![]() |
เล่าเรื่อง : พลายแก้วแต่งงาน
โดย : lek Isara |
[10 ม.ค. 2542 22:23:29] พลายแก้วแต่งงาน คำนำ ประเพณีการแต่งงานแบบไทยๆนั้น ยังเป็นที่นิยมกันในยุคปัจจุบัน เพราะเป็นการแสดงออกถึง การเข้าตามตรอกออกตามประตู ซึ่งหมายถึงความเคารพในผู้ใหญ่ตามแบบฉบับที่ดีของคนไทย บทเสภาเรื่องขุนช้าง-ขุนแผน ตอน พลายแก้วแต่งงาน ฯ จากบทพระราชนิพนธ์ของพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๒ ได้กล่าวถึงประเพณีการแต่งงานแบบไทยๆ พอสังเขป ซึ่งมีขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่การเจรจาสู่ขอ การเตรียมงาน จนถึงการส่งตัวสู่ห้องหอ ทำให้เรามองเห็นภาพในอดีต ซึ่งน่าสนุกสนานและประทับใจยิ่ง สมมุตินามตามท้องเรื่อง ... เมื่อพลายแก้วลานางพิมพิลาไลย กลับไปหาแม่ที่เมืองกาญจน์ พอถึงบ้านแม่ก็คิดถึงนางพิมมาก ต้องการให้แม่ไปสู่ขอนางพิม ๏ เจ้าพลายแก้วก้มกราบกับบาทา ...... แม่ขาครั้งนี้ฉันทุกข์หนัก เหลือทุกข์สุขทนเป็นพ้นนัก .............. เพราะพิมน้องรักรักใคร่กัน จากเจ้าเจ้าให้ซึ่งเงินตรา .................. ห้าชั่งนี้มาทำทุนนั่น ให้สู่ขอต่อแม่ศรีประจัน ................... ไม่ให้ปันบอกความจะตามมา เอ็นดูลูกเถิดแม่บังเกิดเกล้า ............. พิมเศร้าโศกสร้อยอยู่คอยท่า สงสารน้องต้องกินแต่น้ำตา ............. แม่จงกรุณาอย่าเฉยเมย ฯ ๏ ทองประศรีว่ากรรมเอ๋ยกรรมแล้ว ... พ่อแก้วแก้วตาของแม่เอ๋ย บวชก่อนเถิดอย่าเพ่อมีเมียเลย ......... แม่จะได้ชมเชยชายจีวร พ่อเจ้าเขาก็ตายไปนานแล้ว ............... ลูกแก้วจงโปรดแกเสียก่อน บวชสักสองพรรษาอย่าอาวรณ์ .......... สึกมาแม่จะผ่อนให้มีเมีย ฯ ตามธรรมดาของแม่ ก็อยากจะให้ลูกได้บวชเรียนเป็นพระเสียก่อน จึงขอร้องพลายแก้ว แล้วสัญญาว่าจะขอสาวให้ในภายหลัง ๏ งามกว่าพิมนี้ก็มีมั่ง ...................... หรือจะเอาชาววังจะขอให้ ถวายจานเงินทองต้องพระทัย ........... ก็จะได้นางในที่ชื่นตา ฯ ๏ เจ้าพลายแก้วฟังแล้วกราบตีนพลัน .... นางสวรรค์ลูกก็ไม่ปรารถนา นางในงามแต่กิริยา ............................ จะเปรียบพิมแก้วตาเห็นเต็มที งามประเสริฐเลิศล้ำทั้งขำคม ................ งามหน้างามนมเนื้อสองสี ไม่เทียบทันทั้งสุพรรณบุรี .................... เห็นไม่มีใครสู้ดูงดงาม เจ้าประคุณทูนหัวของลูกแก้ว ................ มีเมียแล้วบวชได้ดอกไม่ห้าม แม่อย่าทานทัดขัดความ ........................ แม้นมิตามใจลูกคงมรณา ฯ ๏ ทองประศรีฟังลูกก็สงสาร .............. แกจนใจรำคาญเป็นหนักหนา ปลอบว่าอย่าทุกข์เลยนะแก้วตา ............ เมื่อไม่ฟังแม่ว่าก็ตามใจ ฯ เมื่อห้ามไม่ฟังนางทองประศรีก็จำยอมรับเป็นธุระให้เจ้าพลายแก้วลูกรัก สั่งบ่าวไพร่ซื้อของบรรทุกเกวียนเตรียมเดินทางไปสุพรรณในวันรุ่งขึ้น ส่วนพลายแก้วก็ดีใจเข้าห้องไปนอนฝันหวานถึงนางพิม ๏ เข้าห้องหับประตูอยู่คนเดียว ............ แสนเสียวสวมสอดกอดหมอนข้าง คะนึงพิมนิ่มสนิทคิดระคาง .................. นึกถึงนางจนหลับระงับไป ฯ ครั้นรุ่งเช้าขบวนเกวียนของพลายแก้วและนางทองประศรีก็ออกเดินทาง เมื่อมาถึงท้ายสวนของนางศรีประจัน ก็ตัดไม้ปลูกโรงที่พัก โดยจะไปพบนางศรีประจันในวันรุ่งขึ้น ๏ ครั้นรุ่งแจ้งแสงสางสว่างหล้า ............ ทองประศรีตื่นตาหาช้าไม่ ล้างหน้าตำหมากใส่ปากไว้ ..................... นั่งเคี้ยวไบ่ไบ่แล้วตรองการ จึงเรียกตาสนกับตาเสา ........................ ยายมิ่งยายเม้าเป็นเพื่อนบ้าน ปรึกษาว่าตูข้าจะขอวาน ........................ คิดอ่านขอลูกสาวศรีประจัน ฯ เมื่อแต่งตั้งเถ้าแก่คือตาเสากับตาสนและยายมิ่งยายเม้าเรียบร้อยแล้ว ต่างก็เร่งแต่งเนื้อแต่งตัวแล้วตรงเข้าไปบ้านนางศรีประจันทันที ซึ่งนางศรีประจันก็ตกใจและดีใจที่ได้เจอนางทองประศรีเพื่อนเก่า ๏ แล้วเอาเสื่อสาดมาลาดปู .................... หมากพลูใส่เชี่ยนขมีขมัน มานั่งล้อมพร้อมหน้าพูดตากัน ............... ศรีประจันปราศรัยทายทัก ฯ เมื่อทักทายไต่ถามสารทุกข์สุกดิบกันพอสมควรแล้ว นางทองประศรีก็เริ่มพูดธุระในทันที ๏ จะขอพันธุ์ฟักแฟงแตงน้ำเต้า ............. ที่ออเจ้าไปปลูกในไร่ข้า ทั้งอัตคัตขัดสนจนเงินตรา ................... จะมาขายออแก้วให้ช่วงใช้ อยู่รองเท้านึกว่าเอาเกือกหนัง ................ ไม่เชื่อฟังก็จะหาประกันให้ ได้บากบั่นมาถึงเรือนอย่าเบือนไป ........... จะได้หรือไม่ได้ให้ว่ามา ฯ ๏ ศรีประจันได้ฟังทางหัวเราะ ................ จำเพาะจะมาอ้อมค้อมว่า เราก็เป็นเพื่อนบ้านกันนานมา .................. ลูกข้าข้าจะหวงไว้ทำไม ถึงยากจนอย่างไรก็ไม่ว่า ....................... แต่พร้าขัดหลังมาจะยกให้ อุตส่าห์ทำมาหากินไป ............................ รู้ทำรู้ได้ด้วยง่ายดาย ฯ เนื่องจากนางทองประศรีและนางศรีประจันเป็นเกลอเก่ากันมา การเจรจาสู่ขอก็ดำเนินไปอย่างง่ายดาย โดยนางศรีประจันไม่ขัดข้อง ถึงแม้ว่าเจ้าพลายแก้วจยากะจนเพียงใด ขอให้ขยันทำกินเป็นใช้ได้ ที่สำคัญคือขอให้เป็นคนดี นางศรีประจันจึงร้องถามว่า ... ตูจะขอถามความท่านยาย ............. ลูกชายนั้นดีหรืออย่างไร ฯ ซึ่งเถ้าแก่ทั้งหลายจึงได้แสดงบทบาทส่งเสริมพลายแก้วในจังหวะนี้ ๏ ครานั้นตาสนกับตาเสา ...................... อีกทั้งยายเม้าและยายมิ่ง ว่านานไปท่านจะได้พึ่งพิง ..................... ลูกทองประศรีดียิ่งนะคนนี้ ว่านอนสอนง่ายชายฉลาด ..................... ทั้งรูปทรงก็สะอาดสำอางศรี รุ่นหนุ่มจ้อยเรียบร้อยดี ........................ ความชั่วไม่ไมีสักสิ่งอัน ฯ เมื่อนางศรีประจันได้ฟังแล้วก็พอใจ จึงพูดต่อถึงเรื่องสินสอด โดยแสดงท่าทีของตนก่อนว่าจะให้เงินลูกสาวตนเท่าใด ซึ่งทางฝ่ายชายก็ควรจะให้ไม่น้อยกว่ากัน ๏ ข้าจะให้ลูกข้าห้าสิบชั่ง ........................ ขันหมากมั่งน้อยมากไม่จู้จี้ ผ้าไหว้สำรับหนึ่งก็พอดี ......................... หอมีห้าห้องฝากระดาน เดือนสิบสองวันเสาร์ขึ้นเก้าค่ำ ................. กำหนดงานจะทำให้คิดอ่าน ทองประศรีรับคำมิได้นาน ....................... ตามแต่ท่านจะคิดไม่ขัดใจ ฯ จากนั้น นางศรีประจันซึ่งเป็นเจ้าของบ้านก็ไปนิมนต์พระไว้แต่เนิ่นๆ โดยมุ่งหน้าไปวัดแค แล้วตรงเข้าไปกราบท่านสมภาร ๏ สมภารผินหลังนั่งเล่นหมากรุก ............. สบสนุกจับโคนเข้าโยนผาง เข้ากลจะจนที่ตากลาง ........................... ศรีประจันเรียกค้างว่าเจ้าคุณ ดิฉันมาหมายว่าจะนิมนต์ ........................ สมภารว่าไม่จนให้หลบขุน ศรีประจันว่าดีฉันจะทำบุญ ..................... สมภารว่าเรือจุนเข้ารุกจน เหลียวเห็นศรีประจันกลั้นหัวร่อ ............... จึงถามข้อเนื้อความตามเหตุผล ศรีประจันว่าฉันมีทำวล ........................... อาราธนาสวดมนต์สักสิบองค์ ฯ ในยุคปัจจุบันนี้ เมื่อถึงวันสุกดิบ คือก่อนวันแต่งงานหนึ่งวันนั้น จะมีการเตรียมงาน โดยจัดเตรียมสถานที่และข้าวของที่ฝ่ายเจ้าสาวเพื่อรับขบวนขันหมากในวันรุ่งขึ้น บางแห่งก็มีการเคลียร์พื้นที่เพื่อกางเต้น และตกแต่งสถานที่ให้สวยสดงดงาม แต่ในสมัยโบราณนั้น ฝ่ายชายจะมาทำการลงหลักปักเสาเรือนกันจริงๆ เลย ๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายแก้ว .................. ครั้นถึงกำหนดแล้วจึงนัดหมาย บอกแขกปลูกเรือนเพื่อนผู้ชาย ................ มายังบ้านท่านยายศรีประจัน ให้ขุดหลุมระดับชักปักเสาหอ ................... เอาเครื่องเรือนมารอไว้ที่นั่น ตีสิบเอ็ดใกล้รุ่งฤกษ์สำคัญ ...................... ก็ทำขวัญเสาเสร็จเจ็ดนาที แล้วให้ลั่นฆ้องหึ่งโห่กระหน่ำ ..................... ยกเสาใส่ซ้ำประจำที่ สับชื่อพรึงติดสนิทดี .............................. ตะปูดียกเสาดั้งตั้งขึ้นไว้ ใส่เต้าจึงเข้าแปลานพลัน ......................... เอาจันทันเข้าไปรับอกไก่ พาดกลอนผ่อนมุงกันยุ่งไป ..................... จั่วใส่เข้าฝาเช็ดหน้าอึง บ้างเจาะถากทุ่งเถี่ยงเสียงเอะอะ ................ เกะกะกบไสไชเหล็กจึ้ง บ้างผ่าฟันสนั่นอึงคะนึง ........................... วันหนึ่งแล้วเสร็จสำเร็จการ ศรีประจันแกเรียกบ่าวข้า .......................... ให้ยกสำรับมาทั้งคาวหวาน เลี้ยงดูสับสนคนทำงาน ............................ อิ่มแล้วไปบ้านด้วยทันใด ฯ เมื่อพลายแก้วผู้เป็นว่าที่เจ้าบ่าวและบรรดาคนงานช่วยกันปลูกเรือนหอเสร็จแล้ว นางศรีประจันว่าที่แม่ยายก็แสดงน้ำใจโดยนำอาหารคาวหวานมาเลี้ยงคนงานทันที ๏ ครั้นรุ่งเช้าขึ้นพลันเป็นวันดี .................... ทองประศรีจัดเรือกัญญาใหญ่ เอาขันหมากลงบรรทุกขลุกขลุ่ยไป .............. หามโหรีใส่ท้ายกัญญา ขันหมากเอกเลือกเอาที่รูปสวย .................... นุ่งยกห่มสวยจับผิวหน้า ก็ออกเรือด้วยพลันทันเวลา ........................ ครู่หนึ่งถึงท่าศรีประจัน จึ่งจอดเรือเข้าหน้าสะพานใหญ่ ................... ตาผลวิ่งไปเอาไม้กั้น เสียเงินทองให้ขึ้นไปพลัน .......................... ขนขันหมากขึ้นบนบันได ฯ จะเห็นว่าตาผลเอาไม้มากั้น คงเหมือนการกั้นประตูเงินประตูทองในสมัยนี้ ซึ่งเป็นอุบายเพียงว่า ลูกสาวบ้านนี้มีคุณค่ามิใช่จะยกให้ใครง่ายๆ และฝ่ายชายก็ต้องมีความตั้งใจจริงที่จะฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆเข้าไป ๏ ยายเป้าเถ้าแก่อยู่ที่บ้าน .......................... ก็นับขานเงินตราแลผ้าไหว้ ครบจำนวนถ้วนที่สัญญาไว้ ....................... ให้ขนเข้าไปในเรือนพลัน แถมพกยกของมาเลี้ยงดู ......................... ครั้นกินอยู่อิ่มดีขมีขมัน ก็กลับเรือมาพร้อมหน้ากัน ........................ ถึงพลันจอดท่าพากันไป ฯ ในช่วงเช้านี้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ซึ่งมาส่งมอบสินสอดทองหมั้นกัน เมื่อครบจำนวนแล้ว เจ้าบ้านก็มาเลี้ยงขอบคุณแล้วแยกย้ายกลับบ้านไปก่อน ซึ่งจะไปทำพิธีแต่งงานและทำบุญเรือนหอพร้อมกันไปกันในช่วงบ่าย ๏ ครานั้นจึงโฉมพลายแก้ว ........................ ครั้นบ่ายแล้วยกเหล้ามาทั้งไห ทั้งกลับแกล้มต้มแกงที่สั่งไว้ ...................... จึงเรียกอ้ายไทยมาสั่งพลัน เอ็งจงรีบไปอย่าได้ช้า ............................... ไปหาบอกท่านขุนช้างนั่น ว่า ku เชิญให้ไปด้วยกัน ............................ วานทั่นมาเป็นเพื่อนบ่าว ku ฯ ขุนช้างนั้นก็หลงรักนางพิมพิลาไลย ไม่น้อยไปกว่าพลายแก้ว เมื่อจู่ๆ มารู้ข่าวแต่งงานและได้รับคำเชิญให้ไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวก็ตกใจ ๏ ขุนช้างได้ฟังอ้ายไทยว่า .......................... ดังใครเอาดาบผ่ากบาลหัว เสียดายพิมผูกพันใจสั่นรัว ......................... น้ำตารั่วหันหน้าเข้าฝาบัง โอ้ว่าอนิจจาแก้วตาพี่ ................................. ครั้งนี้เห็นไม่ได้ดังใจหวัง คงจะพากเพียรไปมิได้ฟัง .......................... ถึงเป็นเมียก็ชั่งมันเป็นไร ฯ ขุนช้างจำต้องยอมรับมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวด้วยความปวดร้าว ขุนช้างก็เดินทางมาหาพลายแก้ว แล้วชวนกันกินเหล้ากันจนเมามาย ๏ เจ้าพลายแก้วจึงว่าเจ้าเกลอเอ๋ย ................ อย่าถือเลยที่นางพิมเรารักใคร่ รู้ว่าเป็นเมียเอ็ง ku เกรงใจ ........................ เอ็นดูเถิดจงให้เสียแก่เรา ขุนช้างฟังว่าทำหน้าเก้อ .............................. นิจจาเกลอดอกหาไม่ไม่ให้เจ้า แม้นเอ็งไม่รัก ku จะเอา ............................. ว่าแล้วกินเหล้าเมาสำราญ ฯ ความจริงแล้วนางพิมพิลาไลย ยังไม่ได้เป็นเมียขุนช้างแต่อย่างใด เพียงแต่ขุนช้างไปสู่ขอด้วยตนเองแล้วนางศรีประจันก็ยกให้ แต่นางพิมไม่ยอมจึงโดนแม่ตีน่วมไปทั้งตัว ซึ่งเคยมาฟ้องเณรแก้ว ( ก่อนจะสึกออกมา ) ว่า ... อ้ายขุนช้างขอแม่แกยกให้ ....................... ขัดใจเจียนน้องจะอาสัญ ไม่ยินยอมพร้อมใจที่ให้ปัน ......................... แกตีรันจนหลังจะพังไป ๏ ครั้นพระสุริยาเวลาบ่าย ........................... พลายแก้วย่างกายมาจากบ้าน ลงเรือพร้อมกันมิทันนาน ............................ รีบมายังบ้านศรีประจัน กับเพื่อนบ่าวก็ก้าวขึ้นบนหอ ........................ พระมารอสวดมนต์สำรวมมั่น เพื่อนสาวเข้าห้องห้อมล้อมกัน ...................... ออกจากเรือนนั้นมาทันใด นั่งลงตรงหน้าท่านสมภาร ........................... แล้วท่านจึงส่งมงคลให้ ขุนช้างเห็นพิมกระหยิ่มใจ ............................ ตะลึงไปตาเพ่งเขม็งดู หยิบพานมาว่าจะกินหมาก ............................ มันผิดปากส่งไพร่ไปรูหู เคี้ยวเล่นไบ่ไบ่ได้แต่พลู .............................. เพื่อนบ่าวเขารู้หัวเราะฮา ขุนช้างแม้จะทำอะไรเปิ่นๆ อยู่ออกมาให้เพื่อนได้ฮากันเสมอนั้น แต่ก็ไม่วายทิ้งลายเจ้าชู้ ยังคอยจ้องหาโอกาสหาเศษหาเลยกับเพื่อนเจ้าสาว (นางมั่นกับนางแปรก) อยู่ตลอดเวลา ๏ พระสงฆ์สวดมนต์ร่ำกระหน่ำไป ................. เอาน้ำซัดสาดให้อยู่ฉานฉ่า นางมั่นแม่แปรกแทรกเข้ามา ......................... ขุนช้างเข้าคร่าเอาข้อมือ นางมั่นรันหัวลงต้ำเปาะ ............................... พ่อเงาะวางฉันอย่าดันดื้อ ขุนช้างฉุดผ้าคว้าจิ้มดือ ............................... ไม่วางหรืออ้ายถ่อยต่อยเขกลง สวดมนต์จบพลันมิทันช้า ............................. เอาน้ำชามาประเคนให้พระสงฆ์ ฉันแล้วลาไปดังใจจง ................................. ลุกลงบันไดไปกุฎี ฯ หลังจากพระกลับแล้ว ฝ่ายเจ้าสาวก็ยกสำรับอาหารหวานคาวมาเลี้ยงพวกเจ้าบ่าว พอได้เวลาอันควรต่างก็ลากลับไป ส่วนพลายแก้วก็นอนรออยู่บนเรือนหอ ซึ่งสมัยนั้นกำหนดให้รออยู่ถึงสามวัน จึงจะส่งตัวเจ้าสาวให้ ๏ ครานั้นท่านยายศรีประจัน ........................ ครั้นถ้วนสามวันหาช้าไม่ ประโลมปลอบลูกน้อยกลอยใจ .................... ด้วยไม่รู้กลมารยา โอ้เจ้าพิมนิ่มนวลของแม่เอ๋ย ........................ เจ้าไม่เคยให้ชายเสน่หา ร้อยชั่งจงฟังคำมารดา .............................. นี่คู่เคยของเจ้ามาแต่ก่อนแล้ว ร้อยคนพันคนไม่ดลใจ ............................... จำเพาะเจาะได้เจ้าพลายแก้ว แม่เลี้ยงไว้มิได้อันใดแพว ........................... แต่แนวไม้เปรี๊ยะหนึ่งไม่ต้องตัว ครั้นเติบใหญ่จะไปเสียจากอก ...................... แม่วิตกอยู่ด้วยเจ้าจะเลี้ยงผัว ฉวยขุกคำทำผิดแม่คิดกลัว .......................... อย่าทำชั่วชั้นเชิงให้ชายชัง เนื้อเย็นจะเป็นซึ่งแม่เรือน ......................... ทำให้เหมือนแม่สอนมาแต่หลัง เข้านอกออกในให้ระวัง ............................... ลุกนั่งนอบนบแก่สามี อย่าหึงหวงจ้วงจาบประจานเจิ่น ................... อย่าก่อเกินก่อนผัวไม่กลัวที่ แม่เลี้ยงมาหวังให้ลูกจะได้ดี ......................... จงเป็นศรีสุขสวัสดิ์ทุกเวลา เมื่อสอนลูกเสร็จสรรพ นางศรีประจันก็ส่งตัวนางพิมเข้าสู่ห้องหอ แต่ก็ยังเป็นห่วงลูกสาวอยู่ จึงร้องสั่งฝากลูกสาวกับพลายแก้ว ๏ ผิดพลั้งสั่งสอนกันก่อนหนา ....................... อย่าตีด่ากันมี่หาดีไม่ ค่อยอยู่เถิดมารดาจะลาไป ............................. นางพิมเหนี่ยวแม่ไว้ไม่วางมือ ฉุดชักผลักวุ่นจะหมุนวิ่ง ............................... แม่จะทิ้งฉันไว้ที่นี่หรือ ศรีประจันลวงนางให้วางมือ .......................... รื้อหับประตูห้องย่องออกไป ฯ ๏ เจ้าพลายแก้วรับขวัญกระสันยิ้ม .................. ประโลมพิมชื่นจิตพิสมัย จูบผมชมชื่นระรื่นใจ .................................... ปราศรัยซิกซี้ด้วยปรีดา พูดพลอดกอดเคล้าเล่านิทาน .......................... พระอวตาลตามนางมากลางป่า ข้ามฝั่งมายังเกาะลงกา ................................. ผลาญโคตรยักษาให้ตายเปลือง แสนยากลำบากด้วยนางงาม ........................... พระรามทุกข์ตรอมจนผอมเหลือง สิบสี่ปีจึงได้นางคืนเมือง ............................... พอสิ้นเรื่องก็พอหลับลงด้วยกัน ฯ *** หนังสืออ้างอิง : เสภาเรื่อง ขุนช้าง - ขุนแผน ฉบับหอสมุดแห่งชาติ สำนักพิมพ์ ศิลปาบรรณาคาร ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๑๐ พ.ศ. ๒๕๑๐ |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | ๏ เมื่ออ่านแล้ว มิแคล้วคิด อยากติดตาม หมายถึงยาม เข้าเรือนหอ ขอเน้นๆ เล่านิทาน ผ่านเฉยๆ เลยไม่เห็น ว่าจบเป็น แบบใดกัน ฉันยังงง... อิอิ |
โดยคุณ : | NetWalker - [10 ม.ค. 2542 21:20:59] |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | ตอนต่อไป เป็นเช่นไร ใคร่อยากรู้ วอนคุณครูผู้ชำนาญ ช่วยขานไข ช่วยต่อกลอน ตอนจบ ครบเร็วไว พี่นินจา อยู่ที่ไหน มาช่วยที |
โดยคุณ : | ยิ้มห้อย - [10 ม.ค. 2542 22:52:40] |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | สงกะสัยท่านพี่เราคงเตรียมพร้อม คงจะยอมเป็นเถ้าแก่แล้วใช่ไหม จึงศึกษาเตรียมงานการก่อนใคร ซ้อมเอาไว้ขอปลาทองให้น้องนินฯ |
โดยคุณ : | ณัฐฯ - [11 ม.ค. 2542 08:18:43] |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | ๏ ถึงนาย Netฯ และน้องณัฐฯ สกัดจุด เหตุที่หยุดเพราะว่าจบตอนแล้ว จากเสภาตอนแต่งงานของพลายแก้ว คงมิแคล้วหลับใหลไปด้วยกัน ๏ แต่ถ้าพลายนินจากะพลาย Netฯ คงจะเด็ดยิ่งกว่าพลายแก้วนั่น เพราะไม่ชอบเล่านิทานเพื่อรับขวัญ แต่ว่าชอบปล้ำกันจริงไหมเอย *** จากบทเสภาที่คัดย่อมานี้จบแบบนั้นจริงๆจ้าาา ถ้าว่างๆ จะมาเล่าถึงที่มาของคำว่า ... อดข้าวดอกหนาชีวาวาย ....... ไม่ตายดอกเพราะอดเสน่หา ระหว่างรอ ถ้าสนใจเรื่องราวการแต่งงานแบบไทยๆ พี่เล็กเคยทำเวบเพจเรื่องนี้ไว้ที่ http://www.oocities.org/Tokyo/Garden/9425/wedding001a.htm คลิ้กเข้าไปดูพลางๆก่อนก็ได้นะ |
โดยคุณ : | lek Isara ![]() |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | ตามระเบียบ ท่านพี่ นี่ขอบอก ไม่ได้หลอก จริงๆพี่ นี่ดูได้ save ไว้ก่อน อ่านทีหลัง เหมือนพี่ไง ฮ่าฮ่าไฮ้ เรียนแบบพี่ (เล็ก) ดีจริงๆ |
โดยคุณ : | เอิ๊กกกกกก (นินจา) ![]() |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | เข้าหน้าหนาวหนุ่มสาวก็อยากอุ่น สูดกลิ่นกรุ่นไอกอดทำใจรวน อีกพี่เล็กมาเล่าเรื่องรัญจวญ คงจะชวนหลายคู่เข้าวิวาห์ |
โดยคุณ : | หลวมตัวมาเล่น ![]() |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | อดข้าวดอกนะเจ้าชีวิตวาย ... ไม่ตายดอกเพราะอดเสน่หา ภาษิตนี้ก็มาจากบทเสภาเรื่องขุนช้าง - ขุนแผน ตอน พลายแก้วเป็นชู้กับนางพิม เมื่อพลายแก้วบวชเณร นางพิมได้ไปฟังเทศน์ โดยเณรแก้วได้เทศน์กัณฑ์มัทรี ซึ่งเป็นที่ประทับใจน้องพิมพิลาไลยมาก ถึงกับเปลื้องผ้าห่มบูชากัณฑ์เทศน์ ต่อมาเณรแก้ววานให้นางสายทองเป็นสื่อให้นัดพบกันที่ไร่ฝ้าย เมื่อถึงวันนัดหมาย เณรแก้วก็แอบลาสึก แล้วมาหาน้องพิม ขอตัดเข้าบทเสภาเลยนะครับ ... ๏ พี่รักนุชสุจริตน้ำจิตรัก ............... ไม่หาญหักก่อนดอกแต่โดยได้ ผลักมือรื้อฉวยชายสไบ ................. เพราะอาลัยกำเริบที่ในทรวง งดโทษพี่เถิดเจ้าจงเอาบุญ ............. อย่าเคืองขุนเฝ้าแค้นพี่แหนหวง นมเจ้างอนงามปลั่งดังเงินยวง ...... ประโลมล่วงน้องหน่อยอย่าน้อยใจ ฯ ............................................................................................................ ............................................................................................................ ๏ ตัวน้องมิใช่ของอันเคยขาย ......... จะเรียงรายกลายหนหาควรไม่ พิเคาะห์ให้เหมาะก่อนเป็นไร ........... กลับไปเถิดพ่อแก้วผู้แววตา อดข้าวดอกนะเจ้าชีวิตวาย ............ ไม่ตายดอกเพราะอดเสน่หา ........... *** นางก้มอยู่กับตักซบพักตรา ............. เฝ้าวอนว่าไหว้พลางพ่อวางพิม ฯ ๏ ประจงจูบลูบผมแล้วซยพักตร์ ..... น่ารักนวลเนื้อเจ้านิ่มนิ่ม น้ำตาคลอเปี่ยมอยู่เรียมริม ............. เจ้าเยือนยิ้มสักหน่อยเถิดกลอยใจ สงสารไหว้วอนให้ผ่อนวาง .............. รักนางมิใคร่จะไกลได้ พี่จะหอบเสน่หาลาไป ....................... เหลืออาลัยที่จะทรมาน หยิบมือพิมน้อยประทับทรวง ........... แม่ดูดวงจิตพี่จะฟุ้งซ่าน เวลาค่ำแม่จงจำสังเกตการ ............... จะไปบ้านหาพิมพิลาไลย ฯ *** สรุปว่า คำว่า อดข้าวดอกนะเจ้าชีวิตวาย ............ ไม่ตายดอกเพราะอดเสน่หา เป็นคำที่น้องพิมขอร้องพลายแก้วให้อดใจไว้ ( เพราะนี่มันกลางวันแสกๆ ในไร่ฝ้าย ) ซึ่งพลายแก้วก็ยอมระงับจิตใจ แต่ก็นัดแนะว่า คืนนี้จะไปหาที่บ้านจ้ะ ! To ... น้องยิ้มห้อยและน้องหลวมตัว ฯ ๏ เมื่อวันเด็กพี่เล็กอ่านเสภา มองเห็นว่าสาระพอมีได้ นักเลงกลอนนอนเปล่าก็เศร้าใจ จึงหยิบยกมาให้ได้อ่านกัน :o) |
โดยคุณ : | lek Isara ![]() |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | ต่อจากข้างบนนะครับ ( อดข้าว ฯ ) พอพลบค่ำ พลายแก้วก็มาบ้านนางพิมแล้วสะเดาะกลอนเข้าไปในห้อง ๏ สนิทหลับรับขวัญเจ้าทั้งหลับ .............. ดังยิ้มรับให้พี่มาร่วมหมอน โฉมฉล้มแย้มยิ้มพริ้มเพรางอน .............. งามเนตรเมื่อเจ้าค้อนพี่ยามชม คอคางบางแบบกระทัดรัด ...................... เล็กยาวขาวขัดดูงามสม ไม่พร่องบกอกนางอล่างนม .................... ค้อยผงมสงวนต้องประคองทรวง ฯ บทอัศจรรย์ ( ที่น่ารักที่สุด ) ๏ ประเดี๋ยวจับประเดี๋ยวจูบเฝ้าลูบชม ...... แก้มกับนมนี่เจ้าชื้อมาหรือขา ทำเล่นเหมือนเป็นเชลยมา ..................... ฟ้าผ่าเถอะไม่ยั้งไม่ฟังกัน จะหยิกเท่าไรก็ไม่เจ็บ .............................. ฉวยเล็บมาจะหักให้สะบั้น อุยหน่าอย่าทำสำคัญ ............................. ฟาดฟันเอาเถิดไม่น้อยใจ ทำเล็บหักเหมือนไม่รักพี่จริงจัง .............. ถึงเงินชั่งหนึ่งหารักเท่าเล็บไม่ เข้าชิดสะกิดพิมยิ้มละไม ......................... อุ้มแอบอกไว้ด้วยปรีดา ฯ *** แฮ่! ... จากบทเสภา ขุนช้าง - ขุนแผน ฉบับกรมศิลป์ ฯ เล่มเดิมน่ะครับ |
โดยคุณ : | lek Isara ![]() |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | o พี่จะทำเบาเบาเจ้าอย่าร้อง............. อย่าเคืองข้องน้อยใจไปเถิดหนา เจ็บเพียงนิดขอดวงจิตชิดเข้ามา...... ให้พี่ยาทำให้ไม่ต้องกลัว จะค่อยค่อยกดเน้นเป็นระยะ............. มามามะน้องจ๊ะอย่าส่ายหัว จะไม่ทำให้ช้ำระกำตัว...................... เพียงบีบหัวสิวออกไม่หลอกเอย |
โดยคุณ : | Little Red ![]() |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | เพิ่งว่างเข้ามาอ่านครับ อ่านแบบละเอียดซะด้วยเลยเห็นข้อผิดอยู่นี้ดนึง ตรงความเห็นท่านพี่หัวหน้าแก๊งค์ว่า ความจริงแล้วนางพิมพิลาไลย ยังไม่ได้เป็นเมียขุนช้างแต่อย่างใด เพียงแต่ขุนช้างไปสู่ขอด้วยตนเองแล้วนางศรีประจันก็ยกให้ ตรงนี้ไม่ใช่ประเด็นที่ขุนแผนหยอกว่านางพิมเป็นเมียขุนช้าง ที่มาเรื่องนี้มาจากตอนเด็กชุนช้างกับนางพิมเคยเล่นเป็นผัวเมียกัน และขุนแผนเล่นเป็นตัวโกงมาปล้นบ้านขุนช้างและฉุดนางพิมไป ขุนแผนจึงว่านางพิมเป็นเมียขุนช้างด้วยประการฉะนี้ จึงติงมาด้วยความคารวะ |
โดยคุณ : | หนอนสุรา - [11 ม.ค. 2542 18:13:31] |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | ฟ้าคำรามครามโครมโถมกระหน่ำ เมฆสีดำคร้ำครึ้มอึมครึมฝน สายฟ้าแล้บแปลบปลาบวาบวกวน สะเทือนดลสะท้านดินทุกอินทรีย์ เมื่อเมฆฉ่ำชื้นชุ่มชอุ่มชื่น ฟ้าครางคลืนคำรามทำแสงสี สุดจะกลั้นกลับกลายคลายวารี ก็โลมหลั่งชลธีชุ่มชีวา ** แหะๆ ฝนตกฟ้าร้องกั๊บ |
โดยคุณ : | อังคาร ![]() |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | ๏ อ่านกลอนของแดงน้อยและอังคาร ต่างขับขานอัศจรรย์กันจริงหนา ยิ่งได้ฟังข้อคิดหนอนสุรา ก็ให้ชื่นชีวาจนสิวบวม ฯ *** ขอบคุณหนอนสุรามากครับ ผมก็หาตั้งนานว่าพิมเป็นเมียขุนช้างตอนไหน ? อุตส่าห์เปิดกลับไปกลับมาในบทเสภาน่ะ แต่ไม่ได้ย้อนไปถึงตอนเด็ก เคยอ่านเหมือนกัน แต่ลืมแย้วครับ :o) *** เอ ... อย่างนี้สมัยผมเด็กๆ เล่นขายของกับเพื่อนๆ และเล่นเป็นพระเอกนางเอกกันก็ ....... อิอิอิ แต่สายไปซะแล้ว ... :oP |
โดยคุณ : | lek Isara ![]() |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | ๏ ต้องติดป้ายห้ามเด็กอายุตำ ่กว่า 18 เข้ากระทู้นี้หรือไม่นะ อิอิ .........ชะแว๊บ!!!!!!!!!!!!! PS.ช่วงนี้ busy นะครับ แว๊บไปๆมาๆ อย่าว่ากันเน้อ ยังรักเหมือนเดิม (ยกเว้นประเทือง อิอิ) |
โดยคุณ : | NetWalker - [12 ม.ค. 2542 00:06:58] |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | อ่านละเอียดตาโพลงเลยหายง่วง ดูพวกพี่คอยจ้วงบทวาบหวาม เราเป็นเด็กตาแป๋วคอยติดตาม ดูนางพิมคนงามจะทำไง |
โดยคุณ : | Bambi ![]() |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | เด็กเด็ก ห้ามเข้า มาอ่านนะ เดี๋ยวจะ หวั่นไหว ในวิถี เป็นเณร ยังสึก หาสตรี ใช่ดี ดูเท่ ไม่เก๋เลย ครองผ้า ใช่ว่า ไม่มักกาม มิงาม ตามเพศ พึงควรเฉย ( เพศ = เพศบรรพชิต ) ถือบวช ควรมุ่ง มิละเลย ที่เอ่ย มานี้ หรือไม่จริง * ความจริงเรื่องขุนช้าง ขุนแผนเป็นเรื่องที่อ่านสนุก แต่บางตอนก็ดูไม่เหมาะสม เช่นพลายแก้วบวชเป็นเณรแท้ๆ ยังละผ้า ไปหาผู้หญิงได้ แถมยังได้เสียกันอีก ดูแล้วไม่ใช่สิ่งอันควรเป็นเยี่ยงอย่าง ไม่รู้ทำไมสมัยก่อน ถึงชื่นชอบชายเจ้าชู้กันนะ ทีขุนแผน มีตั้งกี่เมียไม่เห็นมีใครว่าเลย แค่นางพิม ถูกขุนแผนลากข้าง ขุนช้างลากถู ลากไป ลากมา ยังถูกคนประนามกันทั้งเมือง เริ่มต้นเพราะชายเป็นคนก่อเรื่องทั้งสิ้น แต่กลับมาลงที่นางพิมฯ นางพิมฯจึงเป็นคนที่น่าสงสารที่สุด สำหรับเรื่องนี้ ( วิจารณ์ตามท้องเรื่องนะ ) |
โดยคุณ : | นก สกุณา ![]() |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | ใช่จ๊ะคุณนก ! ความจริงผมก็พยายามปกปิดบางส่วนไว้แล้วนะ เช่นการสึกของเณรแก้วนั้น เป็นการสึก(ลาบวช)กับแม่ชีด้วยซ้ำไป แต่ผมไม่เอามาลง เพราะจะวิจารณ์กันแหลก ( ผมก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าสึกแบบนี้ได้ ) ก็ขอให้คิดว่าเป็นเรื่องนิยาย ซึ่งอะไรๆมันก็ย่อมเกินจริง ดังคำว่า พูดเป็นนิยาย นั่นแหละ *** แต่ขอเถียงคุณนกหน่อย ( ไม่ได้เถียงมาเป็นปีแล้ว ) ว่า ... คนที่น่าสงสารที่สุดในเรื่องนี้คือ ขุนช้าง ต่างหาก เพราะขุนช้างนั้นหลงรักนางพิมมาตั้งแต่เล็กๆ แต่ตัวเองขี้ริ้ว ตอนหนุ่มๆนั้นเวลานางพิมด่าทีไร ขุนช้างจะอายรีบกลับบ้านทุกที ว่างๆ จะมา post ให้อ่านกันครับ แต่ขุนช้างก็ผิดตรงที่ไปตีท้ายครัวเพื่อน ( ถึงไม่ใช่เพื่อนก็ผิด ) *** ปล.เรื่องบทอัศจรรย์นั้น ผมก็หลบเลี่ยงและตัดออกไปเยอะครับ จึงนำมาแค่บทกุ๊กกิ๊ก แจ่มใส ไม่ อตร. ( อันตูราย ) น่ะครับ :o) |
โดยคุณ : | lek Isara ![]() |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | ๏ ถึงเจ้า NetWalker สหายบวมส์ และน้อง Bam นั่งสำรวมและฟังพี่ จุดมุ่งหมายในการเล่าเรื่องนี้ คือว่าพี่อยากให้เห็นประเพณี ๏ ประเพณีการแต่งงานอย่างไทยไทย มิมุ่งหมายให้ใครจั๊กจี้ บทอัศจรรย์เพียงเห็นว่าน่ารักดี มาแต้มสีให้กระทู้ผู้เฒ่าเอย *** ระวังตาเป็นกุ้งยิงหน่อยละกันนะน้อง Bambi ;o) |
โดยคุณ : | lek Isara ![]() |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | เรื่องหญิงชาย มากชู้ ใครรู้ได้ ใช่เป็นชาย ต้องหมาย แต่ผู้หญิง เห็นเป็นเช่น หมาหยอกไก่ ไม่ประวิง เราเป็นหญิง อย่าคิดหมาย ไปชายตา พอเห็นเช่น ยิ้มหัว ก็มัวหลง คิดไปว่า เราคง มีใจหนา แค่หญิงเอื้อน ปากเปรย เอ่ยวาจา ก็นึกว่า เราให้ท่า จะบ้าตาย พอหลงกล เล่ห์ลิ้น สิ้นความหวง ด้วยเพราะรัก ไม่รู้ลวง ล่วงจนสาย ถึงคราวรัก หักอก ไม่รู้คลาย ใจสลาย แล้วสิ้น ทุกสิ่งใด เฝ้ากำสรด กำสรวล รัญจวนจิต เฝ้าแต่คิด ถึงรสฤทธิ์ พิสมัย เจ้าเอยหนอ เจ้าเป็นหญิง ยิ่งพิไล ยิ่งทำให้ เจ้าช้ำใจ ในแรงรัก สุภาษิต สอนใจ ให้ผู้หญิง น่าจะนำ มาอ้างอิง ให้แน่นหนัก ใครมีคำ กล่าวใด มาทายทัก ช่วยหาสิ่ง สอนใจรัก แก่นักกลอนฯ ***************************** |
โดยคุณ : | ปลาทอง - [12 ม.ค. 2542 10:18:14] |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | ขุนช้างขี้อาย ( หน้าบาง ) เมื่อขุนช้างมาขอนางพิมกับแม่ศรีประจัน แล้วแม่ศรีประจันยกก็ให้ จากนั้นแม่ศรีประจันก็เรียกนางพิมให้มาไหว้ขุนช้าง ... ๏ แม่พิมเอ๋ยแม่พิมอยู่ไหน .......... เป็นไรจึงไม่ออกมาไหว้พี่ มารู้จักกันไว้เป็นไรมี .................. มาซีทูนหัวของมารดา ฯ ๏ ครานั้นนางพิมนิ่มสนิท ............ แค้นจิตขัดใจเป็นหนักหนา แอบบลับแลแลเห็นขุนช้างมา ....... แฝงฝาฟังเรื่องให้เคืองใจ ................................................................................. ................................................................................. แล้วนางพิมก็แกล้งเรียกบ่าวมาด่ากระทบขุนช้างไปว่า ... ๏ อ้ายเจ้าชู้จอมปลอมกระหม่อมบาง .... ลอยชายลากหางเที่ยวเกี้ยวหมา ชิชะแป้งจันทร์น้ำมันทา ...................... หย่งหน้าสองแคมเหมือนหางเปีย หมามันจะเกิดชิงหมาเกิด ................... มืงตายไปเถิดอ้ายห้าเบี้ย หน้าตาเช่นนี้จะมีเมีย .......................... อ้ายมะม่วงหมาเลียไปเจียมใจ ฯ ๏ ขุนช้างฟังนางกระทบด่า .................. นึกอายบ่าวข้าไม่อยู่ได้ อำลาศรีประจันทันใด .......................... ลงจากเรือนไปมิได้ช้า ฯ *** น่าฉงฉาน ขุนช้าง จัง! |
โดยคุณ : | (lek Isara) ![]() |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | ๏ ถึงปลาทองน้องยาไยมาบ่น น่าฉงนในจิตคิดแล้วกลุ้ม ฤๅว่าน้องวุ่นนักรักเร้ารุม อยากจะอุ้มมาถามไถ่ให้ได้ความ ... ( กลอนพาปาย ) ๏ สุภาษิตสอนหญิงไม่ทิ้งแน่ เพราะช่วยแก้ไขได้ไม่ต้องหาม เกิดเป็นหญิงถ้าไม่งอนก็ไม่งาม แต่จะงามเมื่อไม่งอนจนเกินไป ฯ *** พี่เล็กมีหนังสือสุภาษิตสอนหญิงอยู่ที่บ้านจ้ะ ว่างๆ จะคัดมา post ให้อ่านกันเล่นครับ |
โดยคุณ : | lek Isara ![]() |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | มาขอป่วน ด้วยคน นะพี่นะ นินบ้าล่ะ ไร้คนสู้ บู้กับผม โอวทิฮวย ก็ไม่ว่าง งานมาชม เหลือแต่ผม ชอว์ลิ้วเฮียง จึงเลี่ยงมา คุยเรื่องไร กันนี่ หรือพี่ท่าน กำลังมันส์ หรือเปล่า เล่าพี่จ๋า เรื่องแต่งงาน ปล้ำผู้หญิง ดีจริงนา นินคนบ้า ขอร่วมด้วย ช่วยเข้า(หอ)แทน เรื่องนี้ก็ ชอว์ลิ้วเฮียง ถอดรูปออก ไม่ต้องบอก หล่อสุดกู๋ ตูขุนแผน จะมาปล้ำ นางพิมพ์ ทับให้แบน เดี๋ยวขุนแผน ตืบบ์ขุนช้าง ให้ปางตาย แล้วก็ฉุด นางพิมพ์ ผู้ยิ้มกริ่ม เนื้อนิ่มๆ ไปทุกที่ ดี ship ผาย ปล้ำแล้วตืบบ์ ให้สลบ ตบให้ตาย แล้วหาใหม่ หญิงสาว เอาหุ่นดี ==================== ฮ่า ๆๆๆๆ เอิ๊กกกก |
โดยคุณ : | ขุนแผน - [12 ม.ค. 2542 13:41:09] |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | โปรดสังเกตุ ความเหมือนที่ไม่เหมือนใคร คือ พิมพ์ผิดเยอะม๊ากกกกก มาก เลย อิ ๆๆ (ความสามารถเฉพาะตัว ห้ามลียนแบบฮับ |
โดยคุณ : | นินจา ![]() |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | To ... ขุนแผน นินจา / กุมารจีน ๏ ฝ่ายขุนช้างง้างสนิทเพราะฟิตจัด ยืนง้างหมัดมาแต่ไกลไม่คิดหนี ขุนแผนจีนชอลิ้วเฮียงกุนเชียงดี จะต่อยตีแล้วมาทำยำกุนเชียง ฯ *** น้องพิม(พิมพิลาไลย)จ้ะ มิใช่ น้องพิมพ์(พิมพ์ดีด) |
โดยคุณ : | ขุนช้าง 1999 (lek Isara) ![]() |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | เห็นขุนช้าง พี่ใหญ่ ใจยังสู้ กะจะบู้ ดูสักตั้ง ยังได้อยู่ หากพลาดไป ทำไง นะพี่ตู คงอดสู ไม่อยากทำ ขอย้ำเตือน แค่เห็นท่าน ง้างหมัด ก็วัดพื้น อย่าอ้างลื่น ยืนไม่เป็น ดังเช่นเหมือน โคชรา ที่เรี่ยวแรง ไม่มาเยือน ข้าขอเตือน พิมของข้า อย่ามาตอม.. ======================= อยากเจ็บตัวเรอะขุนช้าง.. |
โดยคุณ : | ขุนแผน 2000 (นินจา) ![]() |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | ใครอะไรที่ไหนกันหนูเบลอเบลอ หลงมาเจอเขาจะต่อยกันอีกหนา จะแย่งสาวที่ไหนกันคุณพี่ขา อย่าถือสาหนูไม่รู้ยังเบลอเบลอ แวะมาก๊าบ อืมม...แต่แบบหมดมุก เบลอๆ สงสัยจะเปื่อยก๊าบ |
โดยคุณ : | หลวมตัวมาเล่น ![]() |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | เห็นด้วยกับคุณนก สกุณามากค่ะ ทำไม ผู้ชาย มีเมียไปทั่วกับยกย่อง ว่า เก่ง ว่า เจ๋ง ที่ผู้หญิง ถูกหลอกกลาย เป็นว่า เป็น นางวันทอง สองใจบ้างล่ะ นางมโนรา บ้างล่ะ ไม่ยุติธรรม จริงไหมคะ คุณผู้หญิงทั้งหลาย ฮ่าๆๆ แป้งร่ำ มาก่อ ม็อบ อีกแล้ว |
โดยคุณ : | แป้งร่ำ - [12 ม.ค. 2542 14:32:11] |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | ขอบคุณพี่เล็กจริงจริงค่ะ จริงจริงแล้วปลาทองอยากจะบอกว่า คนเป็นหญิงแท้จริงลำบากกว่า ดูดั่งว่านางพิม ทิ่มแทงใจ... ชายมีชู้ ดูดี เป็นเรื่องเท่ห์ หญิงมีชู้ จะเก๋ อย่างชายไหม คิดคิดดู ตัวเรา ก็เศร้าใจ เกิดมาใหม่ เป็นประเทือง คงเฟื่องเอยฯ ******************* 5555 ล้อเล่นน่ะพี่... เดี๋ยวเกิดเป็นประเทืองจริงยุ่งเลย ว่าง ๆ คัดมาให้หนูอ่านหน่อยนะจ๊ะ...พี่เล็ก (สุดหล่อ) :) |
โดยคุณ : | ปลาทอง - [12 ม.ค. 2542 14:40:49] |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | ๏ หะหะฮ่าเจ้านินจาเห็นไหมจ๊ะ ป๊ะเท่งป๊ะน้องพิมปลาว่าใครหล่อ ชมขุนช้างเก้าเก้าเก้าเราบ้ายอ ยกนี้ขอให้ขุนช้างชนะคะแนน ๏ ถึงน้องปลาคืนนี้หนาถ้าไม่ลืม คงได้ปลื้มกับคำสอนที่สุดแสน สุนทรภู่ท่านเป็นครูใช่หมอแคน ... ( กลอนพาไปกั๊บ! ) เนื้อหาแน่นด้วยภาษิตกล่อมจิตใจ ๏ น้องแป้งร่ำมาร้องเชียร์ข้างคุณนก อยากจะชกปากเจ้านินซะให้ได้ นักเลงกลอนนอนเปล่าก็เศร้าใจ ขุนแผนเป็นชายไทยใช่เป็นลิง ! *** ลิง = นินจา ... หึหึหึ ๏ น้องหลวมตัวอย่ามาเบลอแถวแถวนี้ เพราะจะมีศึกใหญ่เสือพบสิงห์ ขืนเบลอเบลออาจสลบเพราะพบลิง ที่มาวิ่งรับหมัดขุนช้างไทย ฯ *** นี่เจ้านิน ... อย่าเล่นหัวสิ พูดมาได้ลื่นๆ ... ขุนช้างจะโกรธแล้วนะ ... ฮึ! :oP |
โดยคุณ : | ขุนช้าง 1999 (lek Isara) ![]() |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | ตัวน้องพิม นี่หรือ คือปลาทอง งั้นต้องลอง หมัดเมา เราซักตั้ง เห็นทีเรา จะต้อง ใช้กำลัง หากพลาดพรั้ง ขุนช้างไทย ตายแน่เลย เห็นทีเรา จะเข้า ไปดึงฉุด ให้อุตลุต ฉุดนางพิม เนื้อนิ่มเอ๋ย แล้วกระตืบบ์ ขุนช้าง ให้แบนเลย ขุนแผนเอ๋ย ลุยคราวนี้ ดีจริงๆ ===================== ว๊ากกกกก ฉุด งานนี้ฉุด |
โดยคุณ : | ขุนแผน 2000 (นินจา) ![]() |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | อุโมงจ้ะ.. อุโมงไปดู KEE กะ TOOD จ้ะ http://pantip.inet.co.th/cafe/subject/writer/W266861.html |
โดยคุณ : | นินจา ![]() |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | แม้ปลาทอง เป็นน้องพิม ประพิมเหมือน ไม่แย้มเยื้อน เอื้อนโอษฐ์บอก ให้ชอกช้ำ อยากจะแย่ง ก็แย่งไป เราไม่ทำ จะขอนั่ง ดูคนยำ กันไปมา นั่งดูดู แล้วเห็นหัว ใครลื่นลื่น อ๋อขุนช้าง ยอดชื่น ชีวา(ใคร)นั่น ง้างหมัดออก มาอันนิด จิ๊ดสั้นสั้น เชียร์เสียงลั่น ระวังkick สะกิดพุง ฝ่ายขุนนิน เห็นว่าวัย จะอ่อนกว่า มัวชะล่า ใจหลง มุ่งถลุง ไม่ดูแล เป็นเป้าล่อ ให้ท่านลุง(เล็ก) เข้าถองเป้า จนตุง หงายพุงเลย.... แม้เป็นโค อ่อนแอ แต่ว่าเชี่ยว ขุนนินจึง มิเฉลียว จึงโดนเสย เข้ากระทุ้ง พุงหงาย สบายเลย ผู้ชนะ ยกนี้เอ๋ย เป็นโคชรา ********************** |
โดยคุณ : | พิม(ทอง) - [12 ม.ค. 2542 15:48:27] |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | ๏ ฮ่าฮ่าฮ่า ขุนช้างไทยใจฮึกเหิม มีแรงเสริมจากน้องพิมโอ้หลั่ลล้า นี่ขนาดไม่สนใจยังเจรจา แต่อะไรนะน้องจ๋าว่าลื่นลื่น ๏ ถึงจะลื่นเพราะหัวล้านสะอ้านสะอาด มิใช้หัวหลิมประหลาดเหมือนคนอื่น เช่นหัวลิงนินจาต้องผ่าฟืน อยากจะกลืนต้มยำหัวปลาทอง ฯ *** แฮ่! ขุนช้างเริ่มออกลายแย้ว ... อิอิอิ |
โดยคุณ : | lek Isara ![]() |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | ยังยังยัง ศึกนี้ ไม่มีแพ้ ไม่ยอมแน่ ดูกันใหม่ ให้สดสวย เราน่ะเก่ง และเก๋า ในเชิงมวย เรื่องกล้วยๆ ต่อยกะโค โถ!ได้เลย ที่ขุนช้าง ต่อยพุง กระทุ้งข้า นี่แหละหนา ไม่ได้ดู รู้ไหมเหวย เราน่ะมี เกราะข้างใน อีกชั้นเลย กระจับเอ๋ย ใส่ไว้ ให้พอชัวว์ ท่านต่อยมา เจ็บมือ ลื้อซะเปล่า โถ!ไม่เอา อย่างนี้ ต้องตีหัว ต่อยมาได้ เต็มแรง ตรงลำตัว เลยเข็กหัว ด้วยมะเหง็ก เล็กแต่แรง ท่านขุนช้าง หัวโน โถบอกเจ็บ ใจเท่าเล็บ จะมาสู้ ดูแขยง โดนเข็กหัว นิ๊ดหน่อย ไม่มีแรง แล้วจะแข่ง กะเรา เจ้าทำไง. |
โดยคุณ : | ขุนแผน 2000 (นินจา) ![]() |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | ขุนช้างจ๋า ลายที่ออก นี่เป็นไง เป็นลายที่ ใครประทับ ให้ท่านพี่ ลายเป็นดอก เป็นดวง พุ่มพวงดี ฤาท่านพี่ เป็นเกลื้อนสี มีด่างดำ ขอแนะพี่ ให้ไปหา หมอนะจ๊ะ เดี๋ยวเป็นมาก มันจะออก ลายให้ขำ ให้หมอตรวจ สักหน่อย ค่อยค่อยทำ เดี๋ยวลายจะ ออกมาซ้ำ ย้ำเรื่องโค... ***************************** เอิ๊ก...ๆ................... |
โดยคุณ : | พิม(ทอง) - [12 ม.ค. 2542 16:16:50] |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | ๏ ก่อนจะบอกออกตัวเรื่องออกลาย ของไว้ลายอกผายและไหล่ผึ่ง ด้วยเจ้าลิงนินจามาดื้อดึง ตดดัง ถึง เจ้าลิงวิ่งจู๊ดเลย ๏ พี่ขอบอกนะน้องพิมนิ่มสนิท พี่ขุนช้างผู้พิชิตมิเพิกเฉย ลายของพี่โยงย้วยสวยจังเลย ลายลูกไม้กระต่ายเงยหน้าชมจันทร์ ฯ *** วันนี้พี่ขุนช้างขอตัวกลับคฤหาสน์ก่อนนะเคอะ :o) |
โดยคุณ : | lek Isara ![]() |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | ปล. ลืมเซ็นต์ชื่อจ้าาา .... ๏ พี่ขุนช้างขอเป็นเช่นกระต่าย มิใช่ควายนะจ๊ะอย่าจ้องฉัน ส่วนน้องพิมจิ้มลิ้มเป็นดวงจันทร์ ทุกคืนวันกระต่ายน้อยคอยน้องพิม ฯ *** bye bye |
โดยคุณ : | ขุนช้าง 1999 (lek Isara) ![]() |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | เราชอบขุนช้าง อาจเป็นมีคนล้อเราตั้งแต่เด็กแล้ว ว่าเรา เป็นขุนช้าง ด้วยว่าเราตัวใหญ่ เลยสงสัยว่าขุนช้างมันน่าชังตรงไหน ก่อนจะมารักนางพิม ขุนช้างมีเมีย ภายหลังเมีย ตาย (เข้าใจว่า ผอมตาย แห้งตาย) เป็นหม้ายอยู่หลายเพลา ถึงมาพบรักกะนางพิม เรื่องที่ทำไปก็ด้วยรัก และรัก แม้นบางอย่างไม่ถูกต้องนัก แต่ก็ไม่ผิดมาก ฟังดูความน่ารักของขุนช้างก่อนนะ กลัวจะเบื่อค่ะ เมื่อขุนช้างได้รับการปฉิเสธจากนางพิม........ ....ถึงเรือนเหย้าข้าวของถวายพระ จะสละโกนหนวดไปบวชเสีย(ไม่มีผมให้โกน) ถึงลูกคุณหลวงหม่อมจะยอมเยีย จะมีเมียไปทำไมไม่เหมือนกัน จะภาวนาให้หนักชักประคำ แต่หัวค่ำร่ำไปจนไก่ชัน ร้วยวษาพันวษา ไม่ลาว ไม่ลาวัน ฉันท์แต่นางทั้งห้ากว่าจะตาย (.................................) แล้วท่านว่าสงสารไหม ขุนแผนก่อนจะไปหานางพิม ซัดพี่เลี้ยงก่อน คนฆ่าได้กระทั่งเมีย แถมฆ่าลูกในใส้ได้ แปลกนัก......มีแต่คนรักขุนแผน ไม่เข้าใจ...... ไม่เข้าใจ จริงๆ |
โดยคุณ : | มีดี - [12 ม.ค. 2542 17:52:38] |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | ที่ชื่นชมขุนแผนแสนสะท้าน ใช่ชายชาญเจ้าชู้เช่นครูสอน ใช่ชายชาติอาจหาญเข้ารานรอญ ชำนาญชาญสมรทั้งรบรัก แบบว่าผมเป็นคนชอบถกเถียง ชอบมองต่างมุม เลยขอเอาอีกมุมมาให้มอง แต่แต่งเป็นกลอนบ่ได้ ขอเป็นร้อยแก้วละกัน (ถ้าเป็นแก้วเหล้าคงเมาเป็นเดือนละวุ้ย) ขุนแผนที่ได้เป็นพระเอกยอดนิยมนั้นไม่ใช่เรื่องเจ้าชู้นะครับ เมียขุนแผนที่ว่ามากผมว่านับด้วยนิ้วมือน่าจะนับถ้วน แต่ถ้าเจอหนุมานชาญสมร ต้องถอดถุงเท้าออกมานับด้วย สาเหตุที่ขุนแผนได้รับการยกย่องมาก เพราะขุนแผนเป็นตัวแทนการต่อสู้ ระหว่างชนชั้น ตัวเอกในเรื่องทั้งสามคน ชาย 2 หญิง1 ต่างก็กำพร้าพ่อ แต่ขุนแผนนั้นลำบากที่สุด เกิดมานั้นอยู่ในฐานะเดียวกันเป็นลูกข้าราชการ ลูกคหบดี ซึ่งฐานะนั้นคือกัน แต่พอพ่อตาย พลายแก้วคนเดียวที่ตกระกำลำบาก ตกจากฐานะเดิม ต้องหลบหนีราชภัยไปในป่ากับแม่สองคนไปตั้งหลักแหล่งใหม่อีกครั้ง ตรงนี้ถ้าเปรียบกับภาพสมัยใหม่ก็เหมือนกับบริษัทล้มละลายไปทำนองนั้น ลูกชายคนเดียวต้องฟื้นฟูฐานะของตระกูลขึ้นมาใหม่ การรับราชการสมัยนั้น ก็เหมือนกับการทำธุรกิจสมัยนี้ แต่ถ้าให้อธิบายความเหมือนแล้วจะยาว เอาเป็นว่าตัดตอนสั้นๆ ต้องเปรียบความต่างระหว่างขุนแผนกับขุนช้าง ส่วนนางพิมนั้นเป็นเป้าหมายของการแข่งขัน โอ้...เรื่องนี้ก็ยาวอีกแล้ว เพราะถ้ามองตามสายตาคนสมัยใหม่ มองผู้หญิงเป็นเป้าหมายของการแข่งขันนั้น กดขี่ทางเพศสิ้นดี ช่างมันไปก่อนละกันเดี๋ยวอธิบายประเด็นหลักไม่จบพอดี ลักษณะเด่นขุนแผนนั้น จน , มีการศึกษาดี, ซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งตรงข้ามกับ ขุนช้างที่ รวย, มีการศึกษาหรือเปล่าไม่รู้ เพราะในเรื่องไม่เคยกล่าวถึง, เจ้าเล่ห์เพทุบาย (ขุนช้างยังไม่น่าสงสารพอหรอกครับพี่เล็ก เพราะแกเจ้าเล่ห์มากไปหน่อย) ประเด็นหลักที่ทำให้เรื่องขุนช้างขุนแผนได้รับความนิยม มาจากตรงนี้ เรื่องการต่อสู้ระหว่างชนชั้นนี่แหละ ฝ่ายหนึ่งโชควาสนาดีเกิดมาบน กองเงินกองทอง อีกฝ่ายไม่ยอมแพ้โชคชะตา ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน รับราชการด้วยฝีมือและความซื่อสัตย์ ต่างฝ่ายต่างแข่งขันชิงดีชิงเด่นกัน ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะเหมือนการต่อสู้ในชีวิตจริง ลองมองประเด็นนี้ดู แล้วจะเห็นว่าบรรพบุรุษเรานั้นความคิดลึกซึ้งแค่ไหน เพียงแต่ว่าตัวละครในเรื่องนี้เป็นแบบตัวกลม (ไม่ได้แปลว่ากลมกลิ้ง แบบบางคนนะจ๊ะ) ลักษณะนิสัยจึงมีดี-ชั่วคละเคล้ากันไปเช่นปุถุชน เณรแก้วสมัยนั้นก็เหมือนเด็กนักเรียนมัธยมสมัยนี้ เครื่องแบบของเณร ไม่ใช่เครื่องแบบของสมณเพศ แต่เป็นเครื่องแบบนักเรียนครับ เด็กนักเรียนใจแตกนั้นเป็นธรรมดาของทุกยุคทุกสมัย และส่วนใหญ่จะเป็น กับพวกไอคิวสูง ความทะเยอทะยานสูง ปู่ย่าตายายเรารู้มาก่อน ซิกมันด์ ฟรอยด์นานแล้ว ขอจบแบบดื้อๆ แค่นี้ก่อน กับขออภัยถ้ามันยาวและเครียดเกินไปหน่อย |
โดยคุณ : | หนอนสุรา - [12 ม.ค. 2542 18:01:13] |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | มาดูงานค่ะ ;P เอิ้กๆ |
โดยคุณ : | แม่มดน้อย - [12 ม.ค. 2542 20:33:37] |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | ๏ อันขุนช้างน่าชังใช่ขี้ริ้ว แต่พิมกริ้วเพราะขี้เกียจนะคะพี่ ส่วนขุนแผนฆ่าเมียเสียก็ดี เพราะพ่อนางบัวคลี่จะฆ่าตน ฯ *** ขอบคุณที่คุณมีดี และคุณหนอนสุรา มาแสดงความคิดเห็นนะครับ เรื่องขุนช้างขุนแผนนี้ แม้ผมจะมีหนังสืออยู่ที่บ้าน แต่ยังอ่านไม่ครบเลยครับ ดูสารบาญแล้วเจาะเป็นตอนๆไป ก็ช่วยกันออกความเห็นก็สนุกดีนะครับ *** ที่เข้ามา Login ดึก เพราะมัวเลือกพิมพ์สุภาษิตสอนหญิงให้น้องปลาทอง กำลังจะ Post ข้างล่างนี้ครับ |
โดยคุณ : | lek Isara ![]() |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | สุภาษิตสอนหญิง โดย สุนทรภู่ ๏ จะพูดจาปราศรัยกับใครนั้น อย่าตะคั้นตะคอกให้เคืองหู ไม่ควรพูดก็อย่าพูดถึงมืง Ku คนจะหลู่ล่วงถามไม่ขามใจ ๏ แม้นจะเรียนวิชาทางค้าขาย อย่าปากร้ายพูดจาอัฌาสัย จึงซื้อง่ายขายดีมีกำไร ด้วยเขาไม่เคืองจิตระอิดระอา เป็นมนุษย์สุดนิยมเพียงลมปาก จะได้ยากโหยหิวเพราะชิวหา แม้นพูดดีมีคนเขาเมตตา จะพูดจาจงพิเคราะห์ให้เหมาะความ ๏ ถึงชายใดเขาพอใจมาพูดเกี้ยว อย่าโกรธเกี้ยวโกรธาว่าหยาบหยาม เมื่อไม่ชอบก็อย่าตอบซึ่งเนื้อความ มันจะลามเล่นเลยเหมือนเคยเป็น ฯ .............................................. .............................................. ๏ ถ้าจะนั่งก็นั่งระวังผ้า ไม่อาฌาเขาจะพากันยิ้มหัว ยามสำราญก็อย่าสรวลให้เมามัว แม้นจะหัวหัวร่อพอสบาย ๏ เมื่อยามยิ้มยิ้มไว้แต่ในพักตร์ อย่ายิ้มนักเสียสง่าพาสลาย อย่าท้าวแขนท้าวคางให้ห่างกาย อย่ากรีดกรายกรอมเพลาะให้เราะเริง ๏ จะแต่งตัวก็อย่ามัวแต่การแต่ง อย่าทาแป้งจับเขม่าเข้าจนเหลิง ใช่บ้านนอกคอกนามาแต่เยิง ทำเซอะเซิงเขาจะโห่วิ่งโร่ไป ฯ |
โดยคุณ : | lek Isara ![]() |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | โอวาทกษัตรีย์ โดย สุนทรภู่ ๏ บาลีว่าหญิงดีมีสี่อย่าง ไม่อำพรางย่อมตรัสบริหาร สำแดงไว้ให้เห็นเป็นประธาน จึ่งพิจารณ์ตามพระพุทธาธิบาย ๏ หญิงเหล่าหนึ่งเรียกว่า มาตาภริยา เสน่หาในสามีไม่เหือดหาย ปฏิบัติเช้าเย็นไม่เว้นวาย มิได้หน่ายในการบำรุงบำเรอ ๏ มารดากับบุตรนั้นฉันใด เอาใจใส่มิได้แต่งเสนอ รักสนิทจิตสมัครสามีเธอ เทียบเสมอเทียมบุตรในอุทร ๏ ภคินีภริยา นั้นพวกหนึ่ง เร่งรำพึงคิดร่ำที่คำสอน รักสามีเหมือนพี่ร่วมมารดร โอนอ่อนคำนับน้อมย่อมยำเกรง ๏ ทาสีภริยา พวกหนึ่งเล่า ท่านชักเอามาเปรียบเทียบเหมาะเหม็ง รักสามีเหมือนนายเงินของตัวเอง ต้องยำเกรงเช้าเย็นเป็นนิรันดร์ ๏ สหายิกาภริยา คำรบสี่ รักสามีดั่งสหายผ่อนผายผัน สงวนอารมณ์มิได้ข่มขี่กัน สู้อดกลั้นทุกสิ่งจริงจริงเจียว ๏ หญิงดีสี่ตระกูลที่กล่าวมา สิ้นชีวาสู่สวรรค์อย่าเฉลียว บุญอื่นมิได้สร้างสักอย่างเดียว กุศลส่งเหนี่ยวแน่วไม่แคล้วเลย ฯ |
โดยคุณ : | lek Isara ![]() |
ความคิดเห็นเพิ่มเติม : | สุภาษิตขี้ยา โดย สุนทรภู่ ตอน : ผัวเมียตีกัน ! ... มันส์ ! พ่ะย่ะค่ะ ! ๏ แล้วหุนหันผันหน้าเข้ามาบ้าน มาพาลด่าเมียด้วยไม่ขวยเขิน พอเมียเถียงเตะปับเสียยับเยิน เห็นตั%C |