จอร์จี้ที่รัก Summary by เด็กที่รอคอย
จอร์จี้ บาร์ตแมน ....เด็กสาวผู้เติบโตภายใต้แสงอาทิตย์สดใสของประเทศออสเตรเลีย
เธอเป็นเด็กสาววัยแรกแย้ม สวยงามตามธรรมชาติ มีพี่ชายที่รักสองคนคือ อาเบล และ
อาเธอร์... ภายใต้รอยยิ้มที่สดใส และเสียงหัวเราะ...เธอรู้ดีว่า แม่...มักจะไม่ค่อยรักเธอ
ในวันที่พ่อ หัวหน้าครอบครัวผู้เป็นชาวไร่ได้เสียชีวิตลงไป แม่ได้แต่กอดพี่ๆของเธอ
โดยที่เธอเหมือนเป็นคนอื่น.......แต่แม้ว่าแม่จะไม่เคยเหลียวแลเธอซักเท่าไหร่ พวกพี่ๆก้อยังดีต่อเธอมากจนไม่รู้สึกขาดความอบอุ่น.......
และสิ่งเดียวที่พ่อฝากฝังให้เธอทำตามอย่างเคร่งครัด ก้อคือ...เก็บรักษากำไลข้อมือที่เธอใส่ไว้ให้ดี.....
จอร์จี้ไม่เคยรู้ความจริงว่า ที่พ่อ อาเบลและอาเธอร์
ต่างสั่งสอนให้เธอเก็บรักษากำไลไว้ให้ดีๆ ก้อเพราะว่าเธอ ไม่ใช่ลูกของครอบครัวบาร์ตแมน
ทั้งสามคนไปเจอเธอและแม่ที่แท้จริงในป่าวันฝนพายุครึ้ม.... แม่เธอถูกต้นไม้ทับ
ใกล้เสียชีวิต แต่ยังโอบกอดลูกน้อยแบเบาะไว้แน่น.....เมื่อพ่อเข้ามาช่วย...แม่แท้ๆของเธอจึงขอฝากฝังลูกสาวไว้พร้อมกำไล....และชื่อ
จอร์จี้......พ่ออุ้มเธอแล้วพาลูกๆหลบเลี่ยงไปเพราะได้ยินเสียงคนกลุ่มใหญ่ตามมา......เมื่อพ่อตายไปแล้ว
ก้อเหลือเพียงอาเบลและอาเธอร์ผู้กำอดีตของจอร์จี้ไว้
ไฟอ่อนๆในเตาหุงต้ม ท่ามกลางบรรยากาศของความสุขที่เปี่ยมล้นนั้น...ได้ยินเสียงพี่ๆเรียกแต่ชื่อ จอร์จี้...จอร์จี้
แต่ในความสนิทสนมระหว่างสามคนพี่น้อง...ความรักได้ก่อเกิดภายในใจของสองหนุ่ม....โดยที่จอร์จี้ไม่เคยระแคะระคาย
อาเบลผู้มีความกล้าหาญ เลือดร้อน จริงใจและมั่นคงต่อจอร์จี้ ...เขายอมที่จะเสี่ยงกับทุกอย่างเพียงเพื่อให้ได้ความรักจากจอร์จี้มา
อาเธอร์...ผู้มีจิตใจอ่อนโยน เขารู้ดีว่าอาเบลรู้สึกยังไง เข้าเองก้อเช่นกัน ทว่า...หากต้องเลือก
เขาอยากให้ความรักระหว่างพี่น้อง มั่นคงและยืนยาวมากกว่าการทำร้ายจิตใจจอร์จี้เพื่อบอกความจริงว่า
เขารักเธอ และเธอไม่ใช่ลูกของครอบครัวบาร์ตแมน
อาเบลรู้ดีว่า คงห้ามใจไม่รักจอร์จี้ไม่ได้ เขายอมตัดสินใจ ไปเป็นกะลาสีเรือทำงานหนักมาตลอดสามปีเพื่อที่จะอยู่ห่างจากจอร์จี้.....ทว่า เมื่อได้พบกันทุกครั้ง ใจของเขาก้อยังถวิลหาแต่จอร์จี้เหมือนเดิม ไม่ว่าเขาจะพยายามมีผู้หญิงอื่นเป็นคนรัก หรือทำงานหนักแค่ไหนก้อตาม
ในวันฝนตกหนักวันนึง จอร์จี้ออกไปตกปลากับอาเบล
ทั้งสองเข้าไปหลบในโพรงถ้ำเพราะมีฟ้าผ่าลงมา.....ทว่า เมื่อจอร์จี้ผวาเข้าสวมกอดอาเบลเพราะความกลัว
....อาเบล แทบจะควบคุมอารมณืตัวเองไว้ไม่ได้
ที่ฉันไปเป็นกะลาสีเรือก้อเพราะต้องการอยู่ห่างจากเธอ
ที่ต้องมีแฟนก้อเพื่อต้องการลืมเธอ
แต่...ก้อห้ามใจไม่ได้สักที!
ฉันเกือบจะตะโกนออกไปแล้วว่า.....เธอไม่ใช่น้องสาวของฉัน!!
แต่คนที่จอร์จี้ หลงรัก กลับเป็น รอเอล เจ เกรย์
หลานชายผู้ว่าประจำนครซิดนีย์...เขาพบกับจอร์จี้โดยบังเอิญ แล้วความรักระหว่างชายหนุ่มตะกูลสูง
กับหญิงสาวสามัญธรรมดาก้อเริ่มขึ้น....โดยที่เขามี เอลีส ผู้มีเชื้อสายขุนนางอังกฤษเป็นคู่หมั้น
และเขาก้อรู้ดี......
โอกาสที่เขาจะถอนตัวจากเอลีส ผู้ที่เขาเห็นเป็นเหมือนน้องสาว คงไม่มีวันมาถึง ถ้าหากเขาไม่เลือกที่จะ
ดับเครื่องชน ซะเอง....
ในขณะที่เธอคิดฝันว่า รอเอล จะกลับไปอังกฤษ เพื่อแจ้งข่าวการถอนหมั้น แล้วมาขอเธอแต่งงาน....แม่ผู้คิดว่า เธอคือตัวโชคร้ายของบ้าน ที่สามีของเธอต้องตายก้อเพราะเขา เสี่ยงชีวิตช่วยจอร์จี้ที่ตกน้ำ........และเธอรู้ดีว่า ลูกชายสุดที่รักทั้งสอง กำลังหลงรักจอร์จี้อยู่.....ตัดสินใจ ไล่จอร์จี้ออกจากบ้าน และบอกความจริงให้ฟังว่า เธอไม่ใช่ลูกของบ้านบาร์ตแมน เธอเป็นลูกของคนขี้คุก!
จอร์จี้ช๊อค วิ่งหนีออกจากบ้านไปกลางดึกวันนั้น ถ้าไม่พอดีว่า อาเธอร์ตื่นมาพอดี ...เขาถามแม่ว่ามีเรื่องอะไร แม่ก้อฟูมฟายว่า จอร์จี้เป็นตัวโชคร้าย สมควรให้ไปจากบ้านนี้ ....แต่อาเธอร์รักจอร์จี้เท่าชีวิต ถ้าหากว่าเขาไม่ได้ตามเธอไป จอร์จี้คงจมน้ำตายโดยที่เขาไม่มีโอกาสช่วยเหลือเลย
หลังจากที่ช่วยชีวิตจอร์จี้ไว้ได้ อาเบลก้อตามมาสมทบ เขาตามหาจอร์จี้อย่างบ้าคลั่งทั้งคืนเมื่อกลับไปบ้านแล้วพบว่า แม่ไล่จอร์จี้ออกจากบ้านไป....อาเธอร์ ผู้เป็นคนช่วยชีวิตจอร์จี้ไว้ รู้ดีว่าหัวใจของจอร์จี้มีชายอื่นที่ไม่ใช่เขาและพี่ชาย....เขาเดินกลับบ้านอย่างสงบ ได้แต่หวังว่า อาเบล คงจะทำใจรับความจริงได้ว่า จอร์จี้คงไม่ได้เกิดมาเพื่อเขาและอาเบล
อาเบลเล่าถึงอดีตของจอร์จี้ให้ฟัง....เธอเสียใจมากที่ไม่รู้ว่า
พ่อแม่ที่แท้จริงคือใคร อยู่ที่ไหน.......และอาเบลก้อได้บอกถึงความในใจที่เขามีต่อจอร์จี้.....เขาเข้าใจว่า
ที่จอร์จี้นิ่งเงียบ เพราะว่าเธอรับรักเขา
แท้จริงแล้ว จอร์จี้ สับสนกับทุกๆอย่าง และนึกถึงแต่รอเอล.....เธอจะไปหาเขา
อาเบลดีใจจนออกนอกหน้า อาเธอร์ผู้เป็นน้องชายได้แต่เก็บซ่อนความในใจไว้...เขาไม่กล้าพูดว่า
แท้จริงเขาก้อรักจอร์จี้......ถ้าหากว่าจอร์จี้ยินดีจะใช้ชีวิตร่วมกับอาเบล เขาก้อยินดี.......
เช้าวันต่อมา จอร์จี้มาดูบ้านที่เธอเติบโตมากับมันตลอด14ปี...เพื่อเป็นการลา
อาเบล คุณแม่ อาเธอร์...กับชีวิตประจำวันที่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่...ฉันไม่สามารถกลับเข้าไปในนั้นได้อีกต่อไปแล้ว....
ทุกคนที่รักและเลี้ยงดูฉันมาตลอด ขอขอบพระคุณที่มีเมตตาต่อฉัน
ฉันขอลาก่อน..บ้านที่แสนอบอุ่นซึ่งฉันไม่อาจกลับเข้าไปอยู่ได้อีกแล้ว...ลาก่อนทุกๆคน....
จอร์จี้ตัดสินใจ ไปสมัครเป็นกะลาสีเรือ โดยตัดผม
และเปลี่ยนชื่อเป็น โจ
ก่อนที่จะได้ขึ้นเรือเพื่อทำงาน เธอเจอกับ แคทเธอรีน เด็กผู้หญิงวัย9ขวบจากตระกูลสูง
กำลังจะกลับอังกฤษ แต่มาขอร้องให้เธอพาไปซื้อเสื้อขนจิงโจ้....จอร์จี้ไม่คิดว่าจะได้เจอแคทเธอรีนอีก
แต่กลับกลายเป็นว่า ทั้งสองเดินทางด้วยเรือลำเดียวกัน
จอร์จี้ทิ้งจดหมายไว้กับลุงเควิน เพื่อนบ้านที่แสนดีและเป็นอีกคนนึงที่รู้ถึงอดีตของจอร์จี้....เธอจะไปตามหาพ่อที่แท้จริงที่อังกฤษ....
อาเบลมาหาในวันรุ่งขึ้น พบแต่จดหมายที่เขียนทิ้งไว้...
บ้าที่สุด!!จอร์จี้จะทนความป่าเถื่อนบนเรือนั้นได้ยังไงกัน!
อาเบลและอาเธอร์ขี่ม้าตามไป แต่ทว่า เรือได้ออกจากท่าเรือไปซะแล้ว.....อาเบลจึงได้รู้ว่า แท้จริงแล้วอาเธอร์ก้อแอบรักจอร์จี้เหมือนกับเขา.....แต่เขาจะไม่ยอมปล่อยจอร์จี้ไปตามลำพัง เขาตัดสินใจ ไปกับเรือลำต่อไปโดยสมัครเป้นกะลาสีของเรือละครสัตว์ อาเธอร์รับรู้ และกลับมาบ้านเพื่อพบว่า แม่ได้ตรอมใจที่ลูกๆทุกคนล้วนหายไปจากบ้าน ....เขาอยู่เยียวยาแม่เพียงลำพังคนเดียว
จอร์จี้ทำงานเป้นกะลาสีเรือได้ไม่นาน ก้อพบกับแคทเธอรีน ....เธอช่วยแคทเธอรีนที่ตกทะเลให้รอดพ้นจากฉลามทั้งฝูงได้ ทว่าบาดเจ็บ ....... เธอจึงได้รู้จัก ด๊อกเตอร์สคีฟินส์...โดยที่ไม่รู้เลยว่า กำไลที่เธอใส่อยู่นั้น ด๊อกเตอร์สคีฟินส์ เห็นแล้วถึงกับตกใจ.......เขารู้ว่า เด็กที่ควรจะครอบครองกำไลอันนี้ ควรจะเป้นเด็กผู้หญิงชื่อว่า จอร์จี้!
แคทเธอรีนชวนจอร์จี้ให้มาพักอยู่ที่บ้านด้วยกัน
จอร์จี้ไม่ขัดข้องเพราะยังไม่มีที่พัก ทั้งแคทเธอรีนและแม่ต่างก้อช่วยเหลือให้จอร์จี้ได้ไปพบกับรอเอลในสภาพของสาวสวยโดยให้รถม้าที่บ้านไปส่งจนถึงคฤหาสน์ตระกูลเกรย์
ทางฝ่ายรอเอลก้อได้คุยกับเอลีสแล้วว่า ต้องการถอนหมั้นตั้งแต่เดินทางกลับจากออสเตรเลียมาอังกฤษ....ถึงเอลีสจะมีที่ท่าว่า
จะยอมรอเอล แต่แท้จริงแล้ว เธอตั้งใจจะกดดันให้เขาได้แต่งงารนกับเธอให้ได้ ...ในการกลับมาคราวนี้
รอเอลล้มป่วยหนัก ทุกๆวันเข้าได้แต่คิดถึงจอร์จี้
จนกระทั่ง ได้ยินเสียงหมาเห่าในสวน เขาจึงออกไปดูและพบว่า....คนที่อยู่ข้างหน้าเขา
คือจอร์จี้จริงๆ....(แม้จะอยู่ในสภาพเสื้อผ้ารุ่งริ่งเหลือแต่ชั้นในเพราะโดนหมางับเอา
^^' )
จอร์จี้ได้ค้นพบความจริงว่า รอเอล เป็นคนที่ขาดความอบอุ่นอย่างมาก
เพราะพ่อของเขา ลึกๆในใจไม่เคยคิดว่าเขาคือลูกแท้ๆ เนื่องจากแม่ของเขาค่อนข้างสังคมจัด
ที่ยังทนอยู่ด้วยกันก้อเพราะว่าแม่ของเขาเป็นคนกุมเงินไว้ทั้งหมด
รอเอลตั้งใจจะแนะนำจอร์จี้ให้คุณย่า(รึคุณยาย)รู้จัก แต่ก้อผิดพลาด เพราะเอลีสกำลังมีอำนาจกับจิตใจของคุณย่าของเขา
เอลีสมีตระกูลสูงศักดิ์กว่า การที่ตระกูลเกรย์ไม่เป็นที่ยอมรับในสังคมชั้นสูง ก้อมีแต่เอลีสที่จะช่วยกู้หน้าไว้ได้...เขารู้สึกอับจนหนทาง
และมองไม่เห็นทางที่จะเลี่ยงการแต่งงานกับเอลีส...และท้อใจ เพราะรู้ว่า จอร์จี้ได้ยินเรื่องทั้งหมดในขณะที่หลบอยู่อีกห้องนึง..
จอร์จี้ไม่พูดว่าอะไรรอเอล จนเขาเริ่มคิดได้ว่า เขาควรจะทำอะไรเพื่อเธอบ้าง ...
และเขาก้อคิดว่า การแต่งงานกับเอลีส จะไม่มีวันเกิดขึ้นเด็ดขาดไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น!
ในขณะเดียวกัน อาเบลก้อมาถึงอังกฤษแล้ว เขาตั้งใจจะมาตามหาจอร์จี้ในดินแดนที่เขาเองก้อไม่รู้จักมาก่อน
เขาตั้งใจจะมาพาจอร์จี้กลับออสเตรเลียและขอเธอแต่งงานอยู่กินกันสองคน....ทว่า เมื่อมาถึง
เขากลับได้ยินแต่ข่าวลือว่า เรือที่จอร์จี้เดินทางมาด้วยมีคนตาย ...เขาไม่ได้รับข่าวดีๆเกี่ยวกับจอร์จี้เลย
จนกระทั่ง ได้มารู้จักกับเด็กสาวขายไม้ขีดที่รู้จักกับกัปตันเรือลำนั้น เขาจึงได้เบาะแสว่า
จอร์จี้ไปอยู่ที่ไหน และเริ่มออกตามหา ....และได้พบในที่สุด
จอร์จี้เองก้อดีใจอย่างบอกไม่ถูก ในแววตาของอาเบล ฉายประกายของออสเตรเลีย บ้านเกิดเมืองนอนที่เธอคิดถึง....
เมื่อพบหน้ากัน เธออธิบายไม่ได้ว่า ทำไมเธอจึงโผเข้าไปกอดเขาโดยไม่คิดถึงอะไรอีกแล้ว.....อาเบลเองก้อดีใจไม่แพ้จอร์จี้
"หาพบแล้ว...เด็กหลงทางของฉัน"
แต่ในความยินดีนั้น จอร์จี้ก้อจำใจต้องบอกอาเบลว่า
เธอรักเขาไม่ได้เพราะเธอรักรอเอล และมีกำหนดจะแต่งงานกับเขาในไม่ช้านี้ อาเบลช๊อค
เพราะไม่คิดว่าจอร์จี้รักคนอื่นอยู่ .......โดยเฉพาะ คนที่มีคู่หมั้นแล้ว
เอลีสพาลุงที่มีศักดิ์เป็นท่านเคานท์นามว่า ดันเคิ่น....มาหาพ่อของแคทเธอรีนเพื่อให้ช่วยจัดการเรื่องการเชิญแขกเหรื่อสำหรับงานแต่งงานของเอลีสและรอเอล
ในขณะที่จอร์จี้กำลังจะหมดกำลังใจ รอเอลก้อมาปรากฏตัวที่บ้านแคทเธอรีน เพื่อจะประกาศว่า
เขาไม่แต่ง และคนที่เขาจะแต่งด้วยก้อมีเพียงจอร์จี้......
ภายใต้การเผชิญหน้ากันเป็นครั้งที่สองระหว่างรอเอล และอาเบล จอร์จี้แทบทำตัวไม่ถูก
ในขณะที่เคานท์ดันเคิ่นเริ่มนึกถึงแผนการที่จะ บีบ รอเอลให้แต่งงานกับหลานสาวให้จงได้
รอเอลพาจอร์จี้ขึ้นรถม้าเพื่อหนีจากเหตุการณืข้างหน้า...จอร์จี้รู้สึกดีใจที่รอเอลกล้าประกาศความรักระหว่างเธอกับเขา
รถม้าเคลื่อนไปจนถึงตลาดในเมือง จอร์จี้รู้สึกตื่นตาตื่นใจลงจากรถม้าลงไปเดินเล่น
ดูเธอเหมาะกับสภาพแวดล้อมนั้น โดยที่รอเอลแทบจะแทรกตัวเข้าไปกับเธอไม่ได้
ที่นั่น จอร์จี้ได้รู้จักคู่บ่าวสาว เอ็มม่า และ ดิ๊ค ...ทั้งคู่ถูกชะตากับจอร์จี้จึงเชิญร่วมงาน
จอร์จี้ยินดี ในขณะที่รอเอลเริ่มอึดอัด ....
อาเบลย้อนกลับไปที่ท่าเรือ เพื่อตัดสินใจว่า เขาควรจะอยู่ที่อังกฤษ หรือทิ้งจอร์จี้ไว้ที่นี่แล้วกลับไปออสเตรเลีย
ในขณะที่คุยอยู่กับจอย-เด็กสาวขายไม้ขีด เขาก้อถูกรุมทำร้ายร่างกาย โดยที่คนทำร้ายเรียกเขาว่า
เคน....เขาปกป้องจอยจนตัวเองบาดเจ็บ คนร้ายคนนึงตะโกนออกมาว่า ....ไม่มีรอยฉีดยาที่แขนของอาเบล....ทำให้รู้ว่า
....มีการจำผิดคนเกิดขึ้น จอยร้องเรียกให้คนมาช่วย ทำให้คนร้ายวิ่งหนีไป
มิสเตอร์อะแลน วิ่งออกมาตะดกนโหวกเหวกเพื่อช่วยจอย....อาเบลจึงได้รู้จักกับเขาและขอทำงานเป็นผู้ช่วยออกแบบเรือในบริษัทของมิสเตอร์อะแลน....ที่เขาไม่เข้าใจอยู่อย่างเดียวก้อคือ
เคน คือใคร? ทำไมคนพวกนั้นจึงคิดว่าเขาคือคนที่ชื่อว่า เคน...
ทางฝ่ายจอร์จี้ เมื่อกลับไปถึงบ้านแคทเธอรีนก้อแอบได้ยินพ่อของแคทเธอรีนคุยว่า
เคานท์ดันเคิ่น คงจะจับตามองครอบครัวของตนแน่ๆที่ให้ความช่วยเหลือกับจอร์จี้ซึ่งเป้นศัตรูความรักของหลานสาว...
จอร์จี้ไม่สบายใจ จึงตัดสินใจ ออกจากบ้านแคทเธอรีนแล้วมาขอพักอาศัยอยู่กับเอ็มม่าและดิ๊คในเมือง
รอเอลมาหาจอร์จี้เพื่อเชิญเธอไปงานในพระราชวัง เพื่อเป็นการเปิดตัวว่าเธอคือคู่หมั้นของเขาด้วย....จอร์จี้รู้สึกประหม่า
ระคนดีใจ แต่เธอไม่รู้เลยว่า อาการป่วยของรอเอลทรุดหนักลง....เขาเริ่มมีอาการไอเป็นเลือด
เมื่อไปถึงพระราชวัง จอร์จี้ถูกแอนตี้จากทุกคนรอบข้างเพราะคำสั่งของเคานท์ดันเคิ่น
ในขณะที่รอเอลไปพูดกับเคานท์ดันเคิ่นให้รับรู้ว่ายังไงเขาก้อจะไม่มีวันเปลี่ยนใจ
...จอร์จี้ได้พบกับใครคนนึง...ยืนอยู่ที่ระเบียง...หน้าของเขา คุ้นเหลือเกิน...
อาเธอร์!
ทั้งๆที่มั่นใจว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคืออาเธอร์ ทว่า
เขากลับเป็น เคน...คู่หมั้นของมาเรีย หลานสาวอีกคนนึงของเคานท์ดันเคิ่น.... แต่ทว่า
เขาช่างคล้ายอาเธอร์....เขาช่วยเธอให้พ้นจากการซุบซิบนินทาและการแกล้งของเอลีสและเพื่อนๆ......แต่เมื่อช่วยแล้ว
เขาก้อกลับวิ่งหนีไป....อาการของเคน คืออาการของคนที่ติดและต้องการยาเสพติด.....
รอเอลตมเคานท์ดันเคิ่นไปเพื่อพูดสิ่งที่อยู่ในใจ ทว่า เขากลับตกหลุมกับดัก ....เคานท์ดันเคิ่นพาเขาไปหาพระราชินีเพื่อรับพรในการแต่งงานกับเอลีส...เขารู้ดีว่า
เขาดิ้นไม่หลุด ....เมื่อเดินกลับมาหาจอร์จี้ เขาจำเป้นต้องบอกข่าวร้าย เอลีสรู้ดีว่า
รอเอลไม่มีทางเลือกจึงนอนใจ....แต่เธอไม่รู้ว่า
คนอย่างรอเอล ก้อมีจุดสุดขีด เขาตัดสินใจ กระซิบบอกจอร์จี้ว่า
"เราจะหนีไปทางประตูด้านหลังของวัง!"
จอร์จี้และรอเอลต้องหนีมาพึ่งเอ็มม่าและดิ๊ค เพื่อหาทางออกจากลอนดอนไปอยู่ต่างจังหวัดโดยไม่ให้ใครจับได้ ทาฝ่ายเอลีส เมื่อรู้ตัวว่า พลาดไปแล้ว ก้อให้คนออกตามหารอเอลและจอร์จี้ ทว่า อาเบลซึ่งคอยสืบสถานการณือยู่ก้อมาหาจอร์จี้แล้วบอกว่า พวกของเอลีสดักรออยู่ตรงไหนบ้าง....รอเอลขอบใจเขา แต่เขาตอบกลับอย่างหนักแน่นว่า เขาไม่ได้ทำเพื่อรอเอล...เขาทำเพื่อจอร์จี้
เมื่อจอร์จี้และรอเอลหนีไปได้แล้ว เขาก้อพบกับสิ่งที่ไม่ค่ดฝัน......เขามั่นใจว่าคนที่เขาเห็น
ต้องใช่อาเธอร์แน่ๆ ....อาเบลสืบรู้มาว่า เคานท์ เจรัลด์ คือพ่อของจอร์จี้ ซึ่งเคานท์ดันเคิ่นตามหาเพื่อจะฆ่าอยู่
และเคานท์ดันเคิ่นก้อกำลังโกรธจอร์จี้มากที่เป็นอุปสรรคความรักของเอลีส....เขาเริ่มไม่มั่นใจว่า
อาเธอร์รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรบ้าง แต่เขาเข้าใจว่า สภาพของอาเธอร์ที่เขาเห็น....คงกำลังต้องการคามช่วยเหลืออย่างแน่นอน
เขาตัดสินใจไปช่วยอาเธอร์ในวันนึง ทว่า พลาด...อาเธอร์ถูกอาวิน พี่ชายของมาเรีย
หลงชอบและหึงหวงจนไม่ปล่อยให้คลาดสายตา....อาเธอร์จึงยอมทำใจว่า เขาจะไม่ยอมให้ใครมาเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเขาอีก....
จอร์จี้หนีไปกับรอเอล ก้อต้องเจอปัญหาหนัก...ทั้งคู่ไม่มีเงินติดตัวเลย จอร์จี้ตัดสินใจ ขายกำไลที่เป็นสิ่งเดียวที่จะสืบหาไปสู่พ่อของเธอได้...วินาทีนั้นเธอรู้สึกว่า ถ้าไม่มีรอเอล เธอคงจะอยู่ไม่ได้ เธอเป้นคนดูแลรอเอลทุกอย่าง และเป็นคนออกไปหางานทำโดยรับจ้างเย็บผ้า กลับบ้านดึกๆทุกวัน....รอเอลผู้ไม่เคยทำงานอะไร ได้แต่นั่งๆนอนๆ และสุดท้าย อาการป่วยของเขาก้อฟ้องว่า เขากำลังจะตายหากไม่ได้การรักษาจากหมอที่เก่งๆ...ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมาก จอร์จี้ไม่รู้ว่าจะทำยังไง....เธอพยายามทำงานเก็บเงินมากขึ้น แต่ก้อดูเหมือนว่าจะทำให้ชีวิตคู่ระหว่างกันและกันยิ่งแย่ลง
จอร์จี้นึกถึงออสเตรเลีย...เธอไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
จึงตั้งใจจะไปเป็นกะลาสีเรือเพื่อขอติดเรือกลับไปออสเตรเลีย...แต่โชคดลบันดาลให้ได้เจอกับจอย...จอยจึงพาเธอมาหาอาเบล....อาเบลรับรู้ว่าจอร์จี้แยกทางกับรอเอล
จึงบอกว่า ...อาเธอร์มาอยู่ที่องักฤษด้วยและกำลังต้องการความช่วยเหลือ เพราะเขาเกี่ยวกพันกับคนที่ตามล่าพ่อของจอร์จี้อยู่.....จอร์จี้จึงตัดสินใจ
อยู่หางานทำโดยรับจ้างตัดเสื้อผ้าโดยมีเอ้มม่าและจอยคอยช่วยเหลือเรื่องหาลูกค้าระดับสูงให้เพื่อสืบข่าวของตระกูลดันเคิ่นไปด้วย
วันนึงที่จอร์จี้กำลังจะเดินไปส่งเสื้อผ้าที่ตัดแล้วให้ลูกค้า อาเบลก้อขอเดินไปกับเธอด้วย...แล้วทั้งคู่ก้อสะดุดตากับสิ่งนึงที่กลิ้งมาบนถนน....มันคือกำไลมือของจอร์จี้....
จอร์จี้และอาเบลได้เห็นคนที่เป็นเจ้าของกำไล...อาเบลขอร้องให้ขายกำไลมือนี้แก่เขา เพราะเป็นของจอร์จี้แน่ๆ......ทั้งคู่ไม่รู้เลยว่า ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า....ร้องไห้ด้วยความดีใจ แล้วสวมกอดจอร์จี้ คือเคาท์เจรัลด์ พ่อของจอร์จี้นั่นเอง.เขาเองก้อตามหาลูกสาวคนเดียวของเขาอยู่ โดยที่ได้ไปเจอกำไลข้อมือนี้จากร้านขายของเก่า.......จอร์จี้ดีใจที่ได้พบพ่อ อาเบลก้อดีใจไปกับจอร์จี้ด้วย
มาเรียรู้สึกเสียใจที่ต้องถูกจับแยกกับคนที่เธอรัก
.... ระหว่างที่เธอกำลังหมดกำลังใจ จอร์จี้ก้อโผล่มาตรงหน้า...แต่งตัวเป้นเด็กผู้ชาย
บอกว่าเป้นเพื่อนของเคน...มาเรียรู้สึกอยากระบายความในใจนึงฟูมฟายบอกจอร์จี้ว่า
เคนถูกขัง เธอสงสารเขามากอยากจะช่วยเหลือ
จอร์จี้กลับมาบ้านเพื่อบอกทุกคนว่า อาเธอร์ถูกขังที่ไหนยังไงตามคำบอกเล่าของมาเรีย....พ่อ
ดิ๊ค เอ้มม่า เพื่อนของพ่อจอร์จี้ และอาเบล ร่วมใจกันจะไปช่วยอาเธอร์ออกมาจากคุก
จอร์จี้ขอร้องมิสเตอร์อะแลน ใช้ชื่อญาติของเขา4ชื่อเพื่อเป็นการหนีออกจากอังกฤษ
ทว่า สุดท้ายอาเบลกลับบอกว่า ...เขาจะยังไม่ไปจากอังกฤษ เขาอยากจะสร้างเรือด้วยแบบแปลนและความคิดของตัวเองก่อน
แล้วจึงจะตามไป....
อาเบลตั้งใจจะลงไปช่วยเอาตัวอาเธอร์ออกมาจากคุก
แล้วตัวเขาเองจะอยู่ในคุกแทนจนกว่าจะเจ็ดโมงเช้า แล้วจึงค่อยหนีออกมาอีกที เพื่อที่เวรเฝ้าในตอนเช้าจะได้ไม่ผิดสังเกต....จอร์จี้รู้สึกห่วงอาเบล
และรู้สึกว่า เธอรักเขา ไม่อยากสูญเสียเขาไป ถ้าพลาด เขาต้องตายแน่....แต่เขาก้อสัญญาว่าจะตามมาให้ได้
อาเธอร์ถูกช่วยขึ้นมาจากคุกในสภาพ ร่างไร้วิญญาณ เมื่อเอาขึ้นรถม้ามาจนถึงแม่น้ำเทมส์
เขาก้อรู้สึกตัวตื่น ทว่า ประสาทหลอน เขาเห้นทุกคนเป้นปิศาจ และพลาดตกแม่น้ำไปโดยที่จอร์จี้กระโดดลงไปตามหา
แต่ก้อไม่เจอ....ในสภาพน้ำที่เย็นจัด และลึก โดยอาเธอร์เองก้อไม่มีสติ....ดิ๊คสันนิษฐานว่า
คงจะจมน้ำตายไปแล้ว....
ส่วนอาเบลเองก้อมีความผิดพลาดเกิดขึ้น เพราะยามที่อยู่
เมาหลับไปเพราะมาเรียเอามาให้...อาวิน กลับรู้สึกอยากเจออาเธอร์ขึ้นมาซะเอง เขามาที่คุกและพบว่า...เคน
มีทีท่าเปลี่ยนไป จากร่างไร้วิญญาณ เป็นคนที่มีเรี่ยวแรง จึงเริ่มสงสัยว่า คงไม่ใช่เคนแน่ๆ
....การต่อสู้จึงเกิดขึ้น และอาเบลพลาด...ยิงอาวินเสียชีวิต....
ข่าวนี้แพร่ออกไปในเช้าวันรุ่งขึ้น จอร์จี้ซึ่งรออาเบลอยู่ที่ท่าเรือแทบสิ้นสติ....เขาถูกพิพากษาโทษ
ประหารชีวิต
จอร์จี้กลับไปหามาเรียอีกครั้งเพื่อขอร้องให้ช่วย
แต่มาเรียไม่ยอมรับฟังเพราะคิดว่า เคนฆ่าพี่ชายของเธอ ซ้ำยังถูกโทษประหารชีวิตอีกด้วย....จอร์จี้จึงตัดสินใจ
เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงและเล่าทุกอย่างให้ฟัง.มาเรียจึงยอมช่วยเหลือ ทว่า ....คราวนี้
ไม่สามารถช่วยให้อาเบลหนีออกมาได้เพราะเป็นคุกที่แน่นหนา และอาเบลถูกขังโดยล่ามไว้.....จอร์จี้ขอร้องให้มาเรียช่วยพูดให้เธอได้เข้าไปเยี่ยมอาเบลโดยลำพัง
อาเบลตกใจระคนดีใจ.เขาไม่คิดว่าชาตินี้จะได้เจอจอร์จี้อีก....จอร์จี้เองก้อไม่กล้าบอกเขาว่า
อาเธอร์ตกแม่น้ำไป... เธอรู้อย่างเดียวว่า เธอไม่อยากพลัดพรากจากอาเบลอีกแล้ว เธอจะต้องช่วยอาเบลให้ได้......และภายในคุกนั้น
จอร์จี้กับอาเบล ก้อได้เป็นสามีภรรยา ผูกพันกันอย่างลึกซึ้งเป้นอันหนึ่งอันเดียวกัน....
หลังจากนั้นแผนการช่วยอาเบลก้อเริ่มขึ้น ตั้งแต่เริ่มสืบหาว่ามีขุนนางคนใดที่ติดต่อกับเคานท์ดันเคิ่นบ่อยๆและมีแนวโน้มว่าจะซื้อขายยาเสพติดด้วย
โดยเอ้มม่า.... ท่านวิลสันเพื่อนของพ่อจอร์จี้เองก้อสืบข่าวว่าจะมีการลักลอบขนยาเสพติดเกดิขึ้นทีไหน
....จอร์จี้รู้สึกดีใจที่อาจจะมีหนทางช่วยอาเบลให้รอด
เวลาผ่านไปไม่นาน จอร์จี้ก้อมีอาการคลื่นไส้ จนเอ้มม่าทักว่า เหมือนคนแพ้ท้อง จอร์จี้แทบช๊อค
แต่ก้อดีใจ...ลูกของอาเบล อยู่ใน้องของเธอ ถ้าทำได้ เธออยากใช้ชีวิตร่วมกับเขาในบ้านหลังเล็กๆ
โดยที่เขาออกแบบแปลนเรือ แล้วเธอก้อนั่งตัดเย็บเสื้อผ้า ไม่ไปไหนไกลจากเขา
ท่านวิลสันมาพบพ่อของจอร์จี้ในคืนนึง ในขณะที่ทุกคนมั่นใจว่า การลักลอบขนนยาเสพติดจะมีในวันรุ่งขึ้นและทุกคนกำลังเตรียมแผนการกัน ท่านวิลสัน...กลับกล่าวอย่างช้าๆว่า ....กำหนดประหารชีวิตโดยการยิงเป้า จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ และฉันจะเป็นคนคุมการยิงเป้าโดยพระบัญชาจากพระราชีนี.....จอร์จี้ช๊อค....ความตายกำลังจะมาพรากอาเบลไปจากเธอเสียแล้ว
แต่ทุกคนก้อยังยืนยัน จะต้องเปิดโปงเรื่องชั่วร้ายของเคานท์ดันเคิ่นให้ได้ก่อนเที่ยง
ซึ่งเป้นเวลากำหนดประหารชีวิต โดยท่านวิลสันเองรับรองเป้นมั่นเป้นเหมาะว่า จะยืดเวลาประหารออกไปให้ได้มากที่สุด
ทว่า กว่าที่จะจับคนร้ายได้ เวลาก้อล่วงเลยเที่ยงมาเกือบครึ่งช.มแล้ว....เคานท์ดันเคิ่นเริ่มหงุดหงิด
อยากจะให้ประหารเดี๋ยวนั้น ท่านวิลสันไม่รู้ว่าจะยืดเวลาอย่างไรดี จึงขอสวดมนต์ให้นักโทษ.......ทว่า
อาเบลปฏิเสธ เขาขอร้องให้ปลดผ้าที่ปิดตาของเขาเพราะเขาอยากจะมองจอร์จี้เป็นครั้งสุดท้าย
ภายใต้ความเงียบ อาเบลโพล่งออกมากลางสาธารณะชนถึงความชั่วของเคานท์ดันเคิ่นเรื่องค้ายาเสพติด
ท่านวิลสันถือโอกาสนี้ ยืดเวลาการประหารออกไป แต่ก้อไม่ทันความไวของเคานท์ดันเคิ่นที่ยื้อปืนยาวมาจากทหารและยิงอาเบลซะเอง.......
ร่างของอาเบลล้มลง....พร้อมๆกันกับที่พ่อของจอร์จี้พาพรรคพวกเข้ามาแฉความเลวของเคานท์ดันเคิ่น
และจับกุมเพื่อลงโทษตามความผิด.... อาเบลยิ้มให้จอร์จี้....เขาดีใจ ที่อย่างน้อย
ก้อได้เห็นหน้าเธอก่อนตาย....เขาพูดกับเธอเป็นประโยคสุดท้าย...
"กลับไปออสเตรเลีย โดยเรือที่ฉันสร้างเองนะ?..."
จอร์จี้รับคำ....เธอบอกเขาว่า เราจะกลับไปพร้อมกัน ...รวมทั้งลูกของเราด้วย....อาเบลยิ้มให้เธอแล้วหลับตาลง.....เขาจากไปแล้ว
เมื่อความชั่วของเคานท์ดันเคิ่นถูกเปิดเผย เขาก้อถูกลงโทษตวามความผิด
...ส่วนเคานท์เจรัลด์ ได้ยศถาบรรดาศักดิ์กลับคืนจากพระราชินี(เดิมถูกเคานท์ดันเคิ่นใส่ความว่า
เป้นกบฏ) เนท์เจรัลด์ตั้งใจจะไปซ่อมแซมคฤหาสน์ที่เขาและแม่ของจอร์จี้เคยอยู่....รอเอลผู้ซึ่งจอร์จี้ได้มอบชีวิตใหม่ให้เขาได้เริ่มกับเอลีส
ก้อมาปรากฏตรงหน้า เพื่อขอพบจอร์จี้
เขามาขอบคุณที่เธอรักเขามากจนไม่อาจเห็นเขาต้องตายลงไป ทั้งยังให้โอกาสเขาได้เห็นความดีของเอลีสว่า
เธอรักและห่วงใยเขาแค่ไหน....และเขาเองก้อตั้งใจจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับเอลีส...เขากำลังจะเดินทางไปอิตาลี
และคงไม่กลับมาอีก...เขามาลาจอร์จี้ และขอให้เธอเข้มแข็งเพื่อลูกที่อยู่ในท้อง....
จอร์จี้รู้สึกดีใจ....และรู้ว่า ลึกๆในใจ เธอรักรอเอลไม่เปลี่ยนแปลง และมีแต่ความปรารถนาดีให้เขาเสมอ....เธอจะเลิกร้องไห้โศกเศร้า
และจะดูแลตัวเองและลูกในท้องให้มากขึ้น...เพราะนี่คือลูกของอาเบล....ซึ่งเป็นสายใยเดียวที่เชื่อมโยงของเธอและอาเบลเข้าวได้วยกัน
หลายเดือนต่อมา จอร์จี้ก้อคลอดลูกชาย...ของขวัญที่พ่อเธอมอบให้
คือรูปวาดเหมือนของอาเบล....อาเบล จอร์จี้ และลูก อยู่กันพร้อมหน้า...หวนรำลึกถึงความสุขในอดีต...จอร์จี้จึงตั้งชื่อลูกชายว่า
อาเบล.....
เมื่ออาเบลโตขึ้น จอร์จี้ก้อได้ข่าวว่า มิสเตอร์อะแลนได้สร้างเรือตามแบบที่อาเบลได้ออกแบบไว้....เธอจึงตัดสินใจพาลูกกลับไปออสเตรเลีย...เพื่อไหว้หลุมศพของแม่ที่เลี้ยงเธอมา....เธอรู้ข่าวว่า
แม่ตายตอนหลังจากที่ได้พบพ่อที่แท้จริงไม่นาน....และตั้งใจว่าจะต้องไปเคารพหลุมศพให้ได้
เพราะทั้งเธอและอาเบลมาอยู่ที่อังกฤษกันในขณะที่อาเธอร์เป็นคนอยู่เยียวยาและดูใจแม่ก่อนจะสิ้นลม...
เรือที่อาเบลออกแบบ...มิสเตอร์อะแลนตั้งชื่อให้อย่างเหมาะสม....เลดี้ จอร์จี้...ซึ่งพาเธอและลูกไปสู่ออสเตรเลียโดยสวัสดิภาพ
\
จอร์จี้แวะหาลุงเควิน เพื่อนบ้านที่แสนดีโดยเอาลูกมาแนะนำให้รู้จัก
ซึ่งสร้างความประหลาดใจและดีใจให้เขาเป้นอย่างมาก จอร์จี้จึงขอตัวไปเคารพหลุมศพแม่
ระหว่างทางเธอแวะเก็บดอกไม้ แล้วก้อต้องตกใจที่ลูกชายวิ่งซนหกล้มแล้วเงียบไป ด้วยความห่วงลูกเธอวิ่งเข้าไปหา
แล้วพบว่า....อาเธอร์ กำลังอุ้มลูกของเธออยู่....
เขายังมีชีวิตอยู่!! จอร์จี้วิ่งเข้าไปหาเขาด้วยความดีใจ อาเธอร์สวมกอดจอร์จี้อย่างกลัวว่าจะหลุดลอยไป....ทั้งคู่ยินดียิ่งที่ได้พบกันอีกครั้ง
อาเธอร์เล่าว่า เขาตกแม่น้ำไป แต่มีคนในเรือที่อยู่ในแม่น้ำชวยเขาเอาไว้ สภาพที่รอดมาได้
เขาไม่ต่างจากคนพิการ แล้วเรือลำนั้นก้อพาเขามาส่งถึงออสเตรเลีย โดยมีลุงเควินเป้นคนช่วยเหลือดูแลเขามาโดยตลอด...
จอร์จี้ได้แต่ร้องไห้ด้วยความดีใจ...
เสียงของอาเธอร์ผ่านสมองของฉันออกไป เห็นแต่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น....ออสเตรเลีย
บ้านเกิดเมืองนอนของฉัน อยากให้ความทรงจำในอดีตหวนกลับมาอีกท่ามกลางแสงแดดอันเจิดจ้านี้....เป้นช่วงเวลาของฉัน
กับอาเบล และอาเธอร์.....
Fin.