วันที่ 22 มิถุนายน 2518 เป็นวันที่แม่ของเอียดมีความสุขมากที่สุดและเจ็บมากที่สุดในเวลาเดียวกัน นั้นคือวันที่เอียดได้เป็นน้องคนสุดท้องของครอบครัวสุทธิพันธุ์  เอียดเกิดมาพร้อมๆ กับความภาคภูมิใจในครอบครัว และในตอนเด็กเอียดจะมีเรื่องเล่ากันสนุกๆ กันในครอบครัวของเราว่าเป็นครอบครัว"ตระกูล จ " เนื่องจากครอบครัวของคุณปู่จะมีชื่อที่นำหน้าด้วย "จ" ทุกคน ดังนี้  (รุ่นปู่/ย่า)  1. จาง(เป็นพ่อของพ่อเอียดเองจ๊ะ) 2. แจ้ง 3. จัด 4.จิต  5. จำ 6. จิม 7. จาย 8. จวบ 9.จบ และครอบครัวของปู่จางก็จะมีลูกชาย 4 คน ก็คือ (รุ่นพ่อ/แม่ และรุ่นปัจจุบัน)

1. ดต.จำลอง (เป็นพ่อของเอียดจ๊ะ)  + คุณแม่นางสุมาลี  สุทธิพันธุ์ครอบครัวของเอียดก็มีกัน 3 คนพี่น้อง คือ

- ว่าที่ร้อยตรีจตุพร (พี่หนุ่มเป็นพี่ชายที่แสนดีและเจ้าระเบียบ) - น.ส.จุฑาทิพย์ (พี่เล็กเป็นพี่สาวที่รักน้องและตามใจน้องมาก)

- คนสุดท้ายก็คือ จารุวรรณ ซึ่งโดยนิสัยส่วนตัวของเอียดแล้วเป็นเด็กขี้ร้อง ช่างพูด เอาแต่ใจ (เอาใจผู้อื่นๆด้วย) แล้วเดี๋ยวค่อยไปรู้จักเอียดกันให้ลึกๆตอนท้ายนะจ๊ะ

2. นายจาลึก + คุณจูลิ่มมีบุตร 2 คน คือ - นางจุฑามาศ - นายจิตกร

3. นายจรัส + คุณอุไร มีบุตร 5 คน คือ -นายจอมปิยะราช -น.ส.จุรีรัตน์ - น.ส. จิรนุช น.ส.จิตรา - ดญ.จริยาภร

4. นายจำรัส + คุณพยอม มีบุตร 3 คน คือ - นายจตุรงค์  - ดช.จตุภัทร์  - น้องนุ่น

คราวนี้มารู้จักตัวตนของเอียดและความภาคภูมิใจของเอียดกันเลยนะจ๊ะ   เอียดเกิดที่จังหวัดพัทลุง  โรงพยาบาลหรือนางพยาบาลหรือไม่ได้แอ้มเงินเอียดหลอกน๊ะ เพราะเอียดคลอดก่อนกำหนด เลยต้องคลอดที่บ้าน เลขที่ 65  หมู่ 5  กิ่งอำเภอป่าบอน(ปัจจุบันเป็น ต.วังใหม่)  และทำการคลอดโดยเจ้าหน้าที่อนามัย(หมอคอง) จากการเล่าเรื่องของแม่เอียดเป็นเด็กที่ร้องไห้เก่งมาก(โตขึ้นน่าจะเป็นนักร้อง) และจะป่วยเป็นไข้บ่อยมาก เคยตัวร้อนมีไข้ขึ้นสูงถึงกับชักต้องนอนโรงพยาบาลด้วยแต่ก็รอดมาได้จนถึงปัจจุบัน 

อนุบาล - ป. 6   ในช่วงนี้ ที่บ้านจะทำธุรกิจ รับซื้อยางพารา, มีโรงสีเล็กๆ, ขายของชำ ( 7 eleven รุ่นแรก) , เลี้ยงหมู ซึ่งจะครบวงจร  นะตอนนั้น เอียดดูจะเป็นคุณหนูของบ้าน เพราะจะมีพี่เลี้ยงทำงานบ้านให้ด้วยและเอียดก็จะเป็นที่รักของพี่เลี้ยงทุกคน (ไม่แน่ใจว่าคิดไปเองหรือเปล่า) และในช่วงเข้าเรียน โรงเรียนวัดป่าบอนต่ำ  เอียดได้ทำกิจกรรมให้โรงเรียนเสมอ( ร้องรำทำเพลงในวันสำคัญต่างๆ ของโรงเรียนทุกปี)  แต่เอียดก็เจอเรื่องที่เหนื่อยที่สุดคือ ตอนปลายเทอมของ ป.6 เอียดต้องเลี้ยงหมู คนเดียวถึง 9 ตัว แต่ก็เพียง 2 - 3 เดือน เนื่องจากครอบครัวได้ย้ายไปอยู่ที่ป่าบอนเหนือ
ม.1 - ม. 3  เอียดได้มาเข้าเรียนที่โรงเรียนหาดใหญ่อำนวยวิทย์ (อ.หาดใหญ่  จ. สงขลา)ซึ่งในขณะนั้น พี่เล็ก(พี่สาวอยู่ ม. 2 และเตรียมที่จะเลื่อนชั้น ม. 3 ) ก็ต้องย้ายโรงเรียนมาเรียนที่โรงเรียนหาดใหญ่อำนวยวิทย์ด้วย เนื่องจากพ่อกับแม่ยังอยู่ที่จังหวัดพัทลุง และเป็นห่วงเอียดที่จะมาเรียนหาดใหญ่คนเดียว ก็เลยให้พี่เล็กย้ายมาเรียน ที่โรงเรียนเดียวกัน เพราะจะได้ดูแลซึ่งกันและกัน (ตอนนั้นเหมือนเด็กบ้านนอกเข้าเมืองเลย) ซึ่งในตอนนั้นได้อยู่ห้องพักของทางโรงเรียน (ซึ่งก็คล้าย ๆ โรงเรียนประจำ) แต่ได้อยู่เพียงเทอมเดียว และในเทอมต่อมาก็ได้ไปอยู่กับครูสุรินทร์( เป็นน้าชายและสอนอยู่ที่โรงเรียนอำนวยวิทย์) ก็อยู่ได้เทอมเดียวอีกเหมือนกัน เพราะ พ่อได้ย้ายมาเป็นตำรวจที่ สภอ.หาดใหญ่  เพื่อน ๆ ในห้องเรียนก็จะน่ารักทุกคน ซึ่งในห้องจะมีผู้ชาย 9 คน (หมู,จั่ว,มี, ตู่, เก๋, โจ, เคน, ขาว, หมู) ทะลึ่ง/ลามกกันทุกคน( นี้เป็นคำชม)  และเพื่อนผู้หญิงที่น่ารักหลายคน เช่น ( 

ปวช.1 - ปวช. 3   โรงเรียนหาดใหญ่อำนวยวิทย์พาณิชย์ (รุ่น 16 ) เป็นรุ่นที่อาจารย์ชมมากที่สุด เพราะเข้าไปเรียนได้ไม่กี่เดือนก็ถูกทำโทษให้นั่งสมาธิ ทั้งชั้นปีและ ในช่องนี้เองสนุกมาก และประทับใจกับคำว่า "เพื่อน" (เป็นไปตามวัย)  เอียดได้เรียนห้อง ปวช.ห้อง 1  ซึ่งเป็นช่วงที่เอียดได้ทำกิจกรรมในขณะเรียนมากที่สุด เพราะได้เป็นคณะกรรมการนักศึกษาของชั้นปี และเป็นสมาชิกสโมสรอินเตอร์แล็ก ในช่วงนี้เองที่ฝึกให้เอียดเป็นคนกล้าแสดงออก  กล้าคิดกล้าทำต่าง ๆ (หนูทำได้) และได้มีเพื่อนหลายแบบขอเอยชื่อหน่อยน๊ะ คนแรก ก็คือเพื่อนที่นั่งเรียนด้วยกันตลอด 3 ปี คือ นงนุช เป็นเพื่อนที่ขยันเรียน   น่ารัก เรียนเก่ง และเรียบร้อย(ร้อยเรียบ) เป็นที่ปรึกษาด้านการเรียนเสมอมา และเป็นเพื่อนที่รู้ใจเสมอมา  คนที่สอง หนุงหนิง เป็นเพื่อนร่วมทำกิจกรรมของโรงเรียน กรณีมีเรื่องบันเทิงเริงใจต่างๆ ต้องไปกับเจ้าหล่อนรับรองสนุกแน่ (แต่เอียดไม่ค่อยได้ไปไหนหลอกเพราะพ่อคุมเข้ม) และยังมีเพื่อนอีกมากมายที่น่ารักแต่เอียดคงเอยชื่อไม่ครบหมดทุกคน
่ไม่ต้องน้อยใจนะจ๊ะ  เพราะทุกคนคือ " เพื่อนของเอียด " และมีเรื่องให้เอียดประทับใจได้ทุกคนและมันก็ยังคงอยู่ในความทรงจำของเอียดตลอดไป
ปวส.1 - ปวส 2  สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล (วิทยาเขตภาคใต้)  ในช่องนี้ พี่สาวและพี่ชายของเอียดไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ (ไปอยู่กับพ่อขุนรามคำแหง)  เอียดเลยได้เป็นลูกคนเดียวของบ้าน เอียดประทับใจสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลมาก เพราะด้านหลังของสถาบัน ติดกับทะแลสาบสงขลา ซึ่งเวลาเครียดจากการเรียนหรือรู้สึกเบื่อ ๆ ก็แอบปั่นจักรยานไปเที่ยวชายหาด และมีเรื่องหนึ่งประทับใจเกี่ยวกับชายทะเล คือ ในบ่ายวันนั้นรู้สึกเบื่อก็เลยชวนเพื่อน(ฟุ้ง)ไปปั่นจักรยานเล่นและเอียดเป็นคนปั่น ฟุ้งนั่ง และในขณะที่ปั่นนั้นก็มีชายคนหนึ่งซึ่งออกกำลังกายโดยวิ่งเยาะ ๆ แล้วก็วิ่งแซงหน้าจักรยานของเอียดกับฟุ้งไป และในขณะนั้นเองมีเสียงของกลุ่มวัยรุ่นตะโกนเป็นภาษาใต้ว่า " จอดรถแล้วเดินรุนไปเร็วว้าน้องเห้อ" หมายความว่า เดินเข็นรถจักรยานไปก็ยังเร็วกว่าปั่นอีก เนื่องจากว่าเอียดปั่นจักรยานทวนกระแสลมและลมทะเลตอนบ่ายจะแรงมาก หลังจากนั้นเอียดกับฟุ้งก็มองหน้ากันด้วยความอายแล้วรีบเดินไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด และเอียดยังมีเรื่องอีกมากมายเกี่ยวกับเพื่อนในห้องที่ต้องหัวเราะหรือร้องไห้กันได้ทุกวัน และในช่วงปลายปีเอียดได้สนิทกับ ฟ้า (สาวหมวย นิสัยห้าว) กับ เอ็ม  (ใบหน้าคล้ายกับพี่เล็กมากจนเอียดสงสัยว่าอาจจะเป็นลูกเมียน้อยของพ่อ) และอีกเช่นเดิม เพื่อนคนอื่น ๆ ไม่ต้องเสียใจนะจ๊ะ เพราะทุกคนคือ " เพื่อนของเอียด " และมีเรื่องให้เอียดประทับใจได้ทุกคนและมันก็ยังคงอยู่ในความทรงจำของเอียดตลอดไป (ตามฟอร์ม)

ปริญญาตรี  (ศูนย์กลาง) สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล  (คลอง 6 จังหวัดปทุมธานี) เอียดเกิดความประทับใจมากที่สุดอีกครั้งในชีวิตคือ ได้กลับมาเรียนในจังหวัดเกิดของแม่  อ๋อ เอียดลืมเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นว่า เอียดเป็นลูกครึ่ง (แต่ทำมัยไม่ได้เป็นดารายังสงสัยอยู่ ) คือ พ่อเป็นคนภาคใต้ แม่เป็นคนภาคกลาง คลอง 6 จ. ปทุมธานี การที่เอียดได้ไปเรียนที่คลอง 6 ทำให้เอียดได้ไปอยู่กับยายน้อย (แม่ของแม่เอียด)  เอียดได้ดูแลยายเมื่อยายป่วยหรือไม่สบายเอียดก็จะซื้อยามาให้ จนญาติ เรียกว่า "หลานรักของยายน้อย"  และเอียดได้อยู่ท่ามกลางญาติ ๆ ฝั่งแม่บ้าง เพราะตอนเด็ก กว่าจะมาเยี่ยมยายน้อยที่ จ. ปทุมธานีได้ก็นานเป็นปี ๆ  และได้ซื้อมอเตอรไซ เป็นรถชาลีสีชมพู เอียดได้ตั้งชื่อมันว่า " น้องไพรชุมพู" เนื่องจากบ้านยายอยู่ลึกเข้าไปในคลอง ห่างจากสถาบันประมาณ 7 กม.  แต่เอียดอยู่กับยายได้ไม่นานก็ต้องย้ายมาอยู่กับเพื่อนชื่อ "แหม่ม เป็นเพื่อนที่ น่ารัก นิสัยดี ขยันเรียนมากๆ ถึงมากที่สุด "  เนื่องจากบ้านยายไม่สะดวกในการขับรถ เพราะ บางครั้งต้องเลิกเรียนเย็น กลัวจะไม่ปลอดภัย (ทั้งที่หน้าตาก็พอเป็นอาวุธได้บ้าง) แต่เอียดก็จะไปเยี่ยมเกือบทุกอาทิตย์ 
ในตอนนั้นเอียดเรียนบริหารธุรกิจ ห้อง 2 ซึ่งเป็นห้องที่มีเด็กจากสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตภาคใต้มากที่สุด กลุ่มเอียดจึงเป็นกลุ่มใหญ่ในห้องเรียน เราได้ร่วมทำวีระกรรมกันมากมาย เช่น

-ชื่อตอนว่า" รักเพื่อนกันมากมาย"   :  ในวันหนึ่งกลุ่มของเราไปเดินเที่ยวที่ห้างฟิวเจอร์ปาร์ค(รังสิต) และในวันนั้นตรงกับวันเกิดของเพื่อนที่ชื่อว่า " หนึ่ง"  เอียด และแหม่ม จึงได้แยกตัวออกไปเพื่อซื้อของขวัญ เอียดจึงได้เกิดไอเดียที่จะทำให้เหนึ่งตื้นเต้น  เอียดจึงให้แหม่มรอที่ร้านขายตุ๊กตา และเอียดก็เดินไปบอกเพื่อนที่รออยู่ชั้นล่างด้วยหน้าตาตื่นว่า " ช่วยด้วย! แหม่มเป็นลม ชักอยู่ที่ร้านขายตุ๊กตา" เนื่องจากเอียดมีสายเลือดของนักแสดงตุ๊กตาทองเต็มเปี่ยมจึงทำให้เพื่อนตกใจ แล้วลากเอียดวิ่งพร้อมกับส่งเสียงดัง เรียกเพื่อนคนอื่นๆ ว่าจะไปช่วยแหม่มดังลั่นห้าง และเพื่อนอีกคนที่ชื่อ จู ถลกกระโปรงนักศึกษาขึ้นนิดหนึ่งเพื่อจะได้วิ่งให้สะดวก รวดเร็ว  และเป็นเรื่องแปลกที่พวกเพื่อนวิ่งนำเอียดไปก่อนโดยไม่รู้ว่าร้านที่แหม่มเป็นลมอยู่ที่ไหน  และในขณะนั้นก็มีคนอื่นๆ ในห้างพลอยวิ่งไปกับเราด้วย  พอขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นบน พวกเพื่อนก็หันมาถามเอียดว่า "แหม่มเป็นลมอยู่ที่ไหน " ตอนนั้นเอียดตกใจมากทำให้สับสนจำร้านไม่ได้ กว่าจะหาเจอก็นานพอดู พอเพื่อนที่ชื่อ หนึ่งไปถึงแหม่มก็ยื่นตุ๊กตาให้ ตอนนั้นหนึ่งไม่รู้จะดีใจหรือโกรธดี แต่ที่แน่ ๆ คือ เอียดโดยเพื่อน ๆ ลุมประชาธัน และต้องรีบออกจากห้างฯ เพราะกลัวว่ายามจะมาไล่ ข้อหาก็ความวุ่นวาย

-ชื่อตอนว่า "เจ้าสาวรำวงหน้ากลองยาว"  :  วันนั้นเป็นวันทอดกฐินของวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดนครนายก  ซึ่งญาติของเอียดก็ได้ไปร่วมทอดกฐินด้วย   ในวันนั้นเอียดได้ชวนเพื่อนไปด้วย 2 คน  คือ นู๋แหม่ม กับ นู๋สุ   ได้ขับรถจักรยานยนคู่ชีพของเอียดคือ น้องไพรชมพู (รถชาลี)   ระหว่างที่ขับมากเพื่อจะร่วมงานทอดกฐินนั้น  ถนนขรุขระมาก  เนื่องจากฝนตกเมื่อคืนที่ผ่านมา   ทำให้เราล้มรถหัวคมำกันทั้ง 3 คน   แต่โชคร้ายที่เราไม่ได้เป็นอะไรมาก  แล้วเราก็ทำการเปลี่ยนชุดที่สกปรกออกแล้วไปทอดกฐินกันต่อ   เรา 3 คนนึกสนุกหรือผีเข้าก็ไม่แน่ใจ   รำหน้ากลองยาวกันเสียยกใหญ่    แล้วก็มีเสียแซวจากชาวบ้านดังขึ้นมาว่า "เจ้าสาวที่ไหนมารำหน้ากลองยาว"   ตอนนั้นเรางงกันมาก    แล้วญาติก็มาสะกิดบอกเอียดว่า  เพราะที่มือของเอียดและเพื่อน ๆ มีด้ายสีขาว ซึ่งมากจากการรับน้องใหม่ของที่คณะ   แต่ชาวบ้านคิดว่าเป็นด้ายสีขาวที่มัดข้อมือในวันแต่งงาน (ตามประเพณีของที่นั่น)   เราจึงเลิกรำวงหน้ากลองยาว
เริ่มทำงาน  ณ ที่ทำงานปัจจุบัน มีพี่ ๆ เพื่อน ๆ น้อง ๆ ชาว  QA ที่น่ารัก (น้อย, ลี่, บอย, ยุ้ย, อ้อย, โต้ง, ก๋อย, ดำ, ตุ๊ก,  พี่หม่วย, พี่หมู, พี่นก)    ทุก ๆ วันตอนเที่ยงเราจะเจริญอาหารกันมาก  มีเรื่องเม้าท์กันได้ทุกวัน   ถ้าวันใดไม่ครบองค์ประชุมจะรู้สึกเงียบเหงา  
จากที่ได้อ่านเรื่องราวของเอียดมากตั้นแต่ต้น   คงไม่ต้องบอกว่าเอียดเป็นคนอย่างไร (เปิดเผย & จริงใจ)   ยังมีเรื่องอีกมากมาย...     ที่อยากระบายให้เพื่อน ๆ ฟัง    แต่อยากเก็บไว้ในความทรงจำ   ใครอยากฟัง ... เอียดค่อยเล่าให้ฟังเป็นการส่วนตัวนะจ๊ะ