การเมือง ติมอร์ ตอ.ในห้วงการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ
1. บทบาทของพรรค/กลุ่มการเมืองที่สำคัญ
พรรค/กลุ่มการเมืองในติมอร์ ตอ. ปัจจุบันมีทั้งหมด 14 พรรค และ 2 กลุ่มการเมือง แต่ที่มีบทบาทสำคัญอยู่ในปัจจุบันมีเพียง 2 กลุ่ม กับ 1 พรรค เท่านั้น คือ CNRT/CN, CPD RDTL และพรรค FRETILIN
1.1 สภาแห่งชาติ / CN(Congresso Nacional) หรือ CNRT (Couselho Nacional da Resistencia Timorense) เดิมเป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นเพื่อการเรียกร้องเอกราชและต่อต้านการยึดครองของอินโดนีเซีย โดยการรวมเอาองค์กรต่าง ๆ ที่ต่อสู้เพื่อเอกราชของติมอร์ ตอ. เข้าด้วยกัน มีความเป็นมาดังนี้
ในปี 1981/2524 เริ่มจัดตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกโดยใช้ชื่อว่า CRRN (Couselho Revolucionio de Resistencia Nacional) ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับที่ นาย Xanana Gusmao ได้รับการแต่งตั้งเป็น ผบ.กกล. FALINTIN และเป็นผู้นำของ CRRN ด้วย แต่ไม่มีรายละเอียดว่า CRRN มีองค์ประกอบอย่างไร
ในปี 1988/2531 CRRN เปลี่ยนไปเป็น CNRM (Couselho Nacional da Resistencia Maubere) ซึ่งประกอบด้วย พรรค FRETILIN (Frente Revolucionaria do Timor Leste Independente) , พรรค UDT (Uniao Democratica Timorense) และ RENATIL (Resistencia Nacional de Timor Leste) ซึ่งเป็นองค์กรเยาวชนใต้ดินของขบวนการต่อต้านยึดครองของอินโดนีเซีย
ในปี 1998/2541 CNRM เปลี่ยนไปเป็น CNRT(Couselho Nacional da Resistencia Timorense) การประกาศจัดตั้ง CNRT มีขึ้นที่เมือง Peniche ประเทศโปรตุเกส ใน พ.ค.41 โดยพรรคการเมืองที่ร่วมกันก่อตั้ง CNRT ได้แก่ FRETILIN, UDT, APODITI (Associacao Popular Democratica Timorense) , KOTA (Klibur Oan Timur Aswain), และ Trabalhista (Partido Trabalhista Timorense/PTT) และในเดือน ส.ค.2000/2543 CNRT ได้เปลี่ยนไปเป็น สภาแห่งชาติ (CN) และได้เปลี่ยนบทบาทจากขบวนการต่อต้านการยึดครองของอินโดนีเซีย ไปเป็นสภาที่ปรึกษาของ UNTAET และ SRSG ในการปกครองและบริหารประเทศติมอร์ ตอ. โดย CN จะประกอบด้วยสมาชิก 36 คน ซึ่งเป็นผู้แทนจาก 13 อำเภอ, 10 พรรคการเมือง, 7 องค์กรพลเรือน, 3 กลุ่มศาสนา และอีก 3 คน เป็นผู้แทนของกลุ่ม Militia ประธาน CN คนปัจจุบันคือ นาย Mario Carrascalao ซึ่งเดิมเป็นเป็นรองประธาน ฯ ภายหลังได้ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน นาย Xanana Gusmao ที่ลาออกไปเมื่อ 28 มี.ค. 44 โดยมี นาย Jose Ramos Horta เป็นรองประธาน ฯทั้งนี้ สภาแห่งชาติ (CN/CNRT) มีกำหนดจะยุบเลิก ในวันที่ 9 มิ.ย.44 เพื่อให้สมาชิกที่มาจากพรรคการเมืองได้มีโอกาสร่วมกับพรรคของตนเองหาเสียงได้เต็มที่ และแสดงความเป็นกลางทางการเมืองของสภาแห่งชาติว่าในห้วงของการหาเสียงก่อนการเลือกตั้ง สภาแห่งชาติจะไม่สามารถให้ประโยชน์เข้าข้างพรรคการเมือง ใด ๆ ได้
1.2 กลุ่ม CPD RDTL (Couselho Popular de Defesa da Republica Democratica de Timor Leste) เป็นกลุ่มที่แยกตัวออกมาจาก พรรค FRETILIN เนื่องจากความขัดแย้งภายในพรรค สมาชิกของกลุ่ม CPDRDTL ส่วนใหญ่ถูกมองว่าเป็นพวกหัวรุนแรงโดยกลุ่ม CPDRDTLมักกล่าวอ้างและพยายามประกาศตัวว่า กลุ่มของตนคือ FRETILIN ที่แท้จริง โดยกลุ่ม CPD RDTLมีความเห็นว่าติมอร์ ตอ. ได้รับเอกราชมาแล้วตั้งแต่ปี 1975/2518 ซึ่งเป็นปีที่โปรตุเกสอนุญาตให้ประชาชนในติมอร์ ตอ. จัดตั้งพรรคการเมือง และจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นเป็นครั้งแรก ก่อนที่โปรตุเกสจะถอนตัวออกไปจาก ติมอร์ ตอ.และกลุ่ม CPD RDTL ยังได้เรียกร้องให้โปรตุเกสและอินโดนีเซียยอมรับในฐานะที่เป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายของ ติมอร์ ตอ. (พรรค FRETILIN ชนะการเลือกตั้งแต่จัดตั้งรัฐบาลได้เพียงไม่นานนักก็ถูกอินโดนีเซียเข้ายึดครอง ดังนั้นเมื่อสามารถปลดปล่อยประเทศจากการยึดครองของอินโดนีเซียได้กลุ่ม CPD RDTLจึงพยายามใช้เป็นข้ออ้างในการทวงสิทธิการเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายของ ติมอร์ ตอ.)
กลุ่ม CPD RDTL จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 1998 หลังจากมีการจัดตั้ง CNRT ขึ้นมาไม่นานนัก ดังนั้นจึงพอจะสันนิษฐานได้ว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นภายในพรรค FRETILIN จนทำให้กลุ่ม CPD RDTL ต้องแยกตัวออกมาน่าจะเกี่ยวข้องหรือมีมูลเหตุมาจากเรื่องดังกล่าว
แกนนำที่สำคัญของกลุ่ม CPD RDTL ได้แก่ นาย Francisco Xavier do Amaral (อดีตประธานพรรค FRETILIN), นาย Cristino da Costa และนาย Antonio Da Costa นอกจากนั้นยังมีผู้ที่ให้การสนับสนุนอีกส่วนหนึ่งเช่น นาย Abilio Aroujo (หน.พรรค PNT ซึ่งต้องสงสัยว่ามีความสัมพันธ์กับรัฐบาล อินโดนีเซีย) และ นาย Conelio da Gama หรือ Aka Ele Sette (L7 อดีต ผบ.หน่วย กกล. FALINTIL เขต 3ซึ่งมีพื้นที่ปฏิบัติการอยู่ในภาคตะวันออก ปัจจุบันเป็นผู้มีอิทธิพลในเขต อ.BAUCAU)
ในห้วงต้นปี 2544 กลุ่ม CPD RDTL ประกาศเจตนารมณ์ต่อสาธารณชนในหลายโอกาสว่า จะดำเนินการทุกวิถีทางที่จะต่อต้านไม่ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นในติมอร์ ตอ. แต่ปัจจุบันท่าทีของกลุ่ม CPD RDTL เริ่มเปลี่ยนไปโดยอาจมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งหรือเกิดความแตกแยกทางความคิดขึ้นภายในกลุ่ม โดยส่วนหนึ่งยังคงยันยันเจตนารมย์เดิมในการต่อต้านไม่ให้มีการเลือกตั้ง ฯ เกิดขึ้น แต่อีกส่วนหนึ่งเห็นว่า การต่อต้านการเลือกตั้ง ฯ จะทำให้ กลุ่ม CPD RDTL ไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน และถ้าหากกลุ่ม CPD RDTL จดทะเบียนเป็นพรรคการเมืองเพื่อส่งผู้สมัครเข้ารับการเลือกตั้ง ก็คงจะไม่สามารถเอกชนะพรรค FRETILIN ได้ ดังนั้น จึงเกิดความพยายามที่จะเจรจากับแกนนำของพรรค FRETILIN ซึ่งคาดว่าน่าจะมีความมุ่งหมายเพื่อกลับเข้าไปรวมกับ FRETILIN หรือตกลงเป็นพันธมิตรทางการเมือง แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ไม่รับการตอบสนองจากพรรค FRETILIN แกนนำของกลุ่ม CPD RDTL ส่วนหนึ่งจึงประกาศจัดตั้ง ASDT ขึ้น (ปัจจุบันยังไม่ได้จดทะเบียนเป็นพรรคการเมืองที่ถูกต้องตามกฏหมาย) ในขณะที่ปรากฏข่าวสารว่ามีสมาชิกบางส่วนกลับเข้าไปอยู่ใน FRETILIN อีก
1.3 พรรค FRETILIN (Frente Revolucionaria
do Timor Leste Independente) เป็นพรรคการเมืองที่มีบทบาท มีอิทธิพล และได้รับความนิยมจากประชาชนมากที่สุดในติมอร์
ตอ.ในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นพรรคที่เป็นแกนในการต่อสู้เรียกร้องเอกราชให้กับติมอร์
ตอ. เริ่มก่อตั้งครั้งแรกในเดือน พ.ค.1974/2517 โดยใช้ชื่อว่าพรรค ASDT (Associacao
Social Democratica de Timor) และได้เปลี่ยนชื่อเป็น FRETILIN
ใน ก.ย.1974 และใช้ชื่อ FRETILIN มาจนถึงปัจจุบัน
ในห้วงที่พรรค FRETILIN ต่อสู้เรียกร้องเอกราชให้กับ ติมอร์ ตอ. ได้จัดตั้ง กกล.ติดอาวุธขึ้นเรียกว่า กกล. FALINTIL(Forcas Amardas de Libertacao Nacional de Timor Leste) เพื่อทำการสู้รบกับทหารอินโดนีเซีย ปัจจุบันนี้บุคคลที่มีบทบาทสำคัญในทางการเมืองของติมอร์ ตอ. ส่วนมากจะเป็น อดีตสมาชิกพรรค FRETILIN หรือ อดีตสมาชิกพรรค กกล. FATINTIL เกือบทั้งสิ้น แม้แต่ใน CN สมาชิกส่วนใหญ่ก็เป็นคนของพรรค FRETILIN เช่นกัน ดังนั้นในการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญรวมไปถึงการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะมีขึ้นในอนาคต ผู้แทนจากพรรค FRETILIN น่าจะได้รับการเลือกตั้งเข้าสู่สภามากที่สุด โดยในขณะนี้ยังไม่มีพรรคหรือกลุ่มการเมืองใดๆจะมาเป็นคู่แข่งของพรรค FRETILIN ได้แกนนำที่สำคัญของพรรค FRETILIN ในปัจจุบันมี ดังนี้.-
นาย Lu Olo เป็นประธานพรรค
นาย Mari Alkatari เป็นรองประธานพรรค
นาย David Ximenes เป็นเลขาธิการพรรค
2. กลุ่มต่อต้านเอกราช/กลุ่ม Militia และบทบาทในห้วงการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ
กลุ่ม Militia เป็นกลุ่มที่ต่อต้านการแยกตัวเป็นเอกราชของติมอร์ ตอ. ถูกจัดตั้งขึ้นโดยทหารอินโดนีเซีย ในห้วงที่เข้ายึดครองติมอร์ ตอ. หลังจากเกิดเหตุการณ์ไม่สงบหลังการลงประชามติเพื่อกำหนดอนาคตของติมอร์ ตอ. กลุ่ม Militia ได้เคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ ติมอร์ ตอ. ขณะนี้บางส่วนยังคงรวมตัวกันอาศัยอยู่ในติมอร์ ตต. บางส่วนหลบซ่อนอยู่ในติมอร์ ตอ.บริเวณพื้นที่ตามแนวชายแดนในเขตภาคตะวันตก และบางส่วนได้อพยพกลับเข้ามาใน ติมอร์ ตอ. แล้วพร้อมกับผู้อพยพกลับถิ่นฐานเดิม ทั้งนี้ปัจจุบันหลายฝ่ายมีความพยายามที่จะให้กลุ่ม Militia กลับมายังติมอร์ ตอ. อย่างไรก็ตามในติมอร์ ตอ. ไม่ปรากฏข่าวสารว่ากลุ่ม Militia จะดำเนินการใดๆ เพื่อต่อต้านการเลือกตั้ง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกไม่ปรากฏความเคลื่อนไหวของกลุ่ม Militia หรือผู้ให้การสนับสนุนกลุ่ม Militia แต่อย่างใด
3. ข้อพิจารณาเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญที่จะมีขึ้นใน 30 ส.ค.44
การสนับสนุนของ UNTAET
UNTAETหรือองค์กรบริหารเพื่อการถ่ายโอนอำนาจในติมอร์ ตอ.
มีนโยบายที่จะให้ประชาชน
ติมอร์ ตอ. มีส่วนร่วมในการบริหารประเทศ โดยจัดตั้ง ETTA (คณะรัฐมนตรีเพื่อการถ่ายโอนอำนาจของ
ติมอร์ ตอ.) เมื่อ 7 ส.ค.43 จำนวน 8 คน โดยให้เป็นชาวติมอร์ ตอ. 4 คนและเมื่อ 19
ต.ค.43 ได้เพิ่มชาวติมอร์ ตอ. เป็น รมต.กต.อีก 1 คน คือ นาย Jose ramos horta รวมคณะรัฐมนตรีทั้งสิ้นจำนวน
9 คน ขณะเดียวกันก็ได้มีการว่าจ้างชาวติมอร์ ในทุกหน่วยงานของ UNTAET ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ได้ฝึกงานเพื่อให้พร้อมที่จะปฏิบัติงานดังกล่าวต่อไปในอนาคต
นอกจากนั้นยังแต่งตั้งชาวติมอร์ ตอ. ในตำแหน่งผู้บริหารอำเภอ (DA) และผู้ช่วยผู้บริหารอำเภอ
ทั้ง 13 อำเภอ อีกด้วย
คณะมนตรีเพื่อความมั่นคงของ UN อนุมัติให้ UNTAET ขยายเวลาการปฏิบัติภารกิจใน
ติมอร์ ตอ. ออกไปจนถึง 31 ม.ค.45 ทั้งนี้เพื่อให้ขบวนการถ่ายโอนอำนาจและการจัดตั้งกองทัพของ
ติมอร์ ตอ. เป็นไปด้วยความเรียบร้อย พร้อมทั้งได้เร่งให้รัฐบาลอินโดนีเซียทำการปลดอาวุธและสลาย
กกล.มิลิเทีย ที่ยังคงมีอยู่ในติมอร์ ตต. และงบประมาณของ UN ที่ใช้จ่ายสำหรับการปฏิบัติภารกิจใน
ติมอร์ ตอ.
มีจำนวนประมาณ 563 ล้านเหรียญสหรัฐฯ/ปี ซึ่งเป็นงบประมาณที่มากที่สุดในภารกิจของ
UN ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม นาย Sergio Viera de Mello ผู้แทนพิเศษเลขาธิการสหประชาชาติ
(SRSG) ได้แนะนำให้สมาชิก CN รับผิดชอบดำเนินการจัดทำแผนเพื่อให้ UNTAET สามารถปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือ
ติมอร์ ตอ. จนกว่า ติมอร์ ตอ.จะสามารถจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ขึ้นมาบริหารประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
การดำเนินการที่ผ่านมาทั้งหมดแสดงให้เห็นว่า UNTAET มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างสันติภาพให้เกิดแก่
ติมอร์ ตอ. และให้ขบวนการถ่ายโอนอำนาจลุล่วงไปโดยเร็วที่สุด แต่สถานการณ์โดยรวมอยู่ใน
ติมอร์ ตอ. ยังไม่ราบรื่นเท่าที่ควร จึงได้มีการพิจารณาขอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติขยายระยะเวลาปฏิบัติหน้าที่ของ
UNTAET ออกไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อให้ UNTAET สามารถดำเนินการจัดการเลือกตั้งตามแนวทางประชาธิปไตยใน
ติมอร์ ตอ. ได้อย่างสมบูรณ์UNTAET และ NC ได้เตรียมการเพื่อการเลือกตั้งอย่างเป็นขั้นตอน
โดยมีการประชุมเพื่อตกลงใจในรายละเอียดหลายครั้ง กล่าวคือ ในห้วงเดือน ก.พ. - มี.ค.
44 ได้มีการประชุม NC เกี่ยวกับการจดทะเบียนพรรคการเมือง การจัดทำทะเบียนประชากรและการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ
โดยที่ประชุมมีมติให้พรรค/กลุ่มการเมืองใน ติมอร์ ตอ.ทุกพรรค/กลุ่ม สามารถจดทะเบียนเป็นพรรคการเมืองที่ถูกต้องตามกฎหมายการเลือกตั้งได้โดยเท่าเทียมกัน
และกำหนดให้พรรค/กลุ่มการเมืองที่จะจดทะเบียนต้องมีสมาชิกอย่างน้อย 1,000 รายขึ้นไป
แต่พรรค/กลุ่มการเมืองที่ได้รับการสนับสนุนจากต่างประเทศ ทั้งทางด้านการเงินและด้านอื่นๆ
จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมในการเลือกตั้ง สำหรับการจัดทำทะเบียนประชากรมีความมุ่งหมายเพื่อสำรวจตัวเลขจำนวนประชากร
และการออกบัตรประจำตัวประชาชน รวมทั้งใช้เป็นฐานข้อมูลในการทำบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ 12 มี.ค.44 และจะต้องจัดทำทะเบียนประชากร ซึ่งมีอยู่ประมาณ
800,000 คน ให้แล้วเสร็จใน 20 มิ.ย.44 ในส่วนของการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญนั้น
ได้กำหนดให้มีสมาชิกรวมทั้งสิ้น 88 ที่นั่ง โดยจะเป็นผู้แทนที่มาจากการเลือกตั้ง
จำนวน 75 ที่นั่งและอีก 13 ที่นั่ง จะเป็นผู้แทนที่มาจากการแต่งตั้ง(ผู้ทรงคุณวุฒิ)จาก
13 อำเภอ ซึ่งสภาแห่งชาติได้ให้ความเห็นชอบกับกฎหมายเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ
เมื่อ 13 มี.ค.44
สำหรับคุณสมบัติของผู้มีสิทธิเลือกตั้งและสิทธิในการออกเสียงเลือกตั้งของผู้อพยพยังเป็นประเด็นที่ไม่มีการตัดสินใจ ซึ่ง นาย Xanana Gusmao ได้แสดงความเห็นว่าผู้อพยพที่อาศัยอยู่ใน ติมอร์ ตต. รวมถึงผู้อพยพอีก 40,000 คน ในโปรตุเกส และออสเตรเลีย ไม่ควรมีสิทธิออกเสียงในการเลือกตั้ง เนื่องจากบุคคลเหล่านี้ไม่มีแผนที่จะเดินทางกลับเข้ามาอาศัยอยู่ในติมอร์ ตอ. แต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับกรณีผู้อพยพในติมอร์ ตต. ตั้งแต่ 4 มิ.ย.44 รัฐบาลอินโดนีเซีย จะทำการสำรวจความสมัครใจของผู้อพยพ ซึ่งหากประสงค์จะอยู่ใน ติมอร์ ตต. ก็จะให้สัญชาติอินโดนีเซียหรือหากต้องการเดินทางกลับติมอร์ ตอ. ก็จะดำเนินการส่งกลับมายัง ติมอร์ ตอ. ต่อไป
3.2 การสนับสนุนจาก พรรค/กลุ่มการเมือง
พรรค FRETILIN เป็นพรรคการเมืองเดียวที่มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อการเลือกตั้งมากที่สุด โดยมีการจัดตั้งสำนักงาน และคณะกรรมการของพรรคถึงระดับหมู่บ้าน มีการดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับการเลือกตั้งหลายอย่าง เช่น การแจกเอกสารแนะนำการเลือกตั้ง การฉายภาพยนต์เกี่ยวกับการเลือกตั้ง นอกจากนี้ยังจัดให้มีพิธีการเชิญธงประจำพรรค ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอย่างเป็นทางการ ในพื้นที่ ต.Baguia อ.Baucau โดยมีสมาชิกพรรค FRETILIN ในพื้นที่ใกล้เคียง จำนวนประมาณ 800 คน เข้าร่วมในพิธีดังกล่าว
กลุ่ม CPD-RDTL แม้ว่าในตอนแรกจะไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเห็นว่า ติมอร์ ตอ. ได้มีรัฐธรรมนูญมาแล้วตั้งแต่ ปี 2518 ก็ตาม แต่ในระยะหลังได้แสดงท่าทีที่เปลี่ยนไปและสนับสนุนการเลือกตั้งมากขึ้น เห็นได้จากจากการจัดการประชุมใหญ่ที่ อ.Dili ในห้วง 20 25 เม.ย.44 ซึ่งมีสมาชิกกลุ่ม CPD-RDTL เข้าร่วมประชุมประมาณ 1,500 คน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการให้แกนนำของพรรค FRETILIN ยอมรับว่ากลุ่ม CPD-RDTL เป็นส่วนหนึ่งของ FRETILIN แต่เมื่อได้รับการปฏิเสธ แกนนำส่วนหนึ่งของกลุ่ม CPD-RDTL จึงประกาศจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่ โดยใช้ชื่อว่า พรรค ASDT (Associacao Social Democratica de Timor) ซึ่งเป็นชื่อเดิมของพรรค FRETILIN เมื่อแรกก่อตั้ง การที่กลุ่ม CPD-RDTL พยายามประกาศตัวว่าเป็นส่วนหนึ่งของพรรค FRETILIN และแกนนำของกลุ่ม CPD-RDTL เป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรค FRETILIN ก็เพื่อให้ได้รับการยอมรับจากประชาชนมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และจากการดำเนินการดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าแกนนำส่วนหนึ่งของกลุ่ม CPD-RDTL มีท่าทีที่ตอบสนองต่อการเลือกตั้งมากกว่าที่ผ่านมา
นอกจากพรรค FRETILIN และกลุ่ม CPD-RDTL แล้วขณะนี้พรรคการมืองอื่นๆ ก็เริ่มรณรงค์หาเสียงโดยการเปิดการปราศัยหาเสียงในหลายพื้นที่ และปัจจุบันมีพรรคที่จดทะเบียนโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้วจำนวน 10 พรรค ได้แก่ พรรค PTT, FRETILIN, PST, KOTA, PD , UPC/PDC และพรรค PDC (อีก 3 พรรคยังไม่ทราบชื่อ และ 2 พรรค หลังมีความขัดแย้งในการใช้ชื่อพรรค)
3.3 การสนับสนุนจากประชาชน
ประชาชนส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และไม่มีความมั่นใจว่าการเลือกตั้งจะช่วยทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ เนื่องจากยังมีความเชื่อว่าพรรคการเมืองจะนำความเดือดร้อนแตกแยกมาสู่บ้านเมือง เพราะตั้งแต่โปรตุเกสมอบเอกราชให้กับติมอร์ ตอ. ก็เกิดความขัดแย้งระหว่างพรรคการเมืองต่างๆ จนทำให้ต้องต่อสู้กันด้วยความรุนแรงตลอดมา สำหรับประชาชนทั่วไปเข้าใจคำว่าประชาธิปไตยแต่เพียงว่าทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน โดยไม่มีความเข้าใจในเรื่องหน้าที่ การเคารพในสิทธิของคนอื่นหรือการเคารพความเห็นของเสียงส่วนใหญ่ ซึ่งปัจจุบันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พยายามเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับประชาธิปไตยที่ถูกต้องแก่ประชาชน และการให้แนวทางที่ถูกต้องในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองแก่พรรคการเมืองทุกพรรค
3.4 การสนับสนุนจากองค์การ NGO และองค์กรต่างประเทศ
องค์การ NGO และองค์กรต่างประเทศอื่น ๆ ได้ให้การสนับสนุนการเลือกตั้งทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่และสิทธิขั้นพื้นฐาน โดยเฉพาะองค์กรสิทธิมนุษยชนพยายามเข้าไปมีบทบาทเพื่อยับยั้งไม่ให้ พรรค/กลุ่มการเมือง กระทำการอันเป็นการละเมิดต่อสิทธิมนุษยชน โดยผู้แทนองค์กรสิทธิมนุษยชนได้จัดการประชุมร่วมกับผู้แทน UNTAET และผู้แทนจากพรรค/กลุ่มการเมือง เมื่อต้นเดือน มี.ค.42 เกี่ยวกับการลงนามในข้อตกลงว่าด้วยการป้องกันความรุนแรงทางการเมือง โดยผู้แทนพรรค/กลุ่มการเมืองต่าง ๆ ได้ยอมรับหลักการในร่างข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้.-
3.4.1 ให้พยายามชี้แจงและอธิบายให้สมาชิกของพรรคหรือกลุ่มของตนเข้าใจว่า ประชาชนทุกคนมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นของตนได้อย่างเสรี โดยปราศจากการใช้ความรุนแรง
3.4.2 ให้ละเว้นการข่มขู่ประชาชนที่จะไปใช้สิทธิเลือกพรรคที่ตนชื่นชอบ
3.4.3 ให้ความร่วมมือกับ UNTAET, CIVPOL และบรรดาพรรค/กลุ่มการเมืองต่าง ๆ ใน ติมอร์ ตอ. เพื่อป้องกันปัญหาและให้ใช้ความพยายามอย่างที่สุดที่จะแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้ลุล่วงด้วยดีโดยเร็วและปราศจากความรุนแรง
3.4.4 ให้ทำความเข้าใจกับบรรดาผู้สนับสนุนของพรรค/กลุ่มการเมืองต่าง ๆ ว่า พฤติกรรมใดที่ละเมิดต่อข้อตกลงว่าด้วยการใช้ความรุนแรงเพื่อผลประโยชน์ต่อพรรค/กลุ่มของตนจะไม่ได้รับการยอมรับและพรรค/กลุ่มนั้นๆ จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
3.4.5 ห้ามสมาชิกและผู้สนับสนุนของพรรค/กลุ่มการเมือง พกพาอาวุธหรือวัตถุใด ๆ ที่สามารถใช้เป็นอาวุธเข้าไปในสถานที่ที่มีการประกอบกิจกรรมทางการเมืองอยู่
3.5 การสนับสนุนจากประเทศที่เกี่ยวข้อง
ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน แต่เชื่อว่าประเทศโปรตุเกส และออสเตรเลีย น่าจะเป็นประเทศที่ให้การสนับสนุนให้มีการเลือกตั้งมากที่สุดทั้งนี้เนื่องจากต้องการผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจจากประเทศ ติมอร์ ตอ. ภายหลังจากที่การเลือกตั้งสำเร็จลงและติมอร์ ตอ.จัดตั้งรัฐบาลขึ้นบริหารประเทศได้แล้ว การเจรจาและการทำสัญญาหรือข้อตกลงระหว่างประเทศก็จะดำเนินการได้โดยสะดวก
4. ข้อสรุปและแนวโน้มของสถานการณ์
4.1 ก่อนการเลือกตั้ง
CN ได้กำหนดปฏิทินทางการเมืองโดยมีกำหนดการที่สำคัญดังนี้
วันที่ 7 พฤษภาคม เริ่มต้นการจดทะเบียนพรรคการเมืองและผู้สมัครรับเลือกตั้งอิสระ
วันที่ 24 มิถุนายน
- เป็นวันสุดท้ายของการจดทะเบียนพรรคการเมืองและผู้สมัครรับเลือกตั้งอิสระ
- เจ้าหน้าที่สำรวจข้อมูลประชากร จะส่งมอบข้อมูลประชากรและผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้กับคณะ
กรรมาธิการ การเลือกตั้ง (IEC)
วันที่ 15 กรกฎาคม เป็นวันเริ่มต้นการหาเสียงอย่างเป็นทางการ
วันที่ 28 สิงหาคม เป็นวันสุดท้ายของการหาเสียง
วันที่ 30 สิงหาคม เป็นวันเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ
วันที่ 10 กันยายน เป็นวันประกาศผลการเลือกตั้ง
ในขณะนี้พรรคการเมืองต่าง ๆ เริ่มเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง เช่น การจัดตั้งผู้แทนพรรคประจำพื้นที่ตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน, ตำบล และ อำเภอ เพื่อเป็นผู้นำสมาชิกในพื้นที่ในการหารณรงค์หาเสียงให้กับพรรค รวมทั้งเป็นผู้แทนพรรคในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะพรรค FRETILIN เป็นพรรคที่มีความเคลื่อนไหวมากที่สุด
กลุ่ม CPD-RDTL ยังไม่แสดงท่าทีที่ชัดเจนในการดำเนินการทางการเมืองสำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง จากการที่มีแกนนำบางส่วนของกลุ่มออกมาแสดงความคิดเห็นคัดค้านการเลือกตั้ง แต่ขณะเดียวกันก็มีแกนนำอีกส่วนหนึ่งประกาศจัดตั้งพรรค การเมืองขึ้น เพื่อเข้าร่วมการเลือกตั้งในครั้งนี้ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าเกิดความแตกแยกทางแนวความคิดขึ้นภายในกลุ่ม CPD-RDTL โดยที่ส่วนหนึ่งเห็นว่ากลุ่มของตนอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบ จึงต้องการให้การเลือกตั้งเลื่อนออกไป เพื่อเพิ่มโอกาสในการแสวงหาเสียงสนับสนุน ขณะที่อีกส่วนหนึ่งเห็นว่าการที่จะทำให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไปเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก เนื่องจาก CNRT/CN ได้ประกาศปฏิทินทางการเมืองออกมาแล้ว และพรรคการเมืองส่วนใหญ่ตอบรับ ดังนั้นการที่จะขัดขวางมิให้เกิดการเลือกตั้งขึ้น ย่อมไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ของกลุ่ม CPD-RDTL ซึ่งปัจจุบันก็ถูกมองว่าเป็นกลุ่มอันธพาลมากกว่ากลุ่มการเมือง เนื่องจากมักเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์วุ่นวายและการทะเลาะวิวาทบ่อยครั้ง กลุ่ม CPD-RDTL เปลี่ยนท่าทีที่เคยแข็งกร้าวต่อพรรค FRETILIN ลงอย่างเห็นได้ชัดทั้งจากการที่แกนนำกลุ่มร่วมพบปะ เพื่อสร้างความปรองดองกับพรรค FRETILIN รวมทั้งการประกาศเชิญชวนแกนนำพรรค FRETILIN เข้าร่วมการประชุมใหญ่ของกลุ่มที่ อ. Dili โดยอ้างว่าเพื่อหารือแนวทางการดำเนินการทางการเมือง
อย่างไรก็ตามการดำเนินการดังกล่าวอาจมีความมุ่งหมาย เพียงเพื่อประกาศให้ สาธารณชนรับรู้ว่ากลุ่ม CPD-RDTL คือผู้ก่อตั้งพรรค FRETILIN เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักในความสำคัญของกลุ่ม CPD-RDTL ที่ได้เข้าร่วมต่อสู้จนติมอร์ ตอ.ได้รับเอกราช โดยหวังที่จะได้รับคะแนนนิยมจากประชาชนเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่พรรค FRETILIN ยังคงได้รับการคาดหมายว่าจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงเนื่องจากเป็นพรรคที่มีบทบาทในการเรียกร้องเอกราช เป็นที่รู้จักดีของประชาชน นอกจากนั้นสมาชิก CNRT/CN ส่วนใหญ่ก็เป็นคนของพรรค FRETLIN เกือบทั้งหมด ทำให้พรรค FRETILIN อยู่ในสถานะที่ได้เปรียบพรรคการเมืองอื่น ๆ ดังนั้น เมื่อ CNRT/CN ประกาศปฏิทินการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการขึ้น พรรค FRETILIN จึงตอบสนองทันทีด้วยการกระทำพิธีอันเป็นสัญญาลักษณ์ของการเริ่มต้นหาเสียงในหลาย ๆ พื้นที่ รวมทั้งการคัดเลือกผู้แทนพรรคในแต่ละหมู่บ้าน, ตำบล และอำเภอ เพื่อรณรงค์หาเสียงให้กับพรรค และด้วยความได้เปรียบของพรรค FRETILIN ตามที่กล่าวแล้วทำให้ พรรค FRETILIN ไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะแสวงหาพันธมิตรทางการเมืองแต่อย่างใด
ดังนั้นความขัดแย้งระหว่างพรรค FRETILIN และกลุ่ม CPD RDTL น่าจะยังคงมีอยู่ต่อไป และน่าจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในห้วงการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง
4.2 หลังการเลือกตั้ง
ภายหลังการเลือกตั้งปัญหาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นน่าจะเป็นเป็นปัญหาเกี่ยวกับผู้ที่ไม่ได้รับการเลือกตั้งอาจจะก่อความวุ่นวายขึ้น และอาจมีพรรคการเมืองบางพรรคที่พ่ายแพ้ในการเลือกตั้งไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจจะมีการประท้วงหรืออาจก่อความไม่สงบขึ้นได้
5. กลุ่มอิทธิพล
ส่วนมากจะเป็นอดีตสมาชิกกลุ่มใต้ดิน (Clandestine)ซึ่งเป็นชื่อเรียกรวม ๆ หมายถึงกลุ่มบุคลที่ดำเนินการให้การสนับสนุนกับ กกล.FALINTILในสมัยที่ยังต่อสู้เรียกร้องเอกราชกับทหารอินโดนีเซีย แต่ในปัจจุบันได้หยุดดำเนินการดังกล่าวแล้ว เนื่องจากทหารอินโดนีเซียได้ถอนกำลังออกไป และ กกล. FALINTILนั้น ได้เปลี่ยนไปเป็นกองกำลังป้องกันตนเองติมอร์ ตอ. หรือ FDTL(Forcas Defesa Timor Leste) จึงทำให้การเคลื่อนไหวของกลุ่มลดน้อยลงไปเป็นลำดับ รายชื่อกลุ่มใต้ดินที่สำคัญ คือ
5.1 กลุ่ม Segada Familia เป็นกลุ่มใต้ดินกลุ่มใหญ่ที่มี นาย Cornelio da Gama หรือ Ele Sette เป็นผู้นำ จัดตั้งเมื่อประมาณปี 2537 ในสมัยนั้นมีรายงานว่ามีสมาชิกและแนวร่วมถึงกว่า 4,000 คน ในปัจจุบันยังคงเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลในพื้นที่ภาคตะวันออก และกำลังส่วนหนึ่งเป็นอดีตสมาชิก FALINTIL ที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งบรรจุเข้าเป็นทหารในกองกำลัง FDTL แต่มักจะแต่งกายชุดทหาร(เครื่องแบบของ FALINTIL) เป็นประจำ และบางส่วนเป็นผู้ติดตามของ L7
5.2 กลุ่ม OPJALATIL เป็นกลุ่มที่จัดตั้งขึ้นเมื่อประมาณปี 2536 มีนาย Oriado Vasco อายุ 25 30 ปี เป็นผู้นำปัจจุบันอาศัยอยู่ใน อ.Dili
5.3 กลุ่ม FITUM ก่อตั้งเมื่อปี 2541 มีนาย Amando อายุ 20 ปี เป็นหัวหน้ากลุ่ม
5.4 กลุ่ม OJETIL จัดตั้งเมื่อ 2541มีนาย Liuraitasi อายุ 45 ปี เป็นหัวหน้า อาศัยอยู่ใน อ.Dili
6. ผู้ที่ได้รับคาดหมาย หรือมีแนวโน้มที่จะเป็นผู้นำ
เป็นที่คาดหมายว่าหากนาย Xanana Gusmao ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีน่าจะมีโอกาสมากที่สุดเนื่องจากเป็นบุคคลที่ประชาชนชาวติมอร์ ตอ.ให้ความเคารพศรัทธามากที่สุดและได้รับการยอมรับจากทุกๆ ฝ่าย
...........................................
ข้อมูลโดย พ.ท.สุรชัย เชยกลิ่น