การต่อสายแบบต่าง ๆ (Electrical Connections)
แบบพิกเทล
จอยท์ Pig tail joint ใช้ปลายทั้งสองพลาดไขว้กัน (ก) แล้วใช้คีมจับควบบิดควั่นเป็นเกลียวจนแน่น
(ข) แบบการต่อปลายลวดสายไฟที่เรียกว่า ทวิสช์ (Twist)นั้น
คือต่อเครื่องหมาย ก. ส่วนเครื่องหมาย ข. เรียกว่า เทิน (Turns)
จาก ก. ปลายลวดทั้งทาบสวนปลายกันไปตามความยาวที่ต้องการแล้วจึงบิดไขว้รัดกันเองไปตามรูปที่แสดง
จาก ข. ปลายลวดพันรัดรอบส่วนที่เป็นเส้นตรงแบบนี้บางที่ก็เรียกว่าพันเกลียวตัวหนอน
การพันสายต่อกันแบบของ
เบ็ล แฮ็งเก่ออะซ์ ซึ่งการพันแบบนี้เป็นแบบพันที่ไม่แต่เพียงจะเหมาะสมในการใช้ในด้านกระแสไฟฟ้าและในด้านแม็คคานิคเท่านั้น ยังเป็นแบบแน่นหนาและมั่นคง ใช้ได้กับงานอื่น ๆ ที่ต้องการความทนทานต่อแรงดึงที่ไม่มากกมายเกินไปนักอีกด้วย
เบลแฮ็งเอะซ์ ปลายทั้งสองเส้นจะถูกปอกฉนวนหุ้มมีความยาวประมาณ 3 นิ้วทั้งคู่ และเมื่อทำความสะอาดผิวเรียบร้อยแล้ว จึงจัดแจงต่อ ดูจากภาพถัดไป
เบ็ล แฮ็งเก่อะซ์
วางปลายลวดทั้งสองที่จะต่อกันพาดไขว้ตรงระหว่างกึ่งกลางของคู่เส้นลวด
ในแบบนี้ถ้าเป็นสายขนาดเล็กอาจใช้บิดพันกันด้วยมือ แต่ถ้าเป็นลวดเส้นใหญ่ก็ต้องใช้คีมบิดพัยตามแบบภาพต่อไปนี้
เบ็ล แฮ็งเก่อะซ์
แสดงแบบที่ต่อพันเรียบร้อยเพียงแต่รอการบัดกกรีให้ติดกันแน่น และพันเทปในขั้นสุดท้ายเท่านั้น วิธีนี้เรียกอีกอย่างว่า Westurn
Union
การปอกสายที่จะต่อทั้งสองเส้น มีระยะปอกไม่เท่ากัน คือปลายเส้นหนึ่ง
ปอกฉนวนหุ้มยาวประมาณ 3 นิ้ว ส่วนอีกเส้นหนึ่งยาว 5 นิ้ว
แบบ เทิร์นแบ็ค จอยท์
สายไฟ ก. ปอกปลายสายออก 3 นิ้ว และสายไฟ ข. ปอกออกยาว 5 นิ้ว เสร็จแล้วขัดผิวลวดให้สะอาด
แบบเทิร์นแบ็ค
จอยท์ ใน ก. ใช้ปลายลวดเส้นหนึ่งที่ยาวกกว่าทาบไปตามยาวในทิศทางเดียวกัน แต่ให้ปลายที่ปอกทั้งสองเส้นเสมอกัน
จากนั้นใช้คีมจับร่นระยะปล่อยปลายไว้ประมาณหนึ่งนิ้ว แล้วบิดให้เข้าเกลียวกันใน ข. โคนสายยาวที่เหลืออยู่ให้งอทาบไปตามเส้นลวดที่บิดไว้
ให้สังเกตดูภาพใน ค. ส่วนปลายสายที่เหลือจากบิดเกลียวให้ใช้เป็นลวดพันเป็นทบๆ
ตามแบบในภาพ ค. ซึ่งเป็นการพันเสร็จสิ้นลงเรียบร้อยแล้ว
และส่วนที่พันทบตอนหลังนี้ ควรจะจัดช่วงให้เส้นยืนยาวพอที่จะรับพันทบได้หลายๆ ทบ
แบบของการต่อสายเทิร์นแบ็ค จอยท์
เป็นแบบที่ใช้ต่อพันสายที่ต้องต้านทานการดึงที่ตึงเครียดจะได้ประโยชน์มาก
เฉพาะแบบนี้
บางทีก็ใช้ในการขึงสายไฟในที่สูงที่ต้องทนทานต่อกำลังดึงอย่างเครียดและก็มีใช้อยู่ในการเดินสายทั้งภายในและภายนอกเคหะสถานที่ใช้สายไฟเส้นเดียวขนาด
No.6 หรือใหญ่กว่า ส่วนลักษณะและวิธีต่อสายจะได้แยกแสดงภาพกล่าวข้อความให้เข้าใจไว้พอสังเขปดังต่อไปนี้
แบบบริแทนเนีย จอยท์
แสดงปลายลวดที่ปอกฉนวนแล้ว และงอส่วนปลายสุดเป็นมุมฉากจงอยสั้นๆ ทั้งสองเส้น
แบบบริแทนเนีย จอยท์
เริ่มต่อสายด้วยการวางสาย เกยกันยาวประมาณ 3 นิ้ว หันปลายจงอยออกทั้งสองด้านตามแบบของเครื่องหมาย
ก. ส่วนเครื่องหมาย ข. คือสายไฟสำหรับพันหุ้มสายเกย
แบบบริแทนเนีย จอยท์
แสดงการใช้สายไฟหุ้มฉนวนพันส่วนปลายสายไฟที่ต่อเกยกันดังปรากฏแบบของการต่อ
แบบบริแทนเนีย จอยท์
ทั้ง ก. และ ข. จากภาพอักษร ก. ซึ่งเป็นภาพการพันที่ต่อเนื่องกัน
ปลายสายพันของด้านซ้ายมือจะถูกสอดไปตามร่องสายที่เกยกันภายใต้สายพันเตรียมจะไปพันยึดสายไฟอันล่าง
ดูจากภาพ ข. ต่อมาจะเห็นว่าการพันสายต่อได้สำเร็จรูปลงเรียบร้อย
โดดยใช้ปลายสายที่สอดผ่านร่องทั้งซ้ายและขวาพันเข้ากับสายไฟที่ต่อข้างละเพียงสองสามรอบ
แล้วรัดให้แน่นต่อจากนั้นจึงบัดกรีด้วยตะกั่ว
การต่อสายพันแบบ ซะคาร์เฟด จอยท์
เป็นแบบต่อสายขนาดใหญ่ที่ใช้อยู่ในที่แจ้งและต้องการความแข็งมั่นคง
ลักษณะการต่อแบบนี้ไม่ใช่แบบของการต่อที่จะใช้การเดินสายชนิดต้องขึงอย่างตึงเครียดซึ่งจะสังเกตได้จากภาพแสดงการต่อปลายสายต่อไปนี้
แบบซะคาร์เฟด จอยท์
ปลายสายที่นำมาต่อกันจะเสี้ยมปลายให้ลาดแหลมยาวประมาณ 3 นิ้ว ทั้งสองปลายเท่ากัน
ซึ่งเมื่อนำปลายทั้งสองมาต่อโดยทาบกันแล้วจะอยู่ในลักษณะคล้ายเป็นสายเส้นเดียวตลอด
แบบซะคาร์เฟด จอยท์
ที่บัดกรีรอยทาบของปลายเสี้ยมที่ต่อกันเรียบร้อยแล้วจึงใช้สายไฟเบอร์ 18 หรือ 20
พันทับรอยต่อตามแบบที่แสดงในภาพ
แบบ ดูเพล็กซ์ จอยท์
การต่อสายพันแบบ
ดูเพล็กซ์ จอยท์ เป็นแบบที่ใช้ต่อสายคู่ในระบบสายหุ้มปลอกหรือหุ้มวัตถุหนาๆ
ของสายไฟสองสาย ซึ่งวิธีต่อจะทราบได้จากภาพแสดงต่อไปนี้
ให้สังเกตการปอกฉนวนหุ้มสายในสองสายนั้นช่วงนั้นการปอกมีระยะต่างกัน
คือสาเส้นหนึ่งของคู่ต่อทททั้งสองจะปอกไว้ยาว
ซึ่งจะเห็นส่วนปลายฉนวนตัดออกไปสั้นกว่าคู่ต่อทั้งสองอีกเส้นหนึ่ง
เปรียบเทียบจากเส้นระหว่าง ก. และ ข. ทั้งคู่ที่จะต่อกัน
แบบ ดูเพล็กซ์ จอยท์
การต่อสายที่ปอกแล้วจะต้องต่อสลับสายกัน, ระหว่างปลายสายที่ปอกฉนวนสั้นกับปลายสายที่ปอกฉนวนยาว
และเมื่อต่อเสร็จแล้ว ระหว่างขั้วต่อทั้งสองสายจะเหลื่อมพ้นกัน
เป็นการป้องกันวงจรลัดหรือเท่ากับเป็นฉนวนในตัว
หรือที่เรียกว่า Taps (แท็พซ์) เป็นแบบและวิธีหนึ่งที่ใช้ปลายสายไฟที่จะต่อแยกไปทางใดทางหนึ่งต่อเข้ากับสายไฟอีกเส้นหนึ่งตรงกลางสาย
(ไม่ใช่ต่อปลาย)
ขั้วต่อสายแยกมีอยู่หลายแบบ
แต่ละแบบจะต้องเลือกใช้ให้เหมาะกับแต่ละสภาพของงานที่ใช้
ซึ่งมีแบบอย่างที่ควรศึกษาไว้มีดังต่อไปนี้
แบบต่อสายแยกชนิดธรรมดา
ให้ปอกลำตัวของสายไฟเอาฉนวนหุ้มสายออกที่อักษร ก. ยาวประมาณ
1.5 นิ้ว ส่วนปลายสายที่จะนำไปต่อให้ปอกฉนวนยาวประมาณ
3 นิ้ว
แล้วพาดให้ห่างจากฉนวนด้านซ้ายของสายเส้นตรงประมาณ 1/4
นิ้ว แล้วงอพันลงดังภาพที่แสดง
จากแบบแทพซ์ธรรมดาในภาพ
ส่วนปลายที่เหลือของสายโค้งพับที่จะต่อกับสายตรงจะถูกพับเป็นทบๆ ประมาณ 5
หรือ 6 ทบไปตามแนวสายไฟเส้นตรง
ข้อที่ควรสังเกตตรงช่วงว่างสั้นๆ ของ A นั้น
ควรให้มีระยะห่างจากปลายฉนวนประมาณ 1/4 นิ้ว และช่อง B
ระยะห่างควรเป็น
1/2
นิ้ว
ที่ต้องทำเช่นนี้
ก็เพื่อป้องกันมิให้ฉนวนทั้งสองข้างไหม้ในเมื่อต้องการบัดกรีส่วนที่ต่อกันนี้
และเพื่อสะดวกหากต้องการใช้ผ้าเทปพัน
แบบข้างบน
คือแบบน็อททิดแท็พ จากภาพ 1
สายไฟเส้นตรงจะถูกปอกฉนวนหุ้มออก 1.5 นิ้ว ถึง 2 นิ้ว คือสาย A ส่วนสาย B นั้น เป็นปลายสายต่อแยกให้ปอกฉนวนหุ้มออก 3 นิ้ว จากภาพ 2
ให้สังเกตการต่อพันของสาย B จะเข้าใจได้โดยไม่ต้องให้คำอธิบาย
แบบของน๊อททิดแท็พ
ที่พันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
แบบของภาพนี้เป็นแบบ
ดับเบิ้ลคร้อซแท็พ จากสาย A ให้ปอกฉนวนหุ้มสายยาวประมาณ
2 .5 นิ้ว ส่วนปลายสาย B,C แต่ละสายปอกออกประมาณ 2 นิ้ว ให้สังเกตว่า สายต่อแยก (B) เริ่มต้นต่อพันจากกึ่งกลางของสาย A แล้วจึงออกไปทางหนึ่ง ส่วนสายต่อแยก (C) ก็จะเริ่มจากกึ่งกลางเส้น A แต่พันแยกออกไปอีกทาง
ทั้งสองสายนี้มันจะแยกกันตรงกึ่งกลางออกไปคนละด้าน
แบบดูเพล็กซ์
คร้อชแท็พ สายไฟตรงต่อฉนวนหุ้มออกประมาณ 2 นิ้ว ส่วนปลายสายที่ใช้พันทั้งสองสายปอกออกประมาณ 3
นิ้วเท่ากัน ใช้พันควบคู่กันจากปลายเส้นตรงที่ปอกฉนวนไว้ข้างใดข้างหนึ่งไปจนสุดอีกข้างหนึ่ง
สังเกตจากภาพ
แบบ แรพพิต แท็พ
การต่อสายไฟชนิดนี้ใช้สายไฟขนาดเบอร์ 6 ทั้งสายตรงและสายต่อ
ปอกฉนวนออกประมาณ 4 นิ้วเท่าๆ กัน
โดยเหตุที่เป็นสายไฟขนาดใหญ่มากไม่สะดวกต่อการจะเอาสายต่อไปพันยึดติดกับสายตรงจึงต้องใช้วิธีต่อตามภาพที่แสดงต่อไปนี้
แบบแรพพิด แท็พ จากภาพ
ให้เอาปลายสายต่อทาบลำตัวสายตรง แล้วหักมุมลงมาตามแบบภาพ ก. นี้มีความยาวถึงปลายฉนวนที่ประมาณ 1 นิ้ว ซึ่งมองดูจะมี ลักษณะเป็นอักษร L ต่อจากนั้นใช้สายไฟหุ้มฉนวนขนาดที่ใช้ในแบบ
บริแทนเนียพันยึดให้แน่นดังภาพ ข.
การต่อสายไฟซะพไลซ์
(Splice)
แบบวิธีต่อสายที่ผ่านมาแล้ว
การต่อสายไฟแบบจอยท์ (Joint) ซึ่งเป็นการต่อสายไฟแบบเส้นเดี่ยว
ส่วนการต่อ Splices นี้คือสายไฟที่จะต่อกันนั้นเป็นสายไฟประเภทหลายๆ
เส้นรวมพันเป็นมัด แล้วหุ้มฉนวนเป็นสายไฟเดียวซึ่งมีแบบและวิธีต่อสายประเภทนี้อยู่หลายแบบเช่นเดียวกัน
ตามแบบที่เรียกว่า
ซิงเกิ้ล แรพพิดซะพไลซ์ สายไฟที่ต่อจะพันปลายต่อปลายจะต้องปอกฉนวนออกประมาณปลายละ 6 นิ้ว แล้วทำความสะอาดกลุ่มปลายสายทั้งสองข้าง
แบบซิงเกิ้ล
แรพพิดซะพไลซ์ให้แกะปลายเส้นลวดสายไฟทั้งสองปลายที่จะต่อกันแยกออกมาประมาณ 5 นิ้ว
โดยง้างแต่ลพเส้นให้อ้าออกไปจากกลุ่มเป็นมุม 30 องศา ทุกๆ
เส้น
แบบซิงเกิ้ล แรพพิด
ซะพไลซ์ จากปลายเส้นลวดที่แยกจากกลุ่ม
ให้นำมาประสานถักไขว้กันระหว่างตัวอักษรกับตัวเลข กล่าวคือ
ลวดของกลุ่มหมายเลขเส้นหนึ่งจะผ่านลวดตัวอักษรสองเส้น และเส้นที่พันรั้งเป็นตะขอเกี่ยวซึ่งกันและกัน
คือ ก. กับ 1
แบบซิงเกิ้ล แรพพิด ซะพไลซ์
ซึ่งพันรัดกันแน่นเป็นข้อรัดแรก
แบบซิงเกิ้ล แรพพิด
ซะพไลซ์ ซึ่งต่อพันรัดแน่นทุกๆ ปล้องเสร็จสิ้นลงจะมีลักษณะดังปรากฏในภาพ
แบบออร์ดินะรี แท็พ ซะพไลซ์
ขนาดของรอยปอกฉนวนนั้นสุดแต่ขนาดของสายไฟ
ปลายสายที่จะต่อกับลำดัวของสายตรงนั้นให้แยกแบ่งออกเป็นสองง่ามตามภาพแสดง
ออร์ดินะรี แท็พ ซะพไลซ์
จากการเตรียมต่อตามแบบภาพ ที่ผ่านมา ปลายสายต่อ 1 2 3
และ 4 5 6
ก็จะพันลงระหว่างกึ่งกลางของสายตรงออกไปทั้งสองข้าง และเมื่อพันทบเสร็จแล้ว
จะได้ลักษณะดังภาพ
แบบซะพลิท แท็พ ซะพไลซ์
ขนาดของรอยปอกฉนวนสุดแต่ขนาดสายไฟปลายสายต่อจะแยกต่อลงกึ่งกลางสายตรง
และเตรียมที่จะพันตามภาพข้างหหน้าต่อไปโดยเอาปลายสายแยกสอดเป็นช่องๆ
แล้วพันออกไปทางซ้ายและขวา
แบบวาย ซะพไล้ซ์
แบบวาย ซะพไล้ซ์
การปอกฉนวนหุ้มสายขึ้นอยู่กับขนาดของสายไฟ
สายไฟจะสอดปลายสายทั้งหมดเข้าไปในเกลียวบิดของสายตรงเมื่อต่อเสร็จแล้วจะได้ดังภาพข้างล่างนี้
วาย ซะพไลซ์
จากภาพ
ปลายสายต่อที่สอดอยู่นั้นจะแยกพันเรียงไปตามแนวเกลียวบิดตามยาวของสายตรงโดยรัดอย่างแน่นหนาที่เดียว
การต่อสายอ่อนกับสายแข็ง
เข้าด้วยกันดูลักษณะการต่อดังภาพ