พื้นที่ลุ่มน้ำแม่ปิงตอนบน ครอบคลุมอำเภอเชียงดาว  จังหวัดเชียงใหม่ พื้นที่  2,160 ตารางกิโลเมตร  มีทิศเหนือและทิศตะวันตก ติดกับชายแดนไทย พม่า
ทิศตะวันออกติดกับอำเภอไชยปราการและอำเภอพร้าว ทิศใต้ติดกับอำเภอแม่แตง  พื้นที่ทั้งหมดปกคลุมด้วยผืนป่า ตั้งแต่ความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางระหว่าง
390 – 2,275  เมตร    มีสภาพป่า  ตั้งแต่ป่าเบญจพรรณ  ป่าเต็งรัง  ป่าดิบชื้น  ป่าดิบแล้ง  ป่าดิบเขา และป่าทุ่งหญ้า     มีสัตว์ป่าตั้งแต่สัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนม  สัตว์ปีก
สัตว์เลื้อยคลาน  สัตว์น้ำ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์ป่าที่หายาก เช่น กวางผา  นกยูง  และไก่ฟ้าหางลายขวางเป็นต้น    ปัจจุบันพื้นที่ลุ่มน้ำแม่ปิงตอนบนได้รับการประกาศ
ให้เป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ได้แก่ อุทยานแห่งชาติเชียงดาว  เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว  อุทยานแห่งชาติเชียงดาว และป่าสงวนแห่งชาติป่าเชียงดาว  มีประชากรอาศัย
อยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่ปิงตอนบน 
112 หมู่บ้าน ประชากร  67,200  คน ในพื้นที่  7  ตำบล ซึ่งประกอบไปด้วยประชากรที่เป็นคนไทยพื้นราบ และชาวเขาเผ่าต่างๆ เช่น
กะเหรี่ยง มูเซอ  ลีซอ  และอาข่า เป็นต้น                                                                                                                                                                                      
             สายน้ำแม่ปิง  มีต้นกำเนิดอยู่บนดอยสูงชายแดนไทย พม่า อำเภอเชียงดาว  จังหวัดเชียงใหม่   ระยะทางที่ไหลผ่านอำเภอเชียงดาว  ประมาณ  97 กิโลเมตร
มีชุมชนที่อาศัยตั้งถิ่นฐานอยู่ 2 ฝั่งลำน้ำ  28  หมู่บ้าน ในจำนวน  5  ตำบล   2 เทศบาล  ประชากรโดยประมาณ  25,200 คน                                                           
             ความสำคัญของพื้นที่ป่าของพื้นที่ลØèมน้ำแม่ปิงตอนบน  ก็คือ  เป็นแหล่งที่ให้กำเนิดสายน้ำแม่ปิง ไหลไปหล่อเลี้ยงอำเภอแม่แตง  แม่ริม   อำเภอเมือง  เชียงใหม่
จังหวัดลำพูน  ลำปาง  ตาก กำแพงเพชร  นครสวรรค์  และที่ราบลุ่มเจ้าพระยาจรดอ่าวไทย
ถึงแม้ว่าพื้นที่ป่าลุ่ม   น้ำแม่ปิงตอนบน    โดยส่วนใหญ่แล้ว จะมีทั้งกฏหมาย
เจ้าหน้าที่ และหน่วยงานของรัฐปกป้องคุ้มครองอยู่แล้วก็ตาม  แต่ในสภาพความเป็นจริง
พื้นที่ป่าก็ยังถูกบุกรุกทำลาย แผ้วถาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำลายเพื่อปลูกพืช
เชิงเศรษฐกิจ เช่น ข้าวโพด  กะหล่ำปลีและนอกจากนี้ยังเกิดจากการลักลอบตัดไม้ที่มีค่า
ทางเศรษฐกิจและการเก็บหาของป่า เพื่อธุรกิจทางการค้า เป็นต้น                        

        ถึงแม้ว่าพื้นที่ป่าลุ่ม น้ำแม่ปิงตอนบนโดยส่วนใหญ่แล้ว จะมีทั้งกฏหมายเจ้าหน้าที่ และหน่วยงานของรัฐปกป้องคุ้มครองอยู่แล้วก็ตาม แต่ในสภาพความเป็นจริง
พื้นที่ป่าก็ยังถูกบุกรุกทำลาย  แผ้วถาง  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำลายเพื่อปลูกพืชเชิงเศรษฐกิจ เช่น  ข้าวโพด  กะหล่ำปลีและนอกจากนี้ยังเกิดจากการลักลอบตัดไม้ที่มีค่า
ทางเศรษฐกิจและการเก็บหาของป่า เพื่อธุรกิจทางการค้า เป็นต้น       ตั้งแต่ ปี พ..2540 เป็นต้นมาโครงการจัดการลุ่มน้ำแม่ปิงตอนบน   โดยการสนับสนุนของมูลนิธÔ
ิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทย  ในพระบรมราชินูปถัมภ์        และกองทุนสิ่งแวดล้อมสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อมกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ได้พยายามที่จะทำงานร่วมกับชุมชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าต้นน้ำ จำนวน
112 หมู่บ้าน    โดยมีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อ ลดปัญหาการตัดไม้ 
การทำลายพื้นที่ป่าต้นน้ำ      การพัฒนาองค์กรชุมชนท้องถิ่น
ให้เกิดความเข้มแข็ง และการส่งเสริมอาชีพการเกษตรในลักษณะที่เป็นประโยชน์ต่อการอนุรักษ์พื้นที่ป่า
 
ดินและแหล่งน้ำ     ตลอดถึงการสนับสนุนให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมในการจัดการป่า    ในรูปแบบลักษณะของป่าชุมชน
  ãห้เกิดความเข้มแข็ง      และการส่งเสริมอาชีพ
การเกษตรในลักษณะที่เป็นประโยชน์ต่อการอนุรักษ์    พื้นที่ป่า   ดินและแหล่งน้ำ     ตลอดถึงการสนับสนุนให้ชุมชนได้มีส่วนร่วม ในการจัดการป่า ในรูปแบบลักษณะ
ของป่าชุมชน
  อย่างไรก็ตาม    เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการพัฒนาประเทศ   มีความจำเป็น  ที่จะต้องมีการจัดการให้เกิดการพัฒนาทั้งระบบ   ตั้งแต่ชุมชนในพื้นที่
ป่าบนภูเขาสูง จนถึงชุมชนในพื้นที่สองฝั่งลำน้ำตลอดทั้งสายน้ำ     สายน้ำแม่ปิง ที่ไหลมาจากดอยสูงผ่านหุบเขา    และที่ราบสองฝั่งลำน้ำได้ก่อให้เกิด การดำรงชีวิต
อยู่ของชุมชนท้องถิ่นมาเป็นเวลาหลายร้อยปี  ตั้งแต่ในอดีต
เป็นต้นมา  ชุมชนถิ่นไทยล้านนาได้พึ่งพาอาศัยทรัพยากร ธรรมชาตÔิสองฝั่งลำน้ำ  ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ป่าไม้ 
ที่ดิน  เพื่อการเพาะปลูก  และแหล่งน้ำโดยอาศัยความรู้ และ  ภูมิปัญญÒท้องถิ่นในการจัดการ เช่น                                                                                                 
     
การกำหนดเขตอนุรักษ์พันธุ์ปลา และการจัดระบบเหมืองฝาย เป็นต้น ในช่วงระยะเวลา  50ปีที่ผ่านมาประเทศไทยได้มีการพัฒนาในลักษณะที่ขาดการตระหนักถึง
การมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่น และการไม่คำนึงถึงองค์ความรู้ วิถีชีวิตดั้งเดิม  ประกอบกับการบริหารจัดการทรัพยากร เป็นบทบาทและหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐ 
เพียงอย่างเดียว   ซึ่งปัญหาดังกล่าวนี้ ได้ก่อให้เกิดการสูญเสียทรัพยากร และกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบการสูญเสียทรัพยากรดังกล่าวนี้  ก็คือชุมชนท้องถิ่นและรวมทั้ง
ประชาชนในประเทศ                                                                                                                                                                                                               
                ปัญหาที่สายน้ำแม่ปิง  กำลังเผชิญอยู่ทุกวันนี้ เช่น การบุกรุกถือครองที่สาธารณะ  และที่ดินในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ บริเวณสองฝั่งลำน้ำแม่ปิง ทำให้พื้นที่ป่าบริเวณ
สองฝั่งลำน้ำ ได้ถูกบุกรุกทำลายแผ้วถางป่าจนก่อให้เกิดปัญหาดินเสื่อมคุณภาพ    ตลอดถึงตลิ่งสองฝั่งลำน้ำพังทลายทำให้สายน้ำเปลี่ยนแปลงทิศทางเดิน      ปัญหาการ
สูญเสียทรัพยากรในลำน้ำ ตั้งแต่ กรวด  หิน  ดิน ทราย  ที่มีการขุดกันขึ้นมาขายอย่างไม่มีการควบคุม การใช้ระเบิดปลา ใช้ยาเบื่อ  และใช้เครื่องช๊อตไฟฟ้า เป็นเครื่องมือ
ในการจับสัตว์น้ำ    เหล่านี้ เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบถึงชนิดและจำนวนของปลาในลำน้ำ   ซึ่งเป็นแหล่งอาหารของคนท้องถิ่น    นอกจานี้ ยังมีปัญหาขยะของเสีย   สาร
ปนเปื้อน ลงในแม่น้ำ  ทั้งในส่วนที่เกิดจากเทศบาล  ชุมชนเมือง ของเสียจากหมู่บ้านและสารเคมีจากการเกษตรกรรม เป็นต้น                                                                

      โดยสรุปของสภาพปัญหา สายน้ำแม่ปิงขณะนี้  ก็คือ  ทั้งปริมาณและคุณภาพเสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็ว
และมีแนวโน้มว่าจะมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น  
ซึ่งหนทางที่เยียวยาสายน้ำนั้น    ในอดีตที่ผ่านมา   ไม่สามารถ
ที่จะตั้งความหวังไว้กับเจ้าหน้าที่และหน่วยงานของรัฐเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทางออกของปัญหาจึงน่าจะเป็น

การเสริม บทบาทและหน้าที่ของชุมชนท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมู่บ้านในพื้นที่สองฝั่งลำน้ำแม่ปิง ทั้ง 28 
แห่ง และกลุ่มคนที่มีศักยภาพที่จะพัฒนาให้นำไปสู่การเป็นผู้นำในการเฝ้าระวัง และดูแลสายน้ำแม่ปิงนี้ ได้เป็น
อย่างดี
 
ชุมชนท้องถิ่นที่อาศัยอยู่บริเวณสองฝั่งลำน้ำแม่ปิง ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ 28 หมู่บ้านของชุมชนสองฝั่งลำน้ำ
แม่ปิงเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก ที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ฟื้นฟูสายน้ำแม่ปิง  อันเนื่องมาจาก
     1    กลุ่มผู้นำที่เป็นผู้ชาย มักจะมีกิจกรรมที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับ กระบวนการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ป่าชุมชน  ป่าใช้สอยหรือแม้กระทั่ง
กิจกรรม  การหาอาหารจากป่ามาเลี้ยงครอบครัว เช่น ล่าสัตว์  เก็บหาของป่า เป็นต้น
     2     กลุ่มผู้นำสตรี ที่อยู่บริเวณสองฝั่งลำน้ำแม่ปิง วิถีการดำรงชีวิตประจำวันจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจกรรมของสายน้ำแม่ปิง เช่น การซักล้างเสื้อผ้า อุปกรณ์เครื่องใช้
ในครัวเรือน   การหากุ้ง หอย ปู  ปลาในแม่น้ำมาเป็นอาหารให้กับครอบครัว  การนำน้ำมาบริโภคและอุปโภคในครัวเรือน  หรือการนำน้ำเข้าสู่ที่ไร่ นา ของชุมชนเอง
     3    กลุ่มผู้นำเยาวชนในหมู่บ้าน ทั้งกลุ่มที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับประถมศึกษาหรือมัธยมศึกษา และกลุ่มเยาวชนที่เป็นคนหนุ่มสาวในหมู่บ้านไม่ได้เรียนต่อหรือเรียน
การศึกษานอกระบบ   กลุ่มผู้นำเยาวชนเหล่านี้ จะเป็นกลุ่มที่อยู่ในวัยที่มีความตื่นตัว   มีความต้องการอยากรู้ อยากเห็น   เอาใจใส่ในสิ่งที่เป็นประโยชน์และ    มีคุณค่าต่อ
ครอบครัวและชุมชน อีกทั้งมีความใฝ่รู้ในเรื่องของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

   วัตถุประสงค์   
     1.    เพื่อเสริมกระบวนการเรียนรู้  กระตุ้นให้ชุมชนสองฝั่งลำน้ำแม่ปิง 28 หมู่บ้าน  ได้เกิดการเรียนรู้ในเรื่องของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม   โดยเฉพาะ
อย่างยิ่ง
   คุณค่าสำคัญของสายน้ำแม่ปิงทางระบบนิเวศน์วิทยาความหลากหลายทางชีวภาพทั้งสังคมพืชและสังคมสัตว์และ  วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนที่มีความ
สัมพันธ์เกี่ยวข้องกับสายน้ำแม่ปิง

     2.    เพื่อสนับสนุน  ให้เกิดการรวมกลุ่มของชุมชน  ที่อาศัยอยู่สองฝั่งลำน้ำแม่ปิง   ให้มีการรวมกลุ่มกันเป็นเครือข่ายคณะกรรมการอนุรักษ์และฟื้นฟูสายน้ำแม่ปิง
 ในการที่จะเข้ามาร่วมกันดำเนินกิจกรรมเพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูสายน้ำแม่ปิงให้เกิดความยั่งยืน

     3.    เพื่อให้เห็นถึงความสำคัญของกลุ่มผู้นำสตรี / เยาวชน   ในการเข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และฟื้นฟูสายน้ำแม่ปิง  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจัดทำแผนการ
อนุรักษ์
  ฟื้นฟูสายน้ำแม่ปิง เช่น แผนการฟื้นฟูสายน้ำแม่ปิง แผนการอนุรักษ์สายน้ำแม่ปิงและแผนการรณรงค์สายน้ำแม่ปิง
                กลุ่มเป้าหมาย ของการดำเนินงานกิจกรรม  
                กลุ่มที่ 1    สมาชิกชุมชนสองฝั่งลำน้ำแม่ปิง 28 หมู่บ้านๆละ 40 คน  รวม 1,120คนทั้งนี้
รวมไปถึง ครู พระสงฆ์  ผู้นำศาสนาและบุคคลสำคัญที่ชุมชนให้การยอมรับนับถือ

                กลุ่มที่  2   กลุ่มคนทั่วไป ทั้งนักวิชาการ  นักการศึกษาจากภาควิชาชีววิทยา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 
สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 10  กรมประมง  สาธารณสุขอำเภอ  อุทยานแห่งชาติศรีลานนาและอุทยานแห่ง
ชาติเชียงดาว เป็นต้น     องค์กรพัฒนาเอกชนในพื้นที่ภาคเหนือ   เช่น    โครงการพัฒนาลุ่มน้ำภาคเหนือ 
มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือและคณะกรรมการประสานงานอนุรักษ์แม่ปิงและสิ่งแวดล้อม   เป็นต้น
 
                  กิจกรรม  
          1.    ทำการสำรวจลำน้ำและวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างมีส่วนร่วม โดยชุมชนท้องถิ่นทั้ง  28 หมู่บ้าน ร่วมกันคัดเลือกผู้แทนแต่ละชุมชนเพื่อทำหน้าที่ในการ
สำรวจ จัดเก็บข้อมูล โดยแยกออกเป็น  3  หัวข้อ  ได้แก่
             -  ข้อมูลด้านองค์ประกอบของทรัพยากรธรรมชาติ เช่น พื้นที่ป่าไม้  ชนิดและจำนวนของสัตว์บก สัตว์น้ำ  ที่ดิน และแหล่งน้ำ รวมไปถึงห้วยหนอง  คลอง  บึง
และลำน้ำสาขาทั้ง  14  แห่ง  ในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่ปิงตอนบน
              -    ข้อมูลด้านองค์ประกอบของชุมชนที่อาศัยอยู่และทำมาหากิน ในพื้นที่สองฝั่งลำน้ำแม่ปิง  เช่น ข้อมูลทางด้านเศรษฐกิจ  สังคม วัฒนธรรมชุมชน  พิธีกรรม
ความเชื่อและกิจกรรม ที่อยู่ในช่วงของเทศกาล เช่น สงกรานต์  ลอยกระทง  ตลอดถึงข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสายน้ำแม่ปิง  28 หมู่บ้าน
              -   ข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนท้องถิ่นกับทรัพยากรธรรมชาติเพื่อแยกแยะกิจกรรมหรือความสัมพันธ์ดังกล่าวนั้น  ถ้าเป็นกิจกรรมที่ดีเช่น การกำหนด
แหล่งอนุรักษ์พันธุ์ปลา การกำจัดขยะมูลฝอย การบำบัดน้ำทิ้งน้ำเสีย หรือสารปนเปื้อน สารเคมีลงสู่แม่น้ำ ก็จะทำให้มีการสนับสนุนต่อเนื่อง และหากเป็นกิจกรรมที่ก่อให้
เกิดปัญหาต่อสายน้ำแม่ปิง เช่น การระเบิดปลา ซ๊อตปลาหรือใช้อาวุธอย่างใดอย่างหนึ่งที่รุนแรง ทำให้การสูญพันธุ์ของสัตว์น้ำมีสูง  การขุด หิน ดิน ทราย เพื่อจำหน่าย
และการบุกรุก บริเวณสองฝั่งลำน้ำ ทำให้ตลิ่งพัง ก็จะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไขต่อไป

                -   สภาพปัญหาที่เกิดขึ้นจากสายน้ำแม่ปิงทั้ง ขยะมูลฝอยจากตลาดเทศบาลเชียงดาว  จากชุมชนที่อาศัยอยู่สองฝั่งลำน้ำแม่ปิง  สารเคมี  สารปนเปื้อนจากการ
ประกอบอาชีพเกษตรกรรม    ไหลลงสู่แม่น้ำปิง   การบุกรุกสองฝั่งลำน้ำแม่ปิง   และการขุดหิน ดินทรายเพื่อนำไปขาย เป็นต้น    รวมทั้งการจัดทำข้อมูลความต้องการ
ของชุมชนสองฝั่งลำน้ำแม่ปิง
28 หมู่บ้าน เพื่อนำมากำหนดจัดทำแผนอนุรักษ์และฟื้นฟูสายน้ำแม่ปิงโดยองค์กรชุมชนท้องถิ่น
       2.     การค้นหาผู้นำและพัฒนาผู้นำสตรี 140  คน จากตัวแทนหมู่บ้าน 28 หมู่บ้านๆละ 5  คน และผู้นำเยาวชน 168 คน จากตัวแทน 28 หมู่บ้านๆละ 6 คน
รวมเป็น308 คน จัดให้มีการฝึกอบรม  ศึกษาดูงาน ทั้งในและนอกสถานที่     โดยจัดกิจกรรมให้มีการพัฒนาองค์ความรู้ให้เกิดความเข้าใจ ในเรื่องที่เกี่ยวกับคุณค่า
ความสำคัญของแม่น้ำ และระบบความสัมพันธ์ของนิเวศน์วิทยา
  ความหลากหลายทางชีวภาพต่อวิถีการดำรงชีวิตของชุมชน     รวมทั้งเรื่องที่เกี่ยวกับการเฝ้าระวัง
การดูแลแม่น้ำ และเพิ่มทักษะ
ในการบริหารองค์กรท้องถิ่น ด้านสิ่งแวดล้อม  ตลอดถึงการค้นหากิจกรรมที่จะทำให้สมาชิกหรือบุคคลอื่นๆ ได้เข้ามามีส่วนร่วมได้ เป็นต้น
       3.    การที่จะทำให้สมาชิกในชุมชน  28 หมู่บ้านๆละ 40 คน จำนวน 1,120  คน   รวม 1,428 คน    ได้ตระหนักถึงบทบาทและหน้าที่ในการเฝ้าระวังและดูแล
แม่น้ำ     รวมทั้งการหยุดกิจกรรมที่จะก่อให้เกิดปัญหา ต่อสายน้ำ เช่น การปล่อยขยะ   การทำลายทรัพยากรธรรมชาติบริเวณสองฝั่งลำน้ำ เป็นต้น    โดยการเรียนรู้จาก
ของจริงในพื้นที่จริงและโดยคนที่จะได้รับผลกระทบจริง
   ด้วยวิธีการที่จะจัดอบรมเชิงปฏิบัติการศึกษาดูงานทั้งในและนอกสถานที่    โดยมีผู้รู้และชำนาญการมาร่วม
ให้คำแนะนำวิทยากรจากภายนอก ทั้งหน่วยงานภาครัฐ องค์กรพัฒนาเอกชน ในพื้นที่ภาคเหนือ รวมทั้งการประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ นักวิชากÒรมหาวิทยาลัย
เชียงใหม่องค์กรพัฒนาเอกชนภาคเหนือ โครงการพัฒนาลุ่มน้ำภาคเหนือโดยองค์กรชุมชน   คณะกรรมการประสานอนุรักษ์แม่น้ำปิงและสิ่งแวดล้อม หน่วยงานภาครัฐ 
กรมเจ้าท่าจังหวัดเชียงใหม่ กรมประมง จังหวัดเชียงใหม่  สำนักงานป่าไม้เขตเชียงใหม่  อุทยานแห่งชาติเชียงดาว และอุทยานแห่งชาติศรีลานนา   เป็นต้น

        4.    จัดทำแผนอนุรักษ์และฟื้นฟูสายน้ำแม่ปิง โดยเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่น  เช่น การกำหนดเขตอนุรักษ์พันธุ์ปลาและสัตว์น้ำ การปลูกป่าเพื่อฟื้นฟูพื้นที่
สองฝั่งลำน้ำ การลดการใช้สารเคมี ในพื้นที่เกษตรกรรม    การเรียกร้องให้เทศบาล มีการบำบัดน้ำเสีย และการสร้างค่านิยมในการบริโภคของชุมชนเพื่อลดปัญหาขยะ
และของเสียโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลุมขยะและท่อปล่อยน้ำเสียของเทศบาลตำบลเชียงดาว   อันเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสายน้ำแม่ปิง เป็นต้น     ซึ่งแผน
ดังกล่าว จะถูกจัดทำขึ้นโดยสมาชิก 
28  หมู่บ้าน   และคณะกรรมการการเฝ้าระวังดูแลสายน้ำแม่ปิง      โดยผ่านเวทีการรับฟัง ของสาธารณะชนหรือประชาพิจารณ์  
 
และเสนอแผนฯ ดังกล่าวนี้ให้องค์การบริหารส่วนตำบล
5 แห่ง  2 เทศบาล เพื่อให้จัดสรรงบประมาณ และนำแผนฯไปสู่การปฏิบัติ รวมทั้งการเสนอแผนฯให้สำนักงาน
สิ่งแวดล้อมภาค
10 ของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นต้น
          5.     การจัดกิจกรรมรณรงค์   เพื่อให้ชุมชนสองฝั่งลำน้ำแม่ปิง และที่อื่นๆ  ได้ตระหนักถึงคุณค่า และความสำคัญของการดูแลสายน้ำแม่ปิง       โดยอาศัยจารีต
ประเพณีความเชื่อ พิธีกรรม และวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น การเลี้ยงผีขุนน้ำ  การจัดระบบเหมืองฝาย รวมทั้งเทศกาลท้องถิ่น เช่น ประเพณีลอยกระทง ประเพณีสงกรานต์ 
การจัดให้มีการเดินจากปลายน้ำสู่ต้นน้ำ  เพื่อรณรงค์เรียกร้องให้มีการดูแลสายน้ำแม่ปิง     และการจัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ 
5 ธันวา
มหาราช     ซึ่งรวมทั้งกิจกรรมที่เป็นการบอกกล่าว
  หรือเล่าเรื่องราว  ของคนต้นน้ำ  ให้กับคนในเมืองหรือพื้นที่อื่นๆ  โดยการจัดประชุม สัมมนา เวทีอภิปรายที่อำเภอ
เชียงดาว อำเภอแม่แตง
 อำเภอแม่ริม  และอำเภอเมือง  จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวนี้  จะมีการผลิตสื่อต่างๆ เพื่อใช้ในการรณรงค์เช่น   การทำหนังสือเผยแพร่
การทำแผ่นป้าย  การจัดนิทรรศการเคลื่อนที่  การจัดทำแผนที่จำลอง  การทำเสื้อยึด หมวก และแผ่นพับ เป็นต้น  โดยอาศัยสื่อมวลชนต่างๆ เช่น จัดรายการวิทยุ รายการ
โทรทัศน์  และหนังสือพิมพ์รายวัน   รายสัปดาห์  และอื่นๆ  เป็นต้น

 Ë¹éÒËÅÑ¡         menu