กฎหมายที่บังคับใช้ในบ้านเรามีอยู่หลายประเภท
โดยแต่ละประเภทมีฐานะการบังคับใช้ที่แตกต่างกัน
ในการปกครองของไทยจะมีกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดในการบังคับใช้
ที่ว่าเป็นกฎหมายสูงสุดก็เพราะว่าจะไม่สามารถออกกฎหมายใดที่จะออกมาขัดหรือแย้งกับกฎหมายรัฐธรรมนูญได้
หากมีกฎหมายใดๆก็ตามที่ออกมาโดยมีข้อความที่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญแล้ว
กฎหมายฉบับนั้นจะใช้บังคับไม่ได้เลย
ในตัวของกฎหมายรัฐธรรมนูญนั้นจะเป็นการบัญญัติไว้ในเรื่องต่างที่มีลักษณะกว้างๆ
ไม่ว่าจะเป็น
เรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชน
รูปแบบของการปกครองเช่นกำหนดให้มีคณะรัฐบาลเป็นผู้บริหารประเทศ
กำหนดให้มีสมาชิก
2
ประเภทคือสมาชิกวุฒิสภากับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
เป็นต้น
แต่ในส่วนของรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องใดนั้น
รัฐธรรมนูญจะกำหนดให้ออกเป็นกฎหมายอื่นเฉพาะเรื่อง
เช่น
กฎหมายพรรคการเมือง
กฎหมายเลือกตั้ง
เป็นต้น
- ประเภทของกฎหมาย
- 1.
กฎหมายรัฐธรรมนูญ
- 2.
พระราชบัญญัติ
- 3.
พระราชกำหนด
- 4.
พระราชกฤษฎีกา
- 5. กฎกระทรวง
- 1. กฎหมายรัฐธรรมนูญ
เป็นกฎหมายหลักในการปกครองประเทศ
ออกโดยฝ่ายนิติบัญญัติ
มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือคณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ
มีการพิจารณากัน
3 วาระ
สำหรับการยกเลิกหรือจะแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น
ในตัวรัฐธรรมนูญเองจะกำหนดวิธีการยกเลิก
หรือแก้ไขที่ยากกว่าการออกพระราชบัญญัติ
ทั้งนี้เนื่องจากไม่ต้องการให้มีการแก้ไขบ่อยนัก
การแก้ไขหรือการที่จะออกรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้นจึงต้องเป็นเรื่องที่จำเป็นจริง
- 2. พระราชบัญญัติ
เป็นกฎหมายที่ออกโดยฝ่ายนิติบัญญัติ
มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือคณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ
มีการพิจารณากัน
3
วาระเช่นเดียวกัน
การยกเลิกหรือแก้ไขสามารถกระทำได้ง่ายกว่ารัฐธรรมนูญ
- 3. พระราชกำหนด
มีฐานะเทียบเท่าพระราชบัญญัติ
แต่การออกพระราชกำหนดจะมีวิธีที่แตกต่างจากพระราชบัญญัติคือ
พระราชกำหนดจะออกโดยคณะรัฐมนตรี
การที่จะออกพระราชกำหนดได้จะต้องเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน
เพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศความปลอดภัยสาธารณะ
ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ
หรือป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ
เท่านั้น
เมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้ว
ก็สามารถประกาศใช้เป็นกฎหมายได้เลย
ซึ่งจะต่างกับพระราชบัญญัติตรงที่พระราชบัญญัติกว่าจะออกมาบังคับใช้ได้ก็ต้องใช้เวลานาน
ต้องผ่านการพิจารณาถึง
3 วาระ
แต่พระราชกำหนดเพียงแค่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบก็สามารถใช้บังคับได้แล้ว
เพียงแต่ว่าพระราชกำหนดนั้น
เมื่อออกมาแล้วหากอยู่ในสมัยประชุมของสภา
คณะรัฐมนตรีก็จะต้องนำพระราชกำหนดเข้าสู่สภาเพื่อขอความเห็นชอบทันที
แต่ถ้าไม่ได้อยู่ในสมัยประชุมของสภา
คณะรัฐมนตรีก็จะต้องนำพระราชกำหนดเข้าสู่สภาเพื่อให้สภาเห็นชอบทันทีที่เปิดสมัยประชุม
และเมื่อนำเข้าสู่สภาแล้ว
หากสภาให้ความเห็นชอบ
พระราชกำหนดนั้นก็ใช้บังคับได้ต่อไปเหมือนกับพระราชบัญญัติ
แต่หากสภาไม่ให้ความเห็นชอบพระราชกำหนดนั้นก็จะตกไปไม่มีผลใช้บังคับอีกต่อไป
แต่จะไม่กระทบกระเทือนสิ่งที่ได้ทำไปแล้วตามที่พระราชกำหนดนั้นบัญญัติไว้
- 4. พระราชกฤษฎีกา
เป็นกฎหมายอีกประเภทหนึ่ง
ซึ่งมีฐานะการบังคับใช้ที่ต่ำกว่าพระราชบัญญัติหรือพระราชกำหนด
การออกพระราชกฤษฎีกาจะต้องมีกฎหมายประเภทพระราชบัญญัติ
พระราชกำหนด
หรือรัฐธรรมนูญให้อำนาจไว้
พระราชกฤษฎีกาไม่สามารถออกได้เองโดยลำพัง
ผู้ที่ออกพระราชกฤษฎีกาคือคณะรัฐมนตรี
เมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบก็สามารถใช้บังคับได้เลย
ไม่ต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมสภาเพื่อขอความเห็นชอบอีก
- 5. กฎกระทรวง
มีฐานะที่รองลงมาจากพระราชกฤษฎีกาอีกทีหนึ่ง
ผู้ที่ออกกฎกระทรวงก็คือรัฐมนตรีผู้ที่ดูแลกระทรวงนั้น
การออกจะต้องออกโดยมีพระราชบัญญัติ
หรือพระราชกำหนดให้อำนาจไว้
เมื่อออกแล้วสามารถใช้บังคับได้ทันทีสำหรับ
ประกาศคณะปฏิวัติ
นั้น
จะมีฐานะเช่นเดียวกับพระราชบัญญัติ
แต่การออกจะออกโดยหัวหน้าคณะปฏิวัติซึ่งกุมอำนาจในขณะนั้น
และจะมีผลใช้บังคับได้อยู่ตลอดไปจนกว่าจะมีการยกเลิก
การยกเลิกนั้นจะต้องออกเป็นพระราชบัญญัติยกเลิก
-
-
<<<หน้าหลัก>>>
-
ข้อมูลจาก
http://tanay.hypermart.net/tanay7.html
|