณรจำพรรษา ปีละ ๘๐-๙๐ รูป ทุกปี
(นับแต่ปี
๒๕๓๕ เป็นต้นมา-ปัจจุบัน)
ความเป็นมาของชื่อวัด และผู้สร้าง การสร้าง และการบูรณะพัฒนาวัด
วัดท่าสว่าง
ก่อตั้งเมื่อพ.ศ. ๒๓๖๙ โดยชาวบ้านกระสัง หมู่ที่ ๑ ต.กระสัง
อ.กระสัง
ในที่ดินพื้นที่ศูนย์กลางบ้านกระสัง
ซึ่งมีนับได้ในปัจจุบันจำนวน ๑๒ ไร่
๔๐
ตารางวา ภายหลัง เกิดภาวะแล้งติดต่อกันหลายปี เป็นเหตุให้ บ้าน และวัด
ต้องร้างอยู่ระยะหนึ่ง
จนชาวบ้านเรียกกันติดปากว่ากระสังร้าง ถึงปัจจุบัน เมื่อมีการสร้างทางรถไฟต่อจากจังหวัดนครราชสีมาผ่านหมู่บ้านกระสัง
ร้างไปยังจังหวัดอุบลราชธานี
ชาวบ้านได้มาตั้งบ้านเรือนอยู่เป็นปึกแผ่น
มากขึ้น
ชาวบ้านเห็นว่าที่ตั้งวัดเดิมนั้นคับแคบ อีกทั้งอยู่ท่ามกลางชุมชนแออัด
จึงทำการย้ายที่ตั้งวัดใหม่
ณ ที่ตั้งปัจจุบันซึ่งตั้งอยู่ไปทางทิศเหนือสุดของบริเวณ
ที่ตั้งหมู่บ้าน ที่ตั้งวัดเดิมนั้นชาวบ้านยังคงสงวนให้เป็นที่ธรณีสงฆ์อยู่ตราบเท่าทุกวันนี้
(ตามรายละเอียด
ที่ธรณีสงฆ์ แปลงที่ ๒)
แต่เดิมนั้น
บ้านกระสัง มีหมู่เดียว คือหมู่ที่ ๑ เมื่อประชากรมีมากขึ้น
กรมการปกครอง
ได้แยกเขตปกครอง เป็นหมู่ที่ ๒,หมู่ที่ ๙ หมู่ ที่ ๑๕ และหมู่ที่ ๑๖
วัดท่าสว่างแต่เดิมอยู่ในเขตพื้นที่หมู่ที่
๑หลังจากกรมการปกครอง แบ่งเขตการปกครอง
ตั้งหมู่บ้านใหม่
วัดท่าสว่าง ถูกจัดให้อยู่ในเขตพื้นที่ หมู่ที่ ๑๕ และชาวบ้านได้ตั้งชื่อหมู่บ้าน
หมู่ที่
๑๕ ว่า บ้านท่าสว่าง ตามชื่อวัด ทั้งนี้ เมื่อ ปี พ.ศ.
การสร้างและบูรณะพัฒนา
วัดท่าสว่าง
ตั้งแต่ เริ่มก่อตั้ง พ.ศ. ๒๓๖๙ - ๒๔๙๒ อยู่ในสภาพ ไม่มีการพัฒนาก่อสร้าง
ถาวรวัตถุ
เสนาสนะ เท่าที่ควร เพราะเศรษฐกิจท้องถิ่นประสบภาวะฝนแล้งต่อเนื่องหลายปี
ชาวบ้านทำนุบำรุงวัดตามกำลังศรัทธาของตนเรื่อยมา
เป็นเหตุให้มีพระสงฆ์อยู่จำพรรษาต่อเนื่อง
มามิได้ขาดช่วงเหมือนระยะแรก
ๆ ที่ตั้งวัด
ปี
พ.ศ. ๒๔๙๒ นายไกร สุขอนันต์ อดีตกำนัน ต.กระสัง คนแรก ได้เป็นกำลัง
สำคัญ
พร้อมด้วยชาวบ้าน ไปอาราธนา พระประสาน กนฺตธมฺโม จากวัด
ลำดวน
ต.ลำดวน อ.กระสัง มาเป็นเจ้าอาวาส พระประสาน กนฺตธมฺโม เคยไป
ศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ที่วัดดาวดึงส์
กรุงเทพมหานคร และที่วัดแม่นางปลื้ม
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ได้รับการศึกษา จบ นักธรรมชั้นเอก หลังจากได้ทำ
หน้าที่เจ้าอาวาส
แล้ว ท่านได้ ทำการขุดสระน้ำ ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งสมัย
นั้น
ชาวบ้านกระสัง และบ้านใกล้เคียง ได้รับบริการจากสระน้ำในวัด มาตราบ
เท่าทุกวันนี้
พ.ศ.
๒๔๙๒ พระอธิการประสาน กนฺตธมฺโม ได้สร้างกุฎีสงฆ์ หลังใหญ่ เป็น
ที่พักอาศัย
ของภิกษุสามเณร มาถึงปัจจุบันนี้(ต่อมาพระอธิการประสาน ได้รับ
พระราชทานสมณศักดิ์
เป็น พระครูประสานสังฆกิจ และดำรงตำแหน่งเจ้า
คณะอำเภอกระสัง
รูปแรก)
- พ.ศ. ๒๔๙๘ สร้างศาลาการเปรียญ ที่ยังปรากฎอยู่ถึงทุกวัน
- พ.ศ. ๒๕๐๙ -๒๕๒๓ สร้างอุโบสถ แล้วเสร็จเรียบร้อย
- พ.ศ. ๒๕๑๔ สร้างถังน้ำประปา โดยศรัทธา แม่ตุ่น สนองชาติ
การสร้างเสนาสนะ
ในสมัย
พระครูอมรธรรมนิเทศก์ (สุเทพ อาสโภ) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส
ตั้งแต่ปี
๒๕๒๕มีดังนี้ (ปี ๒๕๒๖-๒๕๒๗ เจ้าอาวาส ลาไปศึกษาต่อระดับปริญญาโท
ที่
ประเทศอินเดียจึงไม่มีการก่อสร้าง)
-
พ.ศ. ๒๕๒๘ สร้างฌาปนสถาน (เมรุเผาศพ)
-
พ.ศ. ๒๕๒๙ สร้างศาลาเอนกประสงค์ สร้างห้องสมุด ห้องนำห้องสุขา
และได้รับยกย่องให้ เป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง จากกรมการศาสนา
-
พ.ศ. ๒๕๓๔ สร้างซุ้มประตูหน้าวัดด้านทิศใต้
-
พ.ศ. ๒๕๓๕ สร้างหอระฆัง หอกลอง ถังน้ำประปา ห้องน้ำ ห้องสุขา
-
พ.ศ. ๒๕๓๖ สร้างรั้ววัดด้านทิศตะวันออก
-
พ.ศ. ๒๕๓๗ เทถนนคอนกรีตภายในวัด (เงินงบประมาณ จัดสรรค์
โดย
ดร.อนุวรรตน์ วัฒนศิริ อดีต ส.ส. จังหวัดบุรีรัมย์ ประสานงาน
โดย
นายอภิชาติ เรืองจินดาวลัย นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลกระสัง
และเทคอนกรีต
รอบบริเวณโบสถ์ งบพัฒนาวัดโดยศรัทธาประชาชน
-
พ.ศ.๒๕๓๗ ได้รับประกาศนียบัตร เป็นวัดพัฒนาดีเด่น รับเกียรติบัตร จาก
สมเด็จพระสังฆราช
-
พ.ศ. ๒๕๓๘ ได้รับประกาศให้เป็นอุทยานการศึกษา
-
พ.ศ. ๒๕๓๙ สร้างกุฏิเจ้าอาวาส
-
พ.ศ. ๒๕๔๒ สร้างกุฏิรับรอง / สำนักงานเจ้าอาวาส
-
พ.ศ. ๒๕๔๓ สร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม วัดท่าสว่างวิทยา และได้รับ
รางวัล
โรงเรียนพระปริยัติธรรม ดีเด่น จากกรมการศาสนา รับโล่ห์เกียรติคุณ
จากสมเด็จพระสังฆราช
ความมั่นคงของวัด
พ.ศ.
๒๕๒๕ ได้จัดตั้งกองทุนนิธิ ในนาม กองทุน ประสานสังฆกิจ
อนุสรณ์
ปัจจุบันมีเงินอยู่ในกองทุนทั้งสิ้น ๑,๒๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท
(หนึ่งล้านสองแสนบาทถ้วน)
โดยความร่วมมือของ พระเลียน อนุตฺตโร
วัดมหาพฤฒาราม
กรุงเทพมหานคร และประชาชนทั่วไป
--------------------------------------------------------------------------------------------------
หมายเหตุ
วัดท่าสว่าง มีวัดเดียว แต่เดิม ยังไม่แยกหมู่บ้าน วัดท่าสว่าง อยู่ในเขต ปกครองทาง
ราชอาณาจักร์
หมู่ที่ ๑ ต่อมากรมการปกครองได้แยกหมู่บ้านใหม่เป็นหมู่ที่ ๑๕ วัดท่าสว่าง ถูกจัด
ให้อยู่ในเขตปกครองหมู่ที่
๑๕ หมู่บ้านที่แยกออกใหม่นี้ ชาวบ้านให้ชื่อหมู่บ้าน ว่า
บ้านท่าสว่าง
ตามชื่อวัดดังกล่าวแล้ว ส่วนที่ตั้งวัดแต่เดิม ซึ่งอยู่ในหมู่ที่ ๑ นั้น ยังคงเป็นที่
ธรณีสงฆ์อยู่ตราบเท่าทุกวันนี้
ฯ
----------------------------------------------------------------------------------------------------
ข้อสังเกต ทะเบียนวัดวัดท่าสว่าง ที่กรมการศาสนามีอยู่ขณะนี้
ปรากฎว่า มีชื่อวัดท่าสว่าง ๒ แห่ง
คือ
วัดท่าสว่างตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ ๑ และ วัดท่าสว่าง ตั้งอยู่ หมู่ที่ ๑๕ ความเป็นจริง
วัดท่าสว่าง
มีอยู่วัดเดี่ยว
ตั้งอยู่ในหมู่ ที่ ๑๕ ส่วนหมู่ที่ ๑ ไม่มีวัด วัดท่าสว่าง ทั้งสองวัดนี้ ระบุปีได้รับอนุญาต
สร้างต่างกัน
(ได้รับอนุญาตสร้างวัด โดยไม่มีการขออนุญาต แปลก แต่จริง)
----------------------------------------------------------------------------------------------------
สมภารดี
เป็นศรีแก่วัด สมภารเห็นแก่ตัวจัด วัดไม่ได้รับการพัฒนา
พระครูอมรธรรมนิเทศก์
ข้อคิด จาก พระธรรมทัศนาธร (ทองสุก วัดชนะสงคราม กทม.)
วัดจะดี....................มีหลักฐาน..........เพราะบ้านช่วย
บ้านจะสวย............เพราะมีวัด......................ดัดนิสัย
บ้านกับวัด...............ผลัดกันช่วย.................ยิ่งอวยชัย
ถ้าขัดกัน.................ก็..บรรลัย...............ทั้งสองทาง
ฯ