โดย ชวลิต ปรีตะนนท์
ในปัจจุบัน โปรแกรมฐานข้อมูล ที่มีขนาดเล็กอย่าง Microsoft Access มีการใช้กันเป็นที่แพร่หลาย เนื่องจากใช้งานง่าย และมีความสามารถใน การทำงานที่เป็นที่น่าพอใจ โดยสามารถนำมาสร้างแอพพลิเคชั่น อย่างง่ายๆ ได้ โดยที่ผู้ใช้มีความรู้ในส่วนของ การเขียนโปรแกรมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในขณะที่ถ้าต้องการ แอพพลิชั่นที่ซับซ้อนนั้น จำเป็นต้องอาศัยความรู้ ความเชี่ยวชาญพอสมควร ในการนำมาพัฒนาใช้งาน และเมื่อมีปัจจัยในส่วนของ จำนวนข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ขึ้น จำนวนผู้ใช้ที่มากขึ้น การทำสำรองข้อมูล ประสิทธิภาพ ฯลฯ เข้ามามากขึ้น ประเด็นของการอัพเกรด ระบบฐานข้อมูลให้มีขนาดใหญ่ขึ้น จะถูกนำมาพิจารณา เป็นขั้นตอน ต่อไป เพื่อให้สามารถรองรับ กับความต้องการได้ ซึ่ง Microsoft SQL Server มักจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่มีคนนิยมกันมาก เนื่องจากราคาถูก และสามารถตอบสนอง ความต้องการที่กล่าวมา
เพียงแต่ว่าหลายๆ ท่านมักจะมีการเข้าใจผิดว่า ในการอัพเกรด ฐานข้อมูลจาก Microsoft Access ให้เป็น Microsoft SQL Server โดยเพียงแค่ กระทำการย้ายข้อมูลไปอยู่บน SQL Server หรือใช้ Upsizing Wizard สำหรับ Microsoft Access (สามารถดาวน์โหลดได้จาก site ของ Microsoft http://www.microsoft.com/access/) นั้น ก็เป็นการเพียงพอแล้ว และมักจะทำการคาดหวังว่า แอพพลิเคชั่นที่มีอยู่ น่าที่จะรันได้เร็วกว่าเดิม เนื่องจากมีการ นำเอาเซิฟเวอร์มาร่วมใช้งาน แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะเท่ากับว่า เราแทบจะไม่ได้ใช้ ความสามารถที่มีอยู่ของทั้ง Hardware และ Software (SQL Server) เลย นอกจาก การจัดเก็บข้อมูลเท่านั้น ผลก็คือ เราจะรู้สึกว่า SQL Server ไม่สามารถทำงานตอบสนอง ให้เราได้เท่ากับ แอพพลิเคชั่นเดิมที่มีอยู่
ในที่นี้เราจะทำการแนะนำ สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนทำการโยกย้ายระบบฐานข้อมูลจาก Microsoft Access ไปเป็น Microsoft SQL Server กัน ซึ่งมีดังนี้
Table |
ชื่อ : เนื่องจาก MS Access อนุญาตให้เราตั้งชื่อ Table หรือ Column ต่างๆ โดยมีเว้นวรรค (space) แทรกได้ แต่สำหรับ MS SQL Server แล้ว จะถือว่า เป็นชื่อที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งในส่วนนี้อาจจะมีผล กับโปรแกรมที่มีอยู่ได้
ชนิดของข้อมูล: และในส่วนของ Data Type ควรจะทำการตรวจสอบอีกครั้งหลังจากที่มีการใช้ Upsizing Tools แล้ว เช่น Counter เป็นต้น
การแก้ไขโครงสร้าง: การแก้ไขโครงสร้างบน MS SQL Server หลังจากที่ทำการ Upsize แล้วนั้น ค่อนข้างมีข้อจำกัดอยู่มาก จะไม่เหมือนกับบน MS Access ที่สามารถทำการเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้อยู่ตลอดเวลา อาทิ ไม่สามารถเปลี่ยนชนิดของข้อมูลในแต่ละคอลัมน์ได้
|
Query |
แปลง Query : เราควรพิจารณา ทำการปรับปรุงการใช้ Query บน MS Access โดยเปลี่ยนไปใช้ ความสามารถ ของ SQL Server แทน โดยการสร้างเป็น Stored Procedure หรือ View ขึ้นมาแทน เพื่อให้ SQL Server ทำการประมวลผลข้อมูล และนำผลที่ได้กลับมา แทนที่จะทำการนำข้อมูล กลับมาประมวลที่ MS Access เอง |
Data Binding |
Coding : เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูล ควรที่จะเปลี่ยนจาก การใช้ Bound Control มาเป็น ลักษณะในการเขียนโปรแกรมโมดูล หรือ Visual Basic for Application (VBA) โดยการใช้ Data Object ไม่ว่าจะเป็น Data Access Object (DAO), Remote Data Object (RDO), หรือ ActiveX Data Object (ADO) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการข้อมูลที่มีอยู่บนเซิฟเวอร์ และช่วยลดจำนวนข้อมูลที่มีการ ส่งผ่านระบบเครือข่ายอีกด้วย |
Back Up |
Copy : ควรทำการ copy ไฟล์ .MDB เก็บไว้ทุกครั้ง ก่อนตัดสินใจทำการเคลื่อนย้าย เพราะว่า Upsizing Tools จะทำการเปลี่ยนแปลงชื่อ Table โดยการเติมคำว่า _local ไว้ข้างหลังทุกๆ ชื่อของ Table |
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ที่เห็นได้ชัดเจน เมื่อต้องการที่จะ ทำการย้ายฐานข้อมูลจาก MS Access ไปบน MS SQL Server ในส่วนที่เหลือนั้น คงต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ MS SQL Server ร่วมกัน ในการปรับแต่ง ระบบฐานข้อมูล ให้มีความสามารถ หรือรองรับ การทำงานผ่าน GUI ที่มีอยู่ได้อย่างสมบูรณ์ อาทิ การเลือกประเภท Index ในการช่วยจัดเรียง หรือจัดกลุ่มของข้อมูล หรือการใช้ Trigger เพื่อช่วยลดการ เขียนโปรแกรมบน MS Access เป็นต้น